[ ….ในสายสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนร่วมงาน…….
……… กับมีสายใยที่ทักทอความรู้สึกที่แตกต่างไปมากกว่านั้น….]
8888888888888888888888888888888888888888888
เสียงพูดคุยหยอกล้อเฮฮาที่ค่อยๆเบาลง จังหวะฝีเท้าที่เริ่มเดินห่างออกไปของเหล่าบรรดาพี่ๆทีมงาน
หลังหยุดพักกองรับประทานอาหารกลางวัน ในห้องแต่งตัว
ออกัสกำลังถอดเสื้อที่ใส่เข้าฉากออก ก่อนหยิบเสื้อยืดสีขาวออกจากกระเป๋าที่เตรียมมาจากบ้านขึ้นมาสวมแทน
“ เออ กูเอง อะไร ก็ยังไม่เลิกกองนี่หว่า ”
เสียงที่ดังมาจากอีกด้านของห้อง ทำให้ออกัสต้องเอียงคอหันมองเจ้าของเสียงทุ้มที่คุ้นชิน
กำลังนั่งในท่าสบายๆเหยียดขาไขว้กันบนโซฟา พูดโต้ตอบกับโทรศัพท์คงคุยกะเพื่อน
เงิน ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีเป็นนักแสดงที่ ฮอตฮิตอยู่ก็ว่าได้ในตอนนี้
ส่งยิ้มกว้างในแบบฉบับมาให้ เมื่อเห็นว่าเขาหันไปมอง
นั่นทำให้ออกัสรู้สึกว่าหัวใจของเขามันเต้นถี่ขึ้นแปลกๆ
“ เออเข้าฉากกะออกัสนั่นและ อะไร !
ไม่มีหรอกเรื่องนั้นนะ เข้าใจคำว่าการตลาดหรือเปล่า ”
การตลาด? ออกัสทวนคำในใจพร้อมขมวดคิ้วสงสัย ว่าเงินกับเพื่อนคุยเรื่องอะไรกัน
เมื่อรูปประโยคเหมือนจะมีเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง
เพราะสงสัยมีมากกว่าทำให้ความคิดที่จะเอ่ยปากชวนเงินออกไปทานข้าวด้วยกันเป็นอันพับไป
ได้แต่หันหลังแกล้งยืนทำท่าลื้อกระเป๋าหาของไปมา
“ เออนั่นและ มันก็ต้องมีเซอร์วิสกันบ้างเพื่อเรียกกระแส
ออกัส นะน๊ะ จะให้คิดแบบนั้นได้ไงคุณเพื่อน ”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทเพื่อนที่ดังเข้าโสตประสาท ออกัสไม่รู้หรอกว่าเงินพูดด้วยสีหน้าท่าทางแบบไหน
แต่มันมีผลกับเขา เมื่อประติดประต่อรูปประโยคก็พอจะเดาทางการสนทนาออก
หงุดหงิดสะมัดที่ผ่านมา เงินแค่ fake !! นึกว่าจริงใจ
แล้วทำไมหัวใจมันกระตุกรุนแรงแถมพ่วงด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นภายในร่างกายละ
คงเป็นเพราะที่สนิทกับเงิน ออกัสจริงใจและไม่เคยแสแสร้งแกล้งทำเลย
เขาดึงมือออกจากกระเป๋ารูดซิปปิด ก่อนหันหลังเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็วโดยทิ้งกระเป๋าไว้ที่เดิม
“ เฮ้ย!แค่นี้ก่อนนะ ” เสียงลุกพรวดพลาดพร้อมการปิดสนทนากับเพื่อนดังไล่หลังมา
เงินคว้าข้อมือไว้เขาก่อนจะทันได้เปิดประตูออกไป
“ จะไปไหน รอก่อนสิ ”
“ ปล่อย! ” ออกัส สะบัดข้อมือเต็มแรงเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ
แต่ดูเหมือนไม่เป็นผลเท่าไหร่ อีกทั้งยังถูกเงินดึงรั้งจนถอยมายืนอยู่ด้านหลังคนตัวโต
“ คลิ๊กก ”
“ เฮ้ย !! ล็อคประตูทำไม ”
“ ไม่อยากให้ใครรบกวน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เสียงทุ้มนุ่มลึกบวกริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอย่างพออกพอใจเห็นแล้วยิ่งเพิ่มองศาเดือดให้อย่างไม่มีเหตุผล
“ คุยกันวันหลังเหอะ ”
ออกัสใช้น้ำเสียงกระชากตอบกลับ เงินส่ายหน้าปฏิเสธ
ยังคงใช้กำลังที่เหนือกว่ายึดข้อมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
“ ปล่อยดิวะ ”
คราวนี้ออกัสพูดเสียงลอดไรฟันอย่างคนบังคับอารมณ์โกรธ และมองสบสายตาคนตัวโตกว่าอย่างโมโห
เพียงแค่คิดว่าความเป็นเพื่อนที่เงินให้มามันไม่ได้มาจากใจ
ก็พาลไม่อยากให้อีกฝ่ายถูกเนื้อต้องตัว และดูคนตรงหน้าจะเข้าใจความรู้สึกของเขา
จึงปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ
“ ท่าทางแบบนี้ เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆสินะ ”
เสียงของเงินดังขึ้นแววตาทอดอ่อนยกยิ้มกว้างที่ออกัสเห็นแล้วใจสั่นส่งมาให้เหมือนทุกที
ถึงจะยังโกรธอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาแพ้ทางรอยยิ้มเพื่อนแบบนี้เสมอ
“ อะไร คิดอะไร ? ”
“ ที่คุยกับเพื่อนเมื่อกี้ แค่อยากรู้อะไรบางอย่าง ”
ในขณะที่เงินพูดคนตัวโตกว่าก็ย่างเท้าเข้าหาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนออกัสเริ่มเดินถอยหลังด้วยความหวั่นๆ
“ อยาก ระ รู้ อะไร ”
“ถึงเราจะสนิทกัน แต่บางทีก็อยากจะแน่ใจในอะไรบางเรื่อง และคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว
ดังนั้นช่วยตอบเราตรงๆ เมื่อกี้ที่โกรธเพราะชอบเราใช่ไหม ”
เสียงของคนตัวโตดังใกล้แทบชิดติดใบหู ไม่มีที่ให้ถอยได้อีกแล้วในเมื่อเขาถอยหลังมาจนชนผาผนังห้อง
แถมยังถูกอีกฝ่ายใช้แขนกั้นผนังไว้ทั้งสองข้าง ได้แต่ใจเต้นแรงยืนตัวสั่นพิงผนังห้องจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคม
เมื่อกี้ที่โกรธเพราะชอบใช่ไหม ทวนคำถามของอีกฝ่ายในใจ คำตอบที่ได้รับคือชอบ
“ คือ ก็ชอบ เฮ้ย! มะ ไม่ใช่นะ เงิน คือแบบ เรา …. ”
“ ทำแบบนี้อาจช่วยตอบคำถามในใจได้ชัดขึ้นนะ ”
“…………………………………………………………”
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ออกัสใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปาก อย่างเหมอๆ
สัมผัสอ่อนนุ่มเมื่อสักครู่มันคือ เฮ้ย! เขาโดนเงินจูบ!!!!!!!!!!
fic สั้นๆ เงิน & ออกัส
……… กับมีสายใยที่ทักทอความรู้สึกที่แตกต่างไปมากกว่านั้น….]
8888888888888888888888888888888888888888888
เสียงพูดคุยหยอกล้อเฮฮาที่ค่อยๆเบาลง จังหวะฝีเท้าที่เริ่มเดินห่างออกไปของเหล่าบรรดาพี่ๆทีมงาน
หลังหยุดพักกองรับประทานอาหารกลางวัน ในห้องแต่งตัว
ออกัสกำลังถอดเสื้อที่ใส่เข้าฉากออก ก่อนหยิบเสื้อยืดสีขาวออกจากกระเป๋าที่เตรียมมาจากบ้านขึ้นมาสวมแทน
“ เออ กูเอง อะไร ก็ยังไม่เลิกกองนี่หว่า ”
เสียงที่ดังมาจากอีกด้านของห้อง ทำให้ออกัสต้องเอียงคอหันมองเจ้าของเสียงทุ้มที่คุ้นชิน
กำลังนั่งในท่าสบายๆเหยียดขาไขว้กันบนโซฟา พูดโต้ตอบกับโทรศัพท์คงคุยกะเพื่อน
เงิน ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีเป็นนักแสดงที่ ฮอตฮิตอยู่ก็ว่าได้ในตอนนี้
ส่งยิ้มกว้างในแบบฉบับมาให้ เมื่อเห็นว่าเขาหันไปมอง
นั่นทำให้ออกัสรู้สึกว่าหัวใจของเขามันเต้นถี่ขึ้นแปลกๆ
“ เออเข้าฉากกะออกัสนั่นและ อะไร !
ไม่มีหรอกเรื่องนั้นนะ เข้าใจคำว่าการตลาดหรือเปล่า ”
การตลาด? ออกัสทวนคำในใจพร้อมขมวดคิ้วสงสัย ว่าเงินกับเพื่อนคุยเรื่องอะไรกัน
เมื่อรูปประโยคเหมือนจะมีเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง
เพราะสงสัยมีมากกว่าทำให้ความคิดที่จะเอ่ยปากชวนเงินออกไปทานข้าวด้วยกันเป็นอันพับไป
ได้แต่หันหลังแกล้งยืนทำท่าลื้อกระเป๋าหาของไปมา
“ เออนั่นและ มันก็ต้องมีเซอร์วิสกันบ้างเพื่อเรียกกระแส
ออกัส นะน๊ะ จะให้คิดแบบนั้นได้ไงคุณเพื่อน ”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทเพื่อนที่ดังเข้าโสตประสาท ออกัสไม่รู้หรอกว่าเงินพูดด้วยสีหน้าท่าทางแบบไหน
แต่มันมีผลกับเขา เมื่อประติดประต่อรูปประโยคก็พอจะเดาทางการสนทนาออก
หงุดหงิดสะมัดที่ผ่านมา เงินแค่ fake !! นึกว่าจริงใจ
แล้วทำไมหัวใจมันกระตุกรุนแรงแถมพ่วงด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นภายในร่างกายละ
คงเป็นเพราะที่สนิทกับเงิน ออกัสจริงใจและไม่เคยแสแสร้งแกล้งทำเลย
เขาดึงมือออกจากกระเป๋ารูดซิปปิด ก่อนหันหลังเดินไปทางประตูอย่างรวดเร็วโดยทิ้งกระเป๋าไว้ที่เดิม
“ เฮ้ย!แค่นี้ก่อนนะ ” เสียงลุกพรวดพลาดพร้อมการปิดสนทนากับเพื่อนดังไล่หลังมา
เงินคว้าข้อมือไว้เขาก่อนจะทันได้เปิดประตูออกไป
“ จะไปไหน รอก่อนสิ ”
“ ปล่อย! ” ออกัส สะบัดข้อมือเต็มแรงเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ
แต่ดูเหมือนไม่เป็นผลเท่าไหร่ อีกทั้งยังถูกเงินดึงรั้งจนถอยมายืนอยู่ด้านหลังคนตัวโต
“ คลิ๊กก ”
“ เฮ้ย !! ล็อคประตูทำไม ”
“ ไม่อยากให้ใครรบกวน เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
เสียงทุ้มนุ่มลึกบวกริมฝีปากที่คลี่ยิ้มอย่างพออกพอใจเห็นแล้วยิ่งเพิ่มองศาเดือดให้อย่างไม่มีเหตุผล
“ คุยกันวันหลังเหอะ ”
ออกัสใช้น้ำเสียงกระชากตอบกลับ เงินส่ายหน้าปฏิเสธ
ยังคงใช้กำลังที่เหนือกว่ายึดข้อมือเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
“ ปล่อยดิวะ ”
คราวนี้ออกัสพูดเสียงลอดไรฟันอย่างคนบังคับอารมณ์โกรธ และมองสบสายตาคนตัวโตกว่าอย่างโมโห
เพียงแค่คิดว่าความเป็นเพื่อนที่เงินให้มามันไม่ได้มาจากใจ
ก็พาลไม่อยากให้อีกฝ่ายถูกเนื้อต้องตัว และดูคนตรงหน้าจะเข้าใจความรู้สึกของเขา
จึงปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ
“ ท่าทางแบบนี้ เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆสินะ ”
เสียงของเงินดังขึ้นแววตาทอดอ่อนยกยิ้มกว้างที่ออกัสเห็นแล้วใจสั่นส่งมาให้เหมือนทุกที
ถึงจะยังโกรธอยู่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาแพ้ทางรอยยิ้มเพื่อนแบบนี้เสมอ
“ อะไร คิดอะไร ? ”
“ ที่คุยกับเพื่อนเมื่อกี้ แค่อยากรู้อะไรบางอย่าง ”
ในขณะที่เงินพูดคนตัวโตกว่าก็ย่างเท้าเข้าหาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนออกัสเริ่มเดินถอยหลังด้วยความหวั่นๆ
“ อยาก ระ รู้ อะไร ”
“ถึงเราจะสนิทกัน แต่บางทีก็อยากจะแน่ใจในอะไรบางเรื่อง และคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว
ดังนั้นช่วยตอบเราตรงๆ เมื่อกี้ที่โกรธเพราะชอบเราใช่ไหม ”
เสียงของคนตัวโตดังใกล้แทบชิดติดใบหู ไม่มีที่ให้ถอยได้อีกแล้วในเมื่อเขาถอยหลังมาจนชนผาผนังห้อง
แถมยังถูกอีกฝ่ายใช้แขนกั้นผนังไว้ทั้งสองข้าง ได้แต่ใจเต้นแรงยืนตัวสั่นพิงผนังห้องจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคม
เมื่อกี้ที่โกรธเพราะชอบใช่ไหม ทวนคำถามของอีกฝ่ายในใจ คำตอบที่ได้รับคือชอบ
“ คือ ก็ชอบ เฮ้ย! มะ ไม่ใช่นะ เงิน คือแบบ เรา …. ”
“ ทำแบบนี้อาจช่วยตอบคำถามในใจได้ชัดขึ้นนะ ”
“…………………………………………………………”
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ออกัสใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปาก อย่างเหมอๆ
สัมผัสอ่อนนุ่มเมื่อสักครู่มันคือ เฮ้ย! เขาโดนเงินจูบ!!!!!!!!!!