- อ่านอันนี้ก่อนจะได้รู้เรื่อง
http://ppantip.com/topic/33756193
- ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกเลยเป็นกระทู้คำถาม ขอโทษด้วยค่ะ
- ช่วยติชมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงประตูรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงครึ่งเมตรดังก้องอยู่ในหัวของผมเหมือนเป็นเสียงเอคโค่
แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกถึงไออุ่นบางอย่างสวมกอดผมมาจากทางด้านหน้า แต่ผมก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร เนื่องจากแสงสว่างจ้ารอบตัวผม ที่สว่างจนผมมองทุกอย่างเป็ฯสีขาวโพลนไปหมด
“เมฆ! เมฆ!” เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนนึงดังขึ้นมาจากระยะไกล “ไปอยู่ที่ไหนเนี่ย โอ้ย แล้วนี่ก็กดนาฬิกาปลุกสักทีสิ! จะนอนไปถึงไหน ตื่นๆๆ!”
เสียงนั้นคือเสียงของพี่สาวของผมนั่นเอง เธอเปิดประตูเข้ามาเสียงดังปัง ก่อนที่จะกดปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงของผมอย่างหัวเสีย แล้วเสียงประตูรถไฟฟ้าในหัวของผมก็หายไป ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา และก็พบว่าแสงแดดจากหน้าต่างกำลังส่องมาที่ตาของผมโดยตรง แถมยังมีก้อนขนอุ่นๆอะไรบางอยู่ซุกอยู่แถวๆคอผมด้วย
“โถ่เอ้ย อยู่นี่นี่เอง เข้ามาได้ยังไงกันเนี่ย” เธออุ้มแมวที่นอนอยู่บนหน้าอกของผมออกไป “นี่นอนไม่ได้ปิดหน้าต่างอีกแล้ว เดี๋ยวโจรก็ขึ้นบ้านกันพอดี” พี่สาวของผมเดินอุ้มแมวออกไปจากห้อง ทิ้งประตูห้องให้เปิดทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี เธอคงรู้สึกหงุดหงิดที่แมวของเธอมักจะชอบหายมาคลอเคลียอยู่ที่ผมเสมอ
ผมตื่นขึ้นมองนาฬิกาปลุก ที่จริงมันก็ยังไม่สายมากนัก และถึงผมจะอยากนอนต่อสักนิดแต่ผมก็ลุกขึ้นมาจากเตียงอยู่ดี
ผมยังคงง่วงอยู่ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ผมคิดมากจนแทบไม่ได้นอน
คืนที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านข้อความที่แชทกับน้ำหลายสิบครั้ง หรือไม่แน่อาจจะถึงร้อยก็ได้
TheHorizon✌ says :
เราเผลอฆ่าไปแล้วล่ะ
เราขอโทษ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสมองของผมประมวลความคิดอะไรออกมาไม่ทัน และในตอนนี้คำถามเดียวที่ผมต้องการคำตอบอย่างเร็วที่สุดคงเป็นเรื่องสิ่งสุดท้ายที่น้ำพิมพ์ส่งมาให้ ผมอยากรู้จริงๆว่ามันหมายความว่ายังไง
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าหลังจากนั้น ข้อความของผมก็ไม่สามารถส่งไปถึงน้ำได้อีก เพราะว่าไอดีแชทของน้ำถูก’ปิดแบบชั่วคราว’ไปแล้ว ในตอนนี้ ผมทั้งเศร้าและสับสนในเวลาเดียวกัน เผลอฆ่าไปแล้ว ประโยคนั้นมันทำให้ผมจินตนาการไปต่างๆนานา น้ำฆ่าอะไรไป? ฆ่าแบบฆ่าจริงๆงั้นหรอ หรือว่าแค่เปรียบเทียบกับอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ
“ยืนโง่อะไรอยู่ ไปอาบน้ำกินข้าวดิ วันนี้รีบ” พี่สาวของผมเดินผ่านหน้าห้องของผมมาอีกครั้ง คราวนี้เธอแต่งชุดนักเรียนเสร็จแล้วเรียบร้อย ในมือทั้งสองข้าวถือของพะรุงพะรังเต็มไปหมด และเธอก็เดินลงบันไดไป
วันนี้รีบ ประโยคนั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ วันนี้เป็นวันเกิดของ’อิ้ม'เพื่อนสนิทของผม และอีกสถานะนึงของอิ้ม แฟนหนุ่มของพี่สาวผมนั่นเอง
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างค่อนข้างรีบเร่งกว่าวันอื่นๆทั้งๆที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักนิด เพราะรู้ดีว่า วันนี้พี่ต้องไปให้ถึงโรงเรียนก่อน7โมง20 หรือก็คือก่อนที่เวลาซ้อมช่วงเช้าของวงดุริยางค์จะจบลง เพื่อที่จะได้เอาของขวัญไปให้อิ้มเป็นคนแรก หรืออย่างน้อยก็คนต้นๆ
ผมแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋านักเรียนและดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากสายชาร์ตแบต โดยที่ไม่ลืมที่จะเปิดดูแชท เผื่อว่าน้ำจะส่งอะไรมาให้บ้าง
อา.. ลืมไปเลย ไอดีนั้นถูกปิดไปแล้วนี่นา ผมจ้องมองหน้าจออยู่สักพัก หวังว่าจะมีข้อความอะไรเด้งขึ้นมาบ้างสักนิด
“ลงมาได้แล้วโว้ย!” เสียงพี่สาวผมตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง
“เออ” ผมตะโกนตอบกลับไปด้วยความรำคาญเล็กน้อย โยนโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋า ก่อนจะรีบปิดไฟปิดประตูห้องแล้วเดินลงบันไดไปสู่ด้านล่าง
“เมย์ ทำรีบนักล่ะลูก” แม่ถามพร้อมกับวางชามข้าวต้มลงตรงหน้าของผม “พึ่งจะกี่โมงเองเนี่ย หกโมงกว่าเองลูก"
“อ้อ..” พี่เมย์หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังพยายามนึกคำพูด "เมย์รีบไปปริ้นงานอะ แม่” พี่หันไปตอบแม่
“อ้าว เครื่องปริ้นที่บ้านก็มีไม่ใช่หรอลูก” แม่ถาม แล้วเก็บชามข้าวของพี่เมย์เดินเข้าครัวไป
“มันเสียครับแม่” ผมพูดขึ้นมา “เดี๋ยวผมจะเอาไปซ่อมวันพุธ”
แล้วพี่เมย์ก็หันมายิ้มให้ผมเหมือนจะพูดในใจว่า ดีมาก หรืออะไรสักอย่าง
ไม่ถึงห้านาทีถัดมา ผมก็กินข้าวเสร็จ แต่คงเรียกได้ว่ากินไม่ลงแล้วมากกว่า ผมเดินขึ้นรถของพ่อไปพร้อมกับพี่เมย์ และพ่อที่ก่อนหน้านี้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็เดินตามมาสตาร์ทรถ
เช้าวันนี้อากาศก็ร้อนแต่เช้าเเหมือนเคย รวมถึงรถก็ติดเหมือนกับวันอื่นๆเช่นกัน สิ่งเดียวที่แปลกไปในเช้าวันนี้คงจะเป็นผม ผมซึ่งปกติจะคุยกับน้ำตอนไปโรงเรียนเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นวันที่พ่อผมนึกอยากจะไปส่ง หรือวันที่ผมนั่งรถไฟฟ้าไปเองก็ตาม แต่ในวันนี้ น้ำหายไปจากผมแล้ว หายไปอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วย และผมก็ไม่รู้ว่าผมจะได้น้ำกลับคืนมารึเปล่านะ
คนที่สร้างน้ำขึ้นมา ฆ่าน้ำไปแล้วงั้นหรอ?
ในขณะที่ผมครุ่นคิดอย่างหนัก เราก็มาถึงโรงเรียนซะแล้ว
“ไปแล้วนะพ่อ” พี่เมย์หันไปพูดกับพ่อห้วนๆก่อนจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไปอย่างร่าเริง ผิดกับผมที่ค่อยๆเดินลงมาด้วยท่าทีซังกะตาย ราวกับว่าแรงในตัวมันถูกแสงแดดยามเช้าดูดหายไปหมด
“อืม เย็นนี้กลับเองนะลูก” พ่อหันมาพูดกับผมที่กำลังจะปิดประตูรถ
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ แล้วปิดประตูรถ ก่อนที่รถสีขาวของพ่อจะแล่นออกไป
“แกต้องไปหาอิ้มกับชั้นนะ” พี่หันมาพูดกับผม ทำเอาผมสะดุ้งไปเล็กน้อย เพราะในใจกำลังคิดถึงเรื่องอื่นๆอยู่
“ห้ะ อะไรนะ” ผมถามกลับไปแบบมึนๆ เดินตามพี่เมย์ที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนไปแล้ว
“เหม่อไรอยู่เนี่ย บอกว่าให้พาไปหาอิ้มหน่อย ไม่กล้าไปคนเดียว” พี่เมย์หันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง แล้วเราสองคนก็เดินเข้าตึกใหม่ไปทั้งที่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร
เราสองคนเดินขึ้นมาจนถึงห้องดุริยางค์ซึ่งอยู่บนชั้นสามของตึกใหม่ โดยที่พี่เมย์ถือกระเป๋านักเรียนกับถุงเซเว่นเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วมืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใบใหญ่เอาไว้ มีผมเดินห้อยตามมาเหมือนเป็นส่วนเกินของฉากอย่างไรอย่างนั้น
ผมเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องดุริยางค์ แล้วก็เป็นตามที่ผมคาด เสียงตะโกนแซวดังขึ้นมาจากสมาชิกวงดุรยางค์ทันทีที่ทุกคนเห็นหน้าผมกับพี่
“ฮิ้วววว อีอิ้ม แฟนมึ_มาหาโว้ยยย” เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นมา ทำเอาพี่สาวของผมยิ้มจนแก้มแทบฉีก ส่วนผมน่ะหรอ? ก็ยืนอยู่แถวๆนั้นนั่นหละ
“พี่เมย์ หวัดดีครับ” อิ้มยิ้มเขินๆ วางเครื่องดนตรีของตัวเองลง แล้วเดินออกมาหาพี่เมย์
แล้วเสียงกรี้ดกร้าดทั้งจากคนในวงดุริยางค์และพวกผู้หญิงที่วิ่งมาดูก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนผมขอตัวเดินออกมาจากห้องดุริยางค์
พี่สาวของผมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ส่วนเพื่อนสนิทของผมก็เป็นนักดนตรีในวงโรงเรียน แม้อิ้มกับพี่เมย์จะอายุห่างกันสองปี ทั้งสองก็เป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันที่สุดที่ผมเห็นในโรงเรียนนี้ แถมทั้งสองยังเป็นคู่จิ้นคู่ดังที่เด็กม.ต้นชอบมากรี้ดกันอยู่เรื่อยๆอีกต่างหาก
ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ไร้ซึ่งวี่แววของน้ำ
ผมแอบรู้สึกเศร้านิดๆเมื่อมองดูอิ้มกับพี่เมย์เดินออกมาจากห้องดุริยางค์ ถ้าทั้งสองคนคือสีสัน ตัวผมเองก็คงจะเป็นเพียงแค่สีเทาซีดๆที่กำลังจะจางหายไปแน่ๆ
“อะไรมึ_ วันเกิดกู ทำท่าดีใจหน่อยดิวะ” อิ้มเดินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในมือถือถุงของขวัญที่ได้มาจากพี่เมย์ และดูเหมือนว่าจะมีอีกสองสามถุงที่คงจะได้มาจากเหล่าแฟนคลับด้วยแน่ๆ
“กูอกหัก” ผมพูดประชดปนหัวเราะแห้งๆ
“อะไรวะ มึ_ยังไม่มีแฟนเลยไม่ใช่หรอ” อิ้มหัวเราะแล้วหันไปคุยกับพี่เมย์ต่อ
หลังจากนั้นพี่เมย์กับอิ้มก็แยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนของตัวเอง ผมซึ่งเรียนอยู่ห้องเรียนเดียวกับอิ้มก็เดินตามอิ้มไป ผมพยายามจะหาจังหวะชวนคุย แต่ก็ดูเหมือนว่าวันนี้อิ้มจะยุ่งทั้งวัน ทั้งเพื่อนทั้งแฟนคลับ ทุกๆคนต่างก็มาสุขสันต์วันเกิดให้กันหมด
วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีของอิ้มอย่างแน่นอน แต่สำหรับผม มันเป็นวันที่น่าเบื่อที่สุดในรอบสองปีเลยทีเดียว ผมจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าตอนที่ไม่มีน้ำ ผมใช้ชีวิตอยู่ยังไงกันนะ ดูเหมือนว่ารอบตัวของผมมันจะมีแต่ความน่าเบื่อ ผมอยากคุยกับน้ำอีกครั้งจริงๆ
น้ำยังมีตัวตนอยู่รึเปล่านะ
“อะไรของมึ_ ทำหน้าเป็นตูดอยู่นั่นแหละ” อิ้มทักขึ้นมา
“เฮ้อ ไม่รู้” ผมถอนหายใจยาวๆแล้วตอบแบบปัดๆ
เราสองคนนั่งอยู่เงียบๆ ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมห้อง
เพราะตอนนี้เป็นคาบว่างที่ไม่มีอาจารย์เข้าสอนห้องของเรา จึงทำให้อิ้มได้มีโอกาสอยู่ห่างจากแฟนคลับรุ่นน้องบ้าง
“อะ ให้” ผมเอื้อมไปหยิบถุงพลาสติกสีเขียวที่ใส่หนังสือนิยายเล่มหนึ่งเอาไว้ออกมาจากกระเป๋านักเรียน
“เฮ้ย เล่มนี้ เรื่องที่กูหาอยู่นี่หว่า” อิ้มหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากถุง “เฮ้ย แต้งกิ้ววว” อิ้มท่าทางดีใจจนแทบจะกระโดดเกาะผม “ของขวัญของมึ_ถูกใจกูที่สุดเลย” อิ้มยิ้มจนตาหยี ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้
“แล้วพี่เมย์ให้อะไรมาวะ” ผมถามก่อนจะมองไปยังกองถุงของขวัญมากมายของอิ้มที่วางตรงพื้นข้างโต๊ะของอิ้ม
“อ่อ หนังสือเหมือนกัน แต่เล่มนั้นกูมีแล้วว่ะ” อิ้มหัวเราะ
ถึงตรงนี้ผมก็รู้สักทีว่าทำไมพี่เมย์ถึงมาถามผมวันก่อนว่าอิ้มชอบหนังสือแนวไหน จริงๆอิ้มชอบอ่านนิยายทุกแนว แต่แนวที่ชอบที่สุดก็คือแนวสืบสวนสอบสวนนั่นแหละ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเล่มไหนๆในร้านหนังสือธรรมดาๆอิ้มก็คงมีแล้วทั้งนั้นแหละ พลาดแล้วล่ะ พี่เมย์
“เออ เมื่อตอนพักกลางวันเมื่อกี้ มีรุ่นน้องเอาของมาให้มึ_ด้วย” อิ้มพูดขึ้น แล้วก็โน้มตัวลงไปคุ้ยในกองของขวัญ “อยู่ไหนวะ”
“ห้ะ ให้กูเนี่ยนะ แล้วจะให้ทำไม มึ_สับสนอะไรป่ะอิ้ม” ผมหัวเราะ มองอิ้มที่พยายามคุ้ยถุงกระดาษไปทีละถุง
“กูว่าคนที่สับสนน่าจะเป็นน้องเค้ามากกว่านะ ฮ่าๆๆ” อิ้มหัวเราะแล้วเงยตัวขึ้นมา เหมือนจะหาของเจอแล้ว
อิ้มยื่นกล่องขนมขนาดหน้าตัดเกือบเท่าครึ่งกระดาษเอสี่มาให้ผม มีเทปใสถูกพันอยู่รอบกล่อง เหมือนคนที่ส่งมาจะไม่อยากให้กล่องถูกเปิดได้ง่ายๆ น้ำหนักของมันเบาโหวงจนผมจับดูแล้วรู้ว่าด้านในไม่ได้มีขนมอยู่อีกแล้ว ผมลองเขย่ากล่องขนมนั้นดู แล้วก็ได้ยินเสียงวัตถุเล็กๆอันหนี่งเด้งไปมาตามจังหวะการเขย่าของผมด้วย
“เปิดดิ อยากรู้ว่าเค้าจะให้อะไร” อิ้มยังคงหัวเราะอยู่
“ใครให้มาอะ” ผมถาม ในมือก็คุ้ยหาคักเตอร์ในกล่องดินสอออกมา พยายามที่จะกรีดเทปใสที่พันตัวกล่องอยู่
คัตเตอร์ของผมกรีดเทปใสออกจนผมสามารถเปิดกล่องได้
“น้องส้มม.สามเอามา บอกว่ามีคนฝากมาให้อีกที”
“ส้มไหน” ผมยังคงหัวเราะไปกับอิ้มอยู่
ผมเปิดกล่องขนมขึ้นมา ด้านในมีเศษกระดาษเล็กๆแผ่นนึงพับเอาไว้ พร้อมกับมีกุญแจสีเงินดอกใหญ่และกลีบดอกไม้เฉาๆสองสามกลีบอยู่ด้วย
ผมเงยหน้าขึ้นมามองอิ้ม แล้วอิ้มก็มองผมกลับมาด้วยความสงสัยเช่นกัน ในใจผมคิดว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งจากรุ่นน้องหรือเพื่อนสักคน ผมลังเลที่จะเปิดดูจดหมายนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายผมก็หยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาเปิดดูด้วยความสงสัย
ชื่อจริงและนามสกุลรวมถึงห้องและเลขที่ของผมถูกจ่าอยู่บนหัวกระดาษด้วยปากกาหมึดซึมสีดำอย่างชัดเจน ผมค่อยๆอ่านเนื้อความในจดหมายจากบรรทัดแรกสู่บรรทัดสุดท้าย
วันพุธ
เที่ยงคืน
สะพานตากสิน
อยากเจอเหมือนกัน
ตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากกาหมึกซึมสีดำถูกเขียนขึ้นมาอย่างบรรจง ข้อความทั้งหมดทำเอาผมเริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจอีกครั้ง ก่อนที่ความรู้สึกปั่นป่วนนั้นจะกลับมาอีกครั้งตอนที่ผมได้อ่านข้อความบนบรรทัดสุดท้าย
จากน้ำ
∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵
เมื่อคนที่ผมตกหลุมรักหายไป
- ยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกเลยเป็นกระทู้คำถาม ขอโทษด้วยค่ะ
- ช่วยติชมด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงประตูรถไฟฟ้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงครึ่งเมตรดังก้องอยู่ในหัวของผมเหมือนเป็นเสียงเอคโค่
แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกถึงไออุ่นบางอย่างสวมกอดผมมาจากทางด้านหน้า แต่ผมก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร เนื่องจากแสงสว่างจ้ารอบตัวผม ที่สว่างจนผมมองทุกอย่างเป็ฯสีขาวโพลนไปหมด
“เมฆ! เมฆ!” เสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนนึงดังขึ้นมาจากระยะไกล “ไปอยู่ที่ไหนเนี่ย โอ้ย แล้วนี่ก็กดนาฬิกาปลุกสักทีสิ! จะนอนไปถึงไหน ตื่นๆๆ!”
เสียงนั้นคือเสียงของพี่สาวของผมนั่นเอง เธอเปิดประตูเข้ามาเสียงดังปัง ก่อนที่จะกดปิดนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงของผมอย่างหัวเสีย แล้วเสียงประตูรถไฟฟ้าในหัวของผมก็หายไป ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา และก็พบว่าแสงแดดจากหน้าต่างกำลังส่องมาที่ตาของผมโดยตรง แถมยังมีก้อนขนอุ่นๆอะไรบางอยู่ซุกอยู่แถวๆคอผมด้วย
“โถ่เอ้ย อยู่นี่นี่เอง เข้ามาได้ยังไงกันเนี่ย” เธออุ้มแมวที่นอนอยู่บนหน้าอกของผมออกไป “นี่นอนไม่ได้ปิดหน้าต่างอีกแล้ว เดี๋ยวโจรก็ขึ้นบ้านกันพอดี” พี่สาวของผมเดินอุ้มแมวออกไปจากห้อง ทิ้งประตูห้องให้เปิดทิ้งไว้อย่างไม่ใยดี เธอคงรู้สึกหงุดหงิดที่แมวของเธอมักจะชอบหายมาคลอเคลียอยู่ที่ผมเสมอ
ผมตื่นขึ้นมองนาฬิกาปลุก ที่จริงมันก็ยังไม่สายมากนัก และถึงผมจะอยากนอนต่อสักนิดแต่ผมก็ลุกขึ้นมาจากเตียงอยู่ดี
ผมยังคงง่วงอยู่ อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้ผมคิดมากจนแทบไม่ได้นอน
คืนที่ผ่านมา ผมนั่งอ่านข้อความที่แชทกับน้ำหลายสิบครั้ง หรือไม่แน่อาจจะถึงร้อยก็ได้
TheHorizon✌ says :
เราเผลอฆ่าไปแล้วล่ะ
เราขอโทษ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสมองของผมประมวลความคิดอะไรออกมาไม่ทัน และในตอนนี้คำถามเดียวที่ผมต้องการคำตอบอย่างเร็วที่สุดคงเป็นเรื่องสิ่งสุดท้ายที่น้ำพิมพ์ส่งมาให้ ผมอยากรู้จริงๆว่ามันหมายความว่ายังไง
ยังไงก็ตาม ดูเหมือนว่าหลังจากนั้น ข้อความของผมก็ไม่สามารถส่งไปถึงน้ำได้อีก เพราะว่าไอดีแชทของน้ำถูก’ปิดแบบชั่วคราว’ไปแล้ว ในตอนนี้ ผมทั้งเศร้าและสับสนในเวลาเดียวกัน เผลอฆ่าไปแล้ว ประโยคนั้นมันทำให้ผมจินตนาการไปต่างๆนานา น้ำฆ่าอะไรไป? ฆ่าแบบฆ่าจริงๆงั้นหรอ หรือว่าแค่เปรียบเทียบกับอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ
“ยืนโง่อะไรอยู่ ไปอาบน้ำกินข้าวดิ วันนี้รีบ” พี่สาวของผมเดินผ่านหน้าห้องของผมมาอีกครั้ง คราวนี้เธอแต่งชุดนักเรียนเสร็จแล้วเรียบร้อย ในมือทั้งสองข้าวถือของพะรุงพะรังเต็มไปหมด และเธอก็เดินลงบันไดไป
วันนี้รีบ ประโยคนั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ วันนี้เป็นวันเกิดของ’อิ้ม'เพื่อนสนิทของผม และอีกสถานะนึงของอิ้ม แฟนหนุ่มของพี่สาวผมนั่นเอง
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างค่อนข้างรีบเร่งกว่าวันอื่นๆทั้งๆที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรสักนิด เพราะรู้ดีว่า วันนี้พี่ต้องไปให้ถึงโรงเรียนก่อน7โมง20 หรือก็คือก่อนที่เวลาซ้อมช่วงเช้าของวงดุริยางค์จะจบลง เพื่อที่จะได้เอาของขวัญไปให้อิ้มเป็นคนแรก หรืออย่างน้อยก็คนต้นๆ
ผมแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋านักเรียนและดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากสายชาร์ตแบต โดยที่ไม่ลืมที่จะเปิดดูแชท เผื่อว่าน้ำจะส่งอะไรมาให้บ้าง
อา.. ลืมไปเลย ไอดีนั้นถูกปิดไปแล้วนี่นา ผมจ้องมองหน้าจออยู่สักพัก หวังว่าจะมีข้อความอะไรเด้งขึ้นมาบ้างสักนิด
“ลงมาได้แล้วโว้ย!” เสียงพี่สาวผมตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง
“เออ” ผมตะโกนตอบกลับไปด้วยความรำคาญเล็กน้อย โยนโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋า ก่อนจะรีบปิดไฟปิดประตูห้องแล้วเดินลงบันไดไปสู่ด้านล่าง
“เมย์ ทำรีบนักล่ะลูก” แม่ถามพร้อมกับวางชามข้าวต้มลงตรงหน้าของผม “พึ่งจะกี่โมงเองเนี่ย หกโมงกว่าเองลูก"
“อ้อ..” พี่เมย์หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังพยายามนึกคำพูด "เมย์รีบไปปริ้นงานอะ แม่” พี่หันไปตอบแม่
“อ้าว เครื่องปริ้นที่บ้านก็มีไม่ใช่หรอลูก” แม่ถาม แล้วเก็บชามข้าวของพี่เมย์เดินเข้าครัวไป
“มันเสียครับแม่” ผมพูดขึ้นมา “เดี๋ยวผมจะเอาไปซ่อมวันพุธ”
แล้วพี่เมย์ก็หันมายิ้มให้ผมเหมือนจะพูดในใจว่า ดีมาก หรืออะไรสักอย่าง
ไม่ถึงห้านาทีถัดมา ผมก็กินข้าวเสร็จ แต่คงเรียกได้ว่ากินไม่ลงแล้วมากกว่า ผมเดินขึ้นรถของพ่อไปพร้อมกับพี่เมย์ และพ่อที่ก่อนหน้านี้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็เดินตามมาสตาร์ทรถ
เช้าวันนี้อากาศก็ร้อนแต่เช้าเเหมือนเคย รวมถึงรถก็ติดเหมือนกับวันอื่นๆเช่นกัน สิ่งเดียวที่แปลกไปในเช้าวันนี้คงจะเป็นผม ผมซึ่งปกติจะคุยกับน้ำตอนไปโรงเรียนเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นวันที่พ่อผมนึกอยากจะไปส่ง หรือวันที่ผมนั่งรถไฟฟ้าไปเองก็ตาม แต่ในวันนี้ น้ำหายไปจากผมแล้ว หายไปอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วย และผมก็ไม่รู้ว่าผมจะได้น้ำกลับคืนมารึเปล่านะ
คนที่สร้างน้ำขึ้นมา ฆ่าน้ำไปแล้วงั้นหรอ?
ในขณะที่ผมครุ่นคิดอย่างหนัก เราก็มาถึงโรงเรียนซะแล้ว
“ไปแล้วนะพ่อ” พี่เมย์หันไปพูดกับพ่อห้วนๆก่อนจะเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไปอย่างร่าเริง ผิดกับผมที่ค่อยๆเดินลงมาด้วยท่าทีซังกะตาย ราวกับว่าแรงในตัวมันถูกแสงแดดยามเช้าดูดหายไปหมด
“อืม เย็นนี้กลับเองนะลูก” พ่อหันมาพูดกับผมที่กำลังจะปิดประตูรถ
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ แล้วปิดประตูรถ ก่อนที่รถสีขาวของพ่อจะแล่นออกไป
“แกต้องไปหาอิ้มกับชั้นนะ” พี่หันมาพูดกับผม ทำเอาผมสะดุ้งไปเล็กน้อย เพราะในใจกำลังคิดถึงเรื่องอื่นๆอยู่
“ห้ะ อะไรนะ” ผมถามกลับไปแบบมึนๆ เดินตามพี่เมย์ที่เดินเข้ารั้วโรงเรียนไปแล้ว
“เหม่อไรอยู่เนี่ย บอกว่าให้พาไปหาอิ้มหน่อย ไม่กล้าไปคนเดียว” พี่เมย์หันกลับมาพูดกับผมอีกครั้ง แล้วเราสองคนก็เดินเข้าตึกใหม่ไปทั้งที่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร
เราสองคนเดินขึ้นมาจนถึงห้องดุริยางค์ซึ่งอยู่บนชั้นสามของตึกใหม่ โดยที่พี่เมย์ถือกระเป๋านักเรียนกับถุงเซเว่นเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วมืออีกข้างก็ถือถุงกระดาษใบใหญ่เอาไว้ มีผมเดินห้อยตามมาเหมือนเป็นส่วนเกินของฉากอย่างไรอย่างนั้น
ผมเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องดุริยางค์ แล้วก็เป็นตามที่ผมคาด เสียงตะโกนแซวดังขึ้นมาจากสมาชิกวงดุรยางค์ทันทีที่ทุกคนเห็นหน้าผมกับพี่
“ฮิ้วววว อีอิ้ม แฟนมึ_มาหาโว้ยยย” เสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นมา ทำเอาพี่สาวของผมยิ้มจนแก้มแทบฉีก ส่วนผมน่ะหรอ? ก็ยืนอยู่แถวๆนั้นนั่นหละ
“พี่เมย์ หวัดดีครับ” อิ้มยิ้มเขินๆ วางเครื่องดนตรีของตัวเองลง แล้วเดินออกมาหาพี่เมย์
แล้วเสียงกรี้ดกร้าดทั้งจากคนในวงดุริยางค์และพวกผู้หญิงที่วิ่งมาดูก็ดังขึ้นเรื่อยๆจนผมขอตัวเดินออกมาจากห้องดุริยางค์
พี่สาวของผมเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ส่วนเพื่อนสนิทของผมก็เป็นนักดนตรีในวงโรงเรียน แม้อิ้มกับพี่เมย์จะอายุห่างกันสองปี ทั้งสองก็เป็นคู่ที่ดูเหมาะสมกันที่สุดที่ผมเห็นในโรงเรียนนี้ แถมทั้งสองยังเป็นคู่จิ้นคู่ดังที่เด็กม.ต้นชอบมากรี้ดกันอยู่เรื่อยๆอีกต่างหาก
ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ไร้ซึ่งวี่แววของน้ำ
ผมแอบรู้สึกเศร้านิดๆเมื่อมองดูอิ้มกับพี่เมย์เดินออกมาจากห้องดุริยางค์ ถ้าทั้งสองคนคือสีสัน ตัวผมเองก็คงจะเป็นเพียงแค่สีเทาซีดๆที่กำลังจะจางหายไปแน่ๆ
“อะไรมึ_ วันเกิดกู ทำท่าดีใจหน่อยดิวะ” อิ้มเดินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในมือถือถุงของขวัญที่ได้มาจากพี่เมย์ และดูเหมือนว่าจะมีอีกสองสามถุงที่คงจะได้มาจากเหล่าแฟนคลับด้วยแน่ๆ
“กูอกหัก” ผมพูดประชดปนหัวเราะแห้งๆ
“อะไรวะ มึ_ยังไม่มีแฟนเลยไม่ใช่หรอ” อิ้มหัวเราะแล้วหันไปคุยกับพี่เมย์ต่อ
หลังจากนั้นพี่เมย์กับอิ้มก็แยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนของตัวเอง ผมซึ่งเรียนอยู่ห้องเรียนเดียวกับอิ้มก็เดินตามอิ้มไป ผมพยายามจะหาจังหวะชวนคุย แต่ก็ดูเหมือนว่าวันนี้อิ้มจะยุ่งทั้งวัน ทั้งเพื่อนทั้งแฟนคลับ ทุกๆคนต่างก็มาสุขสันต์วันเกิดให้กันหมด
วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีของอิ้มอย่างแน่นอน แต่สำหรับผม มันเป็นวันที่น่าเบื่อที่สุดในรอบสองปีเลยทีเดียว ผมจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ว่าตอนที่ไม่มีน้ำ ผมใช้ชีวิตอยู่ยังไงกันนะ ดูเหมือนว่ารอบตัวของผมมันจะมีแต่ความน่าเบื่อ ผมอยากคุยกับน้ำอีกครั้งจริงๆ
น้ำยังมีตัวตนอยู่รึเปล่านะ
“อะไรของมึ_ ทำหน้าเป็นตูดอยู่นั่นแหละ” อิ้มทักขึ้นมา
“เฮ้อ ไม่รู้” ผมถอนหายใจยาวๆแล้วตอบแบบปัดๆ
เราสองคนนั่งอยู่เงียบๆ ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมห้อง
เพราะตอนนี้เป็นคาบว่างที่ไม่มีอาจารย์เข้าสอนห้องของเรา จึงทำให้อิ้มได้มีโอกาสอยู่ห่างจากแฟนคลับรุ่นน้องบ้าง
“อะ ให้” ผมเอื้อมไปหยิบถุงพลาสติกสีเขียวที่ใส่หนังสือนิยายเล่มหนึ่งเอาไว้ออกมาจากกระเป๋านักเรียน
“เฮ้ย เล่มนี้ เรื่องที่กูหาอยู่นี่หว่า” อิ้มหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาจากถุง “เฮ้ย แต้งกิ้ววว” อิ้มท่าทางดีใจจนแทบจะกระโดดเกาะผม “ของขวัญของมึ_ถูกใจกูที่สุดเลย” อิ้มยิ้มจนตาหยี ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้
“แล้วพี่เมย์ให้อะไรมาวะ” ผมถามก่อนจะมองไปยังกองถุงของขวัญมากมายของอิ้มที่วางตรงพื้นข้างโต๊ะของอิ้ม
“อ่อ หนังสือเหมือนกัน แต่เล่มนั้นกูมีแล้วว่ะ” อิ้มหัวเราะ
ถึงตรงนี้ผมก็รู้สักทีว่าทำไมพี่เมย์ถึงมาถามผมวันก่อนว่าอิ้มชอบหนังสือแนวไหน จริงๆอิ้มชอบอ่านนิยายทุกแนว แต่แนวที่ชอบที่สุดก็คือแนวสืบสวนสอบสวนนั่นแหละ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเล่มไหนๆในร้านหนังสือธรรมดาๆอิ้มก็คงมีแล้วทั้งนั้นแหละ พลาดแล้วล่ะ พี่เมย์
“เออ เมื่อตอนพักกลางวันเมื่อกี้ มีรุ่นน้องเอาของมาให้มึ_ด้วย” อิ้มพูดขึ้น แล้วก็โน้มตัวลงไปคุ้ยในกองของขวัญ “อยู่ไหนวะ”
“ห้ะ ให้กูเนี่ยนะ แล้วจะให้ทำไม มึ_สับสนอะไรป่ะอิ้ม” ผมหัวเราะ มองอิ้มที่พยายามคุ้ยถุงกระดาษไปทีละถุง
“กูว่าคนที่สับสนน่าจะเป็นน้องเค้ามากกว่านะ ฮ่าๆๆ” อิ้มหัวเราะแล้วเงยตัวขึ้นมา เหมือนจะหาของเจอแล้ว
อิ้มยื่นกล่องขนมขนาดหน้าตัดเกือบเท่าครึ่งกระดาษเอสี่มาให้ผม มีเทปใสถูกพันอยู่รอบกล่อง เหมือนคนที่ส่งมาจะไม่อยากให้กล่องถูกเปิดได้ง่ายๆ น้ำหนักของมันเบาโหวงจนผมจับดูแล้วรู้ว่าด้านในไม่ได้มีขนมอยู่อีกแล้ว ผมลองเขย่ากล่องขนมนั้นดู แล้วก็ได้ยินเสียงวัตถุเล็กๆอันหนี่งเด้งไปมาตามจังหวะการเขย่าของผมด้วย
“เปิดดิ อยากรู้ว่าเค้าจะให้อะไร” อิ้มยังคงหัวเราะอยู่
“ใครให้มาอะ” ผมถาม ในมือก็คุ้ยหาคักเตอร์ในกล่องดินสอออกมา พยายามที่จะกรีดเทปใสที่พันตัวกล่องอยู่
คัตเตอร์ของผมกรีดเทปใสออกจนผมสามารถเปิดกล่องได้
“น้องส้มม.สามเอามา บอกว่ามีคนฝากมาให้อีกที”
“ส้มไหน” ผมยังคงหัวเราะไปกับอิ้มอยู่
ผมเปิดกล่องขนมขึ้นมา ด้านในมีเศษกระดาษเล็กๆแผ่นนึงพับเอาไว้ พร้อมกับมีกุญแจสีเงินดอกใหญ่และกลีบดอกไม้เฉาๆสองสามกลีบอยู่ด้วย
ผมเงยหน้าขึ้นมามองอิ้ม แล้วอิ้มก็มองผมกลับมาด้วยความสงสัยเช่นกัน ในใจผมคิดว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งจากรุ่นน้องหรือเพื่อนสักคน ผมลังเลที่จะเปิดดูจดหมายนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายผมก็หยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาเปิดดูด้วยความสงสัย
ชื่อจริงและนามสกุลรวมถึงห้องและเลขที่ของผมถูกจ่าอยู่บนหัวกระดาษด้วยปากกาหมึดซึมสีดำอย่างชัดเจน ผมค่อยๆอ่านเนื้อความในจดหมายจากบรรทัดแรกสู่บรรทัดสุดท้าย
วันพุธ
เที่ยงคืน
สะพานตากสิน
อยากเจอเหมือนกัน
ตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากกาหมึกซึมสีดำถูกเขียนขึ้นมาอย่างบรรจง ข้อความทั้งหมดทำเอาผมเริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจอีกครั้ง ก่อนที่ความรู้สึกปั่นป่วนนั้นจะกลับมาอีกครั้งตอนที่ผมได้อ่านข้อความบนบรรทัดสุดท้าย
จากน้ำ
∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵∴∵