นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร และอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีการทุจริตยาปราบศัตรูพืชสองรายซึ่งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสองราย ทั้งนี้กรณียาปราบศัตรูพืชตนเป็นผู้เปิดประเด็นช่วงที่มีการอภิปรายการกู้เงิน3.5เเสนล้านของรัฐบาล จนกระทั่งช่วงปลายปี2555 ตนก็เคยอภิปรายในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ แต่ก็ไม่คืบหน้า ขณะที่ในรัฐบาลปัจจุบันซึ่งมีนโยบายและความพยายามในการปราบปรามการทุจริต มีหลักฐานชัดเจน โดยมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ว่าฯจังหวัดบึงกาฬที่ใช้เงิน 97 ล้านในการซื้อยาปราบศัตรูพืช นอกจากนี้ยังมีผู้ว่าฯจังหวัดอุบลกว่า1พันล้าน ขณะที่จังหวัดมุกดาหารใช้งบกว่า 800 ล้าน ทั้งที่เป็นจังหวัดเล็กมาก ผู้ว่าฯเซ็นด้วยตนเอง 600 กว่าล้าน ที่เหลือมีลักษณะหมกเม็ด ขณะที่จังหวัดนครพนมติดกันกับไม่มีภัยพิบัติเรื่องศัตรูพืชใดๆ ซึ่งขณะนี้ นายชาญวิทย์ วสยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้เป็น สนช.แล้ว แม้จะมีการส่งรายงานการตรวจสอบแล้วแต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆทุกวันนี้ยังอยู่กันสะดวกสบาย อีกที่คือจังหวัดเลย มีนายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ที่ใช้งบประมาณไปกว่า 300 ล้าน ผู้ว่าฯเซ็นด้วยตนเองเลยกว่า 260 ล้าน มากกว่าจังหวัดบึงกาฬหลายเท่า แต่ยังลอยนวลและขณะนี้ก็ได้เป็นสนช. นอกจากนี้ยังมีผู้ว่าฯอีกหลายพื้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว มีการใช้เงินซื้อกว่า7,800 ล้านโดยมีต้นทุนเพียง 1,600 ล้าน ถือเป็นการโกงกันอย่างมโหฬาร เช่นตัวยาบางตัวกระป๋องละ200 บาท แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในโครงการราคากลับพุ่งเป็น 1,920 บาท

ทั้งนี้มีการตั้งบริษัทกว่า10บริษัท จากที่ตนไปพบและพูดคุยกับผู้จัดการทุกบริษัท เจ้าหน้าที่ถูกเชิญมาหลายคนไม่มีความรู้ อ่านหนังสือไม่ออก มีผู้จัดการคนหนึ่ง แท้จริงมีฐานะยากจนด้วยซ้ำ แต่กลับมีชื่อบริหารเงินนับพันล้าน ที่ตั้งบริษัทก็ไม่น่าเชื่อถือบางที่พบเป็นที่เลี้ยงควาย ถือว่าไม่มีใบอนุญาต และไม่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก จึงเป็นความผิดอย่างชัดเจน

ดังนั้นในฐานะผู้ว่าฯซึ่งมีอำนาจประกาศเขตภัยพิบัติ แต่มีการทุจริตในการซื้ออย่างชัดเจน ทั้งนี้ในช่วงที่ตนเริ่มสอบมีนักการเมืองเสนอเงินให้ตนหลายสิบล้าน ตนตอบไปว่าถ้าช่วยแล้วไปช่วยจังหวัดเดียว ตนก็ต้องตรวจสอบจังหวัดอื่นอีก ก็ทำไม่ได้ โดยยังมีผู้ว่าฯอีก 22 จังหวัด และนายอำเภออีก 135 คน ซึ่งตนจะตามไม่ปล่อย เพราะหลายคนที่ถูกระบุชื่อโดนหมดเเล้ว แต่ สนช.ทั้งสองคนยังไม่โดน จึงต้องการให้มีการชี้แจงให้ชัดเจน ว่าทำไมจึงยังไม่ถูกตรวจสอบเสียที ทั้งนี้เชื่อว่าทั้งสองคนหากรู้ว่าเกี่ยวข้องก็ควรลาออก ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องหลายคนก็ยังทำงานอยู่ในเเวดวงราชการ หากทุจริตจริงขอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.กวาดบ้านของตนเองด้วย