สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของจขกท.ค่ะ อาจจะบรรยายเรื่องไม่ได้อรรถรสเท่าไหร่ แต่ก็อยากตั้งกระทู้เพื่อเล่าความในใจให้ได้อ่านกันจริงๆ ผิดพลาดพิมพ์ผิดพิมพ์ตกยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
จะบรรยายตามเหตุการณ์เพื่อแสดงระดับของความสนิทนะคะ
เกิดเหตุการณ์ขึ้นตอนก่อนเปิดเทอม หอของจขกทอยู่หลังมอพอดีตอนนั้นก็เลยอยากสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ที่เรียนสาขาเดียวกันที่อยู่หลังมอด้วยกันเลยชวนๆ กันไปกินข้าว กินเหล้ากันตามประสาเด็กเห่อชีวิตไกลบ้าน ตอนนั้นเองเราก็ได้รู้จักกับดินเป็นเพื่อนคนนึงในสาขาแล้วก็อยู่เซคเดียวกันด้วย แล้วก็เพื่อนๆ อีกหลายคน ดินเป็นคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าติสท์ระดับหนึ่ง ครั้งแรกที่รู้จักก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนั้นก็จะเดินไปหอเพื่อนเพื่อไปนั่งเล่นกัน ทางมันเปลี่ยวมาก ตอนนั้นก็มีจขกท ดิน แล้วก็เพื่อนผู้หญิงของจขกทอีกสองคน ระหว่างเดินด้วยความที่กลัวผีแล้วก็รู้สึกไม่ชินก็เลยบอกดินไปว่า
จขกท : ดิน นี่กูสนิทกับรึยังวะ
ดิน : สนิทแล้วดิ
จขกท : งั้นกูขอเกาะแขนหน่อยนะ กูกลัวผี
อยากบอกว่าตอนนั้นบริสุทธิ์ใจมาก ไม่รู้สึกเขินหรืออะไรเลยซักนิด เป็นความรู้สึกของเพื่อนแบบ 1000000% แล้วเราก็เดินไปจนถึงหอเพื่อนผู้ชายอีกคน ก็ไปนั่งเล่นกันพูดคุยสร้างความสนิทกันตามประสา คืนนั้นก็ตกลงนอนกันที่ห้องเพื่อนคนนั้น เป็นคืนแรกที่ได้นอนกับดิน แม้จะไม่ได้นอนชิดกันก็เถอะ
หลังจากนั้นเราก็มีการชวนๆ เพื่อนที่อยู่หลังมอด้วยกันไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน และแน่นอนดินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนั้นคนที่ชวนไม่ใช่จขกทแต่เป็นเพื่อนสนิทของจขกทเอง มันจะเป็นคนโทรชวนดินกินข้าวตอนเย็นตลอด แล้วมันเองก็สนิทกับดิน ณ ตอนนั้นด้วย เพราะก่อนที่เราจะมาเรียนมีการสร้างไลน์สาขาเพื่อให้ได้สนิทๆ กันไว้ มันเป็นคนที่สิงไลน์เลยทำให้สนิทกับเพื่อนๆ มากกว่าจขกท ซึ่งตอนนั้นจขกทไม่มีโทรศัพท์ที่สามารถเล่นไลน์ได้ เลยไม่ได้สนิทกับเพื่อนๆ ซักเท่าไหร่ ด้วยความที่เราเองเห็นมันโทรชวนดินกินข้าวตลอดเลยชอบแซวไปบ่อยๆ ว่า 'ระวังดินชอบนะเว้ยยย' 'ชอบมันป้ะเนียะ' 'ดิน(ชื่อเพื่อน)ๆๆๆ' มันเองก็ชอบพูดติดตลกว่า 'เออ กูจะจีบ' จขกทเป็นคนปากหมาค่ะ ชอบแซวคนอื่นจนหารู้ไม่ว่ามันจะย้อนเข้าตัวเอง
เป็นแบบนี้โดยไม่รู้สึกอะไรมาเรื่อยๆ จนวันนึงเป็นวันซ้อมกีฬาเฟรชชี่และก็เป้นเวลาเลิกซ้อมพอดี เราเอง(หลังจากนี้จะแทนตัวเองว่าเรา)ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วก็เดินไปเล่นกับคนนู้นคนนี้ตามประสาคนขี้แกล้ง เราเองก็เดินเข้าไปแกล้งดินด้วยโดยการเดินเข้าไปจั๊กจี้ที่เอว มันก็สะดุ้งเราเลยรู้สึกสนุกเลยแกล้งต่อ มันก็บอกว่า 'หยุดๆ หยุดด หยุด จะหยุดมั้ย' แต่เราก็ไม่หยุดมันเลยหันหน้ามาละใช้มือรวบสองแขนเราไว้แล้วบีบ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บเลยร้องโอดโอยปนขำไปด้วย และน่าจะเป็นตอนนั้นที่รู้สึกชอบเพราะอะไรก็ไม่รู้
เราเองก็จำไม่ได้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่เพื่อแน่ใจว่าเราเองชอบดินเข้าแล้วจริงๆ จนตัดสินใจบอกเพื่อนสนิทไปว่า 'เออ กูชอบดิน' ตอนนั้นที่ตัดสินใจบอกเพื่อนในหัวก็มีแต่ 'เป็นไงละ ปากหมาแกล้งเพื่อนดีนัก ดันชอบเค้าซะเอง' รู้สึกแบบไม่น่าเลยกู ไม่น่าไปแกล้งเพื่อนเลย
รู้ตัวแล้วว่าชอบดินแล้วจริงๆ เราก็เลยคิดหาวิธีเพื่อที่จะได้คุยได้สนิทกับดินในมากกว่าเดิม (ตอนนั้นไม่รู้ไปเอาความกล้าจากไหนถึงทำแบบนี้ได้) เราทักไลน์ดินไปชวนคุยเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่า ดินเป็นคนคุยไลน์กวนตีน แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจความรู้สึกของคู่สนทนาเท่าไหร่ เพราะชอบตอบอือกับอืม ความรู้สึกตอนเห็นคำนั้นแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แต่ทำได้แค่ลบแชท เพราะเราเองเป็นคนที่ถ้าตัวเองไม่ชอบอะไรจะไม่ให้คนอื่น เราไม่ชอบที่คนอื่นตอบอือ อืมมา เราก็เลยไม่ตอบแบบนั้นกับใคร พอเจอแบบนี้กับตัวเองเลยหงุดหงิดมาก ทุกครั้งที่เจอคำนั้นก็จะลบแชทตลอด ทำให้ตอนนั้นไม่สามารถย้อนแชทได้ว่าประโยคแรกที่ทักไปคืออะไร = =
เราเองก็ทักไปเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งนึงคือด้วยความที่ตอนนั้นคงจะอยู่ในโหมดหลง เกิดทักไปบอกว่าจะทำการบ้านให้ มันก็บอกว่าใจดีจัง แล้วพอมาคิดดีๆ แล้วอ่าวว นี่กูทำให้มันทำไม แต่บอกจะทำให้แล้วก็ต้องทำให้ แล้วมันก็โทรมาหาเราก็รับ
เรา : ฮัลโหล
มัน : คิดถึง
ตอนนั้นใจนี่เต้นตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็ต้องตั้งสติด่าไปตามประสา คุยไปคุยมาไม่นานก็ได้ความว่าการบ้านเสร็จรึยัง - -
พอวางสายเราก็เลยเอาไปเล่ากับเพื่อนว่าเออ ดินบอกคิดถึงด้วยแหละ เพื่อนมันก็เลยบอกว่า มันพูดเล่นๆ รึป่าว เรานี่แบบ ทำไมขัด -*-
น่าจะเป็นวันนั้นมั้งที่รู้สึกสนิทขึ้น
เรากับดินก็ได้คุยไลน์กันมากขึ้น มันเองก็รู้สึกสนิทกับเรามากขึ้นก็เลยมีการทักมาคุยบ้าง ส่งเพลงว๊ากบ้าๆ บอๆ ตามสไตล์ที่มันชอบมาให้ฟังบ้าง เราก็เออออฟังตามมันไป ทำให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของมันว่าเป็นคนแบบไหนยังไง
วันนั้นเป็นวันเรียนวิชาอังกฤษ(ถ้าจำไม่ผิด) เราได้นั่งข้างมัน รู้สึกปริ่มแต่ก็ต้องเก็บอาการ มันชอบเอาสมุดคิดงานของเราไปเขียนเนื้อเพลงเล่นๆ เราก็ยอมให้มันไปแล้วก็นั่งเรียนเฉยๆ ที่มันเขียนเป็นท่อนสั้นๆ ของเพลงแล้วก็เขียนชื่อนักร้องไว้ข้างล่าง พอหมดคาบเราก็ขอคืนแล้วก็ถามว่าเขียนอะไร แล้วก็เปิดอ่าน ก็รู้ว่าเป็นเนื้อเพลง เลยส่ายหัวให้มันแบบเอือมๆ แต่พอกลับหอไปนี่ไล่เปิดฟังทีละเพลง หวังว่าคงมีซักเพลงที่มีความหมายที่มันจะให้เราบ้าง -/- แต่ก็ไม่เลย เป็นเพลงบ้าๆ บอๆ อีกนั่นแหละ เพลงร็อคบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็มีบางเพลงนะที่เพราะมากจนตอนนี้เราเองก็ยังชอบเปิดฟัง รู้สึกชอบวงนั้นเพราะมันเลย
มันเป็นคนชอบฟังเพลงมาก รู้สึกขอบคุณมันที่ทำให้รู้สึกวงดนตรีที่มีเพลงเพราะๆ ให้ฟัง เพลงที่มันส่งให้ฟังบางวงเพลงเพราะมากแต่ยอดวิวน้อย อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันไปสรรหาเพลงมาจากไหน
ในคาบอังกฤษเหมือนกันน่าจะเป็นวันเดียวกัน จากที่เราบอกว่าเราได้นั่งข้างมันใช่มั้ยหละ ตอนนั้นในคาบมันแอบเล่นมายากลให้ดูด้วย เป็นคนเดียวที่ได้เห็นมันเล่นมายากลให้ดูตอนนั้น รู้สึกว่าตัวเองพิเศษมาก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
วันนั้น(และจะมีอีกหลายๆ วันนั้น) เป็นวันเรียนที่เรียนวิชาภาคเป็นวิชาที่เราต้องพรีเซนงานแล้วตอนนั้นก็รู้ตัวเองอยู่ตลอดว่างานไม่ดีเลย ทำให้รู้สึกลนลานมาก เดินไปเดินมาเกทอบทั่วห้อง เพื่อนๆ เองก็คงจะดูออกว่าตอนนั้นเราไม่โอเค ดินเองก็น่าจะดูออก มันเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด ตอนนั้นเรากำลังยืน มีเก้าอี้หนึ่งตัวที่คั่นระหว่างเรากับมัน มันตบเก้าอี้ที่ว่างแล้วมองหน้าเราเพื่อจะบอกว่าให้นั่งลง เราเองตอนนั้นร่มบ่จอย เลยมองเฉยๆ แล้วก็เมินหน้าหนี แล้วมันก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง รอบนี้ก็เออโอเค นั่งก็ได้ พอทำท่าจะหย่อนตูดนั่งเท่านั้นแหละ มันดึงเก้าอี้หนี เราก็บอก เอ้า อะไรของ พอก็จะนั่งก็ไม่ให้นั่ง มันลากเก้าอี้นั้นไปวางเท้า เราก็มองไปแบบเอือมๆ แล้วซักพักมันก็ตบที่ตักของมัน เราก็แบบ...ใจเต้นอีกละ ที่กำลังชวนให้กูเป็นนั่งตักนะ ทำอะไรอยู่รู้ตัวมั้ย เราก็ยืนอึ้งซักพักมันก็ยังค้างท่าเดิม เราเองก็ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ทิ้งโอกาส ก็เดินเข้าไปนั่งที่ตักมัน ตอนนั้นนี่แบบ....กรี๊ดดดด กรี๊ดมากกกกกกก ลืมไปหมดเลยว่าก่อนหน้านั้นอารมณ์ไม่ดี
มันเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก ที่หนังในกระแสหรือว่านอกกระแส ชอบดูหนังติสท์ๆ ที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้าร่วม เราเองก็ชอบดูหนังแบบนั้นเหมือนกัน มันก็เลยชอบส่งหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ ส่งการ์ตูนบ้างมาให้ดูอยู่ตลอด จนวันนึงมันชวนเราไปดูหนังในคาบวิชาภาค เรายืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ผู้หญิง มันก็เดินมาหาแล้วบอกว่า ไปดูหนังกัน เราก็มองแบบอะไรของแล้วก็ทำเมินไป แล้วทีนี้มันก็บอกอีก ง ไปดูหนัง(ชื่อเรื่อง)กัน เราก็ฟังเฉยๆ อีกไม่ได้ตอบตกลงไร แล้วมันก็ชวนแแบบนี้วนไปวนมาจนรู้สึกว่าเออ อยากไปจริงๆ สินะ ก็เลยตอบไปว่า ตอนไหน มันก็บอกวันเวลามา แล้วปรากกฎมีเพื่อนในกลุ่มแซวขึ้นมาว่า ทำไมชวนแต่(ชื่อเรา) ไม่เห็นจะชวนกูบ้างเลย เห็นชวนแต่(ชื่อเรา) ตลอด ตอนนั้นเราก็เลยคิดว่า หืมมมม เราพิเศษนะเนียะ วันนั้นก็เป็นวันที่ได้ไปดูหนังกับมันสองต่อสองเรื่องแรก ไม่บอกหรอกว่าเรื่องอะไร
เรากับมันเริ่มสนิทกันมากขึ้นตามวันเวลา คุยไลน์กันบ่อยขึ้น แรกๆ ก็คุยกันวันเว้นหลายๆ วัน แล้วก็เป็นสองวัน สามวันติด หลังจากนั้นก็คุยกันทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็น ก่อนนอนก็ค้างข้อความไว้แล้วตื่นมาก็มาตอบใหม่ เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกว่าที่เราคุยกันทุกวันแบบนี้มันเองอาจจะคิดอะไรกับเราเหมือนกับที่เราคิดกับมันตอนนี้ก็ได้นะ เลยรู้สึกดีใจที่เป็นคนที่มันคุยตลอดแบบนี้
แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วก็มารู้ว่ามันก็คุยแบบนี้กับเพื่อนเราเหมือนกัน แล้วก็มีเพื่อนมันอีกหลายๆ คนให้มันคุยด้วยตลอด ตามประสาคนขี้เหงา แต่เราก็ไม่ได้คิดมาก เพราะว่าอย่างน้อยมันก็ยังคุยกับเราแล้วก็ไม่ได้คิดจะผลักไสหรืออะไร
มีอยู่ครั้งนึงมีโอกาสได้ไปนั่งกินบุฟเฟ่ด้วยกันกับเพื่อนๆ กลุ่มมันซึ่งก็เป็นเพื่อนเราที่เรียนห้องเดียวกันนั่นแหละ เราเองก็สนิทกับเพื่อนๆ ผู้ชายเยอะด้วยเลยไปกันได้ เราเองก็ไปกับเพื่อนเราอีกสองคน วันนั้นเรานั่งแท็กซี่กันไปมันเป็นผู้ชายที่มานั่งคันเดียวกับเราที่มีเพิ่อนผู้หญิงเราอยู่ด้วย เป็นธรรมเนียมว่ารถแท้กซี่จะต้องมีผู้ชายอยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย ตอนขึ้นรถเพื่อนเราเองก็รู้ทันมันสองคนขึ้นไปนั่งด้านในสุดแล้วให้เรานั่งทีหลังแล้วก็ตามด้วยดิน เพื่อให้เรากับดินได้นั่งด้วยกัน เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่เพื่อนมันรู้ใจ >< เรานั่งเล่นมือถือไปได้ซักพักก็หันไปมองมันที่นั่งสัปหงกหัวชนกระจกรถอยู่ก็เลยบอกไปว่า ไม่เจ็บเหรอ เอาหัวพิงให้ดีดิ แล้วก็หันไปเล่นมือถือต่อ ไม่ได้สนใจอะไร จนมีมือของมันมาคว้าหมับเข้าที่หัวแล้วโดนจัดการเอาอีกหัวของมันเองพิงบนหัวเรา จากที่มือสไลด์มือถืออยู่ดีๆ ตอนนี้มือแข็งหมดแล้ว ใจที่สั่นเป็นจังหวะมาร์ชโรงเรียน ไอบ้าเอ๊ยยยยย เหมือนในละครชิบ
พอถึงร้านเราก็ไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ ว่าเห็นอะไรมั้ย มันก็ว่าเห็นมันเองก็อึ้งเหมือนกัน
ขอตัวไปนั่งนึกเหตุการณ์ก่อนนะคะ มันมีเหตุการณ์เยอะมากกก นี่เป็นแค่เสี้ยวหนึ่ง เดี๋ยวอีกแป๊ปจะมาต่อ
เพื่อนผู้ชายจะรู้บ้างมั้ย ว่าทำแบบนี้กับเพื่อนผู้หญิงไม่ได้
จะบรรยายตามเหตุการณ์เพื่อแสดงระดับของความสนิทนะคะ
เกิดเหตุการณ์ขึ้นตอนก่อนเปิดเทอม หอของจขกทอยู่หลังมอพอดีตอนนั้นก็เลยอยากสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ที่เรียนสาขาเดียวกันที่อยู่หลังมอด้วยกันเลยชวนๆ กันไปกินข้าว กินเหล้ากันตามประสาเด็กเห่อชีวิตไกลบ้าน ตอนนั้นเองเราก็ได้รู้จักกับดินเป็นเพื่อนคนนึงในสาขาแล้วก็อยู่เซคเดียวกันด้วย แล้วก็เพื่อนๆ อีกหลายคน ดินเป็นคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าติสท์ระดับหนึ่ง ครั้งแรกที่รู้จักก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนั้นก็จะเดินไปหอเพื่อนเพื่อไปนั่งเล่นกัน ทางมันเปลี่ยวมาก ตอนนั้นก็มีจขกท ดิน แล้วก็เพื่อนผู้หญิงของจขกทอีกสองคน ระหว่างเดินด้วยความที่กลัวผีแล้วก็รู้สึกไม่ชินก็เลยบอกดินไปว่า
จขกท : ดิน นี่กูสนิทกับรึยังวะ
ดิน : สนิทแล้วดิ
จขกท : งั้นกูขอเกาะแขนหน่อยนะ กูกลัวผี
อยากบอกว่าตอนนั้นบริสุทธิ์ใจมาก ไม่รู้สึกเขินหรืออะไรเลยซักนิด เป็นความรู้สึกของเพื่อนแบบ 1000000% แล้วเราก็เดินไปจนถึงหอเพื่อนผู้ชายอีกคน ก็ไปนั่งเล่นกันพูดคุยสร้างความสนิทกันตามประสา คืนนั้นก็ตกลงนอนกันที่ห้องเพื่อนคนนั้น เป็นคืนแรกที่ได้นอนกับดิน แม้จะไม่ได้นอนชิดกันก็เถอะ
หลังจากนั้นเราก็มีการชวนๆ เพื่อนที่อยู่หลังมอด้วยกันไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน และแน่นอนดินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ตอนนั้นคนที่ชวนไม่ใช่จขกทแต่เป็นเพื่อนสนิทของจขกทเอง มันจะเป็นคนโทรชวนดินกินข้าวตอนเย็นตลอด แล้วมันเองก็สนิทกับดิน ณ ตอนนั้นด้วย เพราะก่อนที่เราจะมาเรียนมีการสร้างไลน์สาขาเพื่อให้ได้สนิทๆ กันไว้ มันเป็นคนที่สิงไลน์เลยทำให้สนิทกับเพื่อนๆ มากกว่าจขกท ซึ่งตอนนั้นจขกทไม่มีโทรศัพท์ที่สามารถเล่นไลน์ได้ เลยไม่ได้สนิทกับเพื่อนๆ ซักเท่าไหร่ ด้วยความที่เราเองเห็นมันโทรชวนดินกินข้าวตลอดเลยชอบแซวไปบ่อยๆ ว่า 'ระวังดินชอบนะเว้ยยย' 'ชอบมันป้ะเนียะ' 'ดิน(ชื่อเพื่อน)ๆๆๆ' มันเองก็ชอบพูดติดตลกว่า 'เออ กูจะจีบ' จขกทเป็นคนปากหมาค่ะ ชอบแซวคนอื่นจนหารู้ไม่ว่ามันจะย้อนเข้าตัวเอง
เป็นแบบนี้โดยไม่รู้สึกอะไรมาเรื่อยๆ จนวันนึงเป็นวันซ้อมกีฬาเฟรชชี่และก็เป้นเวลาเลิกซ้อมพอดี เราเอง(หลังจากนี้จะแทนตัวเองว่าเรา)ก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วก็เดินไปเล่นกับคนนู้นคนนี้ตามประสาคนขี้แกล้ง เราเองก็เดินเข้าไปแกล้งดินด้วยโดยการเดินเข้าไปจั๊กจี้ที่เอว มันก็สะดุ้งเราเลยรู้สึกสนุกเลยแกล้งต่อ มันก็บอกว่า 'หยุดๆ หยุดด หยุด จะหยุดมั้ย' แต่เราก็ไม่หยุดมันเลยหันหน้ามาละใช้มือรวบสองแขนเราไว้แล้วบีบ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บเลยร้องโอดโอยปนขำไปด้วย และน่าจะเป็นตอนนั้นที่รู้สึกชอบเพราะอะไรก็ไม่รู้
เราเองก็จำไม่ได้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่เพื่อแน่ใจว่าเราเองชอบดินเข้าแล้วจริงๆ จนตัดสินใจบอกเพื่อนสนิทไปว่า 'เออ กูชอบดิน' ตอนนั้นที่ตัดสินใจบอกเพื่อนในหัวก็มีแต่ 'เป็นไงละ ปากหมาแกล้งเพื่อนดีนัก ดันชอบเค้าซะเอง' รู้สึกแบบไม่น่าเลยกู ไม่น่าไปแกล้งเพื่อนเลย
รู้ตัวแล้วว่าชอบดินแล้วจริงๆ เราก็เลยคิดหาวิธีเพื่อที่จะได้คุยได้สนิทกับดินในมากกว่าเดิม (ตอนนั้นไม่รู้ไปเอาความกล้าจากไหนถึงทำแบบนี้ได้) เราทักไลน์ดินไปชวนคุยเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่า ดินเป็นคนคุยไลน์กวนตีน แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจความรู้สึกของคู่สนทนาเท่าไหร่ เพราะชอบตอบอือกับอืม ความรู้สึกตอนเห็นคำนั้นแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง แต่ทำได้แค่ลบแชท เพราะเราเองเป็นคนที่ถ้าตัวเองไม่ชอบอะไรจะไม่ให้คนอื่น เราไม่ชอบที่คนอื่นตอบอือ อืมมา เราก็เลยไม่ตอบแบบนั้นกับใคร พอเจอแบบนี้กับตัวเองเลยหงุดหงิดมาก ทุกครั้งที่เจอคำนั้นก็จะลบแชทตลอด ทำให้ตอนนั้นไม่สามารถย้อนแชทได้ว่าประโยคแรกที่ทักไปคืออะไร = =
เราเองก็ทักไปเรื่อยๆ มีอยู่ครั้งนึงคือด้วยความที่ตอนนั้นคงจะอยู่ในโหมดหลง เกิดทักไปบอกว่าจะทำการบ้านให้ มันก็บอกว่าใจดีจัง แล้วพอมาคิดดีๆ แล้วอ่าวว นี่กูทำให้มันทำไม แต่บอกจะทำให้แล้วก็ต้องทำให้ แล้วมันก็โทรมาหาเราก็รับ
เรา : ฮัลโหล
มัน : คิดถึง
ตอนนั้นใจนี่เต้นตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ก็ต้องตั้งสติด่าไปตามประสา คุยไปคุยมาไม่นานก็ได้ความว่าการบ้านเสร็จรึยัง - -
พอวางสายเราก็เลยเอาไปเล่ากับเพื่อนว่าเออ ดินบอกคิดถึงด้วยแหละ เพื่อนมันก็เลยบอกว่า มันพูดเล่นๆ รึป่าว เรานี่แบบ ทำไมขัด -*-
น่าจะเป็นวันนั้นมั้งที่รู้สึกสนิทขึ้น
เรากับดินก็ได้คุยไลน์กันมากขึ้น มันเองก็รู้สึกสนิทกับเรามากขึ้นก็เลยมีการทักมาคุยบ้าง ส่งเพลงว๊ากบ้าๆ บอๆ ตามสไตล์ที่มันชอบมาให้ฟังบ้าง เราก็เออออฟังตามมันไป ทำให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของมันว่าเป็นคนแบบไหนยังไง
วันนั้นเป็นวันเรียนวิชาอังกฤษ(ถ้าจำไม่ผิด) เราได้นั่งข้างมัน รู้สึกปริ่มแต่ก็ต้องเก็บอาการ มันชอบเอาสมุดคิดงานของเราไปเขียนเนื้อเพลงเล่นๆ เราก็ยอมให้มันไปแล้วก็นั่งเรียนเฉยๆ ที่มันเขียนเป็นท่อนสั้นๆ ของเพลงแล้วก็เขียนชื่อนักร้องไว้ข้างล่าง พอหมดคาบเราก็ขอคืนแล้วก็ถามว่าเขียนอะไร แล้วก็เปิดอ่าน ก็รู้ว่าเป็นเนื้อเพลง เลยส่ายหัวให้มันแบบเอือมๆ แต่พอกลับหอไปนี่ไล่เปิดฟังทีละเพลง หวังว่าคงมีซักเพลงที่มีความหมายที่มันจะให้เราบ้าง -/- แต่ก็ไม่เลย เป็นเพลงบ้าๆ บอๆ อีกนั่นแหละ เพลงร็อคบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็มีบางเพลงนะที่เพราะมากจนตอนนี้เราเองก็ยังชอบเปิดฟัง รู้สึกชอบวงนั้นเพราะมันเลย
มันเป็นคนชอบฟังเพลงมาก รู้สึกขอบคุณมันที่ทำให้รู้สึกวงดนตรีที่มีเพลงเพราะๆ ให้ฟัง เพลงที่มันส่งให้ฟังบางวงเพลงเพราะมากแต่ยอดวิวน้อย อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันไปสรรหาเพลงมาจากไหน
ในคาบอังกฤษเหมือนกันน่าจะเป็นวันเดียวกัน จากที่เราบอกว่าเราได้นั่งข้างมันใช่มั้ยหละ ตอนนั้นในคาบมันแอบเล่นมายากลให้ดูด้วย เป็นคนเดียวที่ได้เห็นมันเล่นมายากลให้ดูตอนนั้น รู้สึกว่าตัวเองพิเศษมาก ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
วันนั้น(และจะมีอีกหลายๆ วันนั้น) เป็นวันเรียนที่เรียนวิชาภาคเป็นวิชาที่เราต้องพรีเซนงานแล้วตอนนั้นก็รู้ตัวเองอยู่ตลอดว่างานไม่ดีเลย ทำให้รู้สึกลนลานมาก เดินไปเดินมาเกทอบทั่วห้อง เพื่อนๆ เองก็คงจะดูออกว่าตอนนั้นเราไม่โอเค ดินเองก็น่าจะดูออก มันเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด ตอนนั้นเรากำลังยืน มีเก้าอี้หนึ่งตัวที่คั่นระหว่างเรากับมัน มันตบเก้าอี้ที่ว่างแล้วมองหน้าเราเพื่อจะบอกว่าให้นั่งลง เราเองตอนนั้นร่มบ่จอย เลยมองเฉยๆ แล้วก็เมินหน้าหนี แล้วมันก็ทำแบบเดิมอีกครั้ง รอบนี้ก็เออโอเค นั่งก็ได้ พอทำท่าจะหย่อนตูดนั่งเท่านั้นแหละ มันดึงเก้าอี้หนี เราก็บอก เอ้า อะไรของ พอก็จะนั่งก็ไม่ให้นั่ง มันลากเก้าอี้นั้นไปวางเท้า เราก็มองไปแบบเอือมๆ แล้วซักพักมันก็ตบที่ตักของมัน เราก็แบบ...ใจเต้นอีกละ ที่กำลังชวนให้กูเป็นนั่งตักนะ ทำอะไรอยู่รู้ตัวมั้ย เราก็ยืนอึ้งซักพักมันก็ยังค้างท่าเดิม เราเองก็ด้วยความที่เป็นคนที่ไม่ทิ้งโอกาส ก็เดินเข้าไปนั่งที่ตักมัน ตอนนั้นนี่แบบ....กรี๊ดดดด กรี๊ดมากกกกกกก ลืมไปหมดเลยว่าก่อนหน้านั้นอารมณ์ไม่ดี
มันเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก ที่หนังในกระแสหรือว่านอกกระแส ชอบดูหนังติสท์ๆ ที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกเข้าร่วม เราเองก็ชอบดูหนังแบบนั้นเหมือนกัน มันก็เลยชอบส่งหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ ส่งการ์ตูนบ้างมาให้ดูอยู่ตลอด จนวันนึงมันชวนเราไปดูหนังในคาบวิชาภาค เรายืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ผู้หญิง มันก็เดินมาหาแล้วบอกว่า ไปดูหนังกัน เราก็มองแบบอะไรของแล้วก็ทำเมินไป แล้วทีนี้มันก็บอกอีก ง ไปดูหนัง(ชื่อเรื่อง)กัน เราก็ฟังเฉยๆ อีกไม่ได้ตอบตกลงไร แล้วมันก็ชวนแแบบนี้วนไปวนมาจนรู้สึกว่าเออ อยากไปจริงๆ สินะ ก็เลยตอบไปว่า ตอนไหน มันก็บอกวันเวลามา แล้วปรากกฎมีเพื่อนในกลุ่มแซวขึ้นมาว่า ทำไมชวนแต่(ชื่อเรา) ไม่เห็นจะชวนกูบ้างเลย เห็นชวนแต่(ชื่อเรา) ตลอด ตอนนั้นเราก็เลยคิดว่า หืมมมม เราพิเศษนะเนียะ วันนั้นก็เป็นวันที่ได้ไปดูหนังกับมันสองต่อสองเรื่องแรก ไม่บอกหรอกว่าเรื่องอะไร
เรากับมันเริ่มสนิทกันมากขึ้นตามวันเวลา คุยไลน์กันบ่อยขึ้น แรกๆ ก็คุยกันวันเว้นหลายๆ วัน แล้วก็เป็นสองวัน สามวันติด หลังจากนั้นก็คุยกันทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็น ก่อนนอนก็ค้างข้อความไว้แล้วตื่นมาก็มาตอบใหม่ เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกว่าที่เราคุยกันทุกวันแบบนี้มันเองอาจจะคิดอะไรกับเราเหมือนกับที่เราคิดกับมันตอนนี้ก็ได้นะ เลยรู้สึกดีใจที่เป็นคนที่มันคุยตลอดแบบนี้
แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วก็มารู้ว่ามันก็คุยแบบนี้กับเพื่อนเราเหมือนกัน แล้วก็มีเพื่อนมันอีกหลายๆ คนให้มันคุยด้วยตลอด ตามประสาคนขี้เหงา แต่เราก็ไม่ได้คิดมาก เพราะว่าอย่างน้อยมันก็ยังคุยกับเราแล้วก็ไม่ได้คิดจะผลักไสหรืออะไร
มีอยู่ครั้งนึงมีโอกาสได้ไปนั่งกินบุฟเฟ่ด้วยกันกับเพื่อนๆ กลุ่มมันซึ่งก็เป็นเพื่อนเราที่เรียนห้องเดียวกันนั่นแหละ เราเองก็สนิทกับเพื่อนๆ ผู้ชายเยอะด้วยเลยไปกันได้ เราเองก็ไปกับเพื่อนเราอีกสองคน วันนั้นเรานั่งแท็กซี่กันไปมันเป็นผู้ชายที่มานั่งคันเดียวกับเราที่มีเพิ่อนผู้หญิงเราอยู่ด้วย เป็นธรรมเนียมว่ารถแท้กซี่จะต้องมีผู้ชายอยู่ด้วยเพื่อความปลอดภัย ตอนขึ้นรถเพื่อนเราเองก็รู้ทันมันสองคนขึ้นไปนั่งด้านในสุดแล้วให้เรานั่งทีหลังแล้วก็ตามด้วยดิน เพื่อให้เรากับดินได้นั่งด้วยกัน เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่เพื่อนมันรู้ใจ >< เรานั่งเล่นมือถือไปได้ซักพักก็หันไปมองมันที่นั่งสัปหงกหัวชนกระจกรถอยู่ก็เลยบอกไปว่า ไม่เจ็บเหรอ เอาหัวพิงให้ดีดิ แล้วก็หันไปเล่นมือถือต่อ ไม่ได้สนใจอะไร จนมีมือของมันมาคว้าหมับเข้าที่หัวแล้วโดนจัดการเอาอีกหัวของมันเองพิงบนหัวเรา จากที่มือสไลด์มือถืออยู่ดีๆ ตอนนี้มือแข็งหมดแล้ว ใจที่สั่นเป็นจังหวะมาร์ชโรงเรียน ไอบ้าเอ๊ยยยยย เหมือนในละครชิบ
พอถึงร้านเราก็ไปถามเพื่อนที่นั่งข้างๆ ว่าเห็นอะไรมั้ย มันก็ว่าเห็นมันเองก็อึ้งเหมือนกัน
ขอตัวไปนั่งนึกเหตุการณ์ก่อนนะคะ มันมีเหตุการณ์เยอะมากกก นี่เป็นแค่เสี้ยวหนึ่ง เดี๋ยวอีกแป๊ปจะมาต่อ