เรื่องดราม่าที่หนักที่สุดตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของโครงการ Green University หรือที่เรารู้กันว่าการห้ามใช้รถจักรยานยนต์ในบริเวณมหาวิทยาลัยค่ะ
ในสายตาคนภายนอกอาจจะมองว่า รักสบายไปรึเปล่า แค่ห้ามใช้รถจักรยานยนต์เอง รถไฟฟ้าก็มี เดินเรียนก็ได้ไม่เห็นจะหนักหนาขนาดนั้นเลย
ก่อนที่จะตัดสินพวกเราแบบนั้น เราอยากให้คุณดูทัศนียภาพภายในมหาลัยของเราและการใช้ชีวิตของนักศึกษาก่อนค่ะ
- นักศึกษาที่อยู่หอในมีเพียงนิสิตปี 1 (บางคน) และนิสิตในคณะที่มีการบังคับอยู่ เช่น พยาบาล ศึกษาศาสตร์ นอกนั้นอยู่หอบริเวณรอบมหาวิทยาลัยนเรศวรทั้งสิ้น และแต่ละหอก็ไม่ใช่จะอยู่ใกล้ชิดติดริมรั้ว ดังนั้นการเดินทางจากหอมายังมหาลัย นิสิตส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางเข้ามาในมหาลัย
-พื้นที่จอดรถยนต์ภายในมหาลัยมีน้อยมากๆ ถ้าอยากมีที่จอดจริงๆต้องมาถึงมหาลัยอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาเรียนเพื่อวนหาที่จอดรถ และกว่าจะจอดได้ก็เหลือเวลาไม่เกิน 10 นาทีเพื่อเดินไปยังอาคารเรียน
-รถไฟฟ้าที่ให้บริการภายในมหาลัยมีแค่ 16 คัน ถึงจะเพิ่มรอบการวิ่งแต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อนิสิตครึ่งมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
-ดูเส้นทางจากที่จอดรถจักรยานยนต์ไปยังจุดขึ้นรถไฟฟ้า
สถานที่ให้จอดรถจักรยานยนต์คือบริเวณติดริมรั้วด้านใน แล้วเห็นเส้นทางยาวๆเข้าไปด้านในไหมคะ นั่นแหละคือทางที่เราต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า
-พิษณุโลกเป็นจังหวังที่แดดแรงมากกกกก อากาศร้อนมาก ไม่ได้ร้อนเพราะลมร้อนเหมือนที่ตาก แต่ร้อนแดดยิ่งกว่าที่กรุงเทพหลายเท่า คือเดินออกไปกลางแดดไม่ถึง 1 นาทีก็แสบผิวแล้ว หรือถ้าใครอยากลองขี่รถวนรอบมหาลัย 1 รอบ คือผิวเข้มขึ้นไป 2 เฉดสีแน่ๆค่ะ
*****-สิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องคัดค้านเพราะมหาลัยของเราพื้นที่กว้างมากกกกกก แต่ละอาคารอยู่ห่างกันมาก คือนอกจากปัญหาจากการเดินจากหน้ามหาลัยเข้าไปยังถนนสายหลักที่เป็นเส้นรถไฟฟ้าวิ่งแล้ว ถ้าจะให้เดินไปยังอาคารเรียนอีกนี่คือ ไม่เป็นลมแดดก็ตะคริวกินขาค่ะ ถ้าให้ใช้วิธีเดินยังไงก็ไม่สามารถเข้าเรียนได้ตรงเวลาแน่ๆ
จากรูปภาพต่อไปนี้นะคะ
-สีเหลือง = อาคารเรียนรวม
-สีขาว=คณะวิศวะ
-สีเขียว=กลุ่มคณะแพทย์ พยาบาล ฯลฯ
-สีม่วง=คณะบริหารธุรกิจฯ
-สีแดง=คณะวิทยาศาสตร์
-สีดำ=เส้นทางที่ต้องเดินจากจุกจอดรถจักรยานยนต์มายังจุดรอรถไฟฟ้าตามภาพด้านบนค่ะ
ลองเทียบระยะทางจากภาพด้านบนกับระยะทางในภาพด้านล่างดูจะเห็นว่าแต่ละอาคารเรียนอยู่ห่างกันมากๆ ที่เห็นเป็นกระจุกๆคือคณะในสายสังคมค่ะ
แต่มหาลัยของเรา การเรียนส่วนใหญ่จะเรียนที่คณะตัวเอง-อาคารเรียนรวม-คณะที่มีวิชาที่เกี่ยวข้อง
->อย่างถ้าเรียนวิศวะ ก็ต้องเรียนที่คณะวิศวะ อาคารเรียนรวม คณะวิทย์
ยิ่งถ้าคณะไหนที่อาคารเรียนของคณะมีขนาดเล็กยิ่งต้องโยกย้ายไปเรียนวิชาที่คณะอื่นเยอะ ซึ่งถ้าจะให้เดินเรียนจริงๆ.. ยังไงก็ไม่ไหวค่ะ
-จักรยานที่มหาลัยเตรียมไว้มีแค่ 500 คันค่ะ ซึ่งไม่เพียงพอจะรองรับนิสิตแน่นอน แค่นิสิตจากหอในยังไม่พอเลยค่ะ และสภาพแย่มาก เรียนเบาะแข็งหรือแฮนหลวมก็ยังโอเคนะคะ แต่ส่วนใหญ่เบรกไม่ได้
***-อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เรื่อง'เงิน'ค่ะ จักรยานคันนึงก็ไม่ใช่ถูกๆ แถมสิ่งที่ผู้บริหารเพิ่มงานมาให้นิสิตหญิงอีกคือ กางเกงค่ะ เขาจะให้นิสิตหญิงใส่กางเกง และคงไม่ใช่กางเกงแฟชั่นที่เรามีอยู่ด้วย คำตอบก็คือต้องซื้อเพิ่มค่ะ สำหรับเด็กหอนอกอาจจะไม่เป็นไรเพราะเงินที่ต้องจ่ายให้มหาลัยก็มีแค่ค่าเทอมหมื่นกว่าบาท แต่ถ้าเป็นเด็กหอใน นอกจากค่าเทอมแล้ว เขายังขูดรีดเราด้วยค่าหอแบบเหมาจ่ายรายปีอีกเป็นหมื่นเช่นกัน ทั้งที่พ่อแม่บางคนหาเงินได้แค่เดือนละหมื่นสองหมื่นเท่านั้น ไหนจะค่าน้ำค่าไฟค่ากินอยู่อีก แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายล่ะ
สุดท้ายแค่อยากให้บุคคลภายนอกเข้าใจเราบ้าง เราไม่ได้ต่อต้านถึงขนาดว่า ไม่เอานะอย่าเอามาใช้ที่นี่ ที่เรากำลังทำอยู่คืออยากให้เค้าค่อยๆปรับ ไม่ใช่อยู่ๆตั้งนโยบายแบบปุบปับโดยไม่ถามเราสักคำ ตัดเรื่องการเดินเรียนไปได้เลยเพราะมหาลัยของเรากว้างเกินกว่าจะทำได้ สิ่งที่เราต้องหารจริงๆคือการเตรียมความพร้อมค่ะ เพิ่มรถไฟฟ้าได้ไหม เพิ่มจักรยานได้ไหม ปรับปรุงถนนแตกๆเป็นร่องที่เสี่ยงต่อการล้มได้ไหม ค่อยๆปรับอย่างน้อยอีกสักปีสองปีค่อยใช้ ไม่ใช่อยู่ๆจะทำก็ทำเลยแบบนี้ ใครจะไปยอมรับละค่ะ แล้วเสียงของนิสิตไปอยู่ไหนหมด
ทั้งหมดนี่เป็นความคิดเห็นของเราเท่านั้น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ และถ้าไม่ถูกใจใครก็ขอโทษด้วยจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอเพิ่มข้อมูลนิดนึงค่ะ สำหรับคนที่บอกว่าเอามาโพสไม่มีประโยชน์หรอก ทำไมไม่ยื่นเรื่อง
คำตอบอยู่ในเว็บนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ท่านนี้คืออธิการบดีของมหาลัยเราค่ะ อายุ 80 ปี ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยดำเนินการต่อต้านนโยบายของท่านนะคะ ทำมาหลายเรื่องแล้ว แต่ผลคือเหมือนโยนก้อนหินใส่น้ำทะเล เค้าไม่เคยฟังเสียงพวกเราเลย ดังนั้นทางเดียวที่นิสิตจะพึ่งได้จึงกลายเป็นสังคมภายนอกค่ะ และนี่ก็คือสาเหตุที่มีหลายๆคนออกมาพูดผ่านสือโซเชียลแทนที่จะใช้การดำเนินการภายใน
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9530000031012
สุดท้ายนี้ก็ ..ขอบคุณทุกคนที่รับฟังค่ะ
ขอพูดถึงเรื่องดราม่าของมหาวิทยาลัยนเรศวรในขณะนี้ค่ะ
ในสายตาคนภายนอกอาจจะมองว่า รักสบายไปรึเปล่า แค่ห้ามใช้รถจักรยานยนต์เอง รถไฟฟ้าก็มี เดินเรียนก็ได้ไม่เห็นจะหนักหนาขนาดนั้นเลย
ก่อนที่จะตัดสินพวกเราแบบนั้น เราอยากให้คุณดูทัศนียภาพภายในมหาลัยของเราและการใช้ชีวิตของนักศึกษาก่อนค่ะ
- นักศึกษาที่อยู่หอในมีเพียงนิสิตปี 1 (บางคน) และนิสิตในคณะที่มีการบังคับอยู่ เช่น พยาบาล ศึกษาศาสตร์ นอกนั้นอยู่หอบริเวณรอบมหาวิทยาลัยนเรศวรทั้งสิ้น และแต่ละหอก็ไม่ใช่จะอยู่ใกล้ชิดติดริมรั้ว ดังนั้นการเดินทางจากหอมายังมหาลัย นิสิตส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางเข้ามาในมหาลัย
-พื้นที่จอดรถยนต์ภายในมหาลัยมีน้อยมากๆ ถ้าอยากมีที่จอดจริงๆต้องมาถึงมหาลัยอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนเวลาเรียนเพื่อวนหาที่จอดรถ และกว่าจะจอดได้ก็เหลือเวลาไม่เกิน 10 นาทีเพื่อเดินไปยังอาคารเรียน
-รถไฟฟ้าที่ให้บริการภายในมหาลัยมีแค่ 16 คัน ถึงจะเพิ่มรอบการวิ่งแต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อนิสิตครึ่งมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
-ดูเส้นทางจากที่จอดรถจักรยานยนต์ไปยังจุดขึ้นรถไฟฟ้า
สถานที่ให้จอดรถจักรยานยนต์คือบริเวณติดริมรั้วด้านใน แล้วเห็นเส้นทางยาวๆเข้าไปด้านในไหมคะ นั่นแหละคือทางที่เราต้องเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า
-พิษณุโลกเป็นจังหวังที่แดดแรงมากกกกก อากาศร้อนมาก ไม่ได้ร้อนเพราะลมร้อนเหมือนที่ตาก แต่ร้อนแดดยิ่งกว่าที่กรุงเทพหลายเท่า คือเดินออกไปกลางแดดไม่ถึง 1 นาทีก็แสบผิวแล้ว หรือถ้าใครอยากลองขี่รถวนรอบมหาลัย 1 รอบ คือผิวเข้มขึ้นไป 2 เฉดสีแน่ๆค่ะ
*****-สิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องคัดค้านเพราะมหาลัยของเราพื้นที่กว้างมากกกกกก แต่ละอาคารอยู่ห่างกันมาก คือนอกจากปัญหาจากการเดินจากหน้ามหาลัยเข้าไปยังถนนสายหลักที่เป็นเส้นรถไฟฟ้าวิ่งแล้ว ถ้าจะให้เดินไปยังอาคารเรียนอีกนี่คือ ไม่เป็นลมแดดก็ตะคริวกินขาค่ะ ถ้าให้ใช้วิธีเดินยังไงก็ไม่สามารถเข้าเรียนได้ตรงเวลาแน่ๆ
จากรูปภาพต่อไปนี้นะคะ
-สีเหลือง = อาคารเรียนรวม
-สีขาว=คณะวิศวะ
-สีเขียว=กลุ่มคณะแพทย์ พยาบาล ฯลฯ
-สีม่วง=คณะบริหารธุรกิจฯ
-สีแดง=คณะวิทยาศาสตร์
-สีดำ=เส้นทางที่ต้องเดินจากจุกจอดรถจักรยานยนต์มายังจุดรอรถไฟฟ้าตามภาพด้านบนค่ะ
ลองเทียบระยะทางจากภาพด้านบนกับระยะทางในภาพด้านล่างดูจะเห็นว่าแต่ละอาคารเรียนอยู่ห่างกันมากๆ ที่เห็นเป็นกระจุกๆคือคณะในสายสังคมค่ะ
แต่มหาลัยของเรา การเรียนส่วนใหญ่จะเรียนที่คณะตัวเอง-อาคารเรียนรวม-คณะที่มีวิชาที่เกี่ยวข้อง
->อย่างถ้าเรียนวิศวะ ก็ต้องเรียนที่คณะวิศวะ อาคารเรียนรวม คณะวิทย์
ยิ่งถ้าคณะไหนที่อาคารเรียนของคณะมีขนาดเล็กยิ่งต้องโยกย้ายไปเรียนวิชาที่คณะอื่นเยอะ ซึ่งถ้าจะให้เดินเรียนจริงๆ.. ยังไงก็ไม่ไหวค่ะ
-จักรยานที่มหาลัยเตรียมไว้มีแค่ 500 คันค่ะ ซึ่งไม่เพียงพอจะรองรับนิสิตแน่นอน แค่นิสิตจากหอในยังไม่พอเลยค่ะ และสภาพแย่มาก เรียนเบาะแข็งหรือแฮนหลวมก็ยังโอเคนะคะ แต่ส่วนใหญ่เบรกไม่ได้
***-อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน เรื่อง'เงิน'ค่ะ จักรยานคันนึงก็ไม่ใช่ถูกๆ แถมสิ่งที่ผู้บริหารเพิ่มงานมาให้นิสิตหญิงอีกคือ กางเกงค่ะ เขาจะให้นิสิตหญิงใส่กางเกง และคงไม่ใช่กางเกงแฟชั่นที่เรามีอยู่ด้วย คำตอบก็คือต้องซื้อเพิ่มค่ะ สำหรับเด็กหอนอกอาจจะไม่เป็นไรเพราะเงินที่ต้องจ่ายให้มหาลัยก็มีแค่ค่าเทอมหมื่นกว่าบาท แต่ถ้าเป็นเด็กหอใน นอกจากค่าเทอมแล้ว เขายังขูดรีดเราด้วยค่าหอแบบเหมาจ่ายรายปีอีกเป็นหมื่นเช่นกัน ทั้งที่พ่อแม่บางคนหาเงินได้แค่เดือนละหมื่นสองหมื่นเท่านั้น ไหนจะค่าน้ำค่าไฟค่ากินอยู่อีก แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายล่ะ
สุดท้ายแค่อยากให้บุคคลภายนอกเข้าใจเราบ้าง เราไม่ได้ต่อต้านถึงขนาดว่า ไม่เอานะอย่าเอามาใช้ที่นี่ ที่เรากำลังทำอยู่คืออยากให้เค้าค่อยๆปรับ ไม่ใช่อยู่ๆตั้งนโยบายแบบปุบปับโดยไม่ถามเราสักคำ ตัดเรื่องการเดินเรียนไปได้เลยเพราะมหาลัยของเรากว้างเกินกว่าจะทำได้ สิ่งที่เราต้องหารจริงๆคือการเตรียมความพร้อมค่ะ เพิ่มรถไฟฟ้าได้ไหม เพิ่มจักรยานได้ไหม ปรับปรุงถนนแตกๆเป็นร่องที่เสี่ยงต่อการล้มได้ไหม ค่อยๆปรับอย่างน้อยอีกสักปีสองปีค่อยใช้ ไม่ใช่อยู่ๆจะทำก็ทำเลยแบบนี้ ใครจะไปยอมรับละค่ะ แล้วเสียงของนิสิตไปอยู่ไหนหมด
ทั้งหมดนี่เป็นความคิดเห็นของเราเท่านั้น ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ และถ้าไม่ถูกใจใครก็ขอโทษด้วยจริงๆ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอเพิ่มข้อมูลนิดนึงค่ะ สำหรับคนที่บอกว่าเอามาโพสไม่มีประโยชน์หรอก ทำไมไม่ยื่นเรื่อง
คำตอบอยู่ในเว็บนี้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายนี้ก็ ..ขอบคุณทุกคนที่รับฟังค่ะ