ภาครัฐหรือภาคเอกชน อย่าลืมทำ API (Application Programming Interface) ไว้ให้นักพัฒนาซอร์ฟแวร์ด้วยครับ อะไร ๆ มันจะง่ายกว่านี้เยอะมาก
คนทำ e-commerce บ้านเราจะรู้เลยว่า การไม่มี API ชีวิตมันลำบากจริง ๆ มันมีความรู้สึกเหมือนขับรถมาดี ๆ ก็เจอหลุม เจอบ่อ เจอโคลน ก็พอขับไปได้ แต่ทำความเร็วไม่ได้ แก้วน้ำ แก้วกาแฟวางไว้ในรถ ก็สั่นจนหกไปหมด ฯ
ตัวอย่างเช่น การให้ลูกค้าโอนเงิน ( อันที่จริงธนาคารหลาย ๆ แห่งก็ออกบัตรเดบิตให้ลูกค้านะครับ แต่เวลามาซื้อของออนไลน์ ไม่รู้ยังไง บ้านเราไม่ค่อยใช้บัตรเครดิต อันนี้พอเข้าใจเพราะไม่ใช่จะมีกันทุกคน แต่บัตรเดบิตที่มีก็ไม่ใช้เช่นกัน ชอบโอนเงินมากกว่า )
ปัญหาของการโอนเงินก็คือ มันเป็นระบบ offline ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเว็บ e-commerce ได้ ต้องอาศัยคนเข้าไปจับคู่อีกว่า ยอดนี้ เป็นของออเดอร์นี้ ถ้ายอดซ้ำกัน โอนเวลาใกล้กันหล่ะ เช่น มี 5 ออเดอร์ราคาเท่ากันหมด มีคนชำระเข้ามา 4 คน คุณจะรู้มั๊ย ว่าเหลือใครยังไม่ชำระ ก็ต้องใช้วิธีบ้าน ๆ โทรสอบถาม หรือ ช่วยโอนจุดทศนิยมด้วยนะ หรือ โอนแล้วต้องแจ้งด้วยนะครับ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว่า มันไม่ใช่อะ ไม่ใช่อย่างแรง
จริง ๆ ปัญหาพวกนี้ ถ้าทุกภาคส่วนวางระบบดี ๆ มี API ดี ๆ ถึงแม้จะโอนเงิน แต่มันจะเป็นอัตโนมัติได้ทั้งหมดเหมือนกับระบบชำระด้วยบัตรเครดิต ตั้งแต่ต้นจนจบ
===============
เรื่องสำเนาบัตรประชาชนก็ควรจะหมดไปได้แล้วครับ ผมเชื่อว่ามันมีวิธีดิจิตอลอื่นที่จะรับรองตัวบุคคลได้ ทุกวันนี้เวลาคุณจะสมัครอะไรก็ตาม สมัครออนไลน์ได้ แต่ต้องวิ่งไปส่งสำเนาบัตรประชาชนที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องที่ไปรษณีย์
===============
ไปรษณีย์ไทยที่เป็นหัวใจหลักในการส่งสินค้าก็เช่นกันครับ
ผมว่าทางไปรษณีย์ไทยต้องทำแบบต่างประเทศแล้วครับ คือ ให้ธุรกิจ SME พิมพ์ shipping label ได้เอง ตอนพิมพ์ tra และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตหรือเป็นเครดิตรายเดือน เพราะอะไร ?
นึกภาพนะครับ สมมติคุณทำธุรกิจ SME คุณมีสินค้าต้องส่งเฉลี่ย 100 กล่องต่อวัน ถามว่าคุณจะทำยังไง ? ส่งไปรษณีย์ไทย หรือ ส่งเอกชน ?
ถ้าส่งไปรษณีย์ไทย คุณต้องให้คนหอบกล่อง 100 กล่องไปที่ไปรษณีย์ รอคิว และ รอเจ้าหน้าที่ดำเนินการเสร็จ ( ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำให้คุณ มันหมายความว่า ลูกค้าไปรษณีย์คนอื่นต้องรอคุณด้วยนะ คุณคิดดูสิ คนก่อนหน้าคุณส่งกล่อง 100 กล่อง คุณต้องรอนานแค่ไหน ใจเค้าใจเราครับ )
ได้ใบเสร็จไปรษณีย์มา ต้องเอาใบเสร็จมาแจ้ง tracking number ให้ลูกค้าทีละคน หนำซ้ำ ทุกอย่างนี้เป็น offline หมด ระบบ e-commerce ของคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่า สินค้าถูกส่งแล้ว tracking number ของออเดอร์นี้คืออะไร และ ลูกค้าได้รับเรียบร้อยหรือยัง ? ทุกคำถามนี้ คุณต้องเป็นคนเข้าไปบอกระบบทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่มันควรอัตโนมัติทั้งหมด
อีกอย่างคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ ลองนึกภาพคุณต้องหอบกล่อง 100 200 300 กล่องไปส่งไปรษณีย์ทุกวัน กับเจ้าหน้าที่คนเดิมหรือกลุ่มเดิมทุกวัน
ถ้าตัดสินใจส่งเอกชนก็ต้องเป็นพวก FedEx / DHL คือผู้ขนส่งแบรนด์นอกเลยครับ เรื่องพวกนี้เค้าถึงจะพร้อม แต่แน่นอน แล้วเค้าจะให้บริการรายเล็ก ๆ แบบเรามั๊ย ? เราจะสะดวกมั๊ย ? ค่าบริการเท่าไร ?
ถ้าเป็นผู้ขนส่งเอกชนของไทย มี tracking number ก็หรูแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึง API
บ้านเรามีนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล ขอฝากเรื่อง API ด้วยครับ
คนทำ e-commerce บ้านเราจะรู้เลยว่า การไม่มี API ชีวิตมันลำบากจริง ๆ มันมีความรู้สึกเหมือนขับรถมาดี ๆ ก็เจอหลุม เจอบ่อ เจอโคลน ก็พอขับไปได้ แต่ทำความเร็วไม่ได้ แก้วน้ำ แก้วกาแฟวางไว้ในรถ ก็สั่นจนหกไปหมด ฯ
ตัวอย่างเช่น การให้ลูกค้าโอนเงิน ( อันที่จริงธนาคารหลาย ๆ แห่งก็ออกบัตรเดบิตให้ลูกค้านะครับ แต่เวลามาซื้อของออนไลน์ ไม่รู้ยังไง บ้านเราไม่ค่อยใช้บัตรเครดิต อันนี้พอเข้าใจเพราะไม่ใช่จะมีกันทุกคน แต่บัตรเดบิตที่มีก็ไม่ใช้เช่นกัน ชอบโอนเงินมากกว่า )
ปัญหาของการโอนเงินก็คือ มันเป็นระบบ offline ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเว็บ e-commerce ได้ ต้องอาศัยคนเข้าไปจับคู่อีกว่า ยอดนี้ เป็นของออเดอร์นี้ ถ้ายอดซ้ำกัน โอนเวลาใกล้กันหล่ะ เช่น มี 5 ออเดอร์ราคาเท่ากันหมด มีคนชำระเข้ามา 4 คน คุณจะรู้มั๊ย ว่าเหลือใครยังไม่ชำระ ก็ต้องใช้วิธีบ้าน ๆ โทรสอบถาม หรือ ช่วยโอนจุดทศนิยมด้วยนะ หรือ โอนแล้วต้องแจ้งด้วยนะครับ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมว่า มันไม่ใช่อะ ไม่ใช่อย่างแรง
จริง ๆ ปัญหาพวกนี้ ถ้าทุกภาคส่วนวางระบบดี ๆ มี API ดี ๆ ถึงแม้จะโอนเงิน แต่มันจะเป็นอัตโนมัติได้ทั้งหมดเหมือนกับระบบชำระด้วยบัตรเครดิต ตั้งแต่ต้นจนจบ
===============
เรื่องสำเนาบัตรประชาชนก็ควรจะหมดไปได้แล้วครับ ผมเชื่อว่ามันมีวิธีดิจิตอลอื่นที่จะรับรองตัวบุคคลได้ ทุกวันนี้เวลาคุณจะสมัครอะไรก็ตาม สมัครออนไลน์ได้ แต่ต้องวิ่งไปส่งสำเนาบัตรประชาชนที่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องที่ไปรษณีย์
===============
ไปรษณีย์ไทยที่เป็นหัวใจหลักในการส่งสินค้าก็เช่นกันครับ
ผมว่าทางไปรษณีย์ไทยต้องทำแบบต่างประเทศแล้วครับ คือ ให้ธุรกิจ SME พิมพ์ shipping label ได้เอง ตอนพิมพ์ tra และจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตหรือเป็นเครดิตรายเดือน เพราะอะไร ?
นึกภาพนะครับ สมมติคุณทำธุรกิจ SME คุณมีสินค้าต้องส่งเฉลี่ย 100 กล่องต่อวัน ถามว่าคุณจะทำยังไง ? ส่งไปรษณีย์ไทย หรือ ส่งเอกชน ?
ถ้าส่งไปรษณีย์ไทย คุณต้องให้คนหอบกล่อง 100 กล่องไปที่ไปรษณีย์ รอคิว และ รอเจ้าหน้าที่ดำเนินการเสร็จ ( ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำให้คุณ มันหมายความว่า ลูกค้าไปรษณีย์คนอื่นต้องรอคุณด้วยนะ คุณคิดดูสิ คนก่อนหน้าคุณส่งกล่อง 100 กล่อง คุณต้องรอนานแค่ไหน ใจเค้าใจเราครับ )
ได้ใบเสร็จไปรษณีย์มา ต้องเอาใบเสร็จมาแจ้ง tracking number ให้ลูกค้าทีละคน หนำซ้ำ ทุกอย่างนี้เป็น offline หมด ระบบ e-commerce ของคุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่า สินค้าถูกส่งแล้ว tracking number ของออเดอร์นี้คืออะไร และ ลูกค้าได้รับเรียบร้อยหรือยัง ? ทุกคำถามนี้ คุณต้องเป็นคนเข้าไปบอกระบบทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่มันควรอัตโนมัติทั้งหมด
อีกอย่างคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ ลองนึกภาพคุณต้องหอบกล่อง 100 200 300 กล่องไปส่งไปรษณีย์ทุกวัน กับเจ้าหน้าที่คนเดิมหรือกลุ่มเดิมทุกวัน
ถ้าตัดสินใจส่งเอกชนก็ต้องเป็นพวก FedEx / DHL คือผู้ขนส่งแบรนด์นอกเลยครับ เรื่องพวกนี้เค้าถึงจะพร้อม แต่แน่นอน แล้วเค้าจะให้บริการรายเล็ก ๆ แบบเรามั๊ย ? เราจะสะดวกมั๊ย ? ค่าบริการเท่าไร ?
ถ้าเป็นผู้ขนส่งเอกชนของไทย มี tracking number ก็หรูแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึง API