จะพยายามรีวิวสั้น ๆ นะคะ เพราะเห็นว่า กระทู้หัวหิน มีหลายคนเคยทำรีวิวมาบ้างเเล้ว แต่เราอยากรีวิว ในมุมมองแบบประหยัด ๆ ดู ^^
(ขอบคุณ กระทู้
http://ppantip.com/topic/32024424 นะคะ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราไปหัวหิน ตอนแรกเรากะจะไปตามรอยคุณโป่งศรีฯ แต่เนื่องจากไม่มีเพื่อนไปแผนเลยล่ม กลายเป็นแผนนี้แทน ^_^)
วันที่ไปคือ 24 - 25 พ.ค. 58
แผนการเดินทาง ที่วางไว้ตอนแรก ออกเดินทาง 7:30 น. ของวันที่ 24 พ.ค.58 ด้วยรถไฟขบวน 255 ที่สถานีรถไฟธนบุรี สถานีปลายทางหัวหิน
แต่เนื่องจากตกรถไฟ เลยต้องย้อนกลับมาขึ้นรถไฟฟรีที่หัวลำโพงแทน
ดังนั้น จึงเริ่มทริปนี้ ด้วยการขึ้นรถไฟ ขบวน 261 รอบ 9:20 น.
รถไฟจะเทียบที่ชานชาลาที่ 7 เป็นรถไฟฟรี
บนรถไฟ จะมีอาหารขายตลอด ข้าวบ้าง ก๋วยเตี๋ยวบ้าง
ตามกำหนดการรถไฟ จะถึงหัวหิน ตอน 13:35 น. (แต่ตอนถึงเราไม่ได้ดูนาฬิกา ว่าเลทหรือเปล่า แต่คิดว่าเลทไม่เกินบ่ายสอง)
เมื่อถึงหัวหิน เราก็เดินหาที่พัก ที่ตั้งใจตอนเเรกว่าจะมาพักคือ เลส์ โบโบ้ ดูราคาในเว็บเห็นว่า ราคาสามร้อยกว่า ๆ เดินหลงไปมา แต่ก็หาไม่เจอซักที
จนบังเอิญไปเจอที่นี่
หัวหิน ยูโร ซิตี้ โฮสเตลห้องพัดลม ราคา 199 บาท (มัดจำกุญแจ 200) (ใครจะไปพัก เสิร์ชกูเกิ้ล หาพิกัดได้นะคะ)
สภาพห้อง คืออยู่ได้ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้หรูแบบโรงเเรมหรือห้องพักอื่น ๆ น้ำไหล ไฟติด มีเน็ทฟรี
ห้องน้ำ ถือว่าดีกว่าตอนเราไปเข้าค่ายลูกเสือในต่างจังหวัด
(199 คือราคาที่เราเจอวันที่เข้าพักนะคะ เค้าติดป้ายไว้ราคานี้เลย แต่เมื่อกี๊นี้เช็คกับ agoda เห็นว่า ราคา 250 ถ้าจะไปพัก ลองโทรเช็คก่อนก็ได้ มีห้องหญิง ห้องชาย แยกกันค่ะ)
หลังจากเช็คอินเสร็จ เราก็ไปหาจักรยานเช่า มีโฮสเตลใกล้ๆ กัน ที่มีจักรยานให้เช่า ราคา 120 บาท/วัน (ควรพกบัตรประชาชนติดมาเที่ยวด้วยนะ เพราะรับตัวรถไฟ เข้าห้องพัก หรือเช่าจักรยาน เค้าจะขอดูบัตร)
ชื่อร้านชานนาลา คาเฟ่ ก็มีที่พักแบบโฮสเตลนะ แต่ราคา 380 บาทต่อคน
ร้านนี้ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ เราว่าบรรยากาศดี น่านั่ง
หน้าตาจักรยาน ที่จะพาเราเดินทางในทริปนี้
ขี่ชมเมืองไปเรื่อย ๆ จนไปเจอที่ศาลเจ้า และวิวทะเลสวย ๆ อาจเพราะแดดยังร้อนอยู่ เลยยังไม่เห็นคนมาเล่นน้ำ
หลังจากนั้นเราไม่รู้ว่าจะไปไหน เลยขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ
ตอนแรกขี่ไปตามถนนแบบหาที่เที่ยว ถ้าเจอป้ายไปที่ไหน ก็กะไปที่นั่นล่ะ
ขี่ไปซักพัก เจอป้ายไปบ้านเขาตะเกียบ
ตอนอยู่สถานีรถไฟ ได้ยินคนพูดว่าจะไปเขาตะเกียบ
คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือ เลยลองมันซักตั้ง ตั้งเป้าหมายจะไปเขาตะเกียบ!
ว่าแล้วก็ขี่ตามทางไปเรื่อย ๆ
ระหว่างทาง เจอหลักกิโล ไปปราณบุรี (ที่นี่ก็น่าไปนะ แต่ 21 โล แต่ถ้าขี่จักรยานไป คงไม่ไหว สำหรับเรา)
ขี่จักรยานท่ามกลางสายลมและแสงแดด มันร้อนมาก!
แต่เจอป้าย อีกสามกิโล ถึงเขาตะเกียบ ก็มีแรงใจในการเดินทาง
จนขี่มาซักพัก มาเจอหาดนี่
ถามคนแถวนั้น ได้ความว่า นี่ก็หาดตะเกียบ แต่เราขี่เลยเขาตะเกียบมาแล้ว
หลังจากขี่ย้อนกลับมาก็มาถึงเขาตะเกียบเสียที
หลังจากพยายามอย่างยากลำบากในการขึ้นเขาตะเกียบ ซึ่งถือว่าชัน (เป็นทางที่รถยนต์ขับขึ้น) เราก็มาพบหลังจากขึ้นมาว่า มันมีทางเดินขึ้นมาได้จากหาด
นี่ล่ะหนา การที่เที่ยวแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ขนาดคิดว่าวางเเผนดีแล้วนะ 555
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ที่มองเห็นแต่ไกล แล้วทำให้เรารู้สึกอยากมานมัสการ
โปรดระวังลิงที่เขาตะเกียบ เพราะอาจโดนกัดได้ (คำเตือนจากผู้มีประสบการ์ณโดนกัดโดยตรง)
การมาที่เขาตะเกียบ ทำให้ทริปเรามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เพราะได้เจอเพื่อนเที่ยวคนนึง เป็นฝรั่ง ชื่อ อเล็ก ที่ทำให้ในวันต่อมาเราต้องปรับเวลากลับกรุงเทพฯ (จากตอนแรกที่ตั้งใจจะกลับตอนเช้า เป็นตอนบ่าย)
สุดท้าย หลังจากแยกกับอเล็ก ก็ กลับถึงที่พักประมาณ 3 ทุ่ม เห็นว่ายังไม่ใกล้ 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาคืนจักรยาน เลยไปขี่ดูตลาดกลางคืนหัวหินเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา เพราะเงินในกระเป๋า ไม่เอื้ออำนวย
ซื้อน้ำเปล่า กับขนมปังไว้กินพรุ่งนี้ แล้วกลับห้อง
วันที่ 25
เดินไปเล่นน้ำที่หาดหัวหินกับอเล็ก (ตรงใกล้ ๆ กับศาลเจ้าเมื่อวาน)
เล่นน้ำถึงประมาณ 10 โมง หลักจากนั้น อเล็กก็ชวนไปขึ้นเขาต่อ
โดยอเล็ก พาเดินกลับมาที่สถานีรถไฟ เดินต่อไป ตรงแยกทางรถไฟที่เขียนว่าไปพระตำหนักชมดง
หลังจากนั้นเลี้ยวขวา แล้วเดินตามทางไปเรื่อย ๆ จนเจอทางเข้า ที่คล้าย ๆ ซุ้มประตูภาษาจีน
หลังจากนั้น ก็จะมีทางขึ้นไปข้างบน
จนไปเจอศาลานี้
จากที่เราเห็น ด้านในเป็นคล้าย ๆ รอยพระพุทธบาท (แต่ดูจากสภาพ คงไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว เพราะบันไดที่ขึ้นมา มีหลุมมีบ่อ และชำรุดพอสมควร ถือว่าอันตรายนะ)
ถัดจากศาลา อเล็กก็ชวนเราเข้าไปผจญภัยในป่าเล็ก ๆ ที่อยู่ต่อ จากรอยพระพุทธบาท
วิวที่ได้จากการผจญภัย
หลังจากออกจากป่าเล็ก ๆ เราก็ไปเจอสถานที่ที่เค้าให้ไว้ชมวิวและมีคนอยู่ จึงได้รู้ว่า ที่ขึ้นมาคือ จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ
หลังจากกินน้ำพักเหนื่อย เราก็เดินกลับกันทางเก่า และอเล็กไปส่งเราที่สถานีรถไฟ
มีเรื่องน่าตื่นเต้นนิดหน่อย ที่เกือบสลับกระเป๋ากับคนอื่น แต่สุดท้ายก็เจอกระเป๋าตัวเอง
ขึ้นรถไฟ กลับหัวหิน ขบวน 262 รอบ 14:10 น.
ถึง หัวลำโพง ประมาณทุ่มครึ่ง
สรุปค่าใช้จ่าย
วินมอไซด์ วังหลัง สถานีรถไฟธนบุรี ไป-กลับ 40
เรือข้ามฟากจากวัดพระเเก้ว ไปวังหลัง ไป-กลับ 6
รถเมล์ไปหัวลำโพง 13
โรตีมะตะบะไก่ วังหลัง 35
ทิฟฟี่ 7
ซื้อขนม และสบู่ ที่เซเว่น 35
น้ำ 60
พิซซ่า 99
น้ำเปล่า 15
ฝากกระเป๋ากับสถานีรถไฟ 20
รองเท้าแตะ (เพราะทำรองเท้าขาด) 59
ก๋วยเตี๋ยว (ที่ขายบนรถไฟ) 10
ขนมฝากเพื่อน 40
รถเมล์กลับหอ 6.50
ข้าวมื้อเย็นที่หอ 20
ค่าที่พัก 199
เช่าจักรยาน 120
รวม 2 วัน 784.50 บาท
* วันที่ 2 ได้ อเล็ก เลี้ยงน้ำกับอาหารเช้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พิมพ์ครั้งแรกในบล็อกส่วนตัว
[CR] หัวหิน 2 วัน 1 คืน นั่งรถไฟ นอนโฮสเทล ปั่นจักรยาน ในงบ 800 บาท
(ขอบคุณ กระทู้ http://ppantip.com/topic/32024424 นะคะ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราไปหัวหิน ตอนแรกเรากะจะไปตามรอยคุณโป่งศรีฯ แต่เนื่องจากไม่มีเพื่อนไปแผนเลยล่ม กลายเป็นแผนนี้แทน ^_^)
วันที่ไปคือ 24 - 25 พ.ค. 58
แผนการเดินทาง ที่วางไว้ตอนแรก ออกเดินทาง 7:30 น. ของวันที่ 24 พ.ค.58 ด้วยรถไฟขบวน 255 ที่สถานีรถไฟธนบุรี สถานีปลายทางหัวหิน
แต่เนื่องจากตกรถไฟ เลยต้องย้อนกลับมาขึ้นรถไฟฟรีที่หัวลำโพงแทน
ดังนั้น จึงเริ่มทริปนี้ ด้วยการขึ้นรถไฟ ขบวน 261 รอบ 9:20 น.
รถไฟจะเทียบที่ชานชาลาที่ 7 เป็นรถไฟฟรี
บนรถไฟ จะมีอาหารขายตลอด ข้าวบ้าง ก๋วยเตี๋ยวบ้าง
ตามกำหนดการรถไฟ จะถึงหัวหิน ตอน 13:35 น. (แต่ตอนถึงเราไม่ได้ดูนาฬิกา ว่าเลทหรือเปล่า แต่คิดว่าเลทไม่เกินบ่ายสอง)
เมื่อถึงหัวหิน เราก็เดินหาที่พัก ที่ตั้งใจตอนเเรกว่าจะมาพักคือ เลส์ โบโบ้ ดูราคาในเว็บเห็นว่า ราคาสามร้อยกว่า ๆ เดินหลงไปมา แต่ก็หาไม่เจอซักที
จนบังเอิญไปเจอที่นี่
หัวหิน ยูโร ซิตี้ โฮสเตลห้องพัดลม ราคา 199 บาท (มัดจำกุญแจ 200) (ใครจะไปพัก เสิร์ชกูเกิ้ล หาพิกัดได้นะคะ)
สภาพห้อง คืออยู่ได้ ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ได้หรูแบบโรงเเรมหรือห้องพักอื่น ๆ น้ำไหล ไฟติด มีเน็ทฟรี
ห้องน้ำ ถือว่าดีกว่าตอนเราไปเข้าค่ายลูกเสือในต่างจังหวัด
(199 คือราคาที่เราเจอวันที่เข้าพักนะคะ เค้าติดป้ายไว้ราคานี้เลย แต่เมื่อกี๊นี้เช็คกับ agoda เห็นว่า ราคา 250 ถ้าจะไปพัก ลองโทรเช็คก่อนก็ได้ มีห้องหญิง ห้องชาย แยกกันค่ะ)
หลังจากเช็คอินเสร็จ เราก็ไปหาจักรยานเช่า มีโฮสเตลใกล้ๆ กัน ที่มีจักรยานให้เช่า ราคา 120 บาท/วัน (ควรพกบัตรประชาชนติดมาเที่ยวด้วยนะ เพราะรับตัวรถไฟ เข้าห้องพัก หรือเช่าจักรยาน เค้าจะขอดูบัตร)
ชื่อร้านชานนาลา คาเฟ่ ก็มีที่พักแบบโฮสเตลนะ แต่ราคา 380 บาทต่อคน
ร้านนี้ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ เราว่าบรรยากาศดี น่านั่ง
หน้าตาจักรยาน ที่จะพาเราเดินทางในทริปนี้
ขี่ชมเมืองไปเรื่อย ๆ จนไปเจอที่ศาลเจ้า และวิวทะเลสวย ๆ อาจเพราะแดดยังร้อนอยู่ เลยยังไม่เห็นคนมาเล่นน้ำ
หลังจากนั้นเราไม่รู้ว่าจะไปไหน เลยขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ
ตอนแรกขี่ไปตามถนนแบบหาที่เที่ยว ถ้าเจอป้ายไปที่ไหน ก็กะไปที่นั่นล่ะ
ขี่ไปซักพัก เจอป้ายไปบ้านเขาตะเกียบ
ตอนอยู่สถานีรถไฟ ได้ยินคนพูดว่าจะไปเขาตะเกียบ
คิดว่าน่าจะมีเวลาเหลือ เลยลองมันซักตั้ง ตั้งเป้าหมายจะไปเขาตะเกียบ!
ว่าแล้วก็ขี่ตามทางไปเรื่อย ๆ
ระหว่างทาง เจอหลักกิโล ไปปราณบุรี (ที่นี่ก็น่าไปนะ แต่ 21 โล แต่ถ้าขี่จักรยานไป คงไม่ไหว สำหรับเรา)
ขี่จักรยานท่ามกลางสายลมและแสงแดด มันร้อนมาก!
แต่เจอป้าย อีกสามกิโล ถึงเขาตะเกียบ ก็มีแรงใจในการเดินทาง
จนขี่มาซักพัก มาเจอหาดนี่
ถามคนแถวนั้น ได้ความว่า นี่ก็หาดตะเกียบ แต่เราขี่เลยเขาตะเกียบมาแล้ว
หลังจากขี่ย้อนกลับมาก็มาถึงเขาตะเกียบเสียที
หลังจากพยายามอย่างยากลำบากในการขึ้นเขาตะเกียบ ซึ่งถือว่าชัน (เป็นทางที่รถยนต์ขับขึ้น) เราก็มาพบหลังจากขึ้นมาว่า มันมีทางเดินขึ้นมาได้จากหาด
นี่ล่ะหนา การที่เที่ยวแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ขนาดคิดว่าวางเเผนดีแล้วนะ 555
พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ที่มองเห็นแต่ไกล แล้วทำให้เรารู้สึกอยากมานมัสการ
โปรดระวังลิงที่เขาตะเกียบ เพราะอาจโดนกัดได้ (คำเตือนจากผู้มีประสบการ์ณโดนกัดโดยตรง)
การมาที่เขาตะเกียบ ทำให้ทริปเรามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เพราะได้เจอเพื่อนเที่ยวคนนึง เป็นฝรั่ง ชื่อ อเล็ก ที่ทำให้ในวันต่อมาเราต้องปรับเวลากลับกรุงเทพฯ (จากตอนแรกที่ตั้งใจจะกลับตอนเช้า เป็นตอนบ่าย)
สุดท้าย หลังจากแยกกับอเล็ก ก็ กลับถึงที่พักประมาณ 3 ทุ่ม เห็นว่ายังไม่ใกล้ 4 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาคืนจักรยาน เลยไปขี่ดูตลาดกลางคืนหัวหินเสียหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา เพราะเงินในกระเป๋า ไม่เอื้ออำนวย
ซื้อน้ำเปล่า กับขนมปังไว้กินพรุ่งนี้ แล้วกลับห้อง
วันที่ 25
เดินไปเล่นน้ำที่หาดหัวหินกับอเล็ก (ตรงใกล้ ๆ กับศาลเจ้าเมื่อวาน)
เล่นน้ำถึงประมาณ 10 โมง หลักจากนั้น อเล็กก็ชวนไปขึ้นเขาต่อ
โดยอเล็ก พาเดินกลับมาที่สถานีรถไฟ เดินต่อไป ตรงแยกทางรถไฟที่เขียนว่าไปพระตำหนักชมดง
หลังจากนั้นเลี้ยวขวา แล้วเดินตามทางไปเรื่อย ๆ จนเจอทางเข้า ที่คล้าย ๆ ซุ้มประตูภาษาจีน
หลังจากนั้น ก็จะมีทางขึ้นไปข้างบน
จนไปเจอศาลานี้
จากที่เราเห็น ด้านในเป็นคล้าย ๆ รอยพระพุทธบาท (แต่ดูจากสภาพ คงไม่มีใครมาที่นี่นานแล้ว เพราะบันไดที่ขึ้นมา มีหลุมมีบ่อ และชำรุดพอสมควร ถือว่าอันตรายนะ)
ถัดจากศาลา อเล็กก็ชวนเราเข้าไปผจญภัยในป่าเล็ก ๆ ที่อยู่ต่อ จากรอยพระพุทธบาท
วิวที่ได้จากการผจญภัย
หลังจากออกจากป่าเล็ก ๆ เราก็ไปเจอสถานที่ที่เค้าให้ไว้ชมวิวและมีคนอยู่ จึงได้รู้ว่า ที่ขึ้นมาคือ จุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ
หลังจากกินน้ำพักเหนื่อย เราก็เดินกลับกันทางเก่า และอเล็กไปส่งเราที่สถานีรถไฟ
มีเรื่องน่าตื่นเต้นนิดหน่อย ที่เกือบสลับกระเป๋ากับคนอื่น แต่สุดท้ายก็เจอกระเป๋าตัวเอง
ขึ้นรถไฟ กลับหัวหิน ขบวน 262 รอบ 14:10 น.
ถึง หัวลำโพง ประมาณทุ่มครึ่ง
สรุปค่าใช้จ่าย
วินมอไซด์ วังหลัง สถานีรถไฟธนบุรี ไป-กลับ 40
เรือข้ามฟากจากวัดพระเเก้ว ไปวังหลัง ไป-กลับ 6
รถเมล์ไปหัวลำโพง 13
โรตีมะตะบะไก่ วังหลัง 35
ทิฟฟี่ 7
ซื้อขนม และสบู่ ที่เซเว่น 35
น้ำ 60
พิซซ่า 99
น้ำเปล่า 15
ฝากกระเป๋ากับสถานีรถไฟ 20
รองเท้าแตะ (เพราะทำรองเท้าขาด) 59
ก๋วยเตี๋ยว (ที่ขายบนรถไฟ) 10
ขนมฝากเพื่อน 40
รถเมล์กลับหอ 6.50
ข้าวมื้อเย็นที่หอ 20
ค่าที่พัก 199
เช่าจักรยาน 120
รวม 2 วัน 784.50 บาท
* วันที่ 2 ได้ อเล็ก เลี้ยงน้ำกับอาหารเช้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้