สวัสดี อันนี้เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกเลย เราใช้ไอดีเพื่อนมาตั้งกระทู้นะ บอกก่อนนะว่ากระทู้นี้เนื้อหาล้วนๆเลยนะ ล้วนๆเลยไม่มีรูปอะไรทั้งนั้นนะคะ อาจจะน่าเบื่อ
เป็นเรื่องราวที่ไม่คิดว่าจะเจอเลยกับเหตุการณ์นี้ ลองอ่านกันได้นะ
เริ่มเรื่องตั้งแต่สนามบินเลยเนอะที่นานาชาติอินชอนแอร์พอร์ต
แน่นอนว่าทุกคนต้องเผื่อเวลามาสนามบินก่อนอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ใช่แล้ว เรากับเพื่อนก็ทำ เรามาถึงสนามบินเกือบๆ เก้าโมง เครื่องออก 11:15 น. เริ่มเลยค่ะ ไม่ต้องหา Terminal เลยค่ะ อาคารเดียวกับที่เรามาถึงเลย หาแค่จุด Check - in พอค่ะ ลากกระเป๋าไปสิจ๊ะ รออะไร หนัก ต้องการรถเข็นด่วนผ่านมา สนามบินอันกว้างใหญ่ ลากไปยาวๆ ขึ้นลงกี่ชั้นก็ว่าไปตามป้าย เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราจะได้ใช้บัตร T-Money กันค่ะ รอบสุดท้ายแล้ววว ก็แตะบัตรไปค่ะตามปกติ ก็แตะผ่านมาค่ะ แต่เพื่อนเราใช้อีกประตูนึง คล้ายๆ BTS บ้านเรา ที่มันเป็นตรงข้างๆอ่ะ นึกภาพออกนะ ทางมันกว้างไง เพื่อนของเยอะ ก็เลยเข้าไปช่วยเพื่อนจับประตูไว้ เพราะเพื่อนก็ของเต็มไม้เต็มมือ โอเค ผ่านมา อ่อ ที่นั่นต้องแตะบัตรด้วยนะ ออกมาได้แปปนึง กำลังจะแตะบัตร มีจนท.เดินออกมาบอกให้เพื่อนประมาณว่าแตะบัตรด้วย พวกเราก็เออๆ รู้ๆ
ก็แตะบัตรไป แล้วจนท.ก็หันมามองหน้าเราบอกให้เราแตะบัตรด้วย ไอ้เราก็แบบ เอ๋อๆนิดนึง ก็แตะแล้วอ่ะ เลยบอกไปว่า ฉันแตะบัตรแล้ว จนท.ทำไม้ทำมือแบบไม่ๆ แล้วชี้ไปที่เครื่อง เริ่ม งง ก็เลยหยิบบัตรออกมาชูให้เค้าดู จนท.พยักหน้าแล้วชี้ไปที่เครื่องให้ไปแตะบัตร ก็เลยย้ำไปอีกที โนๆ ฉันแตะบัตรแล้ว ก็ยังโบกมืออีก อะไรวะ!
จนท.ก็เลยเดินมาหยิบบัตรไป แต่ไม่ได้รุงแรงนะ สุภาพมากๆ เอาแล้วไง นางเอาบัตรไปแล้ว คือ คงจะไปแตะบัตรให้อ่ะแหละ ไอ้เราก็แบบ เฮ้ย!
เดี๋ยวกินเงินอีกทำไง ก็เลยพูดไป Hey! I already taped it No No don't tap. ไม่ทันหรอก..นางเดินไปแล้ว
ฟังอิ้งไม่ออกด้วยใช่ไหม พูดไม่ฟังกันเล้ยแก ข้ามไปแตะให้ แตะปั้ป นางทำหน้างงเล็กน้อย พลิกบัตรไปมาอีกที แตะอีกที หึหึ มันจะไปได้ไงล่ะ ก็ฉันแตะแล้ว คือถ้าเราแตะบัตรออกแล้วถ้าแตะซ้ำมันจะขึ้นรหัสบอก P 14 มั่ง ถ้าจำไม่ผิดนะ มันมีความหมายว่า เราได้ทำการแตะบัตรออกแล้ว ที่เครื่องมันจะมีบอกว่าถ้าเราแตะบัตรแล้วมีรหัสขึ้นให้ดูว่ามันรหัสอะไร แล้วเช็คว่าบัตรเราเป็นอะไร เช่น เงินในบัตรอาจไม่พอ เลยแตะไม่ผ่านออกไม่ได้ สรุปจนท.เดินมายื่นบัตรคืนให้ ยิ้มแย่มแจ่มใส บอกแล้วว่าแตะแล้วไม่ฟังเล้ย
อันนี้ขำๆ โอเคผ่านไปชั้น Check - in กัน ชั้นสาม ไปเอารถเข็นกันก่อนนาทีนี้ เมื่อได้รถเข็น ก้ไปที่ Check-in Counter ของ Air Asia ค่ะ ชิลๆ คนไม่เยอะเท่าไร วางแผนไว้ว่าจะไปช้อปปิ้งด้วย เดี๋ยวรู้เลย ช้อปปิ้งในสนามบิน ฮ่าๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ลื้นไหลปกติ มาถึงคิวตัวเองเช็คอินละ แอบเห็นอีกแถวนึงเหมือนมันมีสองแถวมั่งที่เช็คอินไม่ขยับเลย - -? ตอนแรกเราก็ไปยืนแถวนั้นแหละ เหมือนเป็นที่เช็คอินแบบพรีเมี่ยมมั่งอันนี้ไม่แน่ใจ เห็นไม่ขยับเลยก็เลยมาอีกทีนึง ไปๆๆๆ ได้เวลาเราแล้ว ยื่น Passport&Ticket พร้อมชั่งกระเป๋า ปรากฎว่าของเพื่อนน้ำหนักเกิน เพื่อนซื้อแค่ 20 โล แต่นี่ซื้อ 30 โล แต่พนง.เค้าท์เตอร์บอกแชร์ได้ แต่ตอนขามาที่ดอนเมืองไม่ได้นะก็ไม่รู้ทำไม โอเคก็เลยเอากระเป๋าเพื่อนมาชั่งด้วย เกินมา 3 โล มัน 33.3 โล พนง.ใจดีมากๆ นางบอก it's ok it's ok. O.O มีความใจดีย์ ผ่าน! ไปต่อค่ะ เข้าแถวจุดสแกน แถวยาวล้นมาถึงข้างนอกเล็กน้อย ต่อแถวไปค่ะ บอกตรง ข้างนอกก็ยาวแล้ว พอเข้าไปข้างใน ไม่ต้องพูดถึง สุดยอดแห่งเขาวงกต ก็ยังไม่คิดอะไร ต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่เอะใจเรื่องเวลา ไกล้ถึงคิวละ ตรงจุดนี้แยกกับเพื่อน เพื่อนไปอีกแถวนึง เราไปอีกแถวนึง มันมีหลายช่อง ชนาดว่ามีหลายช่องนะ คนยังเยอะ เวียนหัวมาก ช่องอันอื่นเท่าที่ดูก็ไม่มีปัญหาอะไร ไหลลื่น สบายๆ ปัญหามันอยู่ช่องนี้เลยค่ะ ช่องที่เราต่อแถวอยู่ เครื่องสแกนเหมือนมันช้ามากบ้าง สแกนไม่ผ่านบ้าง เดี๋ยวสแกนแล้วสแกนอีก เออ ไอ้รองเท้าส้นตึกสูงๆที่ตึกหนาๆอ่ะ ใครไปถอดรอได้ก็ถอดเลยนะ เห็นคนข้างหน้าโดนบอกให้ถอด เราก้งงว่าเออทำไมมันมีรองเท้าไว้ด้วย อ่อ เอาไว้ให้เปลี่ยน ถอดรอให้หมด เสื้อคุม หมวก แว่น เข็มขัด แท็บเล็ต วางไว้ในตะกร้าเลย ช่องเราสติจะแตกมาก คือช้าจริงๆ ช้ามากๆ สแกนเข้าสแกนออก ไม่รู้มันเป็นอะไร เบื่อสุด นาทีนั้นก็ยังไม่เอะใจเวลาด้วยนะ ด้วยความที่มาเร็ว เช็คอินเร็วเนอะ พอถึงคิวเร็ว เพื่อนเราหลุดจุดนี้ไปหลายโขแล้ว มาถึงเรา ใส่เลยค่ะ ตะกร้าที่ 1 กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ ตะกร้าที่ 2 กระเป๋ากล้อง เสื้อคุม หมวก ถุงราเมงของฝากที่เพื่อนฝากไว้ ตะกร้าที่ 3 แท็บเล็ต พอสายพานเลื่อน ก็ยื่นพาสปอร์ตให้พนง.เลย เค้าก็จะสแกนหน้าพาสปอร์ต เหมือนที่สแกนพาสปอร์ตมีปัญหาอีก ไม่อ่านข้อมูล ทำอยู่สามรอบ โอเคผ่าน
สแกนตัวก็ผ่าน ต่อไปรอเอาของที่ใส่ตะกร้าเมื่อกี้ ตะกร้าที่ 3 ที่ใส่แท็บเล็ตไม่มีปัญหา เรียบร้อย ต่อมาตะกร้าที่ 1 กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ มีปัญหาเล็กน้อย
คือลืมเอาน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์โหลดใต้เครื่อง พนง.ที่ยืนดูอยู่จุดสแกนเห็นแหละว่ามีน้ำอยู่ในกระเป๋า พนง.ชายเดินมาถาม มีน้ำอยู่ในกระเป๋าไหม? ตอบไปเลยตรงๆ เยส! มันคือน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ของฉันเอง รู้แล้วว่าโดนเอาทิ้งแน่นอน พนง.ก็ ขอเปิดกระเป๋าได้ไหม? เยส! เปิดมาหยิบน้ำยาออกมา ยื่นให้แล้วบอก อิสโอเค เฮ้ยยย ใจดีไปอีก รู้ใช่ไหมว่าถ้ามีของเหลวอะไรก็แล้วแต่เกิน100ml. เค้าเอาทิ้งหมด ถึงแม้ว่าที่ขวดระบุ335 ml.แต่น้ำไม่ถึง ก็ทิ้ง น้ำยาเรามัน 335 ml. แต่เหลืออยู่พอประมาณ จนท.อนุญาติ ใจดีไปอีกแกเอ๊ยยย จุดนี้นึกว่าผ่านแล้ว ยังว่ะ
พนง.ถามต่ออีกว่า ในกระเป๋ามีอีกไหม ตอบไป ไม่มีแล้ว มีแค่นี้ นางถามกลับมา แน่ใจนะ? แน่ค่ะ นางล้วงไปในกระเป๋า หยิบครีมทาผิวออกมา เฮ้ย!! เออ ใช่ ลืมสนิท เมื่อเช้าหยัดไว้ ลืมโหลดใต้เครื่อง! ยึดไปค่ะ 225 ml. บีบใช้ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวเลย มีความเสียดาย555 สรุปตะกร้าที่ 1 กับ 3 ผ่าน มาค่ะ มารอตะกร้าที่ 2 ที่ใส่กล้องค่ะ ในกระเป๋ากล้องมี Power Bank ด้วย เค้าไม่ให้เอา Power Bank โหลดใต้เครื่องอันนี้ทุกคนรู้ดีเนอะ สแกนมาครั้งที่ 1 ผ่านมากำลังจะไปหยิบ พนง.หญิงอีกคนที่นั่งดูจอสแกนอยู่ ถาม ตะกร้านี้ของคุณใช่ไหม ตอบไปเล้ย Yes! นางขมวดคิ้ว แล้วบอกรอสักครู่ สแกนครั้งที่สองนางขมวดคิ้วอีก คิดในใจ เกิดะไรขึ้น นี่จะไปหยิบได้ยัง นี่ก็ยืนมาจอนะมันเห็น หน้าจอก็มีกล้องกับpower bank ทำไมไม่ผ่าน ยังอีก ยังไม่ได้ สแกนอีก ครั้งที่สาม ครั้งนี้นางลุกมาเปิดกระเป๋ากล้องเลย หยิบ power bank ออกมา ทำหน้างงๆ พี่พนง.ชายคนตะกี้เดินมาพอดี คุยไรกันไม่รู้ สุดท้ายก็ยื่นกระเป๋าคืนให้เรา สรุปมันเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
มีความเสียเวลาไปอีกระดับนึง ช่องสแกนหนึ่งช่องจะมีพนง.สามคนต่อช่อง คือพนง.สนบ.ที่อินชอนเค้าเยอะจริง ล้นอ่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย ทั่วถึงมาก ผ่านแล้ว! ผ่านแล้ว! ยิ้มหน้าบาน ใส่เสื้อ ใส่หมวก สะพายกระเป๋า ถือของ ไปกันค่ะ ไปด่านต่อไป ด้านตม. ว๊ายยยยยย ไม่มีคนเล้ย โล่งมากกกกก เปิดหน้าพาสปอร์ตสิจ๊ะรอะไร วางแปะลงไป เอ๊ะ! ทำไมสแกนไม่ได้ เอาใหม่ เอ๊ะ! ก็ยังว่ะ ไม่เป็นไร เอาใหม่ ห๊ะ!! ทำไมไม่อ่านข้อมูลฉัน! ว้อท! มีพนง.เดินมาทำมือกากบาก แล้วผายมือไปอีกด้านนึง หื้มมม แถวยาวอีกแล้ว เฮ้อ! เอออออ ไปยืนต่อแถวสิ ระหว่างยืน อะไรไม่รู้ดลใจให้เปิดแท็บเล็ตดูเวลา พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ! 10:52 น. ห๊ะ! ห๊ะ! เดี๋ยวนะ บินกี่โมงนะ 11:15 น. อาจจำผิดเปิดบอร์ดดิ้งพาสดูใหม่ เต็มๆตา 11:15 !! ตอนนี้กี่โมงนะ 10:52 มองไปที่แถวที่ยาวเป็นวงกตหลายคดเคี้ยว บ๊ะเจ้า! คุณเฟิร์นคะคุณได้สิทธิตกเครื่องแน่ค่ะ หันซ้ายหันขวา ไม่เห็นเพื่อนสงสัยหลุดตม.ไปแล้ว แชทหาเพื่อนว่าอยู่ไหน(ยังจะมีอารมณ์) เผื่อว่าแบบเพื่อนอยู่ที่เครื่องแล้ว จะได้ช่วยบอกให้รอหน่อยงี้ แต่ไม่ได้เรารอเพื่อนอย่างเดียวไม่ได้! ต้องหาทางอื่นด้วย ทำไงๆ มองซ้ายมองขวา ใจเต้นแรงมาก ไม่เค้ยไม่เคยเจอแบบนี้ ข้างหน้ามีผญ.คนจีนสองคน เอาวะเป็นไงเป็นกัน !
"เอ่อ... ขอโทษนะคะ"
"ห๊ะ?"
"บินกี่โมงคะ"
"อะไรนะ"
"ฉันหมายถึงว่าไฟท์คุณบินกี่โมงคะ"
"โอ้ เที่ยงนะ"
"เยส! ฉันขอไปก่อนได้ไหม คือไฟท์บินฉันจะออกแล้ว"
"โอ้! เยส! เยส!"
เกิดอะไรขึ้นอะหรอ ฉันถามพวกเขาเลยนาทีนั้น โอ้โห กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็ลำบากอยู่นะ กว่านางจะหยิบบอร์ดดิ้งพาสมาดูเวลาบิน กูเออ ใช้เวลานิดนึง คือตอนนั้นลนสุด เผื่อว่าพวกนางจะบินที่หลังจะได้ขอแซงหน่อยก็ชี้ไปที่เวลาบินของเราเขาก็ตกใจเลยรีบให้เราไปอยู่ข้างหน้า ตอนนี้มายืนอยู่ข้างหน้าสองคนนั้นแล้ว แต่เหมือนความหวังจะหมดเมื่อมองไปยังแถวข้างหน้า คือคนเยอะมากๆ ต่อให้ทำแบบเมื่อกี้ยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ ฉันตกเครื่องแน่ ในระหว่างที่ลุกลี้ลุกลนว่าจะทำยังไงดี ผญ.สองคนเมื่อกี้ที่เราขอแซงมาก็ชะเง้อมองมาที่บอร์ดดิ้งที่ถือไว้ แล้วก็หันไปพูดกับเพื่อน แล้วก็มาชะเง้อมองอีก พูดกับเพื่อนอีก นางทำอยู่สามรอบเลยนะ ก็เลยตัดสินใจหันไปถามนางเลย มันมีทางที่ฉันจะผ่านตรงนี้ไปก่อนได้ไหม ฉันกลัวจะตกเครื่อง พวกเธอรีบพยักหน้าคือเหมือนเข้าใจว่า เออ ตกเคื่องแน่ถ้ายังยืนอยู่ปลายแถวแบบนี้ เขาเลยหันไปเรียกพนง. แต่เหมือนพนง.ไม่ได้ยิน เราก็เลยคิดได้เลยว่า เออ! ใช่! พนง.ต้องช่วยได้ เลยเรียกเองเลยที่นี้ พนง.เดินมา ไม่รอช้าชี้ไปที่เวลาบิน พนง.ทำหน้าตกใจ เค้ารีบไปตามหัวหน้ามั่ง โชคดีไปปอีกคือ หัวหน้า
อยู่แถวนั้นพอดี หัวหน้าเดินมาก็ขอดูบอร์ดดิ้งพาส หัวหน้าตาเหลือกแรง พูด OMG ! รีบเอาที่กั้นออก แล้วพาเดินออกไป ก่อนไปบอกตรงๆต้องขอบคุณพวกนางสองคนจีนจากใจโค้งไปให้หนึ่งทีพร้อมขอบคุณจากใจสุด ถ้าไม่ได้พวกนางฉันว่าฉันตกเครื่องแน่ โอเคหัวหน้าพาเดินออกมา มาโทรศัพท์อะไรไม่รู้ภาษาเกาหลีฉันก็แบบ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว จะทันไหม นี่คุยโทรศัพท์เพื่อบอกให้รอฉันใช่ไหมคะ จะร้องไห้ ฟังไม่ออก คุยไปด้วย มองหน้าเราไปด้วย อะไรวะนี่ สุดท้ายวางหู พาไปที่ทางผ่านตม. หัวหน้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ แย่แล้ว แต่เค้าก็ทำมือทำไม้บอกให้รู้ว่ายืนรอตรงนี้นะ โอเค หัวหน้ากลับไปแล้ว ก็ยืนรอ โอ้พระเจ้า มีคนรอข้างหน้าสองคน กำลังตวรจอีกหนึ่งคน 10:58 แล้วโว้ย.. ฉันตายแน่ เหมือนจะเป็น ตม.ทาง VIP ป่ะ ไม่รู้อ่ะ เพราะสังเกตว่าเค้าใช้พาสปอร์ตสีเขียวกัน เคยอ่านเจอว่าสีพาสปอร์ตแต่ละสีไม่เหมือนกัน สีแดงเลือดหมูสำหรับบุคคลทั่วไป ใจดีสู้เสือไว้ค่ะ ไม่รู้เค้าบอกให้ยืนรอก็ยืน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตาฉันแล้ว ถอดหมวกรอเลย พาสปอร์ตพร้อม! ก้าวไปข้างหน้า พระเจ้า! อีตัวสล็อต! ฉันยื่นพาสปอร์ตไปให้ กว่าลุงจะยื่นมือมารับ รับเสร็จละวางแล้วมองหน้า แบบว่าแสดงออกชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่ที่ฉันจะมายืน ฉันก็แบบเอาแล้วไง ทำไงดี จะไปตามหัวหน้าตะกี้มาไหม แล้วหัวหน้าคนเมื่อกี้จะอยู่หรอ ระยะทางก็ไม่ทันแน่ เลยลองพูดก่อนว่า เขาพาฉันมายืนตรงนี้ แล้วก็ชี้ไปยังบอร์ดดิ้งพาสว่า เอ็อ! อีก15นาที เครื่องจะ Take off แล้วนะ เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม? ตม.ส่ายหน้าช้าๆมีทำปากไม่พอใจด้วย แล้วหน้านิ่งมาก ทุกอย่างนิ่งมากๆ ใจไม่ดีแล้วตอนนั้น แปปนึงนางก็หยิบพาสปอร์ตไปเปิดๆดู ทุกอย่างมันเชื่องช้ามันเลยนะ เปิดดูมองเปิดดูมองหน้า ส่ายหน้าอีก แล้วค่อยๆเอื่อมไปหยิบตราปั้ม เคยดู Zootopia ไหม ยังงั้นเลย! ตอนนี้ใส่หมวกเตรียมพร้อม กระชับกระเป๋า ของในมือ คือบอกตรง แค่ยื่นพาสปอร์ตกลับมาพร้อมวิ่งไปที่เกทมากๆ ผ่านตม.แล้ว ! ไปค่ะ ไปหาเกท เกท 130 ! ทางไหนมองป้ายด่วน ตามป้ายไป ช็อค! โชคเกือบดีคือ เกทมันไม่ได้อยู่กับอาคารเดียวกับตัวตม.ค่ะ ลืมไปเลย ซวยซับซ้อน มันต้องนั่งขบวนรถไฟไปที่เกท ! พระเจ้า วิ่งๆ เห็นขบวนรถร่ำไร แต่ไม่ทัน แถบกระโดดข้ามราวบันไดเลื่อน ก้าวให้เร็วที่สุดก็ไม่ทัน 11:00 เป๊ะ เวลาออกรถออกอะไรของ ตปท. เค้าไม่เหมือนบ้านเรานะเออ เป๊ะทุกวินาที ไม่เหมือนบ้านเราที่จะโบกไม้โบกมือหรือรีบวิ่งให้ทัน ทำใจค่ะ เขาไม่รอ ให้ตาย!
ยัง ยังไม่จบ ไปต่อๆ
เมื่อฉันเกือบตกเครื่องที่อินชอน
เริ่มเรื่องตั้งแต่สนามบินเลยเนอะที่นานาชาติอินชอนแอร์พอร์ต แน่นอนว่าทุกคนต้องเผื่อเวลามาสนามบินก่อนอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ใช่แล้ว เรากับเพื่อนก็ทำ เรามาถึงสนามบินเกือบๆ เก้าโมง เครื่องออก 11:15 น. เริ่มเลยค่ะ ไม่ต้องหา Terminal เลยค่ะ อาคารเดียวกับที่เรามาถึงเลย หาแค่จุด Check - in พอค่ะ ลากกระเป๋าไปสิจ๊ะ รออะไร หนัก ต้องการรถเข็นด่วนผ่านมา สนามบินอันกว้างใหญ่ ลากไปยาวๆ ขึ้นลงกี่ชั้นก็ว่าไปตามป้าย เป็นสถานที่สุดท้ายที่เราจะได้ใช้บัตร T-Money กันค่ะ รอบสุดท้ายแล้ววว ก็แตะบัตรไปค่ะตามปกติ ก็แตะผ่านมาค่ะ แต่เพื่อนเราใช้อีกประตูนึง คล้ายๆ BTS บ้านเรา ที่มันเป็นตรงข้างๆอ่ะ นึกภาพออกนะ ทางมันกว้างไง เพื่อนของเยอะ ก็เลยเข้าไปช่วยเพื่อนจับประตูไว้ เพราะเพื่อนก็ของเต็มไม้เต็มมือ โอเค ผ่านมา อ่อ ที่นั่นต้องแตะบัตรด้วยนะ ออกมาได้แปปนึง กำลังจะแตะบัตร มีจนท.เดินออกมาบอกให้เพื่อนประมาณว่าแตะบัตรด้วย พวกเราก็เออๆ รู้ๆ ก็แตะบัตรไป แล้วจนท.ก็หันมามองหน้าเราบอกให้เราแตะบัตรด้วย ไอ้เราก็แบบ เอ๋อๆนิดนึง ก็แตะแล้วอ่ะ เลยบอกไปว่า ฉันแตะบัตรแล้ว จนท.ทำไม้ทำมือแบบไม่ๆ แล้วชี้ไปที่เครื่อง เริ่ม งง ก็เลยหยิบบัตรออกมาชูให้เค้าดู จนท.พยักหน้าแล้วชี้ไปที่เครื่องให้ไปแตะบัตร ก็เลยย้ำไปอีกที โนๆ ฉันแตะบัตรแล้ว ก็ยังโบกมืออีก อะไรวะ! จนท.ก็เลยเดินมาหยิบบัตรไป แต่ไม่ได้รุงแรงนะ สุภาพมากๆ เอาแล้วไง นางเอาบัตรไปแล้ว คือ คงจะไปแตะบัตรให้อ่ะแหละ ไอ้เราก็แบบ เฮ้ย! เดี๋ยวกินเงินอีกทำไง ก็เลยพูดไป Hey! I already taped it No No don't tap. ไม่ทันหรอก..นางเดินไปแล้ว ฟังอิ้งไม่ออกด้วยใช่ไหม พูดไม่ฟังกันเล้ยแก ข้ามไปแตะให้ แตะปั้ป นางทำหน้างงเล็กน้อย พลิกบัตรไปมาอีกที แตะอีกที หึหึ มันจะไปได้ไงล่ะ ก็ฉันแตะแล้ว คือถ้าเราแตะบัตรออกแล้วถ้าแตะซ้ำมันจะขึ้นรหัสบอก P 14 มั่ง ถ้าจำไม่ผิดนะ มันมีความหมายว่า เราได้ทำการแตะบัตรออกแล้ว ที่เครื่องมันจะมีบอกว่าถ้าเราแตะบัตรแล้วมีรหัสขึ้นให้ดูว่ามันรหัสอะไร แล้วเช็คว่าบัตรเราเป็นอะไร เช่น เงินในบัตรอาจไม่พอ เลยแตะไม่ผ่านออกไม่ได้ สรุปจนท.เดินมายื่นบัตรคืนให้ ยิ้มแย่มแจ่มใส บอกแล้วว่าแตะแล้วไม่ฟังเล้ย อันนี้ขำๆ โอเคผ่านไปชั้น Check - in กัน ชั้นสาม ไปเอารถเข็นกันก่อนนาทีนี้ เมื่อได้รถเข็น ก้ไปที่ Check-in Counter ของ Air Asia ค่ะ ชิลๆ คนไม่เยอะเท่าไร วางแผนไว้ว่าจะไปช้อปปิ้งด้วย เดี๋ยวรู้เลย ช้อปปิ้งในสนามบิน ฮ่าๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ลื้นไหลปกติ มาถึงคิวตัวเองเช็คอินละ แอบเห็นอีกแถวนึงเหมือนมันมีสองแถวมั่งที่เช็คอินไม่ขยับเลย - -? ตอนแรกเราก็ไปยืนแถวนั้นแหละ เหมือนเป็นที่เช็คอินแบบพรีเมี่ยมมั่งอันนี้ไม่แน่ใจ เห็นไม่ขยับเลยก็เลยมาอีกทีนึง ไปๆๆๆ ได้เวลาเราแล้ว ยื่น Passport&Ticket พร้อมชั่งกระเป๋า ปรากฎว่าของเพื่อนน้ำหนักเกิน เพื่อนซื้อแค่ 20 โล แต่นี่ซื้อ 30 โล แต่พนง.เค้าท์เตอร์บอกแชร์ได้ แต่ตอนขามาที่ดอนเมืองไม่ได้นะก็ไม่รู้ทำไม โอเคก็เลยเอากระเป๋าเพื่อนมาชั่งด้วย เกินมา 3 โล มัน 33.3 โล พนง.ใจดีมากๆ นางบอก it's ok it's ok. O.O มีความใจดีย์ ผ่าน! ไปต่อค่ะ เข้าแถวจุดสแกน แถวยาวล้นมาถึงข้างนอกเล็กน้อย ต่อแถวไปค่ะ บอกตรง ข้างนอกก็ยาวแล้ว พอเข้าไปข้างใน ไม่ต้องพูดถึง สุดยอดแห่งเขาวงกต ก็ยังไม่คิดอะไร ต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่เอะใจเรื่องเวลา ไกล้ถึงคิวละ ตรงจุดนี้แยกกับเพื่อน เพื่อนไปอีกแถวนึง เราไปอีกแถวนึง มันมีหลายช่อง ชนาดว่ามีหลายช่องนะ คนยังเยอะ เวียนหัวมาก ช่องอันอื่นเท่าที่ดูก็ไม่มีปัญหาอะไร ไหลลื่น สบายๆ ปัญหามันอยู่ช่องนี้เลยค่ะ ช่องที่เราต่อแถวอยู่ เครื่องสแกนเหมือนมันช้ามากบ้าง สแกนไม่ผ่านบ้าง เดี๋ยวสแกนแล้วสแกนอีก เออ ไอ้รองเท้าส้นตึกสูงๆที่ตึกหนาๆอ่ะ ใครไปถอดรอได้ก็ถอดเลยนะ เห็นคนข้างหน้าโดนบอกให้ถอด เราก้งงว่าเออทำไมมันมีรองเท้าไว้ด้วย อ่อ เอาไว้ให้เปลี่ยน ถอดรอให้หมด เสื้อคุม หมวก แว่น เข็มขัด แท็บเล็ต วางไว้ในตะกร้าเลย ช่องเราสติจะแตกมาก คือช้าจริงๆ ช้ามากๆ สแกนเข้าสแกนออก ไม่รู้มันเป็นอะไร เบื่อสุด นาทีนั้นก็ยังไม่เอะใจเวลาด้วยนะ ด้วยความที่มาเร็ว เช็คอินเร็วเนอะ พอถึงคิวเร็ว เพื่อนเราหลุดจุดนี้ไปหลายโขแล้ว มาถึงเรา ใส่เลยค่ะ ตะกร้าที่ 1 กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ ตะกร้าที่ 2 กระเป๋ากล้อง เสื้อคุม หมวก ถุงราเมงของฝากที่เพื่อนฝากไว้ ตะกร้าที่ 3 แท็บเล็ต พอสายพานเลื่อน ก็ยื่นพาสปอร์ตให้พนง.เลย เค้าก็จะสแกนหน้าพาสปอร์ต เหมือนที่สแกนพาสปอร์ตมีปัญหาอีก ไม่อ่านข้อมูล ทำอยู่สามรอบ โอเคผ่าน สแกนตัวก็ผ่าน ต่อไปรอเอาของที่ใส่ตะกร้าเมื่อกี้ ตะกร้าที่ 3 ที่ใส่แท็บเล็ตไม่มีปัญหา เรียบร้อย ต่อมาตะกร้าที่ 1 กระเป๋าสะพายหลังหนึ่งใบ มีปัญหาเล็กน้อย คือลืมเอาน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์โหลดใต้เครื่อง พนง.ที่ยืนดูอยู่จุดสแกนเห็นแหละว่ามีน้ำอยู่ในกระเป๋า พนง.ชายเดินมาถาม มีน้ำอยู่ในกระเป๋าไหม? ตอบไปเลยตรงๆ เยส! มันคือน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ของฉันเอง รู้แล้วว่าโดนเอาทิ้งแน่นอน พนง.ก็ ขอเปิดกระเป๋าได้ไหม? เยส! เปิดมาหยิบน้ำยาออกมา ยื่นให้แล้วบอก อิสโอเค เฮ้ยยย ใจดีไปอีก รู้ใช่ไหมว่าถ้ามีของเหลวอะไรก็แล้วแต่เกิน100ml. เค้าเอาทิ้งหมด ถึงแม้ว่าที่ขวดระบุ335 ml.แต่น้ำไม่ถึง ก็ทิ้ง น้ำยาเรามัน 335 ml. แต่เหลืออยู่พอประมาณ จนท.อนุญาติ ใจดีไปอีกแกเอ๊ยยย จุดนี้นึกว่าผ่านแล้ว ยังว่ะ พนง.ถามต่ออีกว่า ในกระเป๋ามีอีกไหม ตอบไป ไม่มีแล้ว มีแค่นี้ นางถามกลับมา แน่ใจนะ? แน่ค่ะ นางล้วงไปในกระเป๋า หยิบครีมทาผิวออกมา เฮ้ย!! เออ ใช่ ลืมสนิท เมื่อเช้าหยัดไว้ ลืมโหลดใต้เครื่อง! ยึดไปค่ะ 225 ml. บีบใช้ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวเลย มีความเสียดาย555 สรุปตะกร้าที่ 1 กับ 3 ผ่าน มาค่ะ มารอตะกร้าที่ 2 ที่ใส่กล้องค่ะ ในกระเป๋ากล้องมี Power Bank ด้วย เค้าไม่ให้เอา Power Bank โหลดใต้เครื่องอันนี้ทุกคนรู้ดีเนอะ สแกนมาครั้งที่ 1 ผ่านมากำลังจะไปหยิบ พนง.หญิงอีกคนที่นั่งดูจอสแกนอยู่ ถาม ตะกร้านี้ของคุณใช่ไหม ตอบไปเล้ย Yes! นางขมวดคิ้ว แล้วบอกรอสักครู่ สแกนครั้งที่สองนางขมวดคิ้วอีก คิดในใจ เกิดะไรขึ้น นี่จะไปหยิบได้ยัง นี่ก็ยืนมาจอนะมันเห็น หน้าจอก็มีกล้องกับpower bank ทำไมไม่ผ่าน ยังอีก ยังไม่ได้ สแกนอีก ครั้งที่สาม ครั้งนี้นางลุกมาเปิดกระเป๋ากล้องเลย หยิบ power bank ออกมา ทำหน้างงๆ พี่พนง.ชายคนตะกี้เดินมาพอดี คุยไรกันไม่รู้ สุดท้ายก็ยื่นกระเป๋าคืนให้เรา สรุปมันเป็นอะไรกันแน่ ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ มีความเสียเวลาไปอีกระดับนึง ช่องสแกนหนึ่งช่องจะมีพนง.สามคนต่อช่อง คือพนง.สนบ.ที่อินชอนเค้าเยอะจริง ล้นอ่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย ทั่วถึงมาก ผ่านแล้ว! ผ่านแล้ว! ยิ้มหน้าบาน ใส่เสื้อ ใส่หมวก สะพายกระเป๋า ถือของ ไปกันค่ะ ไปด่านต่อไป ด้านตม. ว๊ายยยยยย ไม่มีคนเล้ย โล่งมากกกกก เปิดหน้าพาสปอร์ตสิจ๊ะรอะไร วางแปะลงไป เอ๊ะ! ทำไมสแกนไม่ได้ เอาใหม่ เอ๊ะ! ก็ยังว่ะ ไม่เป็นไร เอาใหม่ ห๊ะ!! ทำไมไม่อ่านข้อมูลฉัน! ว้อท! มีพนง.เดินมาทำมือกากบาก แล้วผายมือไปอีกด้านนึง หื้มมม แถวยาวอีกแล้ว เฮ้อ! เอออออ ไปยืนต่อแถวสิ ระหว่างยืน อะไรไม่รู้ดลใจให้เปิดแท็บเล็ตดูเวลา พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ! 10:52 น. ห๊ะ! ห๊ะ! เดี๋ยวนะ บินกี่โมงนะ 11:15 น. อาจจำผิดเปิดบอร์ดดิ้งพาสดูใหม่ เต็มๆตา 11:15 !! ตอนนี้กี่โมงนะ 10:52 มองไปที่แถวที่ยาวเป็นวงกตหลายคดเคี้ยว บ๊ะเจ้า! คุณเฟิร์นคะคุณได้สิทธิตกเครื่องแน่ค่ะ หันซ้ายหันขวา ไม่เห็นเพื่อนสงสัยหลุดตม.ไปแล้ว แชทหาเพื่อนว่าอยู่ไหน(ยังจะมีอารมณ์) เผื่อว่าแบบเพื่อนอยู่ที่เครื่องแล้ว จะได้ช่วยบอกให้รอหน่อยงี้ แต่ไม่ได้เรารอเพื่อนอย่างเดียวไม่ได้! ต้องหาทางอื่นด้วย ทำไงๆ มองซ้ายมองขวา ใจเต้นแรงมาก ไม่เค้ยไม่เคยเจอแบบนี้ ข้างหน้ามีผญ.คนจีนสองคน เอาวะเป็นไงเป็นกัน !
"เอ่อ... ขอโทษนะคะ"
"ห๊ะ?"
"บินกี่โมงคะ"
"อะไรนะ"
"ฉันหมายถึงว่าไฟท์คุณบินกี่โมงคะ"
"โอ้ เที่ยงนะ"
"เยส! ฉันขอไปก่อนได้ไหม คือไฟท์บินฉันจะออกแล้ว"
"โอ้! เยส! เยส!"
เกิดอะไรขึ้นอะหรอ ฉันถามพวกเขาเลยนาทีนั้น โอ้โห กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็ลำบากอยู่นะ กว่านางจะหยิบบอร์ดดิ้งพาสมาดูเวลาบิน กูเออ ใช้เวลานิดนึง คือตอนนั้นลนสุด เผื่อว่าพวกนางจะบินที่หลังจะได้ขอแซงหน่อยก็ชี้ไปที่เวลาบินของเราเขาก็ตกใจเลยรีบให้เราไปอยู่ข้างหน้า ตอนนี้มายืนอยู่ข้างหน้าสองคนนั้นแล้ว แต่เหมือนความหวังจะหมดเมื่อมองไปยังแถวข้างหน้า คือคนเยอะมากๆ ต่อให้ทำแบบเมื่อกี้ยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ ฉันตกเครื่องแน่ ในระหว่างที่ลุกลี้ลุกลนว่าจะทำยังไงดี ผญ.สองคนเมื่อกี้ที่เราขอแซงมาก็ชะเง้อมองมาที่บอร์ดดิ้งที่ถือไว้ แล้วก็หันไปพูดกับเพื่อน แล้วก็มาชะเง้อมองอีก พูดกับเพื่อนอีก นางทำอยู่สามรอบเลยนะ ก็เลยตัดสินใจหันไปถามนางเลย มันมีทางที่ฉันจะผ่านตรงนี้ไปก่อนได้ไหม ฉันกลัวจะตกเครื่อง พวกเธอรีบพยักหน้าคือเหมือนเข้าใจว่า เออ ตกเคื่องแน่ถ้ายังยืนอยู่ปลายแถวแบบนี้ เขาเลยหันไปเรียกพนง. แต่เหมือนพนง.ไม่ได้ยิน เราก็เลยคิดได้เลยว่า เออ! ใช่! พนง.ต้องช่วยได้ เลยเรียกเองเลยที่นี้ พนง.เดินมา ไม่รอช้าชี้ไปที่เวลาบิน พนง.ทำหน้าตกใจ เค้ารีบไปตามหัวหน้ามั่ง โชคดีไปปอีกคือ หัวหน้าอยู่แถวนั้นพอดี หัวหน้าเดินมาก็ขอดูบอร์ดดิ้งพาส หัวหน้าตาเหลือกแรง พูด OMG ! รีบเอาที่กั้นออก แล้วพาเดินออกไป ก่อนไปบอกตรงๆต้องขอบคุณพวกนางสองคนจีนจากใจโค้งไปให้หนึ่งทีพร้อมขอบคุณจากใจสุด ถ้าไม่ได้พวกนางฉันว่าฉันตกเครื่องแน่ โอเคหัวหน้าพาเดินออกมา มาโทรศัพท์อะไรไม่รู้ภาษาเกาหลีฉันก็แบบ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว จะทันไหม นี่คุยโทรศัพท์เพื่อบอกให้รอฉันใช่ไหมคะ จะร้องไห้ ฟังไม่ออก คุยไปด้วย มองหน้าเราไปด้วย อะไรวะนี่ สุดท้ายวางหู พาไปที่ทางผ่านตม. หัวหน้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ แย่แล้ว แต่เค้าก็ทำมือทำไม้บอกให้รู้ว่ายืนรอตรงนี้นะ โอเค หัวหน้ากลับไปแล้ว ก็ยืนรอ โอ้พระเจ้า มีคนรอข้างหน้าสองคน กำลังตวรจอีกหนึ่งคน 10:58 แล้วโว้ย.. ฉันตายแน่ เหมือนจะเป็น ตม.ทาง VIP ป่ะ ไม่รู้อ่ะ เพราะสังเกตว่าเค้าใช้พาสปอร์ตสีเขียวกัน เคยอ่านเจอว่าสีพาสปอร์ตแต่ละสีไม่เหมือนกัน สีแดงเลือดหมูสำหรับบุคคลทั่วไป ใจดีสู้เสือไว้ค่ะ ไม่รู้เค้าบอกให้ยืนรอก็ยืน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตาฉันแล้ว ถอดหมวกรอเลย พาสปอร์ตพร้อม! ก้าวไปข้างหน้า พระเจ้า! อีตัวสล็อต! ฉันยื่นพาสปอร์ตไปให้ กว่าลุงจะยื่นมือมารับ รับเสร็จละวางแล้วมองหน้า แบบว่าแสดงออกชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่ที่ฉันจะมายืน ฉันก็แบบเอาแล้วไง ทำไงดี จะไปตามหัวหน้าตะกี้มาไหม แล้วหัวหน้าคนเมื่อกี้จะอยู่หรอ ระยะทางก็ไม่ทันแน่ เลยลองพูดก่อนว่า เขาพาฉันมายืนตรงนี้ แล้วก็ชี้ไปยังบอร์ดดิ้งพาสว่า เอ็อ! อีก15นาที เครื่องจะ Take off แล้วนะ เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม? ตม.ส่ายหน้าช้าๆมีทำปากไม่พอใจด้วย แล้วหน้านิ่งมาก ทุกอย่างนิ่งมากๆ ใจไม่ดีแล้วตอนนั้น แปปนึงนางก็หยิบพาสปอร์ตไปเปิดๆดู ทุกอย่างมันเชื่องช้ามันเลยนะ เปิดดูมองเปิดดูมองหน้า ส่ายหน้าอีก แล้วค่อยๆเอื่อมไปหยิบตราปั้ม เคยดู Zootopia ไหม ยังงั้นเลย! ตอนนี้ใส่หมวกเตรียมพร้อม กระชับกระเป๋า ของในมือ คือบอกตรง แค่ยื่นพาสปอร์ตกลับมาพร้อมวิ่งไปที่เกทมากๆ ผ่านตม.แล้ว ! ไปค่ะ ไปหาเกท เกท 130 ! ทางไหนมองป้ายด่วน ตามป้ายไป ช็อค! โชคเกือบดีคือ เกทมันไม่ได้อยู่กับอาคารเดียวกับตัวตม.ค่ะ ลืมไปเลย ซวยซับซ้อน มันต้องนั่งขบวนรถไฟไปที่เกท ! พระเจ้า วิ่งๆ เห็นขบวนรถร่ำไร แต่ไม่ทัน แถบกระโดดข้ามราวบันไดเลื่อน ก้าวให้เร็วที่สุดก็ไม่ทัน 11:00 เป๊ะ เวลาออกรถออกอะไรของ ตปท. เค้าไม่เหมือนบ้านเรานะเออ เป๊ะทุกวินาที ไม่เหมือนบ้านเราที่จะโบกไม้โบกมือหรือรีบวิ่งให้ทัน ทำใจค่ะ เขาไม่รอ ให้ตาย! ยัง ยังไม่จบ ไปต่อๆ