เรื่องเล่าสั้นๆ ห้าตอนเปรียบได้กับปล่องหางของแมงป่อง แสดงถึงการเสแสร้งของสังคมชนชั้นกลางและศาสนจักรที่ล้มเหลวในแง่การผดุงศีลธรรม ผ่านสัญลักษณ์มากมายสอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง
คนจนที่อาศัยอยู่บนเกาะเปรียบเป็นแมลงที่อยู่บนพื้น เขาถูกชายคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นตัวละครหลักเหยียบตาย) เกาะแห่งนั้นคนชนชั้นกลางลงเรือมาประกาศความเป็นเจ้าของ พบโครงกระดูกของเหล่านักบวช พวกเขาทำความเคารพ (คล้ายๆกับ นักบวชที่รับงานเป็นคนสวยใน The Discreet Charm of the Bourgeoisie)
เรื่องสั้นตอนที่สี่ ก็คือชายเห็นลุกสาวจูบกับพ่อตัวเองเขารับไม่ได้และระเบิดอารมณ์ออกมา (id) เอาโยนนักบวช (ศาสนจักร) เครื่องมือชาวนา (ชนชั้นล่าง) ยีราฟ (อาจหมายถึงการล่าสัตว์)
ตอนที่ห้า ก็คือเป็นเรื่องเล่าปาร์ตี้เซ็กส์ในปราสาทท่ามกลางฤดูหนาว (คริสต์มาส) คนที่รอดออกมาก็มีชายที่หน้าตาเหมือนพระเยซูกับชายสามคน คนที่เหมือนพระเยซูเข้าไปช่วยหญิงสาวนางหนึ่งที่ดูอิดโรยพาเข้าไปในปราสาท หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้อง (คงมีเซ็กส์กัน) แล้วคนที่ออกมาก็กลายเป็นชายคนเดิมแต่ไม่มีหนวด แล้วก็จบด้วยไม้กางเขนที่มีผมผู้หญิงติดอยู่ อาจสื่อถึงความสิ้นหวังในศาสนาและการกดขี่ทางเพศ
คูรักที่กอดจูบไม่สนใจผู้คนในงานศาสนพิธีและงานเลี้ยงในสวน ก็คล้ายกับคู่รักใน The Discreet Charm of the Bourgeoisie (1972) หนังแสดงให้เห็นถึงความต้องการทางเพศของทั้งคู่แต่หลายๆครั้งก็ถูกสายตาจากประชาชนจ้องมองทำให้พวกเขาไม่อาจแสดงมันออกมาได้ นั่นอาจสื่อถึงความเลวร้ายของคนมีอยู่เป็นธรรมชาติ เราละเลยมัน คิดว่ามันไม่มีตัวตน เพราะเราเกิดมาบนแผ่นดินที่มีศาสนา มีกฎระเบียบ ค่านิยม ครรลอง เราจึงต้องจำใจกดขี่อารมณ์เหล่านั้นไว้
ฉากคู่รักอมมือ เลียเท้ากันเหมือนสัตว์ก็พบใน Tropical Malady (2004)
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review รีวิวหนัง: L'Age d'or {Luis Buñuel} [France], 1930
เรื่องเล่าสั้นๆ ห้าตอนเปรียบได้กับปล่องหางของแมงป่อง แสดงถึงการเสแสร้งของสังคมชนชั้นกลางและศาสนจักรที่ล้มเหลวในแง่การผดุงศีลธรรม ผ่านสัญลักษณ์มากมายสอดแทรกตลอดทั้งเรื่อง
คนจนที่อาศัยอยู่บนเกาะเปรียบเป็นแมลงที่อยู่บนพื้น เขาถูกชายคนหนึ่ง (ซึ่งเป็นตัวละครหลักเหยียบตาย) เกาะแห่งนั้นคนชนชั้นกลางลงเรือมาประกาศความเป็นเจ้าของ พบโครงกระดูกของเหล่านักบวช พวกเขาทำความเคารพ (คล้ายๆกับ นักบวชที่รับงานเป็นคนสวยใน The Discreet Charm of the Bourgeoisie)
เรื่องสั้นตอนที่สี่ ก็คือชายเห็นลุกสาวจูบกับพ่อตัวเองเขารับไม่ได้และระเบิดอารมณ์ออกมา (id) เอาโยนนักบวช (ศาสนจักร) เครื่องมือชาวนา (ชนชั้นล่าง) ยีราฟ (อาจหมายถึงการล่าสัตว์)
ตอนที่ห้า ก็คือเป็นเรื่องเล่าปาร์ตี้เซ็กส์ในปราสาทท่ามกลางฤดูหนาว (คริสต์มาส) คนที่รอดออกมาก็มีชายที่หน้าตาเหมือนพระเยซูกับชายสามคน คนที่เหมือนพระเยซูเข้าไปช่วยหญิงสาวนางหนึ่งที่ดูอิดโรยพาเข้าไปในปราสาท หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้อง (คงมีเซ็กส์กัน) แล้วคนที่ออกมาก็กลายเป็นชายคนเดิมแต่ไม่มีหนวด แล้วก็จบด้วยไม้กางเขนที่มีผมผู้หญิงติดอยู่ อาจสื่อถึงความสิ้นหวังในศาสนาและการกดขี่ทางเพศ
คูรักที่กอดจูบไม่สนใจผู้คนในงานศาสนพิธีและงานเลี้ยงในสวน ก็คล้ายกับคู่รักใน The Discreet Charm of the Bourgeoisie (1972) หนังแสดงให้เห็นถึงความต้องการทางเพศของทั้งคู่แต่หลายๆครั้งก็ถูกสายตาจากประชาชนจ้องมองทำให้พวกเขาไม่อาจแสดงมันออกมาได้ นั่นอาจสื่อถึงความเลวร้ายของคนมีอยู่เป็นธรรมชาติ เราละเลยมัน คิดว่ามันไม่มีตัวตน เพราะเราเกิดมาบนแผ่นดินที่มีศาสนา มีกฎระเบียบ ค่านิยม ครรลอง เราจึงต้องจำใจกดขี่อารมณ์เหล่านั้นไว้
ฉากคู่รักอมมือ เลียเท้ากันเหมือนสัตว์ก็พบใน Tropical Malady (2004)
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/survival.king