สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราเอง เห็นหลายๆคนลงรีวิววังเวียงสวยๆเยอะมากเลย แถมมีการลงค่าใช้จ่ายที่สุดแสนจะประหยัดไว้ให้ได้อ่านกันเพลินๆ
เห็นแล้วก็อยากจะมีกระทู้เล็กๆเป็นของตัวเองบ้าง แฮร่
วันที่เราไปวังเวียงกัน ตรงกับวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก พอดีเลย <3 เลยพาทุกคนมาอินเลิฟกันที่นี้ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนน่ารัก และโรแมนติคใช่ย่อย
กระทู้นี้ขอโฟกัสไปที่กิจกรรมล่องเรือคายักที่ขึ้นชื่อของวังเวียงกัน และไปดูวิถีชีวิตริมแม่น้ำซองของชาววังเวียงด้วย เพราะกระทู้ที่บอกตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาจนจากไปมีเยอะแล้ว เราเลยขอแว้ปพาไปดูกิจกรรมเล็กๆที่ประทับใจอย่างนึงของที่นี้กันค่ะ
เราใช้กล้อง Canon 550D เลนส์kits ธรรมดาๆเลยค่ะ แต่ว่าใช้เลนส์ฟิลเตอร์ Yellow เพิ่มเข้าไปอีกชั้นสีภาพเลยออกโทนเหลืองนะคะ
ไว้กันน้ำตอนล่องเรือได้ด้วย เพราะที่วังเวียงมีกิจกรรมทางน้ำเยอะเลยค่ะ
ก่อนอื่นเราก็คงต้องเติมพลังกันก่อน กองทัพย่อมเดินด้วยท้องเสมอ ไม่ได้เห็นแก่กินเลยจริงๆนะคะ ตื่นเช้ามาก็จะพบกับอาหารเช้าสไตล์เวียดนามที่ลาวได้รับอิทธิพลมา คือ ข้าวเกรียบปากหม้อ นั่นเอง กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกขนาดนี้ ท้องก็เรียกร้องมาเลย
ที่นี้เขามีให้บริการเช่ารถมอไซต์ด้วย แต่รถวิบากขนาดนี้ อย่างเราคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ อาจจะขาเดี้ยงก่อนพายเรือได้ ฮาา
แล้วในที่สุด รถของทัวร์ที่เราซื้อไว้ก็มารับ ตรงตามเวลาเป๊ะเลย เย้ๆ
รถขับผ่านตลาดที่เป็นใจกลางของเมืองของชุมชนวังเวียง เช้าๆแบบนี้ยังไม่ค่อยมีคนเยอะเท่าไหร่ แต่ตอนเย็นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อของกินเลย ไม่ว่าจะเป็นแซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ หรือโรตีของขึ้นชื่อที่นี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองกัน
มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากเรา ที่มารอขึ้นรถเหมือนกันกับเราเยอะพอสมควรเลยค่ะ เอ๋...จะไปที่เดียวกันไหมนะ
นั่งรถสองแถวที่แบกเรือคายักมาได้สักเกือบชั่วโมง แล้วเราก็มาถึงที่จอดรถเพื่อเดินเข้าไปถ้ำน้ำแล้ว
ก่อนอื่นต้องข้ามแม่น้ำซองก่อนด้วยสะพานไม้ที่ชาวบ้านสร้างไว้ง่ายๆให้เดินกันชิลๆ เห็นความใสของน้ำนั่นไหม ว้าว 0,0 น่าโดดเล่นชะมัดเลย
ข้ามสะพานไม้มาถึงฝั่งแล้วก็จะพบกับร้านโชห่วยเล็กๆ ของชาวบ้านที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านไม้เล็กๆหลังนี้ มีขนมย้อนวัยสมัยยุค 90 เพียบเลย
จากนั้น เราก็เดินตามถนนดินแดงที่ผ่าใจกลางหมู่บ้านก่อนจะถึงถ้ำน้ำ จะเห็นวิถีชีวิตชาวลาวที่ยังคงอนุรักษ์ความเรียบง่ายเอาไว้
ไอ้หนู รีบวิ่งมาเร็ว เดี๋ยวตามป่ะป๋าไม่ทันนะ
บ้านไม้คล้ายสมัยยุคคุณตาคุณยายของเราสมัยก่อนเลย เดี๋ยวนี้ที่ไทยหาดูได้ยากแล้ว นอกจากตามชนบทสักหน่อย
คุณป้าคุณน้าก็ออกมาปั้งบาร์บีคิวขายให้นักท่องเที่ยวที่หิวโหยแบบเราได้โซ้ยกันระหว่างทาง
ยุ้งฉางข้าว หรือที่เก็บข้าวที่เกี่ยวเสร็จแล้ว จะนำมาพักเก็บไว้ที่นี้
น้องไก่ก็ออกมาหากิน เราก็เรียก กุ๊กๆไก่ ก็ไม่สนใจเราเลย สงสัยไม่ได้ชื่อไก่ เลยงอนสะบัดตูดกินข้าวต่อไป หว้าาาา...
เหล่านักท่องเที่ยวก็เดินตามตูดกันเหมือนลูกมดเดินขบวนพาเหรดตามกันมาเป็นแถวๆ
พอพ้นหมู่บ้าน ก็จะเห็นท้องทุ่งนาของชาวบ้านแถวนี้ กว้างซะจนอยากลงไปกลิ้งเล่น ถ้าช่วงฤดูดำนาก็คงจะได้เห็นทุ่งข้าวสีเขียวเต็มไปหมด แต่เรามาในช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว เลยมีเพียงลานกว้างๆให้กลิ้งเล่นกัน
นอกจากจะมีน้องกุ๊กไก่ออกหากินแล้ว พี่วัวก็หิวเหมือนกัน
เดินปกติไม่ค่อยเป็น เดินเล่นลอดรั้วลวดหนามของชาวบ้านมา มีเด็กบอกมันเป็นทางลัด ก็ใจง่ายเชื่อเด็กแถวนั้น เลยเห็นวิวอีกมุมนึง ว้าววว
พอลอดรั้วลวดหนามมาได้ ซึ่งคนปกติไม่เดินกันหรอก ก็กลับมาสู่ทางปกติที่คนเขาเดินกัน เจอคลองน้ำใสใสใกล้ถึงถ้ำน้ำแล้วแน่ๆ
เฮ้ย!! เล่นไรกันอ่ะ เล่นด้วยได้ไหม
พอถามเด็กๆแถวนั้นว่าใกล้ถึงยัง ก็ได้เสียงตอบรับมาว่า "ใกล้ฮอดแล้ว" แปลว่า ใกล้ถึงแล้ว
เราถามเป็นภาษาอีสานนะคะ เพราะเราเป็นคนอีสาน สำเนียงก็คงแอบใกล้เคียงกับชาวบ้านแถวนั้นอยู่บ้างนิดหน่อยเลยเข้าใจกันง่าย ฮาาา
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอแว้ปไปกินขนมก่อนแปปนึง
[CR] พายเรือคายัก หลงรักวิถีริมน้ำซอง - วังเวียง
เห็นแล้วก็อยากจะมีกระทู้เล็กๆเป็นของตัวเองบ้าง แฮร่
วันที่เราไปวังเวียงกัน ตรงกับวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก พอดีเลย <3 เลยพาทุกคนมาอินเลิฟกันที่นี้ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าผู้คนน่ารัก และโรแมนติคใช่ย่อย
กระทู้นี้ขอโฟกัสไปที่กิจกรรมล่องเรือคายักที่ขึ้นชื่อของวังเวียงกัน และไปดูวิถีชีวิตริมแม่น้ำซองของชาววังเวียงด้วย เพราะกระทู้ที่บอกตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาจนจากไปมีเยอะแล้ว เราเลยขอแว้ปพาไปดูกิจกรรมเล็กๆที่ประทับใจอย่างนึงของที่นี้กันค่ะ
เราใช้กล้อง Canon 550D เลนส์kits ธรรมดาๆเลยค่ะ แต่ว่าใช้เลนส์ฟิลเตอร์ Yellow เพิ่มเข้าไปอีกชั้นสีภาพเลยออกโทนเหลืองนะคะ
ไว้กันน้ำตอนล่องเรือได้ด้วย เพราะที่วังเวียงมีกิจกรรมทางน้ำเยอะเลยค่ะ
ก่อนอื่นเราก็คงต้องเติมพลังกันก่อน กองทัพย่อมเดินด้วยท้องเสมอ ไม่ได้เห็นแก่กินเลยจริงๆนะคะ ตื่นเช้ามาก็จะพบกับอาหารเช้าสไตล์เวียดนามที่ลาวได้รับอิทธิพลมา คือ ข้าวเกรียบปากหม้อ นั่นเอง กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกขนาดนี้ ท้องก็เรียกร้องมาเลย
ที่นี้เขามีให้บริการเช่ารถมอไซต์ด้วย แต่รถวิบากขนาดนี้ อย่างเราคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ อาจจะขาเดี้ยงก่อนพายเรือได้ ฮาา
แล้วในที่สุด รถของทัวร์ที่เราซื้อไว้ก็มารับ ตรงตามเวลาเป๊ะเลย เย้ๆ
รถขับผ่านตลาดที่เป็นใจกลางของเมืองของชุมชนวังเวียง เช้าๆแบบนี้ยังไม่ค่อยมีคนเยอะเท่าไหร่ แต่ตอนเย็นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายให้เลือกซื้อของกินเลย ไม่ว่าจะเป็นแซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ หรือโรตีของขึ้นชื่อที่นี้ก็ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองกัน
มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากเรา ที่มารอขึ้นรถเหมือนกันกับเราเยอะพอสมควรเลยค่ะ เอ๋...จะไปที่เดียวกันไหมนะ
นั่งรถสองแถวที่แบกเรือคายักมาได้สักเกือบชั่วโมง แล้วเราก็มาถึงที่จอดรถเพื่อเดินเข้าไปถ้ำน้ำแล้ว
ก่อนอื่นต้องข้ามแม่น้ำซองก่อนด้วยสะพานไม้ที่ชาวบ้านสร้างไว้ง่ายๆให้เดินกันชิลๆ เห็นความใสของน้ำนั่นไหม ว้าว 0,0 น่าโดดเล่นชะมัดเลย
ข้ามสะพานไม้มาถึงฝั่งแล้วก็จะพบกับร้านโชห่วยเล็กๆ ของชาวบ้านที่ซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านไม้เล็กๆหลังนี้ มีขนมย้อนวัยสมัยยุค 90 เพียบเลย
จากนั้น เราก็เดินตามถนนดินแดงที่ผ่าใจกลางหมู่บ้านก่อนจะถึงถ้ำน้ำ จะเห็นวิถีชีวิตชาวลาวที่ยังคงอนุรักษ์ความเรียบง่ายเอาไว้
ไอ้หนู รีบวิ่งมาเร็ว เดี๋ยวตามป่ะป๋าไม่ทันนะ
บ้านไม้คล้ายสมัยยุคคุณตาคุณยายของเราสมัยก่อนเลย เดี๋ยวนี้ที่ไทยหาดูได้ยากแล้ว นอกจากตามชนบทสักหน่อย
คุณป้าคุณน้าก็ออกมาปั้งบาร์บีคิวขายให้นักท่องเที่ยวที่หิวโหยแบบเราได้โซ้ยกันระหว่างทาง
ยุ้งฉางข้าว หรือที่เก็บข้าวที่เกี่ยวเสร็จแล้ว จะนำมาพักเก็บไว้ที่นี้
น้องไก่ก็ออกมาหากิน เราก็เรียก กุ๊กๆไก่ ก็ไม่สนใจเราเลย สงสัยไม่ได้ชื่อไก่ เลยงอนสะบัดตูดกินข้าวต่อไป หว้าาาา...
เหล่านักท่องเที่ยวก็เดินตามตูดกันเหมือนลูกมดเดินขบวนพาเหรดตามกันมาเป็นแถวๆ
พอพ้นหมู่บ้าน ก็จะเห็นท้องทุ่งนาของชาวบ้านแถวนี้ กว้างซะจนอยากลงไปกลิ้งเล่น ถ้าช่วงฤดูดำนาก็คงจะได้เห็นทุ่งข้าวสีเขียวเต็มไปหมด แต่เรามาในช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว เลยมีเพียงลานกว้างๆให้กลิ้งเล่นกัน
นอกจากจะมีน้องกุ๊กไก่ออกหากินแล้ว พี่วัวก็หิวเหมือนกัน
เดินปกติไม่ค่อยเป็น เดินเล่นลอดรั้วลวดหนามของชาวบ้านมา มีเด็กบอกมันเป็นทางลัด ก็ใจง่ายเชื่อเด็กแถวนั้น เลยเห็นวิวอีกมุมนึง ว้าววว
พอลอดรั้วลวดหนามมาได้ ซึ่งคนปกติไม่เดินกันหรอก ก็กลับมาสู่ทางปกติที่คนเขาเดินกัน เจอคลองน้ำใสใสใกล้ถึงถ้ำน้ำแล้วแน่ๆ
เฮ้ย!! เล่นไรกันอ่ะ เล่นด้วยได้ไหม
พอถามเด็กๆแถวนั้นว่าใกล้ถึงยัง ก็ได้เสียงตอบรับมาว่า "ใกล้ฮอดแล้ว" แปลว่า ใกล้ถึงแล้ว
เราถามเป็นภาษาอีสานนะคะ เพราะเราเป็นคนอีสาน สำเนียงก็คงแอบใกล้เคียงกับชาวบ้านแถวนั้นอยู่บ้างนิดหน่อยเลยเข้าใจกันง่าย ฮาาา
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอแว้ปไปกินขนมก่อนแปปนึง
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น