ตอนที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/33733736 <<<<Grand France 2015 รีวิวทริปฝรั่งเศส ตอนที่1
http://ppantip.com/topic/33738178 <<<<Grand France 2015 รีวิวทริปฝรั่งเศส ตอนที่2
http://ppantip.com/topic/33742765 <<<<Grand France 2015 รีวิวทริปฝรั่งเศส ตอนที่3

ตื่นมาเช้าวันที่4 ของการเดินทาง คุณเม่นปลุกเราด้วยสูตรเดิม 6-7-8 เพื่อไปเดินชมเมือง Toulouse

ตอนเช้าเราก็ทานอาหาร American Breakfast อีกเช่นเคย แล้วก็มีเมนูพิเศษที่หัวหน้าทัวร์ของเราทำให้ทานกันทุกวัน คือ ข้าวต้มหมูร้อนๆ (หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเอาหมูมาจากไหน หรือเอามาด้วยจากเมืองไทย คำตอบคือ จากโรงแรมนั่นแหละครับ ไส้ของไส้กรอก จะประกอบด้วยหมูบด และเครื่องเทศ ก็เอาเฉพาะไส้ออกมา ลองหนังที่หุ้มไส้กรอกทิ้ง นั่นละฮะท่านผู้ชม)

พอทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ออกมาเดินชมเมืองกัน




ตอนนี้อากสศเริ่มเย็นลง เนื่องจากเราเริ่มขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆ ซึ่งที่ตูลูสจะเย็นกว่ามิลานประมาณ 4-5 องศา




ตอนนี้ดรากำลังจะไปโบสถ์ St.Serin ซึ่งเป็นหนึ่งในโบสถ์ประจำเมืองของตูลูส



ภายใน




รอบๆ



ดอกไม้กำลังสวยเลย




ที่เห็นข้างๆนี่ เป็นมหาวิทยาลัยเปิดของรัฐ จะให้สิทธิพิเศาสำหรับผู้ที่เกิด และถือสัญชาติฝรั่งเศส จะสามารถเข้าเรียนที่นี่ได้โดยไม่ต้องสอบเข้า ส่วนคนต่างชาติต้องสอบเข้าตามปกติ (น่าอิจฉาแฮะ) คนที่นี่จบจากที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะได้ทำงานกับ Airbus เลย (มีงานรองรับด้วย ดีมากๆ)




นี่ก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโรนเช่นกัน (แม่น้ำสายนี้ยาวมาก เราเจอครั้งแรกที่ Avignon)






เราเดินเลาะแม่น้ำไป



อีกฝั่ง ซึ่งขาออกจากเมืองเราจะไปทางนี้



บรรยากาศ



พอเดินชมเสร็จ เราก็มีเวลาซื้อของที่นี่กันครึ่งชม. ที่นี่สินค้ายุโรปจะถูก แต่หากเป็นแบรนด์อเมริกันจะค่อนข้างแพง เช่น Levie

ตอนสายๆ คนเริ่มขายของ ตลาดเปิดแล้ว


11.ooน. เราได้ฤกษ์เดินทางออกจาก Toulouse ซึ่งเมืองต่อไปที่เราจะไปคือ Borduax(บอร์โด) อยู่ค่อนข้างไกล ประมาณ เกือบ 3ชม. ระยะทาง 259KM.
ตอนเที่ยงคุณเม่นแจกเงินคนละ 20ยูโร ให้ทานกันตามสบาย เราแวะทานข้าวกลางวันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ที่มีร้าน Autogril ขนาดใหญ่ มีเสต็กปลา ไก่ สปาเกตตี้

ผมทานสเต็กปลาที่นี่ มีกลิ่นเหมือนไม่สด หมดไป8ยูโร เป็นอาหารที่อร่อยน้อยที่สุดแล้วในทริผนี้ (มีแค่มื้อเดียว)

ต่อจากนั้นเราเดินทางกันต่อเพื่อไปไร่องุ่นที่เป็นที่ผลิตสินค้ามีชื่อของที่นี่ ซึ่งคอแอลกอฮอล์ ทั้งหลายจะรู้จักดี นั่นคือ ไวน์ โดยไวน์ที่นี่จะใช้น้ำองุ่นหลายๆสายพันธ์ุ เพื่อรสชาติที่กลมกล่อม วิธีเก็บรักษา ไวน์ยิ่งหมักเอาไว้นานรสชาติจะยิ่งดี 10 ปี กำลังดี หากเกินนั้นจะหายาก และราคาสูง รสชาติจะอร่อยไม่มาก ส่วนมากจะหมักในถังไม้โอ๊ค เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศที่ผ่านช่องไม้และรูที่เจาะเข้ามา เค้าบอกว่าจะทำให้รสชาติดีขึ้น

ส่วนไวน์นั้นหากเก็บในที่อุณหภูมิแตกต่างกันมากจะทำให้ไวน์ขวดนั้นเสียได้ เช่น หากอยู่ในอุณหภูมิ 10 องศา แล้วมาเจอความร้อน 30 องศา อาจเสียได้ วิธีแก้คือต้องค่อยๆปรับอุณหภูมิ

ไวน์ที่เป็นสุดยอดของไว์ มีการจัดอันดับ Classified กันเมื่อปี 1855 ซึ่งเรียกกันว่า "กรองกูกัสเซ่"ิ มีด้วยกัน 5 ลำดับ
1.ชาโตร์ ลาตูร์ (Chateau Latour)
2.ชาโตร์ ลาฟิต- รอธส์ชิลด์ (Chateau Lafite-Rothschild)
3.ชาโตร์ มาร์โกซ์ (Château Margaux)
4.ชาโตร์ โอต์-บรีออง(Chateau Haut-Brion)
5.ชาโตร์ มูตอง-รอธส์ชิลด์ (Chateau Mouton-Rothschild)

หากใครไป Bordaux แล้วต้องไปชิม เพราะเป็น 5 อรหันต์ของไวน์ฝรั่งเศส

แล้วเราก็เข้ามาในไร่ระหว่างทางผ่านไร่เชอร์รี่



เข้ามาในไร่


เจอเจ้าตัวนี้ต้อนรับ


ไร่องุ่น


โรงหมัก




หลังจากทุกคนได้ชิมไวน์กันครบแล้ว เราก็เดินทางไปที่พักกัน ก่อนออกเจ้านี่ยิ้มให้ถ่าย เลยสนองซะ


รพหว่างทางไปที่พัก ผ่านร้านนี้ คิดว่าเป็นที่หมายของใครหลายๆคน ลองทายกันเล่นๆดูก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเฉลย


วันนี้เราพักกันที่โรงแรม Murcure Borduax Center ห้องพัก


เมื่อเก็บของเรียบร้อย ทุกคนก็ออกมาทานข้าว
วิวเมืองบอร์โด


ข้างๆเป็นร้านแบรนด์เนมของที่นี่ หาไม่ยาก จำรูปปั้นนี้ไว้ พรุ่งนี้เราจะมากัน



วันนี้เราทานร้านนี้ พรุ่งนี้เราจะทานร้านตรงข้าม


เมนูวันนี้

อร่อยมาก เป็นเบคอนรมควัน ฟรัวกรา สต็กแซลมอน ผักสลัด

ของหวาน มาการองชิ้นใหญ่ อร่อยมากๆ บ้านเราเทียบไม่ได้เลย


บรรยากาศตอนเดินกลับ นี่20.30น. ยังไม่มือด (ท่ีนีซเวลานี้เริ่มมืดแล้ว)




อ่อ ลืมบอกไป ในเมืองนี้ จะมีรถรางให้บริการด้วย แต่เราไม่ได้ใช้ เนื่องจากอาหารแต่ละมื้อเรากินดีๆทั้งนั้น จึงขอเดินบ้าง เดี๋ยวอาหารไม่ย่อย 555
แล้วก็เป็นอันสิ้นสุดวันที่ 4 Toulouse-Borduax