หวั่นวิกฤติแทรกแซงตุลาการ! ผู้พิพากษา1,130คน ลงชื่อต้านร่างรธน.ใหม่ ปมที่มาก.ต.
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:36:19 น
1,130ตุลาการ" ลงชื่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเด็นสัดส่วนที่มา ก.ต. หวั่นวิกฤติแทรกแซงตุลาการ
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา กล่าวถึงกรณีที่ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม 1,130 คน เข้าชื่อในจดหมายเปิดผนึกคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) และการอุทธรณ์คำสั่งของก.ต.ที่ลงโทษวินัยผู้พิพากษาสามารถอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ ว่า ในเรื่องนี้จะแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ
ที่มา ก.ต.ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้พิพากษา 437 คนได้ยื่นหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าว เนื่องจากในร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ให้มีสัดส่วนจากบุคคลภายนอก 1 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ซึ่งตัวแทนจากศาลยุติธรรมได้เข้าไปร่วมประชุมเรื่องนี้กับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจนได้ข้อสรุปว่าจะมีการยกเลิกสัดส่วนที่ให้บุคคลภายนอก 1 ใน 3 เข้ามาเป็นก.ต. ได้ แต่จะมีการเสนอให้มีตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลเข้ามาเป็น ก.ต.เพิ่มขึ้นอีก 1 คน
ซึ่งทางเราเองก็ได้สอบถามเหตุผลของแนวคิดดังกล่าว เพราะหลักการของศาลยุติธรรมไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง
ซึ่งทางกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ชี้แจงว่าเพื่อให้สอดคล้องกับศาลปกครอง แต่ส่วนตัวเห็นว่าเหตุผลดังกล่าวถือเป็นคนละเรื่องกัน เพราะอำนาจของศาลปกครองนั้น เป็นการใช้อำนาจตรวจสอบรัฐผู้ถืออำนาจบริหาร ทางฝ่ายรัฐบาลเองจึงมีความกริ่งเกรงว่า จะมีการใช้อำนาจในการรังแกฝ่ายบริหารจากตุลาการที่มีแนวคิดสุดโต่ง จึงมีการเจรจาให้มีตัวแทนจากฝ่ายบริหารเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (กศป.) เพื่อคานอำนาจ
แต่หลักการของศาลยุติธรรมนั้นมีความแตกต่างกัน เพราะศาลยุติธรรมใช้หลักคุณธรรม การพิจารณาตัดสินจะต้องเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ซึ่งระบบนี้จะต้องให้ผู้พิพากษาปกครองกันเอง
นายศรีอัมพร กล่าวอีกว่า ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องที่จะมีการกำหนดให้สามารถอุทธรณ์คำสั่งของ ก.ต.ไปยังศาลฎีกาได้อีกนั้น ตนมองว่าการตรวจสอบของ ก.ต.ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบวินัยของตุลาการนั้นมีการตรวจสอบจำนวน4ขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลเหตุอนุ ก.ต. ก่อนจะมีคำสั่ง และเมื่อมีคำสั่งแล้วผู้ที่ถูกตรวจสอบยังสามารถขอให้มีการพิจารณาคดีอีกครั้งได้อีก ถือว่าการพิจารณาของ ก.ต.นั้นมีคุณภาพเชื่อถือได้ หากกำหนดให้ ก.ต.ซึ่งเป็นองค์กรที่ลงโทษทางวินัยมีคำสั่งมาแล้ว สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ซึ่งเป็นองกรที่ใช้อำนาจตุลาการตัดสินอีกจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
นายศรีอัมพรกล่าวต่อว่า ในตอนนี้มีผู้พิพากษาที่เข้าชื่อลงในจดหมายเปิดผนึกแล้วกว่า 1,130 คนและคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยยืนยันว่าการเข้าชื่อของผู้พิพากษาในครั้งนี้นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่เราแค่แสดงจุดยืนคัดค้านและป้องกันการก้าวล่วงและแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาคดี และกระทบต่อประชาชนโดยตรง โดยเรื่องดังกล่าวจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้(17มิ.ย.)ที่ศาลฎีกา ถ.แจ้งวัฒนะ จากนั้นทางตัวแทนผู้พิพากษาก็จะนำจดหมายเปิดผนึกนี้ไปมอบให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คณะรัฐมนตรี(ครม.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ สปช.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต่อไป
เมื่อถามว่า หากยังมีการยืนยันที่จะให้ตัวแทนฝ่ายบริหารเข้าไปเป็นหนึ่งใน ก.ต.อยู่ จะเกิดการประท้วงคัดค้านของผู้พิพากษาจนนำไปสู่วิกฤติตุลาการดังเช่นอดีตที่ผ่านมาหรือไม่
นายศรีอัมพร กล่าวว่า จะยังไม่เกิดวิกฤติตุลาการ แต่เมื่อหากมีการปล่อยคนนอกเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษา จนทำให้ผู้พิพากษาขาดความเชื่อมั่นไม่มีความไว้ใจและขาดความเป็นอิสระ และส่งผลให้ผลคดีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามอำนาจ เมื่อนั้นก็อาจจะเกิดวิกฤติตุลาการได้อีก
“ต้องถามว่าจะให้ฝ่ายบริหารเข้ามาเพื่ออะไร ในเมื่อหลักการที่เราคัดค้านสัดส่วน ก.ต.1ใน3 ตอนแรกนั้นก็เพราะไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง การที่ให้มีการปฎิรูปนั้นจะต้องปฎิรูปในสิ่งที่มีปัญหาในสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้มาตรฐาน แต่ในส่วนของ ก.ต. นั้นมันไม่มีปัญหาอยู่แล้วจะมาแก้ไขให้มีคนเข้ามาแทรกแซงทำไม เราไม่ได้จะล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแต่เราค้านในเรื่องการแทรกแซงนี้” ท่านศรีอัมพร กล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434458081
ลูกท่านเปา มาแล้ว! ผู้พิพากษา1,130คน ลงชื่อต้านร่างรธน.ใหม่ ปมที่มาก.ต.
วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:36:19 น
1,130ตุลาการ" ลงชื่อต้านร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเด็นสัดส่วนที่มา ก.ต. หวั่นวิกฤติแทรกแซงตุลาการ
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกา กล่าวถึงกรณีที่ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม 1,130 คน เข้าชื่อในจดหมายเปิดผนึกคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่เกี่ยวกับที่มาคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) และการอุทธรณ์คำสั่งของก.ต.ที่ลงโทษวินัยผู้พิพากษาสามารถอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ ว่า ในเรื่องนี้จะแบ่งเป็น 2 ประเด็น คือ
ที่มา ก.ต.ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้พิพากษา 437 คนได้ยื่นหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าว เนื่องจากในร่างรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ให้มีสัดส่วนจากบุคคลภายนอก 1 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ซึ่งตัวแทนจากศาลยุติธรรมได้เข้าไปร่วมประชุมเรื่องนี้กับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจนได้ข้อสรุปว่าจะมีการยกเลิกสัดส่วนที่ให้บุคคลภายนอก 1 ใน 3 เข้ามาเป็นก.ต. ได้ แต่จะมีการเสนอให้มีตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลเข้ามาเป็น ก.ต.เพิ่มขึ้นอีก 1 คน
ซึ่งทางเราเองก็ได้สอบถามเหตุผลของแนวคิดดังกล่าว เพราะหลักการของศาลยุติธรรมไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง
ซึ่งทางกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญได้ชี้แจงว่าเพื่อให้สอดคล้องกับศาลปกครอง แต่ส่วนตัวเห็นว่าเหตุผลดังกล่าวถือเป็นคนละเรื่องกัน เพราะอำนาจของศาลปกครองนั้น เป็นการใช้อำนาจตรวจสอบรัฐผู้ถืออำนาจบริหาร ทางฝ่ายรัฐบาลเองจึงมีความกริ่งเกรงว่า จะมีการใช้อำนาจในการรังแกฝ่ายบริหารจากตุลาการที่มีแนวคิดสุดโต่ง จึงมีการเจรจาให้มีตัวแทนจากฝ่ายบริหารเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (กศป.) เพื่อคานอำนาจ
แต่หลักการของศาลยุติธรรมนั้นมีความแตกต่างกัน เพราะศาลยุติธรรมใช้หลักคุณธรรม การพิจารณาตัดสินจะต้องเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ซึ่งระบบนี้จะต้องให้ผู้พิพากษาปกครองกันเอง
นายศรีอัมพร กล่าวอีกว่า ส่วนอีกประเด็นคือเรื่องที่จะมีการกำหนดให้สามารถอุทธรณ์คำสั่งของ ก.ต.ไปยังศาลฎีกาได้อีกนั้น ตนมองว่าการตรวจสอบของ ก.ต.ซึ่งเป็นองค์กรตรวจสอบวินัยของตุลาการนั้นมีการตรวจสอบจำนวน4ขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลเหตุอนุ ก.ต. ก่อนจะมีคำสั่ง และเมื่อมีคำสั่งแล้วผู้ที่ถูกตรวจสอบยังสามารถขอให้มีการพิจารณาคดีอีกครั้งได้อีก ถือว่าการพิจารณาของ ก.ต.นั้นมีคุณภาพเชื่อถือได้ หากกำหนดให้ ก.ต.ซึ่งเป็นองค์กรที่ลงโทษทางวินัยมีคำสั่งมาแล้ว สามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ซึ่งเป็นองกรที่ใช้อำนาจตุลาการตัดสินอีกจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
นายศรีอัมพรกล่าวต่อว่า ในตอนนี้มีผู้พิพากษาที่เข้าชื่อลงในจดหมายเปิดผนึกแล้วกว่า 1,130 คนและคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยยืนยันว่าการเข้าชื่อของผู้พิพากษาในครั้งนี้นั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่เราแค่แสดงจุดยืนคัดค้านและป้องกันการก้าวล่วงและแทรกแซงอำนาจตุลาการซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาคดี และกระทบต่อประชาชนโดยตรง โดยเรื่องดังกล่าวจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้(17มิ.ย.)ที่ศาลฎีกา ถ.แจ้งวัฒนะ จากนั้นทางตัวแทนผู้พิพากษาก็จะนำจดหมายเปิดผนึกนี้ไปมอบให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คณะรัฐมนตรี(ครม.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ สปช.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต่อไป
เมื่อถามว่า หากยังมีการยืนยันที่จะให้ตัวแทนฝ่ายบริหารเข้าไปเป็นหนึ่งใน ก.ต.อยู่ จะเกิดการประท้วงคัดค้านของผู้พิพากษาจนนำไปสู่วิกฤติตุลาการดังเช่นอดีตที่ผ่านมาหรือไม่
นายศรีอัมพร กล่าวว่า จะยังไม่เกิดวิกฤติตุลาการ แต่เมื่อหากมีการปล่อยคนนอกเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษา จนทำให้ผู้พิพากษาขาดความเชื่อมั่นไม่มีความไว้ใจและขาดความเป็นอิสระ และส่งผลให้ผลคดีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามอำนาจ เมื่อนั้นก็อาจจะเกิดวิกฤติตุลาการได้อีก
“ต้องถามว่าจะให้ฝ่ายบริหารเข้ามาเพื่ออะไร ในเมื่อหลักการที่เราคัดค้านสัดส่วน ก.ต.1ใน3 ตอนแรกนั้นก็เพราะไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซง การที่ให้มีการปฎิรูปนั้นจะต้องปฎิรูปในสิ่งที่มีปัญหาในสิ่งที่ไม่ดีไม่ได้มาตรฐาน แต่ในส่วนของ ก.ต. นั้นมันไม่มีปัญหาอยู่แล้วจะมาแก้ไขให้มีคนเข้ามาแทรกแซงทำไม เราไม่ได้จะล้มรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแต่เราค้านในเรื่องการแทรกแซงนี้” ท่านศรีอัมพร กล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434458081