เห็นช่วงนี้กระแสวังเวียงมาแรงซะเหลือเกิน ว่าแล้วเราก็ขอลงบ้างเนื่องจากเพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนนี่เอง ส่วนตัวเคยไปสองครั้งเมื่อนานมาแล้วรู้สึกประทับใจบ้าง สำหรับครั้งที่สามก็ขอบอกว่ายังประทับใจอยู่กับธรรมชาติรอบตัวและสถานที่เที่ยวที่ทำให้เราสนุกไปทั้งวัน ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลย
การเดินทางไปยังวังเวียงมีหลายวิธี แต่วิธีที่สะดวกคือการนั่งรถทัวร์ไปลงสถานีขนส่งหนองคาย ใช้บริการของนครชัยร์แอร์เป็นรถแบบ VIP (728 บาท) รถออกจากกรุงเทพ 21.00 น. ถึงหนองคาย 06.05 น. เป็นเวลาถึงที่เหมาะเจาะมากๆ
ถึงสถานีขนส่งหนองคายแล้วก็มีอีกสองตัวเลือกคือนั่งรถ บขส. จากหนองคายเข้าวังเวียงเลยด้วยราคาถูกมาก 370 แต่ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ตอนแรกว่าจะขึ้นของบขส. นี่แหละ แต่เรื่องเวลามีเปลี่ยนกระทันหันผมเลยนั่งรถเข้าเวียงจันทน์แทน
พอถึงด่านกรอกพาสปอร์ตเรียบร้อยก็รอขึ้นรถ แม้ว่าวันที่ไปจะเป็นวันธรรมดา แต่ก็เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติตรงจุดนี้เราจะนั่งรถเมล์ไปยัง ด่านลาวกัน (20 บาท)
เมื่อถึงด่านลาวก็ต้องกรอกใบเข้าเมืองอีกรอบ เสร็จแล้วก็หารถกระป้อนั่งเข้ามาต่อที่ตลาดเหนือ ตรงจุดนี้จะมีคนลาวหลายคนมาเสนอราคาให้ก็ต้องพิจารณากันดีๆ ว่าจะไปแบบไหนยังไง
ผมเลือกที่จะมาตลาดเหนือซึ่งเขาว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมรถไปยังวังเวียงกับหลวง พระบาง สำหรับวังเวียงคิดราคาที่หัวละ 300 บาท เลือกขึ้นรถตู้หรือรถทัวร์ก็ได้ แน่นอนว่าต้องรถตู้อยู่แล้วเพราะน่าจะซิ่งกว่ารถทัวน์เป็นไหนๆ
พอขึ้นรถตู้ปุ๊บต้องรีบตัดสวิทช์ก่อนเลยเพราะทางชวนให้มึนหัวมาก มันไม่ได้มีโค้งเยอะเหมือนไปปาย แต่มันขรุขระตลอดเวย์จริงๆ มาตื่นอีกทีก็ช่วงพักครึ่งทางที่ให้นักท่องเที่ยวลงไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็ไปกันต่อ
ถึงวังเวียงแล้ว ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เห็นจะได้ ถึงเร็วกว่าที่คิด รถตู้มาจอดที่โรงแรมอะไรไม่รู้ แต่เอาเถอะถือว่าอยู่ในตัววังเวียงเรียบร้อย
หลังจากเดินหาโรงแรมอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงเรื่องการเที่ยวในวังเวียงกันแล้ว หลังจากนี้ผมขอแยกมาเป็นหัวข้อว่าเราอยู่ในวังเวียงแล้วเที่ยวที่ไหน กินอะไรยังไงบ้าง ตามนี้เลยครับ
การเดินทางในวังเวียง?
วังเวียงแม้จะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่สถานที่แต่ละแห่งกลับอยู่ไกลกัน ถ้าเราไม่เดินอึดอย่างพวกฝรั่งก็เช่ารถเถอะ ที่วังเวียงมีหลายตัวเลือกให้เราได้ตัดสินใจ แบบแรกสะดวกที่สุดก็คือการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ที่นี่มีให้เลือกอยู่หลายร้าน ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 กีบ ต่อวัน รถที่ให้เช่าส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อจากประเทศจีน ผมจั่วได้ยี่ห้อลี่ฟานมา
แบบที่สอง รถประจำทาง อันนี้ไม่ได้ขึ้นแต่เห็นมีจอดกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง สามารถต่อรองราคาและเส้นทางกับพลขับได้ว่าจะไปที่ไหน รถแบบนี้เหมาะกับมาเป็นกลุ่มแล้วเหมาทั้งวันแชร์เงินกันน่าจะคุ้มเพราะไม่ ต้องเหนื่อยกับการขี่รถเอง
แบบที่สาม จักรยาน ได้รับความนิยมจากต่างชาติเพราะราคาไม่แพงแถมได้การออกกำลังกายไปในตัวและยี่ห้อจักรยานก็ไม่ใช่ขี้ๆ เพราะใช้เฟรมของ Giant เลยนะนั่น พวกนักปั่นจักรยานรู้ดี
อยู่วังเวียงทำอะไรดี?
คำถามนี้อาจจะเกิดกับคนที่อยากจะลองมาเที่ยวดูสักครั้งแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าที่วังเวียงมีอะไรน่าค้นหาบ้าง งานนี้ผมจะตอบให้ จริงๆ แล้วผมว่าวังเวียงเราสามารถมาเที่ยววังเวียงโดยคาดหวังได้สองแบบ คือ หนึ่งมาเสพธรรมชาติที่ห้อมล้อมกลางขุนเขา แม่น้ำ เห็นวิถีชีวิตของคนลาวที่ดำเนินไปอย่างเนิบช้า ซึ่งถ้าเราได้มาสัมผัสดูก็จะรู้ว่าชีวิตในแต่ละวันที่วังเวียงก็เดินแบบช้าๆ จริงๆ ผมเห็นฝรั่งมีอายุหลายคน หาหนังสือนั่งอ่านตามริมน้ำได้เป็นวันๆ
สอง สำหรับสายลุยก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะในวังเวียงมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ได้เล่นตั้งแต่ทางน้ำไปจนถึงบนฟ้าอย่างการ ล่องห่วงยาง พายเรือคายัคในแม่น้ำซอง การปั่นจักรยานชมสถานที่เที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ถ้ำ และเด็ดสุดคือการขึ้นบอลลูนที่สามารถเห็นวิววังเวียงจากมุมสูง
ริมแม่น้ำซอง?
เป็นเสมือนจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด นิยมมาเที่ยวกันในช่วงเย็นเพราะบรรยากาศสุดชิวท่ามกลางธรรมชาติเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว
เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วผมเคยมาวังเวียงครั้งนึง ตอนนั้นริมแม่น้ำยังโล่งๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้มีโต๊ะตั้งอยู่ในน้ำให้นักท่องเที่ยวนั่งชิวซะแล้ว
บริเวณที่นั่งริมน้ำมีบาร์ขายเครื่องดื่มมึนเมาไว้พร้อมเลย เอาไว้นั่งจิบไปดูธรรมชาติไป
ยิ่งหลังพระอาทิตย์ตกยิ่งสวย เพราะไฟประดับทั้งโรงแรมโดยรอบและเพิงไม้เปิดกันแล้ว
ตลาดเช้า?
จุดจับจ่ายซื้อของของคนวังเวียงที่คึกคักที่สุดของเมือง โดยในทุกๆ เช้า ชาวบ้านจะนำของมาขาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตผลทางการเกษตรเป็นหลัก
ภาพนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้ดราม่ากันเพราะเป็นเรื่องปกติของคนลาวเขาที่มักจะนำสัตว์ป่าแปลกๆ มาวางขายกันเป็นตัว อย่างในภาพมีกระรอกยักษ์ อีเห็น ลูกนก เป็นต้น
มาดูที่อาหารทำสุกกันบ้างที่นี่มีน่ากินหลายอย่างรู้สึกสะดุดตาตรงที่ปลาย่างที่นี่แปลกดีตรงที่มีการพับก่อนแล้วเสียบไม้ย่าง รู้สึกว่าที่มันพับจะยัดไส้พวกสมุนไพรเอาไว้
อาหารเช้าที่คุ้นตาอย่างหมูปิ้ง ไส้อั่ว เนื้อแดดเดียว ก็มีขายเหมือนกัน เหมาะสำหรับฝากท้องเป็นมื้อเช้าก่อนจะออกไปเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ
ธรรมชาติริมถนน?
ถนนข้างทางที่ยาวขึ้นไปทางหลวงพระบางถ้าใครเช่ารถมอเตอร์ไซต์หรือรถจักรยานลองไปดู ตลอดทางจะเห็นบรรยากาศนาข้าวกับฉากหลังเป็นเทือกเขาสูงตระหง่านเหมาะแก่การถ่ายภาพสุดๆ
ในบริเวณถ้าใครซื้อแพคเกจพายเรือคายัคหรือล่องห่วงยางเขาก็จะมาปล่อยตามเส้นนี้แหละ อย่างในภาพนี้ตอนที่ผมมาครั้งก่อนเห็นฝรั่งล่องห่วงจากบริเวณนี้มาแต่ไกล
จำไม่ได้ว่าขี่มอเตอร์ไซต์มาไกลเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าเป็นสะพานที่เห็นแม่น้ำซองที่สวยอีกมุมหนึ่ง
กิจกรรมล่องห่วงยาง ขึ้นบอลลูน?
ทั้งสองอย่างที่บอกมาไม่ได้ไปทั้งคู่เลย แต่ก็สามารถเห็นได้ตลอดเวลาที่อยู่ในตัวเมือง โดยเฉพาะพวกกิจกรรมล่องห่วงยางกับพายเรือคายัคเนี่ย ได้รับความนิยมสุดๆ เห็นคนล่องมาไม่ขาดสายสักที ถ้าใครชอบกีฬาทางน้ำลองไปเล่นดู
อีกกิจกรรมหนึ่งที่ใฝ่ฝันทุกครั้งที่มาแต่ไม่ได้ทำสักทีคือขึ้นบอลลูนนั่นเอง ซึ่งบอลลูนที่วังเวียงในหนึ่งวันจะขึ้น 3 เวลา คือเช้า รอบ 06.30 น., 07.30 น. และ 17.00 น. ค่าขึ้นปัจจุบันอยู่ที่ 80 เหรียญ ต่อคน
เที่ยวถ้ำในวังเวียง?
วังเวียงเป็นอีกเมืองนึงที่ล้อมไปด้วยภูเขา ดังนั้นสถานที่เที่ยวที่เป็นถ้ำก็ย่อมมากตาม แต่ถ้ำที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องไปมีสองที่คือ ถ้ำจัง และ ถ้ำปูคำ เริ่มกันที่ถ้ำจังกันก่อน ถ้ำจังเป็นถ้ำยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเนื่องจากอยู่ในบริเวณตัวเมืองสามารถ เดินไปได้โดยตั้งอยู่หลังวังเวียงรีสอร์ท เสียค่าเข้า 2,000 กีบ เมื่อเข้ามาแล้วก่อนขึ้นถ้ำจะเสียอีก 15,000 กีบ โดยมีบันไดขึ้นแบบง่ายๆ แต่อาจจะเหนื่อยสักนิดหน่อย
ถ้ำจัง ชื่อนี้ไม่ได้ตั้งเพราะเกี่ยวอะไรกับการเรียกคนญี่ปุ่น แต่คนลาวหมายถึงอาการหนาวจัด หรือที่เรียกว่า จัง ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เขาเล่ากันมาจริงๆ เพราะภายในตัวถ้ำหลังจากที่เราเดินขึ้นบันไดมาแล้ว ก็พบว่าอากาศเย็นจริงๆ แต่นอกจากความเย็นแล้ว ห้องโถงโอ่อ่าประดับด้วยไฟและมีการทำระเบียงทางเดินนี่น่าทึ่งยิ่งกว่า
ตัวถ้ำมีทางเดินแยกไปแต่เดินนิดเดียวก็ตันซะแล้ว
ถ้ำปูคำ
อีกหนึ่งถ้ำที่คนนิยมไปเที่ยว ให้อารมณ์แตกต่างจากถ้ำจังตรงที่ต้องลุยมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่เทียบความสวยงามกันแล้วกินกันไม่ลงเลยทีเดียว ซึ่งตัวถ้ำอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร แต่เดินทางลำบากเนื่องจากถนนหนทางยังไม่ดีนัก น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมาให้ดู ก่อนจะถึงตัวถ้ำต้องผ่านบลูลากูน เสียค่าเข้า 10,000 กีบ บลูลากูนเป็นสถานที่เล่นน้ำยอดฮิตของฝรั่งและเกาหลีที่นิยมมากระโดดน้ำเล่นกัน เท่าที่เห็นด้วยตารู้สึกจะมีสาวเกาหลีหุ่นแจ่มๆ เพียบ
บลูลากูนดูด้วยตาก็ฟินแล้ว ต่อไปก็เข้าถ้ำปูคำกันดีกว่า ทางขึ้นของถ้ำไม่มีบันไดเดินสบายๆ แต่เป็นหินก้อนให้เหยียบขึ้นไป เหนื่อยกว่าทางขึ้นถ้ำจังและต้องใช้ความระวัดระวังมากกว่าเพราะหินบางก้อนก็คมไม่ใช่น้อย
เข้ามาถึงปากทางถ้ำแล้ว ข้างในค่อนข้างมืด จริงๆ ก่อนทางขึ้นชาวบ้านมีบริการให้เช่าไฟฉายติดหัวด้วย เพราะหากเข้าไปลึกจริงๆ จะมืดมาก ซึ่งนั่นเหมาะสำหรับขาลุยจัดเท่านั้น
สำหรับผมเองการได้มาเห็นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ใจกลางถ้ำก็ฟินแล้ว
ของฝาก?
วังเวียงไม่มีของฝากอะไรมาก ก็มีพวกเสื้อที่มีสกรีนลายประเทศลาวหรือวังเวียง นอกเหนือจากนั้นแทบไม่เห็นอะไรที่น่าซื้อ
อาหาร?
อาหารแนะนำในวังเวียงคงไม่พ้นอาหารฝรั่งเพราะนั่งท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเราจะเห็นร้านขายพวกแซนวิช พิซซ่าเต็มไปหมด
แน่นอนว่ามาถึงถิ่นแล้วก็ต้องจัดซะหน่อย
อีกหนึ่ง Signature ที่ไม่ควรพลาดคือโรตี เห็นได้ทั่วไปในลักษณะของรถเข็น เฟิร์มว่าของเขาอร่อยจริงแถมยังมีไส้แปลกๆ ให้เลือกเพียบ
ขอปิดท้ายด้วยของฝากระดับโอท็อปจากลาว นี่เลย เบียร์ลาว หาซื้อได้เกือบทุกร้าน แนะนำ เบียร์ลาวโกลด์ ที่เขาบอกว่าใช้ ข้าวไก่น้อย ข้าวเหนียวที่มีชื่อเสียงของลาวปลูกทางตอนเหนือของประเทศในการทำเป็น วัตถุดิบเบียร์ ซึ่งจะให้กลิ่นหอม กลมกล่อม คอเบียร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
Easy Trip Vang Vieng LAOS
เห็นช่วงนี้กระแสวังเวียงมาแรงซะเหลือเกิน ว่าแล้วเราก็ขอลงบ้างเนื่องจากเพิ่งไปมาเมื่อต้นเดือนนี่เอง ส่วนตัวเคยไปสองครั้งเมื่อนานมาแล้วรู้สึกประทับใจบ้าง สำหรับครั้งที่สามก็ขอบอกว่ายังประทับใจอยู่กับธรรมชาติรอบตัวและสถานที่เที่ยวที่ทำให้เราสนุกไปทั้งวัน ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลย
การเดินทางไปยังวังเวียงมีหลายวิธี แต่วิธีที่สะดวกคือการนั่งรถทัวร์ไปลงสถานีขนส่งหนองคาย ใช้บริการของนครชัยร์แอร์เป็นรถแบบ VIP (728 บาท) รถออกจากกรุงเทพ 21.00 น. ถึงหนองคาย 06.05 น. เป็นเวลาถึงที่เหมาะเจาะมากๆ
ถึงสถานีขนส่งหนองคายแล้วก็มีอีกสองตัวเลือกคือนั่งรถ บขส. จากหนองคายเข้าวังเวียงเลยด้วยราคาถูกมาก 370 แต่ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ตอนแรกว่าจะขึ้นของบขส. นี่แหละ แต่เรื่องเวลามีเปลี่ยนกระทันหันผมเลยนั่งรถเข้าเวียงจันทน์แทน
พอถึงด่านกรอกพาสปอร์ตเรียบร้อยก็รอขึ้นรถ แม้ว่าวันที่ไปจะเป็นวันธรรมดา แต่ก็เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติตรงจุดนี้เราจะนั่งรถเมล์ไปยัง ด่านลาวกัน (20 บาท)
เมื่อถึงด่านลาวก็ต้องกรอกใบเข้าเมืองอีกรอบ เสร็จแล้วก็หารถกระป้อนั่งเข้ามาต่อที่ตลาดเหนือ ตรงจุดนี้จะมีคนลาวหลายคนมาเสนอราคาให้ก็ต้องพิจารณากันดีๆ ว่าจะไปแบบไหนยังไง
ผมเลือกที่จะมาตลาดเหนือซึ่งเขาว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมรถไปยังวังเวียงกับหลวง พระบาง สำหรับวังเวียงคิดราคาที่หัวละ 300 บาท เลือกขึ้นรถตู้หรือรถทัวร์ก็ได้ แน่นอนว่าต้องรถตู้อยู่แล้วเพราะน่าจะซิ่งกว่ารถทัวน์เป็นไหนๆ
พอขึ้นรถตู้ปุ๊บต้องรีบตัดสวิทช์ก่อนเลยเพราะทางชวนให้มึนหัวมาก มันไม่ได้มีโค้งเยอะเหมือนไปปาย แต่มันขรุขระตลอดเวย์จริงๆ มาตื่นอีกทีก็ช่วงพักครึ่งทางที่ให้นักท่องเที่ยวลงไปทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็ไปกันต่อ
ถึงวังเวียงแล้ว ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เห็นจะได้ ถึงเร็วกว่าที่คิด รถตู้มาจอดที่โรงแรมอะไรไม่รู้ แต่เอาเถอะถือว่าอยู่ในตัววังเวียงเรียบร้อย
หลังจากเดินหาโรงแรมอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็มาถึงเรื่องการเที่ยวในวังเวียงกันแล้ว หลังจากนี้ผมขอแยกมาเป็นหัวข้อว่าเราอยู่ในวังเวียงแล้วเที่ยวที่ไหน กินอะไรยังไงบ้าง ตามนี้เลยครับ
การเดินทางในวังเวียง?
วังเวียงแม้จะเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก แต่สถานที่แต่ละแห่งกลับอยู่ไกลกัน ถ้าเราไม่เดินอึดอย่างพวกฝรั่งก็เช่ารถเถอะ ที่วังเวียงมีหลายตัวเลือกให้เราได้ตัดสินใจ แบบแรกสะดวกที่สุดก็คือการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ที่นี่มีให้เลือกอยู่หลายร้าน ราคาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 80,000 กีบ ต่อวัน รถที่ให้เช่าส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อจากประเทศจีน ผมจั่วได้ยี่ห้อลี่ฟานมา
แบบที่สอง รถประจำทาง อันนี้ไม่ได้ขึ้นแต่เห็นมีจอดกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง สามารถต่อรองราคาและเส้นทางกับพลขับได้ว่าจะไปที่ไหน รถแบบนี้เหมาะกับมาเป็นกลุ่มแล้วเหมาทั้งวันแชร์เงินกันน่าจะคุ้มเพราะไม่ ต้องเหนื่อยกับการขี่รถเอง
แบบที่สาม จักรยาน ได้รับความนิยมจากต่างชาติเพราะราคาไม่แพงแถมได้การออกกำลังกายไปในตัวและยี่ห้อจักรยานก็ไม่ใช่ขี้ๆ เพราะใช้เฟรมของ Giant เลยนะนั่น พวกนักปั่นจักรยานรู้ดี
อยู่วังเวียงทำอะไรดี?
คำถามนี้อาจจะเกิดกับคนที่อยากจะลองมาเที่ยวดูสักครั้งแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าที่วังเวียงมีอะไรน่าค้นหาบ้าง งานนี้ผมจะตอบให้ จริงๆ แล้วผมว่าวังเวียงเราสามารถมาเที่ยววังเวียงโดยคาดหวังได้สองแบบ คือ หนึ่งมาเสพธรรมชาติที่ห้อมล้อมกลางขุนเขา แม่น้ำ เห็นวิถีชีวิตของคนลาวที่ดำเนินไปอย่างเนิบช้า ซึ่งถ้าเราได้มาสัมผัสดูก็จะรู้ว่าชีวิตในแต่ละวันที่วังเวียงก็เดินแบบช้าๆ จริงๆ ผมเห็นฝรั่งมีอายุหลายคน หาหนังสือนั่งอ่านตามริมน้ำได้เป็นวันๆ
สอง สำหรับสายลุยก็ถือว่าน่าสนใจ เพราะในวังเวียงมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ได้เล่นตั้งแต่ทางน้ำไปจนถึงบนฟ้าอย่างการ ล่องห่วงยาง พายเรือคายัคในแม่น้ำซอง การปั่นจักรยานชมสถานที่เที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ถ้ำ และเด็ดสุดคือการขึ้นบอลลูนที่สามารถเห็นวิววังเวียงจากมุมสูง
ริมแม่น้ำซอง?
เป็นเสมือนจุดนัดพบของนักท่องเที่ยวเกือบทั้งหมด นิยมมาเที่ยวกันในช่วงเย็นเพราะบรรยากาศสุดชิวท่ามกลางธรรมชาติเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว
เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วผมเคยมาวังเวียงครั้งนึง ตอนนั้นริมแม่น้ำยังโล่งๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้มีโต๊ะตั้งอยู่ในน้ำให้นักท่องเที่ยวนั่งชิวซะแล้ว
บริเวณที่นั่งริมน้ำมีบาร์ขายเครื่องดื่มมึนเมาไว้พร้อมเลย เอาไว้นั่งจิบไปดูธรรมชาติไป
ยิ่งหลังพระอาทิตย์ตกยิ่งสวย เพราะไฟประดับทั้งโรงแรมโดยรอบและเพิงไม้เปิดกันแล้ว
ตลาดเช้า?
จุดจับจ่ายซื้อของของคนวังเวียงที่คึกคักที่สุดของเมือง โดยในทุกๆ เช้า ชาวบ้านจะนำของมาขาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตผลทางการเกษตรเป็นหลัก
ภาพนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้ดราม่ากันเพราะเป็นเรื่องปกติของคนลาวเขาที่มักจะนำสัตว์ป่าแปลกๆ มาวางขายกันเป็นตัว อย่างในภาพมีกระรอกยักษ์ อีเห็น ลูกนก เป็นต้น
มาดูที่อาหารทำสุกกันบ้างที่นี่มีน่ากินหลายอย่างรู้สึกสะดุดตาตรงที่ปลาย่างที่นี่แปลกดีตรงที่มีการพับก่อนแล้วเสียบไม้ย่าง รู้สึกว่าที่มันพับจะยัดไส้พวกสมุนไพรเอาไว้
อาหารเช้าที่คุ้นตาอย่างหมูปิ้ง ไส้อั่ว เนื้อแดดเดียว ก็มีขายเหมือนกัน เหมาะสำหรับฝากท้องเป็นมื้อเช้าก่อนจะออกไปเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ
ธรรมชาติริมถนน?
ถนนข้างทางที่ยาวขึ้นไปทางหลวงพระบางถ้าใครเช่ารถมอเตอร์ไซต์หรือรถจักรยานลองไปดู ตลอดทางจะเห็นบรรยากาศนาข้าวกับฉากหลังเป็นเทือกเขาสูงตระหง่านเหมาะแก่การถ่ายภาพสุดๆ
ในบริเวณถ้าใครซื้อแพคเกจพายเรือคายัคหรือล่องห่วงยางเขาก็จะมาปล่อยตามเส้นนี้แหละ อย่างในภาพนี้ตอนที่ผมมาครั้งก่อนเห็นฝรั่งล่องห่วงจากบริเวณนี้มาแต่ไกล
จำไม่ได้ว่าขี่มอเตอร์ไซต์มาไกลเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าเป็นสะพานที่เห็นแม่น้ำซองที่สวยอีกมุมหนึ่ง
กิจกรรมล่องห่วงยาง ขึ้นบอลลูน?
ทั้งสองอย่างที่บอกมาไม่ได้ไปทั้งคู่เลย แต่ก็สามารถเห็นได้ตลอดเวลาที่อยู่ในตัวเมือง โดยเฉพาะพวกกิจกรรมล่องห่วงยางกับพายเรือคายัคเนี่ย ได้รับความนิยมสุดๆ เห็นคนล่องมาไม่ขาดสายสักที ถ้าใครชอบกีฬาทางน้ำลองไปเล่นดู
อีกกิจกรรมหนึ่งที่ใฝ่ฝันทุกครั้งที่มาแต่ไม่ได้ทำสักทีคือขึ้นบอลลูนนั่นเอง ซึ่งบอลลูนที่วังเวียงในหนึ่งวันจะขึ้น 3 เวลา คือเช้า รอบ 06.30 น., 07.30 น. และ 17.00 น. ค่าขึ้นปัจจุบันอยู่ที่ 80 เหรียญ ต่อคน
เที่ยวถ้ำในวังเวียง?
วังเวียงเป็นอีกเมืองนึงที่ล้อมไปด้วยภูเขา ดังนั้นสถานที่เที่ยวที่เป็นถ้ำก็ย่อมมากตาม แต่ถ้ำที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องไปมีสองที่คือ ถ้ำจัง และ ถ้ำปูคำ เริ่มกันที่ถ้ำจังกันก่อน ถ้ำจังเป็นถ้ำยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเนื่องจากอยู่ในบริเวณตัวเมืองสามารถ เดินไปได้โดยตั้งอยู่หลังวังเวียงรีสอร์ท เสียค่าเข้า 2,000 กีบ เมื่อเข้ามาแล้วก่อนขึ้นถ้ำจะเสียอีก 15,000 กีบ โดยมีบันไดขึ้นแบบง่ายๆ แต่อาจจะเหนื่อยสักนิดหน่อย
ถ้ำจัง ชื่อนี้ไม่ได้ตั้งเพราะเกี่ยวอะไรกับการเรียกคนญี่ปุ่น แต่คนลาวหมายถึงอาการหนาวจัด หรือที่เรียกว่า จัง ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เขาเล่ากันมาจริงๆ เพราะภายในตัวถ้ำหลังจากที่เราเดินขึ้นบันไดมาแล้ว ก็พบว่าอากาศเย็นจริงๆ แต่นอกจากความเย็นแล้ว ห้องโถงโอ่อ่าประดับด้วยไฟและมีการทำระเบียงทางเดินนี่น่าทึ่งยิ่งกว่า
ตัวถ้ำมีทางเดินแยกไปแต่เดินนิดเดียวก็ตันซะแล้ว
ถ้ำปูคำ
อีกหนึ่งถ้ำที่คนนิยมไปเที่ยว ให้อารมณ์แตกต่างจากถ้ำจังตรงที่ต้องลุยมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น แต่เทียบความสวยงามกันแล้วกินกันไม่ลงเลยทีเดียว ซึ่งตัวถ้ำอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร แต่เดินทางลำบากเนื่องจากถนนหนทางยังไม่ดีนัก น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมาให้ดู ก่อนจะถึงตัวถ้ำต้องผ่านบลูลากูน เสียค่าเข้า 10,000 กีบ บลูลากูนเป็นสถานที่เล่นน้ำยอดฮิตของฝรั่งและเกาหลีที่นิยมมากระโดดน้ำเล่นกัน เท่าที่เห็นด้วยตารู้สึกจะมีสาวเกาหลีหุ่นแจ่มๆ เพียบ
บลูลากูนดูด้วยตาก็ฟินแล้ว ต่อไปก็เข้าถ้ำปูคำกันดีกว่า ทางขึ้นของถ้ำไม่มีบันไดเดินสบายๆ แต่เป็นหินก้อนให้เหยียบขึ้นไป เหนื่อยกว่าทางขึ้นถ้ำจังและต้องใช้ความระวัดระวังมากกว่าเพราะหินบางก้อนก็คมไม่ใช่น้อย
เข้ามาถึงปากทางถ้ำแล้ว ข้างในค่อนข้างมืด จริงๆ ก่อนทางขึ้นชาวบ้านมีบริการให้เช่าไฟฉายติดหัวด้วย เพราะหากเข้าไปลึกจริงๆ จะมืดมาก ซึ่งนั่นเหมาะสำหรับขาลุยจัดเท่านั้น
สำหรับผมเองการได้มาเห็นพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ใจกลางถ้ำก็ฟินแล้ว
ของฝาก?
วังเวียงไม่มีของฝากอะไรมาก ก็มีพวกเสื้อที่มีสกรีนลายประเทศลาวหรือวังเวียง นอกเหนือจากนั้นแทบไม่เห็นอะไรที่น่าซื้อ
อาหาร?
อาหารแนะนำในวังเวียงคงไม่พ้นอาหารฝรั่งเพราะนั่งท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งเราจะเห็นร้านขายพวกแซนวิช พิซซ่าเต็มไปหมด
แน่นอนว่ามาถึงถิ่นแล้วก็ต้องจัดซะหน่อย
อีกหนึ่ง Signature ที่ไม่ควรพลาดคือโรตี เห็นได้ทั่วไปในลักษณะของรถเข็น เฟิร์มว่าของเขาอร่อยจริงแถมยังมีไส้แปลกๆ ให้เลือกเพียบ
ขอปิดท้ายด้วยของฝากระดับโอท็อปจากลาว นี่เลย เบียร์ลาว หาซื้อได้เกือบทุกร้าน แนะนำ เบียร์ลาวโกลด์ ที่เขาบอกว่าใช้ ข้าวไก่น้อย ข้าวเหนียวที่มีชื่อเสียงของลาวปลูกทางตอนเหนือของประเทศในการทำเป็น วัตถุดิบเบียร์ ซึ่งจะให้กลิ่นหอม กลมกล่อม คอเบียร์ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง