เวลาผมเห็นคน กทม. หน้าบาน ตอนไปแจกจ่ายสิ่งของบริจาคทั้งของภาครัฐและเอกชนให้คนต่างจังหวัดที่โดนน้ำท่วมแล้ว
ผมรู้สึกสมเพชทุกที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ไม่ได้สมเพชในน้ำจิตน้ำใจนะครับ แต่สมเพช "ความเป็นไป" ที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ
และ "คน กทม." ผมไม่ได้หมายถึงจิตอาสาชนนะครับ ผมหมายถึงบรรดา "เจ้าขุนมูลนาย" ทั้งหลาย)
กทม. นั้น เมื่อก่อน หน้าฝนทีก็ทุกข์หนักที เพราะท่วมแทบจะตลอดฤดู
บางเขต บ้างพื้นที่ ท่วมขังหลังฤดูฝนจากต่ออีกเป็นเดือน
ก็อย่างว่าครับ กทม. เป็นเมืองต่ำ เมืองรับน้ำจากทางเหนือก่อนออกสู่ทะเล
หมื่นปีก่อน ว่ากันว่า บริเวณที่เป็น กทม. ตอนนี้ เป็นเขตพื้นที่ที่ทะเลท่วมถึง
แต่เพราะน้ำจากเหนือหอบดินตะกอนมาทับถมทุกปี ๆ น้ำทะเลเลยร่นลงไป
กลายเป็นดินดอนน้ำท่วมไม่ถึงขี้นมา อุดมสมบูรณ์ ตั้งบ้านตั้งเรือนจนถึงทุกวันนี้
หน้าฝน น้ำหลากจากเหนือ น้ำจะไล่ท่วมลงมาเรื่อย ตั้งแต่นครสวรรค์ ไล่เรียงลงมาเรื่อย
ไม่นานก็แห้ง นาไร่ไม่ล่ม เพราะท่วมไม่นาน สุดท้ายน้ำจะมากองที่ กทม.
ด้วยแนวคิดว่าเพื่อป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจ น้ำจะต้องไม่ท่วม กทม. อีกเด็ดขาด
ก็ง่าย ๆ ครับ อ้างว่า น้ำท่วม กทม. ทีเป็นเดือน ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมาก
กทม. เป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของชาติ ไม่ควรโดนน้ำท่วม ต้องป้องน้ำไม่ให้เข้า กทม.
เมื่อมีการป้อง กทม. จากน้ำ น้ำที่เคยมากองที่ กทม. ก็ต้องกระจายไปหลายพื้นที่หลายจังหวัดตอนบน
เอ่อท่วมเป็นเดือน ๆ จนกว่าน้ำจะค่อย ๆ ทะยอยระบายออกสู่ทะเลหมด
ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา คน กทม. ก็แทบลืมเรื่องน้ำท่วม เพราะไม่เคยโดนน้ำท่วมอีกเลย
จะมีบ้างก็แค่ท่วมประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ถึงวัน
แต่คนต่างจังหวัดนั้น รับน้ำแทน กทม. มาตั้งแต่ปี 2538 ท่วมเป็นเดือน ท่วมทั้งฤดูฝน
หมดเนื้อหมดตัวกันไปก็เยอะ เงินเยียวยาชดเชยแม้จะได้ แต่ก็แค่พอรอดตาย
แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจ เสียหายทางโอกาสทำมาหากินนั้น ประมาณไม่ได้
แต่คนต่างจังหวัดก็ทน เพราะมีอาชีพทางเกษตรกรรมเป็นหลัก
ท่วมแล้ว นาไร่ล่มแล้ว ก็ก้มหน้าก้มตาทนไป ทำนาทำไร่ใหม่ในปีต่อไป
เสียงไม่ดังเท่าคน กทม. (อย่างด็อกเตอร์บางคนว่าไว้นั่นแหละครับ สามแสน กทม. คุณภาพกว่าหลายล้านต่างจังหวัด)
ถึงวันนี้ ยี่สิบปีเต็ม ที่คนต่างจังหวัดต้องรับภาระแทนคน กทม.
ปี 2548 ทักษิณมีแนวคิดแก้ไขเรื่องน้ำท่วมทั้งระบบ ตั้งกรอบงบประมาณไว้ 2 แสนล้าน
เป็นงบพัฒนา 25 ลุ่มน้ำในประเทศ ขุดลอกลุ่มน้ำให้รับน้ำได้มากขึ้น ทำฟลัดเวย์ ทำอุโมงค์ ฯลฯ
ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสียหายทุกกรณี ทั้งในต่างหวัดและใน กทม.
แต่โดนซะก่อน
ปี 53 กทม. ไม่เท่าไร แต่ต่างจังหวัดสาหัส
ปี 54 กทม. ก็ไม่เหลือ เพราะน้ำมาก และตอนบนตื้นเขินหนัก กักน้ำไม่ไหว ทะลักเข้า กทม.
รัฐบาลเพื่อไทยจึงหยิบแนวคิดเดิม เสนอ พรบ. 3.5 แสนล้านเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบอีกครั้ง
แต่โดนอีกเหมี๊ยนเดิม
ประเทศไทยเสียเวลาเรื่องน้ำท่วมไปกี่ปีแล้วครับ ???
ท่วม แจกถุงยังชีพ
แล้ง แจกน้ำ
หนาว แจกผ้าห่ม
ชั่วนาตาปี ทั้งที่เป็นเรื่องแก้ไขยั่งยืนได้
แต่ไม่ทำ เพราะถ้าทำแล้ว บุญคุณจะหดหาย
และไอ้พวกหน่วยงานที่ชื่อว่า สงเคราะห์ ๆ ทั้งหลาย จะหมดทางหากินจากภัยพิบัติ
พอมีคนจะทำ คนจะทำจึงโดน
แต่อีกไม่นานหรอกครับ ทั้งต่างจังหวัดและ กทม. ทนอีกนิด
ตอนนี้รัฐบาลปัจจุบันได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว 9.8 แสนล้าน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบ
แล้วอย่างนี้ จะไม่รักรัฐบาลลุงตู่ได้ยังไง
จริงไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข่าวดีสำหรับชาวบางขุนเทียน จากภาวะโลกร้อน
มีผู้เชี่ยวชาญด้านโลกร้อนบอกว่า ในอนาคตไม่ไกล บางขุนเทียนจะกลายเป็นทะเล
คน น้ำ กรุงเทพมหานคร ความเห็นแก่ตัว
ผมรู้สึกสมเพชทุกที
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กทม. นั้น เมื่อก่อน หน้าฝนทีก็ทุกข์หนักที เพราะท่วมแทบจะตลอดฤดู
บางเขต บ้างพื้นที่ ท่วมขังหลังฤดูฝนจากต่ออีกเป็นเดือน
ก็อย่างว่าครับ กทม. เป็นเมืองต่ำ เมืองรับน้ำจากทางเหนือก่อนออกสู่ทะเล
หมื่นปีก่อน ว่ากันว่า บริเวณที่เป็น กทม. ตอนนี้ เป็นเขตพื้นที่ที่ทะเลท่วมถึง
แต่เพราะน้ำจากเหนือหอบดินตะกอนมาทับถมทุกปี ๆ น้ำทะเลเลยร่นลงไป
กลายเป็นดินดอนน้ำท่วมไม่ถึงขี้นมา อุดมสมบูรณ์ ตั้งบ้านตั้งเรือนจนถึงทุกวันนี้
หน้าฝน น้ำหลากจากเหนือ น้ำจะไล่ท่วมลงมาเรื่อย ตั้งแต่นครสวรรค์ ไล่เรียงลงมาเรื่อย
ไม่นานก็แห้ง นาไร่ไม่ล่ม เพราะท่วมไม่นาน สุดท้ายน้ำจะมากองที่ กทม.
ด้วยแนวคิดว่าเพื่อป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจ น้ำจะต้องไม่ท่วม กทม. อีกเด็ดขาด
ก็ง่าย ๆ ครับ อ้างว่า น้ำท่วม กทม. ทีเป็นเดือน ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมาก
กทม. เป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของชาติ ไม่ควรโดนน้ำท่วม ต้องป้องน้ำไม่ให้เข้า กทม.
เมื่อมีการป้อง กทม. จากน้ำ น้ำที่เคยมากองที่ กทม. ก็ต้องกระจายไปหลายพื้นที่หลายจังหวัดตอนบน
เอ่อท่วมเป็นเดือน ๆ จนกว่าน้ำจะค่อย ๆ ทะยอยระบายออกสู่ทะเลหมด
ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา คน กทม. ก็แทบลืมเรื่องน้ำท่วม เพราะไม่เคยโดนน้ำท่วมอีกเลย
จะมีบ้างก็แค่ท่วมประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ถึงวัน
แต่คนต่างจังหวัดนั้น รับน้ำแทน กทม. มาตั้งแต่ปี 2538 ท่วมเป็นเดือน ท่วมทั้งฤดูฝน
หมดเนื้อหมดตัวกันไปก็เยอะ เงินเยียวยาชดเชยแม้จะได้ แต่ก็แค่พอรอดตาย
แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจ เสียหายทางโอกาสทำมาหากินนั้น ประมาณไม่ได้
แต่คนต่างจังหวัดก็ทน เพราะมีอาชีพทางเกษตรกรรมเป็นหลัก
ท่วมแล้ว นาไร่ล่มแล้ว ก็ก้มหน้าก้มตาทนไป ทำนาทำไร่ใหม่ในปีต่อไป
เสียงไม่ดังเท่าคน กทม. (อย่างด็อกเตอร์บางคนว่าไว้นั่นแหละครับ สามแสน กทม. คุณภาพกว่าหลายล้านต่างจังหวัด)
ถึงวันนี้ ยี่สิบปีเต็ม ที่คนต่างจังหวัดต้องรับภาระแทนคน กทม.
ปี 2548 ทักษิณมีแนวคิดแก้ไขเรื่องน้ำท่วมทั้งระบบ ตั้งกรอบงบประมาณไว้ 2 แสนล้าน
เป็นงบพัฒนา 25 ลุ่มน้ำในประเทศ ขุดลอกลุ่มน้ำให้รับน้ำได้มากขึ้น ทำฟลัดเวย์ ทำอุโมงค์ ฯลฯ
ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสียหายทุกกรณี ทั้งในต่างหวัดและใน กทม.
แต่โดนซะก่อน
ปี 53 กทม. ไม่เท่าไร แต่ต่างจังหวัดสาหัส
ปี 54 กทม. ก็ไม่เหลือ เพราะน้ำมาก และตอนบนตื้นเขินหนัก กักน้ำไม่ไหว ทะลักเข้า กทม.
รัฐบาลเพื่อไทยจึงหยิบแนวคิดเดิม เสนอ พรบ. 3.5 แสนล้านเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบอีกครั้ง
แต่โดนอีกเหมี๊ยนเดิม
ประเทศไทยเสียเวลาเรื่องน้ำท่วมไปกี่ปีแล้วครับ ???
ท่วม แจกถุงยังชีพ
แล้ง แจกน้ำ
หนาว แจกผ้าห่ม
ชั่วนาตาปี ทั้งที่เป็นเรื่องแก้ไขยั่งยืนได้
แต่ไม่ทำ เพราะถ้าทำแล้ว บุญคุณจะหดหาย
และไอ้พวกหน่วยงานที่ชื่อว่า สงเคราะห์ ๆ ทั้งหลาย จะหมดทางหากินจากภัยพิบัติ
พอมีคนจะทำ คนจะทำจึงโดน
แต่อีกไม่นานหรอกครับ ทั้งต่างจังหวัดและ กทม. ทนอีกนิด
ตอนนี้รัฐบาลปัจจุบันได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว 9.8 แสนล้าน เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบ
แล้วอย่างนี้ จะไม่รักรัฐบาลลุงตู่ได้ยังไง
จริงไหมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้