สมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์เปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อค้านนโยบายขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่ง และการยกเลิกใช้แอลพีจีภาคขนส่งอีก 1-2 ปีข้างหน้า ครบล้านรายชื่อยื่นบิ๊กตู่ขอให้ทบทวน เล็งตบเท้าหารือสรรพสามิต 24 มิ.ย.นี้ ด้าน คปพ.ยื่นบิ๊กตู่วันนี้ร่างกฎหมายปิโตรเลียมพ่วงด้วยการขึ้นภาษีฯ แอลพีจีขนส่ง
นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดเว็บไซต์ www.tagba-thai.com เพื่อให้ประชาชนเข้าไปลงชื่อคัดค้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ภาคขนส่ง และแนวคิดยกเลิกการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งของรัฐบาลใน 1-2 ปี โดยมีเป้าหมายให้ได้ 1 ล้านรายชื่อเพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนนโยบายดังกล่าว
“เมื่อเร็วๆ นี้นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยระบุว่าแอลพีจีขนส่งเป็นการใช้ผิดประเภทจะต้องยกเลิกการใช้ใน 1-2 ปี ซึ่งเห็นว่าเป็นความคิดที่ผิดและเข้าใจว่าท่านคงไปฟังกลุ่มทุนมา ดังนั้นจึงอยากให้ท่านทบทวนเพราะท่านกำลังจะทำร้ายประชาชนผู้ใช้แอลพีจีในรถยนต์ที่มีอยู่ 1.5 ล้านคน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นมูลค่าที่จะสูญเสีย 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี” นายสุรศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งอีก 3-4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยอ้างว่าให้เท่าเทียมกับผู้ใช้น้ำมันโดยอิงหลักการคิดตามค่าความร้อน ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมก็ควรจะต้องขึ้นภาษีฯ แก๊สโซฮอล์ E85 ด้วยเพราะมีค่าความร้อนไม่ต่างจากแอลพีจี นอจากนี้ การขึ้นภาษีฯ ตามค่าความร้อนเป็นนโยบายที่ขัดหลักสากลเพราะประเทศที่พัฒนาแล้วจะเก็บภาษีสรรพสามิตพลังงานตามมลพิษที่ปล่อย
ขณะเดียวกัน การที่รัฐระบุว่าแอลพีจีขนส่งมีสัดส่วนการใช้ที่สูงจะพบว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสัดส่วนการใช้สูงสุดคือ 37% ภาคครัวเรือน 29% ขนส่ง 26% ดังนั้นจึงควรเก็บภาษีสรรพสามิตแอลพีจีในส่วนของปิโตรเคมีและก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ด้วย
“เวลานี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแอลพีจีไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย ตรงกันข้ามพบว่า E85 กองทุนฯ ต้องควักอุดหนุน 7 บาทต่อลิตร เก็บจากผู้ใช้ทุกส่วนมันก็ไม่เป็นธรรมที่รัฐไปอุ้มผู้ลงทุนเอทานอล ผมคิดว่ารัฐเลิกปิดหูปิดตาประชาชนได้แล้ว โดยวันที่ 24 มิ.ย.นี้สมาคมฯ จะเดินทางไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อหารือเรื่องการขึ้นภาษีฯ แอลพีจีขนส่งอีกด้วย” นายสุรศักดิ์กล่าว
สำหรับข้อเสนอของสมาคมฯ 1. ต้องการให้รัฐส่งเสริมการใช้พลังงานแบบเสรีและเป็นธรรมเท่าเทียมกัน 2. การจัดหาแอลพีจีของ บมจ.ปตท.ควรให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วน ทั้งครัวเรือน ขนส่ง ปิโตรเคมี 3. ราคาแอลพีจีขนส่งให้สะท้อนกลไกตลาดโลกแบบเรียลไทม์ 4. หนุน ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซฯ เพิ่ม 5. ส่งเสริมความปลอดภัยการใช้แอลพีจีในรถยนต์ให้มากขึ้น
นายรุ่งชัย จันทร์สิงห์ เครือข่ายผู้ใช้แอลพีจี กล่าวว่า เครือข่าวประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 17 มิ.ย.เกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปพลังงาน 2 เรื่อง คือ การคัดค้านแนวทางการยกเลิกการส่งเสริมการใช้แอลพีจีภาคขนส่ง และร่างพระะราชบัญญัติปิโตรเลียมและภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068113
1 เสียงร่วมโหวตคัดค้านแนวคิดยกเลิก ไม่ส่งเสริม การใช้ระบบแก๊ส LPG ในรถยนต์ ให้ได้มากกว่า 1,000,000 รายชื่อ โดยเร็วที่สุดที่
http://www.tagba-thai.com/
และช่วยกันส่ง Link โหวต และกด Share ไปยัง Facebook ของท่าน ให้กับคนที่ท่านรู้จักและได้รับผลกระทบหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล เพราะพลังงานของชาติเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อรักษาไว้ซึ่งพลังงานทางเลือก LPG รองรับน้ำมันแพง เพื่อตัวท่านและลูกหลานเราในอนาคต
เปิดเว็บล่าชื่อค้านขึ้นภาษีฯ LPG ขนส่ง 1 ล้านชื่อยื่นบิ๊กตู่ทบทวน
นายสุรศักดิ์ นิตติวัฒน์ นายกสมาคมธุรกิจก๊าซรถยนต์ไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดเว็บไซต์ www.tagba-thai.com เพื่อให้ประชาชนเข้าไปลงชื่อคัดค้านนโยบายการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ภาคขนส่ง และแนวคิดยกเลิกการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งของรัฐบาลใน 1-2 ปี โดยมีเป้าหมายให้ได้ 1 ล้านรายชื่อเพื่อนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนนโยบายดังกล่าว
“เมื่อเร็วๆ นี้นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยระบุว่าแอลพีจีขนส่งเป็นการใช้ผิดประเภทจะต้องยกเลิกการใช้ใน 1-2 ปี ซึ่งเห็นว่าเป็นความคิดที่ผิดและเข้าใจว่าท่านคงไปฟังกลุ่มทุนมา ดังนั้นจึงอยากให้ท่านทบทวนเพราะท่านกำลังจะทำร้ายประชาชนผู้ใช้แอลพีจีในรถยนต์ที่มีอยู่ 1.5 ล้านคน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นมูลค่าที่จะสูญเสีย 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี” นายสุรศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ส่งสัญญาณมาตลอดว่าจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตแอลพีจีภาคขนส่งอีก 3-4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยอ้างว่าให้เท่าเทียมกับผู้ใช้น้ำมันโดยอิงหลักการคิดตามค่าความร้อน ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมก็ควรจะต้องขึ้นภาษีฯ แก๊สโซฮอล์ E85 ด้วยเพราะมีค่าความร้อนไม่ต่างจากแอลพีจี นอจากนี้ การขึ้นภาษีฯ ตามค่าความร้อนเป็นนโยบายที่ขัดหลักสากลเพราะประเทศที่พัฒนาแล้วจะเก็บภาษีสรรพสามิตพลังงานตามมลพิษที่ปล่อย
ขณะเดียวกัน การที่รัฐระบุว่าแอลพีจีขนส่งมีสัดส่วนการใช้ที่สูงจะพบว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีสัดส่วนการใช้สูงสุดคือ 37% ภาคครัวเรือน 29% ขนส่ง 26% ดังนั้นจึงควรเก็บภาษีสรรพสามิตแอลพีจีในส่วนของปิโตรเคมีและก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) ด้วย
“เวลานี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแอลพีจีไม่ได้เป็นภาระอะไรเลย ตรงกันข้ามพบว่า E85 กองทุนฯ ต้องควักอุดหนุน 7 บาทต่อลิตร เก็บจากผู้ใช้ทุกส่วนมันก็ไม่เป็นธรรมที่รัฐไปอุ้มผู้ลงทุนเอทานอล ผมคิดว่ารัฐเลิกปิดหูปิดตาประชาชนได้แล้ว โดยวันที่ 24 มิ.ย.นี้สมาคมฯ จะเดินทางไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อหารือเรื่องการขึ้นภาษีฯ แอลพีจีขนส่งอีกด้วย” นายสุรศักดิ์กล่าว
สำหรับข้อเสนอของสมาคมฯ 1. ต้องการให้รัฐส่งเสริมการใช้พลังงานแบบเสรีและเป็นธรรมเท่าเทียมกัน 2. การจัดหาแอลพีจีของ บมจ.ปตท.ควรให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วน ทั้งครัวเรือน ขนส่ง ปิโตรเคมี 3. ราคาแอลพีจีขนส่งให้สะท้อนกลไกตลาดโลกแบบเรียลไทม์ 4. หนุน ปตท.สร้างโรงแยกก๊าซฯ เพิ่ม 5. ส่งเสริมความปลอดภัยการใช้แอลพีจีในรถยนต์ให้มากขึ้น
นายรุ่งชัย จันทร์สิงห์ เครือข่ายผู้ใช้แอลพีจี กล่าวว่า เครือข่าวประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ 17 มิ.ย.เกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปพลังงาน 2 เรื่อง คือ การคัดค้านแนวทางการยกเลิกการส่งเสริมการใช้แอลพีจีภาคขนส่ง และร่างพระะราชบัญญัติปิโตรเลียมและภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068113
1 เสียงร่วมโหวตคัดค้านแนวคิดยกเลิก ไม่ส่งเสริม การใช้ระบบแก๊ส LPG ในรถยนต์ ให้ได้มากกว่า 1,000,000 รายชื่อ โดยเร็วที่สุดที่ http://www.tagba-thai.com/
และช่วยกันส่ง Link โหวต และกด Share ไปยัง Facebook ของท่าน ให้กับคนที่ท่านรู้จักและได้รับผลกระทบหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาล เพราะพลังงานของชาติเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของกลุ่มทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อรักษาไว้ซึ่งพลังงานทางเลือก LPG รองรับน้ำมันแพง เพื่อตัวท่านและลูกหลานเราในอนาคต