วันนี้พาน้องในทีมไปขายงานด้วย ระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน ก็สนทนาประสาลูกพี่ คุยกับลูกน้อง แอบรู้สึกดีใจเล็กๆ ที่ทีมรู้สึกหวงแหนบริษัทฯ แทนเรา คือเรื่องมีอยู่ว่า...
ตอนนี้เรากำลังคั่วงานโปรเจคใหญ่กันชิ้นหนึ่ง ราคาค่อนข้างสูง (และดูเหมือนจะสูงที่สุดในประวัติการทำงานของกระผม) เมื่อเป็นโปรเจคใหญ่ ก็เป็นธรรมดาที่ลูกค้าผู้กรุณาจ่ายตังค์ ก็ต้องเข้มแล้ว งวดอีกว่าเราจะไม่ทำให้เค้าพลาดหรือจะไม่ทำให้งานของเค้าล้มเหลว ในวันพรีเซนต์งาน ลูกค้าก็จ้องถามย้ำแล้วย้ำอีกๆ ซึ่งโดยส่วนตัวผมเข้าใจ เพราะคิดง่ายๆ ว่าแค่ให้คุณฝากเงินสดหลักล้านไว้ในมือคนที่พึ่งรู้จัก แค่นี้ก็ไม่สบายใจแล้ว ไหนยังต้องฝากอนาคตไว้ในมือคนๆ นั้นอีก ก็ต้องคิดทบทวนแล้วทบทวนอีกเอาจนกว่าสบายใจ
แต่สำหรับน้องในทีมผม เธอรู้สึกว่า ย้ำมากไปหรือเปล่าเนี่ย ไม่ไว้ใจกันขนาดนี้ ให้ทำทำไมอ่า
เลยต้องอธิบายกันยกเล็กๆ ยกนึงครับ ว่า การทำงานของเรา ไม่ได้แค่ทำให้มีงานเกิดขึ้นแล้ว ผ่านๆ ไป จบๆ ไป เพราะการทำงานในฐานะ ‪#‎MarketingOrganizer‬ (ผมนิยามตัวเองเป็นแบบนี้นะครับ) เราไม่ได้รับผิดชอบเพียงความสำเร็จในตัวงานของเราเท่านั้น แต่เรายังแบกรับภาระความสำเร็จหรือล้มเหลวของลูกค้าอยู่ในมือด้วย
เพราะหากเราจัดงานได้ตามเป้าประสงค์ ตามคำมั่นสัญญาของเราทุกกระเบียดนิ้ว แต่ลูกค้าไม่ประสบความสำเร็จ มันก็เท่ากับงานที่เราจัดมันสูญเปล่า ประเมินวัดค่าไม่ได้ หรืออาจจะเลยเถิดไปจนถึงไม่คุ้มค่าเงินเลยก็ว่าได้
มีลูกค้าบางท่านบอกกับผมว่า สายงานของผม จ่ายค่าจ้าง 1 ล้าน ถ้าช่วยให้ลูกค้าขายของได้ ถือว่าถูกไปด้วยซ้ำ แต่ถ้าจ่าย 10,000 แต่ขายของไม่ได้เลย อย่างนี้แพงไปด้วยซ้ำ
ดังนั้นผมจึงถือเป็นหน้าที่และวิถีปฎิบัติที่จะต้องช่วยลูกค้าของเราไปให้ถึงปลายทางที่ต้องการให้จงได้ครับ ดังนั้น เมื่อลูกค้าไม่แน่ใจ ต้องการความมั่นใจว่าเราจะสามารถทำงานให้ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผมเลยต้องบอกน้องในทีมไปว่า ลูกค้าห่วง แปลว่าเค้ายังให้โอกาส และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ลูกค้าสบายใจว่าเราจะไม่พลาดในการทำงานให้กับเขา ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นวิถีปฏิบัติอย่างหนึ่งของ ‪#‎ทีมฟันเดย์‬ นั่นก็คือในทุกๆ กระบวนการทำงานของเรา เราจะ Update ให้ลูกค้าได้ทราบอยู่เป็นระยะๆ ว่า ณ บัดเดี่ยวนี้ งานของลูกค้าเราเดินไปถึงกระบวนการไหนแล้ว เพื่อให้ลูกค้าทุกคนของเราสบายใจ
แม้กระทั่งในการปฏิบัติหน้าที่ #ทีมฟันเดย์ ก็จะมี ‪#‎RealTimeReport‬ คอยส่งให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา (เป็นลูกค้าผมต้องทนปวดหัวกับไลน์หน่อยนะครับ) และบ่อยครั้งที่ต้องรบกวนลูกค้ายามดึกดื่น ที่จะคอยลุกขึ้นมา Approve ตัวโครงสร้างบู้ธที่นำไปติดตั้งให้ ว่าเป็นไปตามที่ได้สัญญาไว้ทุกประการ หรือหากต้องการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์หน้างาน ก็ต้องปรับกระบวนให้ได้เหมาะสมกับความไว้วางใจที่ลูกค้ามีให้
แต่บางเรื่องมันไม่แค่นั้นน่ะสิครับ งานบางงาน เราผ่านประสบการณ์หน้างานมามากกว่าลูกค้า (ก็ผมเป็น ‪#‎ออกาไนซ์‬ นิ) มีจุดเล็กจุดน้อยจุดไหนที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า ก็ต้องหาทางทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างเช่น ที่พึ่งเสร็จไปสดๆ ร้อนๆ ลูกค้าสั่งผลิตบู้ธเพื่อออกงาน โดยในคำสั่ง ให้ใส่เฉพาะ Logo และ Website โดยให้เอา เบอร์โทรออก ไอ้ผมก็เดือดร้อนสิครับ ถ้าไม่มีเบอร์โทร แล้วคนที่ผ่านบู้ธ แต่เค้าไม่สะดวก จะติดต่อเรายังไง หรืออย่างน้อยๆ ใครถ่ายรูป Selfie คู่กับบู้ธ ก็จะติดเบอร์โทรกลับไปด้วย ก็เลยต้องขออนุญาต ยัดเยียดเบอร์เข้าไปในตัว ‪#‎Artwork‬ ซึ่งก็ขอบคุณลูกค้าที่มองเห็นในจุดๆ เดียวกันในท้ายที่สุด
ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่อยากจะเล่า แต่วันนี้เอาแค่นี้ล่ะกันนะครับ ดึกแล้ว... เชื่อผมเถอะครับ ผมเป็น #ออกาไนซ์