ก่อนอื่นขอบอกว่าน้อยเนื้อต่ำใจในความยากจนและอุปสรรคที่เข้ามาในชิวิตค่ะ แค่อยากระบายว่านี่ระบบการศึกษาไทยมันเป็นถึงขั้นนี้เลยหรือ
ดิฉันเป็นคนจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่างค่ะ แต่มาทำงานบริษัทในจังหวัดที่ติดกับทะเล โดยที่แม่เป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้าที่เป็นคนเลี้ยงพวกเราก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และน้องสาวที่ทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐในจังหวัดหนึ่ง เป็นคนดูแล ดิฉันมีหลาน 2 คน ลูกของน้องสาว ที่ถูกสามีทิ้งไปมีเมียน้อย แต่ยังดีที่ย่าของเด็กสองคนช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการนำหลานทั้งสองไปเลี้ยง จันทร์ ถึง ศุกร์ และจะกลับมาอยู่กับน้องสาว เสาร์ อาทิตย์
เริ่มเรื่องเลยค่ะ เนื่องจากบ้านของเรากำลังจะถูกยึด เพราะสาเหตุมาจากน้องเขยเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารและปล่อยให้หลุด ดิฉันกำลังดำเนินเรื่องกู้ซื้อบ้านคืนมาค่ะ ทำให้เรามีภาระหนักหน่วงจำเป็นต้องใช้เงินอย่างประหยัด เพราะค่าใช้จ่ายแม่กะน้านั้นสูงมากในแต่ละเดือน ตัวน้องสาวได้เงินเดือน หมื่นต้น ๆ ค่ะ ดิฉันได้เงิน หมื่นปลาย ๆ แต่ดิฉันต้องเช่าบ้านอยู่ เสียเดือนละเกือบ 4 พัน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก ทำให้ส่งให้แม่และน้าใช้ได้ เดือนละ 5 พัน น้องสาวมีหนี้สหกรณ์อีก โดนหักเหลือใช้แค่เดือนละ 8 พัน
หลานดิฉันเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่ค่ะ คนโตอายุ 11 ขวบ คนเล็ก 10 ขวบ คนโตมีนิสัยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หรือเรียกว่า สมาธิสั้น ค่ะ ส่วนคนเล็ก ฉลาดมาก ขี้อ้อน ขี้ประจบ เอาตัวรอดได้เก่งมากสังเกตจากหลายเหตุการณ์ น้องสาวได้โทรมาขอเงินดิฉันเพิ่มบอกว่าหลานต้องเรียนพิเศษนะ ครูคิดเดือนละ 1500 บาทต่อคนต่อเดือน 2 คนก็เดือนละ 3000 ดิฉันก็บอกว่าเยอะนะสำหรับโรงเรียนรัฐบาลขนาดเอกชลที่นี่ยังเดือนละ 800 เลย น้องบอกว่าตอนนี้ขอผลัดครูไปก่อนแล้วว่ายังไม่มีเงินให้ลูกเรียนพิเศษ (เนื่องจากหลานได้เอาหนังสือมาให้ผู้ปกครองเซ็นต์รับทราบพร้อมทั้งขอให้จ่ายเงินค่ะ) ดิฉันก็บอกไปว่า "ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือนโอนเงินให้นะ"
วันนี้ 17 มิย น้องสาวโทรมาหาตอน สี่โมงเย็นบอกว่าหลานคนเล็กหายไป ย่าไปรับที่โรงเรียนไม่เจอ เจอแต่หลานคนโต ซึ่งไม่รู้ว่าน้องไปไหน ให้โรงเรียนประกาศหาตั้งแต่ บ่ายสามโรงเรียนเลิกยังไม่เจอตัวเลย ดิฉันก็ร้อนใจมาก จนกระทั่ง 5 โมงเย็น น้องสาวโทรมาบอกว่าเจอตัวแล้ว ดิฉันถามว่าหลานไปไหนและนี่คือสิ่งที่ทำให้น้ำตาดิฉันไหลทันที
หลานบอกว่า หนูไปเรียนพิเศษมา โดยไม่บอกให้ที่บ้านรู้กลัวแม่ว่า กลัวย่าว่า เพราะว่าแม่บอกว่าให้เรียนต้นเดือนหน้า แต่หนูทำการบ้านไม่ได้ ครูสั่งการบ้านแล้วบอกว่าไปเฉลยตอนเย็นตอนเรียนพิเศษ คนที่ไม่ได้เรียนก็คือจะไม่รู้วิธีการคิดการบ้านนั้น ๆ หนูโดนครูดุว่าทำการบ้านไม่ได้ (หลานอยู่กับย่าซึ่งมีหลานคนอื่น ๆ อีกนับรวม 6 คนค่ะ เปิดร้านซ่อมรถยนต์ค่ะ) ไม่มีใครสอนการบ้าน น้องสาวถามว่า แล้วเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียนพิเศษ
หลานบอกว่า หนูเก็บเงินที่ย่าให้ไว้กินขนมวันละ 20 บาท และที่แม่ให้ไว้อีก รวม ๆ แล้วหนูก็เอาไปให้ครู บอกว่าหนูมีเท่านี้ (320 บาท) ครูให้เรียนได้กี่วัน ครูบอกว่าวันละ 50 บาท ชม.ครึ่งต่อวัน ค่ะ หลายเลยได้เรียนวันนี้เป็นวันแรก แต่ไม่บอกใครกลัวโดนว่า เพราะรู้ว่าแม่ไม่มีเงิน ตอนเลิกเรียนเสร็จก็เดินไปโรงเรียนกับครูเพื่อไปเรียนพิเศษที่บ้านครู ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียน เรียนเสร็จก็เดินกลับมาคนเดียวค่ะ
มาถึงตอนนี้พอน้องสาวเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์จบ ดิฉันขอเบอร์คุณครู พร้อมโทรไปทันทีว่า ขอบคุณมากที่ให้หลานดิฉันได้เรียนพิเศษเพื่อทำการบ้าน พร้อมทั้งฝากช่วยดูแล และดิฉันจะรีบโอนเงินค่าเรียนพิเศษให้หลานดิฉันทันทีในวันพรุ่งนี้ค่ะ ครูเลยแจ้งค่าเรียนพิเศษพร้อมค่ะ คิดถึงสิ้นเดือนนี้มิ.ย. คิดหลานคนเล็กคนเดียว เพราะคนโตไม่เรียน 1 พันบาท พร้อมทั้งบอกว่าสิ้นเดือนขอจ่ายล่วงหน้าเดือนหน้าด้วยค่ะ ดิฉันรับทราบพร้อมทั้งขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง
วายสายโทรศัพท์ดิฉันโทรหาหลานคนเด็กที่เบอร์โทรศัพท์ย่าเค้า เนื่องจากยังไม่มีโทรศัพท์ให้หลานใช้ คุยกับหลานว่าเป็นอย่างไรบ้างเรียนพิเศษ หลานบอกว่าครูสอนให้ทำการบ้าน ฉันถามว่าเหมือนที่เรียนในโรงเรียนไหม หลานบอกว่าไม่เหมือน สอนรู้เรื่องกว่า เข้าใจง่ายกว่า ทั้งที่ครูคนเดียวกัน และบทเรียนก็บทเรียนเดียวกัน หลานบอกว่าป้าหนูไม่อยากโดนเพื่อนล้อเพราะไม่ได้เรียนพิเศษ ไม่อยากโดนครูดุเพราะทำการบ้านไม่ได้ หนูเกลียดตัวเองที่โง่ และประโยคกินใจค่ะ "หนูอยากเรียนพิเศษ" ดิฉันบอกหลานว่าไม่เป็นไรป้าไม่ว่า ตั้งใจเรียนนะลูก ป้าจะโอนเงินให้ครูพรุ่งนี้ หนูได้เรียนพิเศษแน่ ๆ แล้วดิฉันก็คุยเล่นกับหลานอีกเล็กน้อยบอกว่าจะพามาเที่ยวทะเลที่ป้าทำงานนะ ปิดเทอม ตั้งใจเรียนนะลูก และให้หลานอดทนเป็นเด็กดีแล้ววางสายจากหลาน
ตลอดเวลาที่คุยกับหลาน ดิฉันน้ำตาไหลตลอด กลั้นเสียงปั้นคำพูดล้อ พูดเล่นกับหลาน แต่ในใจเสียใจมาก น้อยใจที่ยากจน แม้กระทั่งเงินที่สำหรับคนอื่นว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังไม่มีให้หลานไปเรียนพิเศษ เป็นห่วงอนาคตหลาน จะทำอย่างไรถ้าไม่มีเงินส่งให้เรียนพิเศษอีก ในเดือนถัด ๆ ไป เพราะเราต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยบ้านเดือนละเกือบหมื่น
ดิฉันเติบโตมาในยุคที่ การเรียนพิเศษไม่ได้แพร่หลาย ใครจะเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ ไม่มีผลเท่าไหร่ บ้านดิฉันมีฐานะค่อนข้างยากจน ก็ไม่ได้เรียนค่ะ เรียนแค่ที่สอนอยู่ในห้องเรียนปกติ มาตลอด
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้เขียนมานี้ ดิฉันพยายามคิดโทษตัวเองว่าอยากจนทำไมหล่ะ พยายามไม่โทษการศึกษาไทยเลยจริง ๆ ค่ะ !!!!!
ปล.แค่บ่นเพื่อระบายค่ะ
น้ำตาฉันไหล เมื่อรู้ว่าหลานหนีไป "เรียนพิเศษ"
ดิฉันเป็นคนจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่างค่ะ แต่มาทำงานบริษัทในจังหวัดที่ติดกับทะเล โดยที่แม่เป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ น้าที่เป็นคนเลี้ยงพวกเราก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และน้องสาวที่ทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐในจังหวัดหนึ่ง เป็นคนดูแล ดิฉันมีหลาน 2 คน ลูกของน้องสาว ที่ถูกสามีทิ้งไปมีเมียน้อย แต่ยังดีที่ย่าของเด็กสองคนช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการนำหลานทั้งสองไปเลี้ยง จันทร์ ถึง ศุกร์ และจะกลับมาอยู่กับน้องสาว เสาร์ อาทิตย์
เริ่มเรื่องเลยค่ะ เนื่องจากบ้านของเรากำลังจะถูกยึด เพราะสาเหตุมาจากน้องเขยเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารและปล่อยให้หลุด ดิฉันกำลังดำเนินเรื่องกู้ซื้อบ้านคืนมาค่ะ ทำให้เรามีภาระหนักหน่วงจำเป็นต้องใช้เงินอย่างประหยัด เพราะค่าใช้จ่ายแม่กะน้านั้นสูงมากในแต่ละเดือน ตัวน้องสาวได้เงินเดือน หมื่นต้น ๆ ค่ะ ดิฉันได้เงิน หมื่นปลาย ๆ แต่ดิฉันต้องเช่าบ้านอยู่ เสียเดือนละเกือบ 4 พัน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก ทำให้ส่งให้แม่และน้าใช้ได้ เดือนละ 5 พัน น้องสาวมีหนี้สหกรณ์อีก โดนหักเหลือใช้แค่เดือนละ 8 พัน
หลานดิฉันเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่ค่ะ คนโตอายุ 11 ขวบ คนเล็ก 10 ขวบ คนโตมีนิสัยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หรือเรียกว่า สมาธิสั้น ค่ะ ส่วนคนเล็ก ฉลาดมาก ขี้อ้อน ขี้ประจบ เอาตัวรอดได้เก่งมากสังเกตจากหลายเหตุการณ์ น้องสาวได้โทรมาขอเงินดิฉันเพิ่มบอกว่าหลานต้องเรียนพิเศษนะ ครูคิดเดือนละ 1500 บาทต่อคนต่อเดือน 2 คนก็เดือนละ 3000 ดิฉันก็บอกว่าเยอะนะสำหรับโรงเรียนรัฐบาลขนาดเอกชลที่นี่ยังเดือนละ 800 เลย น้องบอกว่าตอนนี้ขอผลัดครูไปก่อนแล้วว่ายังไม่มีเงินให้ลูกเรียนพิเศษ (เนื่องจากหลานได้เอาหนังสือมาให้ผู้ปกครองเซ็นต์รับทราบพร้อมทั้งขอให้จ่ายเงินค่ะ) ดิฉันก็บอกไปว่า "ได้ เดี๋ยวสิ้นเดือนโอนเงินให้นะ"
วันนี้ 17 มิย น้องสาวโทรมาหาตอน สี่โมงเย็นบอกว่าหลานคนเล็กหายไป ย่าไปรับที่โรงเรียนไม่เจอ เจอแต่หลานคนโต ซึ่งไม่รู้ว่าน้องไปไหน ให้โรงเรียนประกาศหาตั้งแต่ บ่ายสามโรงเรียนเลิกยังไม่เจอตัวเลย ดิฉันก็ร้อนใจมาก จนกระทั่ง 5 โมงเย็น น้องสาวโทรมาบอกว่าเจอตัวแล้ว ดิฉันถามว่าหลานไปไหนและนี่คือสิ่งที่ทำให้น้ำตาดิฉันไหลทันที
หลานบอกว่า หนูไปเรียนพิเศษมา โดยไม่บอกให้ที่บ้านรู้กลัวแม่ว่า กลัวย่าว่า เพราะว่าแม่บอกว่าให้เรียนต้นเดือนหน้า แต่หนูทำการบ้านไม่ได้ ครูสั่งการบ้านแล้วบอกว่าไปเฉลยตอนเย็นตอนเรียนพิเศษ คนที่ไม่ได้เรียนก็คือจะไม่รู้วิธีการคิดการบ้านนั้น ๆ หนูโดนครูดุว่าทำการบ้านไม่ได้ (หลานอยู่กับย่าซึ่งมีหลานคนอื่น ๆ อีกนับรวม 6 คนค่ะ เปิดร้านซ่อมรถยนต์ค่ะ) ไม่มีใครสอนการบ้าน น้องสาวถามว่า แล้วเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียนพิเศษ
หลานบอกว่า หนูเก็บเงินที่ย่าให้ไว้กินขนมวันละ 20 บาท และที่แม่ให้ไว้อีก รวม ๆ แล้วหนูก็เอาไปให้ครู บอกว่าหนูมีเท่านี้ (320 บาท) ครูให้เรียนได้กี่วัน ครูบอกว่าวันละ 50 บาท ชม.ครึ่งต่อวัน ค่ะ หลายเลยได้เรียนวันนี้เป็นวันแรก แต่ไม่บอกใครกลัวโดนว่า เพราะรู้ว่าแม่ไม่มีเงิน ตอนเลิกเรียนเสร็จก็เดินไปโรงเรียนกับครูเพื่อไปเรียนพิเศษที่บ้านครู ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียน เรียนเสร็จก็เดินกลับมาคนเดียวค่ะ
มาถึงตอนนี้พอน้องสาวเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์จบ ดิฉันขอเบอร์คุณครู พร้อมโทรไปทันทีว่า ขอบคุณมากที่ให้หลานดิฉันได้เรียนพิเศษเพื่อทำการบ้าน พร้อมทั้งฝากช่วยดูแล และดิฉันจะรีบโอนเงินค่าเรียนพิเศษให้หลานดิฉันทันทีในวันพรุ่งนี้ค่ะ ครูเลยแจ้งค่าเรียนพิเศษพร้อมค่ะ คิดถึงสิ้นเดือนนี้มิ.ย. คิดหลานคนเล็กคนเดียว เพราะคนโตไม่เรียน 1 พันบาท พร้อมทั้งบอกว่าสิ้นเดือนขอจ่ายล่วงหน้าเดือนหน้าด้วยค่ะ ดิฉันรับทราบพร้อมทั้งขอบคุณอีกครั้งหนึ่ง
วายสายโทรศัพท์ดิฉันโทรหาหลานคนเด็กที่เบอร์โทรศัพท์ย่าเค้า เนื่องจากยังไม่มีโทรศัพท์ให้หลานใช้ คุยกับหลานว่าเป็นอย่างไรบ้างเรียนพิเศษ หลานบอกว่าครูสอนให้ทำการบ้าน ฉันถามว่าเหมือนที่เรียนในโรงเรียนไหม หลานบอกว่าไม่เหมือน สอนรู้เรื่องกว่า เข้าใจง่ายกว่า ทั้งที่ครูคนเดียวกัน และบทเรียนก็บทเรียนเดียวกัน หลานบอกว่าป้าหนูไม่อยากโดนเพื่อนล้อเพราะไม่ได้เรียนพิเศษ ไม่อยากโดนครูดุเพราะทำการบ้านไม่ได้ หนูเกลียดตัวเองที่โง่ และประโยคกินใจค่ะ "หนูอยากเรียนพิเศษ" ดิฉันบอกหลานว่าไม่เป็นไรป้าไม่ว่า ตั้งใจเรียนนะลูก ป้าจะโอนเงินให้ครูพรุ่งนี้ หนูได้เรียนพิเศษแน่ ๆ แล้วดิฉันก็คุยเล่นกับหลานอีกเล็กน้อยบอกว่าจะพามาเที่ยวทะเลที่ป้าทำงานนะ ปิดเทอม ตั้งใจเรียนนะลูก และให้หลานอดทนเป็นเด็กดีแล้ววางสายจากหลาน
ตลอดเวลาที่คุยกับหลาน ดิฉันน้ำตาไหลตลอด กลั้นเสียงปั้นคำพูดล้อ พูดเล่นกับหลาน แต่ในใจเสียใจมาก น้อยใจที่ยากจน แม้กระทั่งเงินที่สำหรับคนอื่นว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังไม่มีให้หลานไปเรียนพิเศษ เป็นห่วงอนาคตหลาน จะทำอย่างไรถ้าไม่มีเงินส่งให้เรียนพิเศษอีก ในเดือนถัด ๆ ไป เพราะเราต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยบ้านเดือนละเกือบหมื่น
ดิฉันเติบโตมาในยุคที่ การเรียนพิเศษไม่ได้แพร่หลาย ใครจะเรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ ไม่มีผลเท่าไหร่ บ้านดิฉันมีฐานะค่อนข้างยากจน ก็ไม่ได้เรียนค่ะ เรียนแค่ที่สอนอยู่ในห้องเรียนปกติ มาตลอด
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้เขียนมานี้ ดิฉันพยายามคิดโทษตัวเองว่าอยากจนทำไมหล่ะ พยายามไม่โทษการศึกษาไทยเลยจริง ๆ ค่ะ !!!!!
ปล.แค่บ่นเพื่อระบายค่ะ