เเค่หัวกระทู้ก็เศร้าเเล้ว จะพยายามเล่าให้เข้าถึงอรรถรสนะครับ......
แนะนำตัวหน่อยชื่อ จขกท ชื่อ ต้าครับ หน้าตาพอไปวัดไปวาไม่เลวไม่ดีจนเกินไป นิสัยก็ปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เหล้าไม่สูบ บุหรี่ไม่กิน 555
คนที่ผมไปชอบชื่อ .....ให้นามสมมุติว่า กุล เเล้วกันนะครับ
มาเริ่มเรื่องได้เเล้ว
เรื่องมันเริ่มต้นตอน ม ต้นช่วงปิดเทอม มอสอง เป็นช่วงที่ผมเริ่มรู้สึกชอบกุลเเต่ยังไม่ถึงขั้นเเบบหลงไหลอะไร เพราะด้วยความที่เป็นเด็กด้วยมั้งเลยไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนั้นเเทบจะไม่สนิทกันเลย ไม่ได้คุย ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยสักนิดเหมือนต่างคนต่างมาเรียนแต่ผมชอบกุลตรงที่กุลเขาเป็นเด็กเรียนเก่งเเถมหน้าตาน่ารักด้วย นิสัยก็ดีนะ ติดขี้บ่นไปหน่อยเเค่นั้นเเละ อันนี้ผมรับได้ แต่ตอนนั้นด้วยความที่ยังเป็นเด็กเเละก็ความรู้สึกยังไม่ได้มากมายอะไรก็เลยไม่ได้บอกความในใจไป....เก็บความรู้สึกตัวเอง จนทนไม่ไหวเลยบอกไป.....จำได้ลางว่าบอกไปตอนมอสามปลายๆ มั้ง ตอนนั้นก็ดีครับเหมือนเขาก็รับฟังมีตอบว่า เขิน ด้วย คิดในใจ.....มีใจให้กูเเล้วววว ! (มโนระดับสิบ)
บอกตรงๆเลยนะตอนที่บอกไปตอนนั้นไม่รู้ว่าเขามีเเฟนเเล้ว จนเพื่อนมาบอกว่าเขามีเเฟนอยู่เเล้ว (เเฟนเขาตอนนี้ทำงานเป็น ทหารเรือครับ) ตอนนั้นบอกเลย จุก ! แต่เก็บอาการ...เเล้วผมก็เฉยๆเลยครับตั้งแต่นั้นมาเหมือนว่าเขามีเจ้าของเเล้ว....เราไม่อยากยุ่งเงียบๆกันไปเป็นปีๆครับ ไอ้ที่บอกว่ารักไปตอนนั้นทำเป็นจำไมได้เเล้วดำเนินชีวิตปกติ จริงๆเเล้วผมก็ดูเขาอยู่ตลอดเเค่เขาไม่รู้ ผมทำเป็นเหมือนไม่สนใจเเต่ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาผม เเฟนเขาก็มาหาตอนพักเที่ยงบ้าง....ผมก็เเกล้งทำไม่เห็นเดินผ่านไปเลยมุ่งหน้าขึ้นอาคารเรียนแบบไม่สนใจกุลเลย แต่ในใจนี่แบบ....พัง.
ผมก็เงียบๆไปไม่ได้เข้าใกล้หรือจีบเเต่อย่างใด.....ผ่านไปสองปีไวเหมือนจรวด..
จุดเริ่มต้นความรักครั้งนี้เริ่มอีกครั้ง
เขาได้ชวนผมเเละเพื่อน ไปบ้านเขาเพราะเขาจัดงานวันเกิดไปกันประมาณ สิบคน ....ผมตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรเลย โชคดีจังวันงานเเฟนเขาไม่มาเลยไม่ค่อยอึดอัดที่จะพูดอะไรกับกุล ....งานที่จัดก็จะเป็นงานเล็กไม่ได้ใหญ่โตเหมือนจัดเเค่เพื่อนเเล้วทำอาหารเเจกเพื่อนข้างบ้านอะไรงี้ มีร้องคาราโอเกะ ของกินที่กินกันก็จะหมูกระทะครับ เเละก็เค้กบานตะไท ระหว่างที่กินที่ร้องเพลงกัน....ผมก็ชำเหลืองมองกุลตลอด มีบ้างทีกุลหันมาสบตา ปิ๊งๆ 55
ความรู้สึกตอนมองตานี้แบบไปเกินเพื่อนละ ....จนจบงานผมก็เข้าไปล้างจานกุลก็เข้ามาล้างด้วยจังหวะประจวบเหมาะอยู่ด้วยกันสองคน พูดคุยกันสนุกสนานเลย จนความรู้สึกผมนี่ไปละ รักทั้งตัวเเละหัวใจ คืนนั้นผมก็เลยตัดสินใจนอนบ้านกุลเลยเพราะมันดึกมากเเล้วประกอบกับวันรุ่งขึ้นมีการเเข่งขันวิชาการด้วย กลับบ้านไม่ได้เเน่เพราะบ้านผมกับกุลค่อนข้างห่างกันหลายกิโล...แต่นอนกันหลายคนนะ ผมไม่ได้คิดเรื่องเพศสัมพันธ์ (ถือคติที่ว่า รักไม่ได้จบที่ Yes )
วันรุ่งขึ้นเขาก็มาส่ง ....ถัดจากนั้นมาเราก็คุยกันทุกวันเลย คุยกันแบบน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง ....จนผมทนไม่ไหวเลยบอกรักกุลไปอีกรอบเเต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนครับ มันรู้สึกดีกว่า เพราะไม่ได้ห่างกันคุยกันได้ปกติ เเถมสนิทกว่าเดิม จากที่ไม่เคยถูกตัวก็มีเล่นหัวบ้าง อะไรบ้าง.....จนมีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่เเชทผ่านเฟสบุคอยู่ๆกุลก็ทักมาบอกว่า " ห่างกันหน่อยดีมั้ย ? กุลบอกเขาหวั่นไหวครับอันนี้ผมไม่รู้ว่าไปทำให้เขาหวั่นไหวตอนไหน... บอกอีกว่า ถ้าตอนนี้มีหนึ่งร้อยเราให้ต้าไปเเล้วครึ่งหนึ่ง....เรากลัวว่าวันหนึ่งถ้าเราให้ต้าหนึ่งร้อยเรากับเเฟนจะเป็นอย่างไง "ใจหนึ่งก็รู้สึกดีนะ แต่อีกอันหนึ่งก็รู้สึกผมก็เลยถามกุลว่าตกลงเราจะเลิกคุยกันใช่มั้ย ? ก็เงียบกันไปสักพักใหญ่....กุลก็เลยบอกว่างั้นเราอยู่ในโลกของเราได้มั้ย ? อยู่ในโลกที่มีเเค่สองเราไม่ต้องสนใจคนภายนอก ผมก็ตอบตกลงกุลไปครับ ด้วยที่รักกุลมากเเละไม่อยากให้หายไปถึงจะเป็นรองเเฟนกุลเขาก็เถอะ แล้วเขาก็แอบไปบอกเพื่อนผมว่าเขาก็รักผมเพื่อนผมก็อัดเสียงมาให้ฟังเลย ....เอาสิรู้สึกดีไปกันใหญ่
....เราคุยกันเรื่อยๆ ครับ หวานบ้างหยอดบ้าง...แอบมีคุยเรื่องสินสอดงานเเต่งด้วยนะ 555 แบบกะเเต่งกันเลย
เรื่องเหมือนจะดีใช่มั้ยครับ ? มาต่อๆ
มีอยู่วันหนึ่งครับระหว่างคุยผมถามกุลว่า ถ้าหาหลักฐานว่าเเฟนกุลมีคนอื่นกุลจะเลิกมั้ย?....กุลก็บอกจะเลิกครับ ที่ผมถามยังงี้เพราะผมมั่นใจเพราะเเฟนกุลเขาเจ้าชู้ครับ....ผมไม่อยากให้กุลเขามีเเฟนแบบนี้.
ผมดันด้นหาหลักฐานจนเจอครับ ...ว่าเเฟนกุลเขาเจ้าชู้จริงๆ มีนัดเจอกันเลยด้วยซ้ำ....ผมเลยเอาไปให้กุลดู..ผมเห็นหน้ากุลค่อนข้างเศร้า ตอนนั้นผมก็ใจเสียไปเลยครับว่านี้กูทำผิดทำถูกวะเนี่ย. แต่กุลเขาทำตามสัญญาครับ เขาก็เลิกกับเเฟนเขาเลย แต่เเฟนกุลก็ยังมาป่วนเปียนหน้าวอลกุลตลอด คอยโทรมาง้อตลอด ในระหว่างที่กุลเลิกกับเเฟน กุลเขาก็โทรมาหาตลอด (โทรมาร้องให้) ....
กุลพูดมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมจุกเเละพูดไม่ออก กุลบอกว่า.....เขาขาดเเฟนเขาไม่ได้..จังหวะทำอะไรไม่ได้ผมก็ร้องให้เลยครับ ผมก็ถามย้ำเขาเเล้วที่พูดไว้ละ เเล้วที่เขาทำมาทั้งหมดละ กุลไม่เคยสนใจเลยใช่ไหม ? เหมือนเขาไม่สนใจอะไรผมเลยครับ..เขาจ้องเเต่จะกลับไปดีกับเเฟนเขา
สุดท้ายเขาก็กลับไปดีกับเเฟนเขา....บอกเลยผมไม่ไหวครับ ณ ตอนนั้นเหมือนมันพัง มืดแปดทิศ จะทำยังไงดีจะปล่อยได้ยังไงเรารักมากขนาดนี้.....
แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยเขาไป จำได้ว่าตอนนั้นไม่พูดไม่จากับใครเลยเป็นอาทิตย์ๆ รวมทั้งพ่อแม่ด้วย.....
ไม่ได้คุยกันเกือบสองอาทิตย์เขาก็ทักมาเรื่อยๆผมก็คุยกับเขาปกติก็ตัดใจไม่ได้นี่หว่า รักไปขนาดนั้นเเล้ว ขอเเค่ได้คุยเพื่อนหลายคนก็บอกว่า เราโง่
ก็โง่จริงๆนั้นเเหละ ยอมโง่ ...........
#ใกล้ถึงตอนจบละ
แต่ระหว่างที่คุยกันผมกับกุลก็ทะเลาะกันบ่อยนะ แบบเงียบๆกันไปไม่คุยกัน....พลัดกันง้อ จนเมื่อไม่กี่วันมานี่เราก็เงียบกันไป จนผมขอเขาเป็นเพื่อน เขาก็ตอบตกลงผมก็พูดไปงั้นเเละครับทั้งที่ในใจยังรักเขาอยู่...แค่อยากคุยต่อไปก็เท่านั้นเองเเค่เพือนก็ยังดี จนทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิมกันเเล้ว มีคุยบ้างนิดหน่อยเหมือนจะกลับไปเป็นตอน มอหนึ่งที่ไมได้คุยกันเลยอ่ะ TT ผมยินดีเห็นเขามีเเฟนเเล้วเขามีความสุขดีกว่าอยู่กับผมเเล้วไม่มีความสุข
#คำถาม ?
อยากถามว่าถ้าเราต้องเจอคนที่เรารักมากมายขนาดนั้นเเล้วต้องเป็นเพื่อนกันจะทำยังไง เจอกันทุกวันจะตัดใจยังไง ?
ชอบเพื่อนตัวเองแถมมีเเฟนเเล้ว....TT
แนะนำตัวหน่อยชื่อ จขกท ชื่อ ต้าครับ หน้าตาพอไปวัดไปวาไม่เลวไม่ดีจนเกินไป นิสัยก็ปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป เหล้าไม่สูบ บุหรี่ไม่กิน 555
คนที่ผมไปชอบชื่อ .....ให้นามสมมุติว่า กุล เเล้วกันนะครับ
มาเริ่มเรื่องได้เเล้ว
เรื่องมันเริ่มต้นตอน ม ต้นช่วงปิดเทอม มอสอง เป็นช่วงที่ผมเริ่มรู้สึกชอบกุลเเต่ยังไม่ถึงขั้นเเบบหลงไหลอะไร เพราะด้วยความที่เป็นเด็กด้วยมั้งเลยไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนั้นเเทบจะไม่สนิทกันเลย ไม่ได้คุย ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยสักนิดเหมือนต่างคนต่างมาเรียนแต่ผมชอบกุลตรงที่กุลเขาเป็นเด็กเรียนเก่งเเถมหน้าตาน่ารักด้วย นิสัยก็ดีนะ ติดขี้บ่นไปหน่อยเเค่นั้นเเละ อันนี้ผมรับได้ แต่ตอนนั้นด้วยความที่ยังเป็นเด็กเเละก็ความรู้สึกยังไม่ได้มากมายอะไรก็เลยไม่ได้บอกความในใจไป....เก็บความรู้สึกตัวเอง จนทนไม่ไหวเลยบอกไป.....จำได้ลางว่าบอกไปตอนมอสามปลายๆ มั้ง ตอนนั้นก็ดีครับเหมือนเขาก็รับฟังมีตอบว่า เขิน ด้วย คิดในใจ.....มีใจให้กูเเล้วววว ! (มโนระดับสิบ)
บอกตรงๆเลยนะตอนที่บอกไปตอนนั้นไม่รู้ว่าเขามีเเฟนเเล้ว จนเพื่อนมาบอกว่าเขามีเเฟนอยู่เเล้ว (เเฟนเขาตอนนี้ทำงานเป็น ทหารเรือครับ) ตอนนั้นบอกเลย จุก ! แต่เก็บอาการ...เเล้วผมก็เฉยๆเลยครับตั้งแต่นั้นมาเหมือนว่าเขามีเจ้าของเเล้ว....เราไม่อยากยุ่งเงียบๆกันไปเป็นปีๆครับ ไอ้ที่บอกว่ารักไปตอนนั้นทำเป็นจำไมได้เเล้วดำเนินชีวิตปกติ จริงๆเเล้วผมก็ดูเขาอยู่ตลอดเเค่เขาไม่รู้ ผมทำเป็นเหมือนไม่สนใจเเต่ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาผม เเฟนเขาก็มาหาตอนพักเที่ยงบ้าง....ผมก็เเกล้งทำไม่เห็นเดินผ่านไปเลยมุ่งหน้าขึ้นอาคารเรียนแบบไม่สนใจกุลเลย แต่ในใจนี่แบบ....พัง.
ผมก็เงียบๆไปไม่ได้เข้าใกล้หรือจีบเเต่อย่างใด.....ผ่านไปสองปีไวเหมือนจรวด..
จุดเริ่มต้นความรักครั้งนี้เริ่มอีกครั้ง
เขาได้ชวนผมเเละเพื่อน ไปบ้านเขาเพราะเขาจัดงานวันเกิดไปกันประมาณ สิบคน ....ผมตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรเลย โชคดีจังวันงานเเฟนเขาไม่มาเลยไม่ค่อยอึดอัดที่จะพูดอะไรกับกุล ....งานที่จัดก็จะเป็นงานเล็กไม่ได้ใหญ่โตเหมือนจัดเเค่เพื่อนเเล้วทำอาหารเเจกเพื่อนข้างบ้านอะไรงี้ มีร้องคาราโอเกะ ของกินที่กินกันก็จะหมูกระทะครับ เเละก็เค้กบานตะไท ระหว่างที่กินที่ร้องเพลงกัน....ผมก็ชำเหลืองมองกุลตลอด มีบ้างทีกุลหันมาสบตา ปิ๊งๆ 55
ความรู้สึกตอนมองตานี้แบบไปเกินเพื่อนละ ....จนจบงานผมก็เข้าไปล้างจานกุลก็เข้ามาล้างด้วยจังหวะประจวบเหมาะอยู่ด้วยกันสองคน พูดคุยกันสนุกสนานเลย จนความรู้สึกผมนี่ไปละ รักทั้งตัวเเละหัวใจ คืนนั้นผมก็เลยตัดสินใจนอนบ้านกุลเลยเพราะมันดึกมากเเล้วประกอบกับวันรุ่งขึ้นมีการเเข่งขันวิชาการด้วย กลับบ้านไม่ได้เเน่เพราะบ้านผมกับกุลค่อนข้างห่างกันหลายกิโล...แต่นอนกันหลายคนนะ ผมไม่ได้คิดเรื่องเพศสัมพันธ์ (ถือคติที่ว่า รักไม่ได้จบที่ Yes )
วันรุ่งขึ้นเขาก็มาส่ง ....ถัดจากนั้นมาเราก็คุยกันทุกวันเลย คุยกันแบบน่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง ....จนผมทนไม่ไหวเลยบอกรักกุลไปอีกรอบเเต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนครับ มันรู้สึกดีกว่า เพราะไม่ได้ห่างกันคุยกันได้ปกติ เเถมสนิทกว่าเดิม จากที่ไม่เคยถูกตัวก็มีเล่นหัวบ้าง อะไรบ้าง.....จนมีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่เเชทผ่านเฟสบุคอยู่ๆกุลก็ทักมาบอกว่า " ห่างกันหน่อยดีมั้ย ? กุลบอกเขาหวั่นไหวครับอันนี้ผมไม่รู้ว่าไปทำให้เขาหวั่นไหวตอนไหน... บอกอีกว่า ถ้าตอนนี้มีหนึ่งร้อยเราให้ต้าไปเเล้วครึ่งหนึ่ง....เรากลัวว่าวันหนึ่งถ้าเราให้ต้าหนึ่งร้อยเรากับเเฟนจะเป็นอย่างไง "ใจหนึ่งก็รู้สึกดีนะ แต่อีกอันหนึ่งก็รู้สึกผมก็เลยถามกุลว่าตกลงเราจะเลิกคุยกันใช่มั้ย ? ก็เงียบกันไปสักพักใหญ่....กุลก็เลยบอกว่างั้นเราอยู่ในโลกของเราได้มั้ย ? อยู่ในโลกที่มีเเค่สองเราไม่ต้องสนใจคนภายนอก ผมก็ตอบตกลงกุลไปครับ ด้วยที่รักกุลมากเเละไม่อยากให้หายไปถึงจะเป็นรองเเฟนกุลเขาก็เถอะ แล้วเขาก็แอบไปบอกเพื่อนผมว่าเขาก็รักผมเพื่อนผมก็อัดเสียงมาให้ฟังเลย ....เอาสิรู้สึกดีไปกันใหญ่
....เราคุยกันเรื่อยๆ ครับ หวานบ้างหยอดบ้าง...แอบมีคุยเรื่องสินสอดงานเเต่งด้วยนะ 555 แบบกะเเต่งกันเลย
เรื่องเหมือนจะดีใช่มั้ยครับ ? มาต่อๆ
มีอยู่วันหนึ่งครับระหว่างคุยผมถามกุลว่า ถ้าหาหลักฐานว่าเเฟนกุลมีคนอื่นกุลจะเลิกมั้ย?....กุลก็บอกจะเลิกครับ ที่ผมถามยังงี้เพราะผมมั่นใจเพราะเเฟนกุลเขาเจ้าชู้ครับ....ผมไม่อยากให้กุลเขามีเเฟนแบบนี้.
ผมดันด้นหาหลักฐานจนเจอครับ ...ว่าเเฟนกุลเขาเจ้าชู้จริงๆ มีนัดเจอกันเลยด้วยซ้ำ....ผมเลยเอาไปให้กุลดู..ผมเห็นหน้ากุลค่อนข้างเศร้า ตอนนั้นผมก็ใจเสียไปเลยครับว่านี้กูทำผิดทำถูกวะเนี่ย. แต่กุลเขาทำตามสัญญาครับ เขาก็เลิกกับเเฟนเขาเลย แต่เเฟนกุลก็ยังมาป่วนเปียนหน้าวอลกุลตลอด คอยโทรมาง้อตลอด ในระหว่างที่กุลเลิกกับเเฟน กุลเขาก็โทรมาหาตลอด (โทรมาร้องให้) ....
กุลพูดมาประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมจุกเเละพูดไม่ออก กุลบอกว่า.....เขาขาดเเฟนเขาไม่ได้..จังหวะทำอะไรไม่ได้ผมก็ร้องให้เลยครับ ผมก็ถามย้ำเขาเเล้วที่พูดไว้ละ เเล้วที่เขาทำมาทั้งหมดละ กุลไม่เคยสนใจเลยใช่ไหม ? เหมือนเขาไม่สนใจอะไรผมเลยครับ..เขาจ้องเเต่จะกลับไปดีกับเเฟนเขา
สุดท้ายเขาก็กลับไปดีกับเเฟนเขา....บอกเลยผมไม่ไหวครับ ณ ตอนนั้นเหมือนมันพัง มืดแปดทิศ จะทำยังไงดีจะปล่อยได้ยังไงเรารักมากขนาดนี้.....
แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยเขาไป จำได้ว่าตอนนั้นไม่พูดไม่จากับใครเลยเป็นอาทิตย์ๆ รวมทั้งพ่อแม่ด้วย.....
ไม่ได้คุยกันเกือบสองอาทิตย์เขาก็ทักมาเรื่อยๆผมก็คุยกับเขาปกติก็ตัดใจไม่ได้นี่หว่า รักไปขนาดนั้นเเล้ว ขอเเค่ได้คุยเพื่อนหลายคนก็บอกว่า เราโง่
ก็โง่จริงๆนั้นเเหละ ยอมโง่ ...........
#ใกล้ถึงตอนจบละ
แต่ระหว่างที่คุยกันผมกับกุลก็ทะเลาะกันบ่อยนะ แบบเงียบๆกันไปไม่คุยกัน....พลัดกันง้อ จนเมื่อไม่กี่วันมานี่เราก็เงียบกันไป จนผมขอเขาเป็นเพื่อน เขาก็ตอบตกลงผมก็พูดไปงั้นเเละครับทั้งที่ในใจยังรักเขาอยู่...แค่อยากคุยต่อไปก็เท่านั้นเองเเค่เพือนก็ยังดี จนทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิมกันเเล้ว มีคุยบ้างนิดหน่อยเหมือนจะกลับไปเป็นตอน มอหนึ่งที่ไมได้คุยกันเลยอ่ะ TT ผมยินดีเห็นเขามีเเฟนเเล้วเขามีความสุขดีกว่าอยู่กับผมเเล้วไม่มีความสุข
#คำถาม ?
อยากถามว่าถ้าเราต้องเจอคนที่เรารักมากมายขนาดนั้นเเล้วต้องเป็นเพื่อนกันจะทำยังไง เจอกันทุกวันจะตัดใจยังไง ?