ขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าเจ้าของกระทู้ไม่เคยเจอด้วยตัวเอง (ไม่เคยเห็นจะๆ) *ท่านที่อยากรออ่านครั้งเดียว รอช่วงประมาณ 5 ทุ่มเวลาไทยนะครับ เจ้าของกระทู้ต้องไปเรียนก่อน *
ผมเองเป็นเด็กภาคอีสาน ก็ตามปกติครับ บ้านกับโรงเรียนมักจะอยู่ห่างกัน ช่วง ม.ปลายนั้นผมขับรถมอไซค์ไปเรียนทุกวัน ระหว่างทางนั้น ต้องผ่านหมู่บ้านจำนวน7หมู่บ้าน และนั่นแหละครับ เป็นที่มาของเรื่องเล่าสยองๆมากมาย ซึ่ง จขกท ขอเล่าถึงประวัติของแต่ละเรื่อง ก่อนที่จะโยงเข้ากันว่า ทำไมมันถึงน่ากลัว ใครอยากรู้สถานที่อะไรยังไง อินบ็อกซ์ได้ครับ ไม่อยากกล่าวชื่อเท่าไหร่ อาจสร้างความไม่พอใจให้คนพื้นที่
ว่าด้วยเรื่องที่หนึ่ง หมู่บ้านที่ผมอยู่
เรื่องมันมีอยู่ว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมจำนวน 3คน ก็เล่นซนตามปกติแหละครับ วันหนึ่งเด็กสามคนไปเล่นที่บ้านเด็กนามสมมุติ B และพ่อของ B เป็นตำรวจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดช A เพื่อนของ B ได้ไปขุดเจอระเบิดมือ น้อยหน่า และพยายามใช้จอบทุบ (เด็กอายุ 7-8ขวบเองครับ) ตอนนั้นผมปีนต้นมะขามหน้าบ้านอยู่ ได้ยินเสี้ยง ตูม สะเทือนไปทั้งต้น เกือบตกต้นไม้ (ตอนนั้น จขกท อยู่ ม2เองมั้งครับ) จากนั้นผมมองเห็นคนมุงๆกันเยอะมาก ซึ่งห่างออกไปราวๆ 3ร้อยเมตร (อีก 2 แยกถัดไป) ผมก็รีบวิ่งไปดู ตอนนั้นสภาพเด็กชาย A ดูไม่ได้เลยครับ ร่างการเหลือเพียงซีกขวา ซีกซ้ายนั้นหายไปเกือบหมด เนื้อตัวไหม้เกรียม ส่วนเด็กอีกสองคนโดนสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้น ซอยนั้นก็น่ากลัวขึ้นมาทันที เนื่องจากเพื่อนบ้านต่างได้กลิ่นเหม็นเน่าตอนกลางคืน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บางทีได้ยินเสียงคนเดินไปมา เหมือนหาอะไรซักอย่าง (ขอบอกว่าชิ้นส่วนน้องหายไปเยอะมากครับ) จากนั้นเพื่อนบ้านรอบๆต่างย้ายหนีกันหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์นี้หรือมีเหตุผลอื่นๆ อันนี้ จขกท ไม่ขอพูดแบบมั่วๆ และนี่แหละก็ถือเป็นครั้งแรกที่ผมประสพพบเจอกับเรื่องสยองๆ (ทำไมเวลาพิมพ์รู้สึกเสียวสันหลัง -_- )
เรื่องที่สอง ทางออกจากหมู่บ้านที่มีคนตายแทบจะทุกๆปี
บ้านผมนั้นอยู่ตรงกลางของหมู่บ้าน หมู่บ้านจะมีถนนหลักเชื่อมระหว่างสองอำเภอ และผมจะขอเล่าเพียงเส้นทางที่ผมต้องสัญจรอยู่ประจำ นั่นคือทางทิศเหนือ ถนนเส้นนี้ เชื่อมยาวจนถึงโรงเรียนของผม ซึ่งห่างออกไปราวๆ 18กิโลเมตร ก่อนจะออกจากหมู่บ้านนั้น จะมีวัดทั้งทางซ้ายมือและขวามือ จากนั้นไปจากเป็นโรงเรียนมัธยมประจำหมู่บ้าน และโรงเรียนประถม ซึ่งอยู่ติดกัน (ผมเรียนประถมที่โรงเรียนระจำหมู่บ้านและเรียนมัธยมที่โรงเรียนประจำอำเภอ) และตรงข้ามโรงเรียนประถมจะเป็นสถานีอนามัยประจำตำบล ซึ่งจากนั้นจะเป็นป่าอนุรักษ์ประจำตำบล ยาวราวๆ 1.5กิโลเมตร จากนั้นไปจะเป็นหมู่บ้านที่2 ซึ่งห่างออกมาจากสถานีอนามัยราวๆ 500เมตร จะเป็นเนินที่มีความชันมากกกก ขอย้ำว่ามากๆ (รถมอไซค์ต้องเกียร์ต่ำเท่านั้น) ซึ่งเนินนี้มีความยาวราวๆ 100เมตรได้มั้งครับ ทางขึ้นเนินฝั่งซ้ายจะมีสระน้ำขนาดหนึ่งไร่ไว้ทำน้ำประปาประจำหมู่บ้าน(ตอนนั้นมันรกมาก) ซึ่งก่อนจะพ้นเนินจะเป็นสามแยก (ทางไปไร่ สวน ของชาวบ้าน)
-ศพที่1 เด็กขับรถแซงรถกระบะก่อนลงเนิน และประสานงากับ 18ล้อที่กำลังขึ้นเนินมา
-ศพที่ 2+3 สามีภรรยาขับรถลงจากเนิน และชนต้นไม้ข้างทาง (ไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าหลับอะไรหรือเปล่า หรือหลับใน)
- ศพที่ 4 คนเมาเดินลงเนินจากหมู่บ้านที่ 2 เพื่อมาหมู่บ้านผม และโดนรถ 18ล้อที่กำลังลงเนินมา เหยียบแหลกละเอียด
-ศพที่ 5 ครูโรงเรียนประถม เมาและพยายามแซงตอนขึ้นเนิน แล้วประสานงากับรถที่สวนมา
เอาเป็นว่า แทบจะไม่มีใครกล้าออกจากหมู่บ้านตอนกลางคืนเลยล่ะครับ มันมืดมาก เพราะมันเป็นป่ายาวกิโลกว่าๆ และมีเรื่องเล่ามากมายว่า เวลาจะขับผ่านตรงนั้น เหมือนสังเกตุเห็นว่ามีไฟรถสวนมา ก็อุ่นใจ พแขับเข้าไป กลับมืดมิด ไม่มีรถสักคัน บ้างก็บอกว่าบางทีได้ยินเสียงรถมอไซค์คันอื่นๆเหมือนขับตามมา บ้างก็บอกว่าเห็นคนนอนอยู่ข้างถนน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ เคยมีเด็กสองคน ขับผ่านบริเวณดังกล่าว แล้วบอกว่ามีรถกระบะขับปาดหน้า ทำให้เสียหลักตกลงไปข้างทาง แต่คนที่ตามมาบอกว่า จู่ๆก็เหมือนรถโดนลมพัดหรือโดนอะไรดันลงข้างทาง
ทางออกหมู่บ้านที่สาม ในฉายา ดงซาวศพ
ซาว คือ 20 ในภาษาอีสาน ก็สมชื่อครับ ภายในระยะเวลาประมาณ 6ปีที่ผมไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ มีคนตายในป่าแห่งนี้มากมาย
ศพแรกที่ผมได้ยินมา คือเด็กนักเรียน ม หก โรงเรียนผมเองครับ ขับรถกลับบ้าน ตอนนั้นฝนตกหนักมาก เขาเป็นรุ่นพี่ที่อยู่หมู่บ้านที่ 2 ขับมาด้วยความเร็วสูงพอตัว เนื่องจากป่าแห่งนี้ยาวตรงกว่า 6กิโลเมตร มีทางโค้งแค่ทางเข้าป่า และทางออก ซึ่งป่าแห่งนี้คือป่าประจำตำบล ทำให้ตำบลขึ้นชื่อเรื่องก๊าซธรรมชาติ พอมาถึงบริเวณกลางป่า จะมี 4 แยก เข้าไปในสวนของชาวบ้าน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการขุดดินขาย (เจ้าของสวนจะขุดบ่อน้ำ และขายดินในราคารถละ560 บาท) รถสิบล้อคันหนึ่งกำลังถอยหลังเพื่อเลี้ยวเข้าซอย และพี่คนนั้นก็ขับมาด้วยความเร็วสูงโดยไม่รู้ว่ารถกำลังถอยอยู่ จังหวะที่กำลังจะแซงรถสิบล้อไป จึงหันกลับมามองรถข้างหลัง และชนท้ายรถสิบล้อเพียงครึ่งตัว (แซงเกือบพ้นครับ แต่รถสิบล้อถอยมา ทำให้คาดการณ์ผิด ) ลำตัวท่อนล่างฉีกขึ้นมาจนถึงหน้าอก เพื่อนๆที่ขับรถตามมาต่างตกใจกลัว แต่ยิ่งกว่านั้น ช่วงนั้นเป็นช่วงกีฬาสี นอนนั้น ม หก ต้องเตรียมซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เตรียมนักกีฬา เตรียม ชุด เตรียมสแตนด์เชียร์ ทำให้ต้องกลับบ้านดึก หรือนอนที่โรงเรียนเลย มีรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของพี่คนที่ตายไป ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเขา บอกว่า มีเพื่อนมาหาที่บ้าน ถามว่าจะกลับมากี่โมง ตอนนี้อยู่ไหน อยู่โรงเรียนหรือเปล่า จะไปหา ซึ่งแม่บอกว่าเป็นเพื่อนผู้ชาย ชื่อ จ. ซึ่งก็คือคนที่ตายไปเมื่อ 4วันก่อน เรื่องนี้เป็นข่าวทำให้นักเรียนกลัวกันพักใหญ่ ( ผมอาจจะเล่ารายละเอียดได้ไม่มากนัก ตอนนั้นยังเด็กครับ ม ต้น ไม่ค่อยได้สนใจอะไร วันๆเล่นกับเพื่อนอย่างเดียว)
ศพที่สองนั้นอาจไม่ได้น่ากลัวหรือสยองนัก เป็นชาวบ้านที่เข้าไปเก็บเห็ดขาย โดนงูกัดตาย แต่มันก็เพิ่มความน่ากลัวให้กับผู้คนที่ต้องไปเก็บเห็ดกลางคืน หรือเช้าตรู่ได้ไม่น้อย เวลาได้ยินเสียงคนเดินตามหลัง หรือเสียงคนเขี่ยหาเห็ด ก็ทำให้สะดุ้งเหมือนกันครับ
ศพที่ 3-4-5 เป็นศพของนายทหารที่พึ่งออกจากการเป็นทหารได้ยังไม่ข้ามวัน ยังแต่งชุดทหารกันอยู่เลย
เรื่องนี้ทำให้ผมกลัวที่สุดครับ เพราะผมพบเจอเข้ากับตัวเอง เรื่องมันเกิดจาก แม่ของนายทหารได้พาลูกสะใภ้ไปส่งที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัดแต่ไม่ได้บอกลูกชายที่ไปเป็นทหาร เพราะเห็นว่าช่วงที่อยู่ด้วยกันนั้น ลูกชายของตนเมาสุรา และทำร้ายร่างกายลูกสะใภ้บ่อยจนเกินไป ตนจึงสงสารและพากลับไปบ้าน
พอลูกชายกลับมาจากค่ายทหาร รู้ข่าวเข้าจึงรีบขับรถกระบะมุ่งไปยังบ้านภรรยาที่อยู่ห่างไปราวๆ 100กิโลเมตร (ผมรู้จักภรรยาเขาครับ พ่อแม่เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ผม) ขอถึงทางเข้าดงซาวศพ ( ป่านี้มีชื่อจริงอยู่ครับ แต่ขอสงวนไว้ อาจทำให้คนพื้นที่รู้สึกไม่ดีถ้าเอ่ยไป) ซึ่งบริเวณทางเข้านั้น อย่างที่ผมได้กล่าวเอาไว้ มันเป็นทางโค้ง ขวา จากนั้นต้องโค้งซ้าย แล้วตรงยาวจนถึงทางออกอีกด้าน ตอนนั้นเป็นเวลาราวๆ 3ทุ่มกว่า ผมพึ่งขับมอไซค์กลับบ้าน (ช่วงนั้นเริ่มสอนพิเศษที่โรงเรียนแล้วครับ น่าจะช่วง ม 5 เทอม2) ได้ขับสวนกับรถคันดังกล่าวบริเวณทางออกหมู่บ้านที่ 2 (ก่อนจะถึงทางเข้าดงซาวศพประมาณ 500เมตร) รถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วที่สูงมากกกก ผมหมายถึงเร็วมากจริงๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 120km/hr ผมกับหลานที่มาด้วยก็มองตามเพราะแปลกใจที่เห็นคนขับรถเร็วขนาดนี้ในที่ชุมชน (หลานอยู่ ม 3 เรียนพิเศษกับผมด้วยเช่นกัน) จากนั้นราวๆตี 4:30 ของเช้าวันต่อมา อา(พ่อของหลานผมนั่นแหละครับ ) ต้องเข้าไปประชุมที่ตัวจังหวัดช่วง 7:30 แต่ผมจำเป็นต้องใช้รถเพื่อขนของไปเข้าค่ายลูกเสือวิสามัญ จึงต้องขับรถไปส่งอาที่ตัวจังหวัดแล้วรีบขับกลับมาเรียน (ผมยืมรถอาครับ) พอขับไปถึงบริเวณทางเข้าดงซาวศพ ก็ต้องเบรคกระทันหันจนอาหัวกระแทกเบาะหน้าอย่างแรง ผมเห็นเสาไฟฟ้าล้มพาดถนน อาบอกผมว่าอย่าลงจากรถ (กลัวโจรปล้น) แต่พอมองไปทางขวามือ ก็เห็นเหมือนมีแสงสะท้อนของโลหะหรือกระจกอะไรซักอย่างในป่า ผมและอาจึงตัดสินใจลงไปดู สิ่งที่ผมเห็นคือรถทั้งคันที่กอดกับเสาไฟฟ้า กลิ่นคาวเลือดทำผมแทบอ้วก จึงรีบโทรแจ้งกู้ภัยของหมู่บ้านที่ 2 (อาเป็น นายก อบต ครับ) ประมาณ 10นาที รถกู้ภัยก็มาถึง เช่นเดียวกับรถพยาบาล (มาช้ากว่ากู้ภัยแปปเดียว) กู้ภัยก็จัดการถ่ายภาพ ก่อนจะเริ่มงัดหาคนที่ติดอยู่ในรถ สิ่งที่ผมเห็นคือ คนขับที่ถูดอัดเข้ากับรถจนแขนขวาขาดหลุดจากตัว และเพื่อนที่นั่งข้างคนขับถูกกระจกหนีบคอเกือบขาด และอีกสองศพนั้นโดนบีบเข้ากับเสาไฟจนคนนึงตัวขาดคนนึงขาขาด ตอนนั้นผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว หัวผมนี่ร้อนมาก ขนลุกแปลกๆ คลื่นไส้ชอบกลๆ อาบอกว่าวันนี้อาจไม่ได้ไปประชุมแล้ว จึงบอกให้ผมไปโรงเรียนก่อน เดี๋ยวอาอยู่ให้การณ์กับตำรวจเอง วันนั้นผมคิดเรื่องนั้นทั้งวัน เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ไม่ค่อยเชื่อ จนได้ยินจากคนที่ต้องขับรถผ่านมาโรงเรียนตอนเช้าเล่าเหมือนๆกัน ทำให้เรื่องนี้เริ่มแผ่ออกไป พอเลิกเรียนผมขับรถกลับ มีผู้คนมากมายยังมุงกันอยู่บริเวณดังกล่าว ที่ผมสงสัยคือ ทั้งคืน ไม่มีคนขับรถผ่านป่าแห่งนี้เลยหรือ หรือเขาเลิกที่จะกลับรถและไม่สนใจ? จาก 3ทุ่มกว่าถึงตี 4 ก็นานพอควร เรื่องมันไม่จบแค่นั้นครับ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เริ่มมีคนพบเจออะไรแปลกๆบริเวณดังกล่าว คนแรกที่ผมรู้คือพ่อค้าขายขนมครกที่อยู่หมู่บ้านที่ 4 ซึ่งปกติจะมาขายที่ตลาดคลองถมทุกเย็นอังคาร ศุกร์ อาทิตย์ เขาไม่มา พ่อค้าคนอื่นๆบอกว่าเขากลัวผี วันนั้นเขาขับกลับบ้านตอนดึกๆ (ตลาดเลิกราวๆ 2-3ทุ่ม) ก็เห็นมีทหาร 3คนมาโบกรถ ขอไปลงในตัวจังหวัด ตนจงบอกว่าไปถึงแค่หมู่บ้านข้างหน้านี่เอง จึงขับกลับไปและไม่ได้สนใจอะไร พอบ่ายวันต่อมา ได้เล่าให้เพื่อนที่ขายของที่ตลาดฟัง ทุกคนต่างขนลุกและบอกกับเขาว่าเจอดีเข้าแล้ว (ตลาดจะมีที่หมู่บ้านที่ผมอยู่ หมู่บ้านที่ 3 และหมู่บ้านที่ 6ครับ หมู่บ้านที่สามมีตลาดวันจันทร์ พุธ เสาร์ สลับกับหมู่บ้านผม) จากนั้นพ่อค้าคนดังกล่าวไม่มาขายของที่หมู่บ้านผมอีกเลย ที่น่ากลัวกว่าคือมีคนกลับจากตัวอำเภอช่วงเย็นๆ (ยังไม่มืดมากนัก) ซ้อนสองมอไซค์ ขนที่นั่งซ้อนมาทำหมวกแก็ปหล่นบริเวณเลยโค้งดังกล่าวมาไม่ไกลนัก จึงได้ก้มลงเก็บหมวก มองลอดขาไปเห็นคนนั่งห้อยหัวลงจากต้นไม้สองคน มีใบหน้ายาวเกือบถึงพื้น เพื่อนบอกว่าเขาร้องเสียงหลง ล้มทั้งยืน หน้าซีด ตัวสั่น จากนั้นมา ก็มีคนพบเจอบ่อยครั้ง (ได้ยินมาว่างั้น) เจ้าของกระทู้ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเรียนเสร็จจะกลับมาเล่าต่อ (ประมาณ 4-5ชั่วโมง ที่จริงเริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ผมเสียวหลังแปลกๆ จึงมาเขียนตอนกลางวัน) ป่านี้อาจมีตำนานยาวกว่าเรื่องอื่นๆ ผิดพลาดก็ติชมได้ครับ มือใหม่หัดตั้งกระทู้ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผมรับรู้มาอีกทีจากชาวบ้านและประสบเองบ้าง จริงไม่จริงอย่างไรก็ไม่ทราบนะครับ แต่ผมได้ยินมาแบบนี้ ก็ขอเล่าตามที่ผมรู้ละกันครับ ไม่ขอเดาอะไรเพิ่มเติม อาจไม่ได้น่ากลัวนัก เพราะถือเอาเรื่องที่เกิดมาพูด ไม่ใช่ความรู้สึก ฝากติดตามต่อด้วยครับ
เห็นกระทู้สยองขวัญกำลังฮิต อยากขอเล่าประสบการณ์ของเด็กอีสานนะครับ
ผมเองเป็นเด็กภาคอีสาน ก็ตามปกติครับ บ้านกับโรงเรียนมักจะอยู่ห่างกัน ช่วง ม.ปลายนั้นผมขับรถมอไซค์ไปเรียนทุกวัน ระหว่างทางนั้น ต้องผ่านหมู่บ้านจำนวน7หมู่บ้าน และนั่นแหละครับ เป็นที่มาของเรื่องเล่าสยองๆมากมาย ซึ่ง จขกท ขอเล่าถึงประวัติของแต่ละเรื่อง ก่อนที่จะโยงเข้ากันว่า ทำไมมันถึงน่ากลัว ใครอยากรู้สถานที่อะไรยังไง อินบ็อกซ์ได้ครับ ไม่อยากกล่าวชื่อเท่าไหร่ อาจสร้างความไม่พอใจให้คนพื้นที่
ว่าด้วยเรื่องที่หนึ่ง หมู่บ้านที่ผมอยู่
เรื่องมันมีอยู่ว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมจำนวน 3คน ก็เล่นซนตามปกติแหละครับ วันหนึ่งเด็กสามคนไปเล่นที่บ้านเด็กนามสมมุติ B และพ่อของ B เป็นตำรวจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดช A เพื่อนของ B ได้ไปขุดเจอระเบิดมือ น้อยหน่า และพยายามใช้จอบทุบ (เด็กอายุ 7-8ขวบเองครับ) ตอนนั้นผมปีนต้นมะขามหน้าบ้านอยู่ ได้ยินเสี้ยง ตูม สะเทือนไปทั้งต้น เกือบตกต้นไม้ (ตอนนั้น จขกท อยู่ ม2เองมั้งครับ) จากนั้นผมมองเห็นคนมุงๆกันเยอะมาก ซึ่งห่างออกไปราวๆ 3ร้อยเมตร (อีก 2 แยกถัดไป) ผมก็รีบวิ่งไปดู ตอนนั้นสภาพเด็กชาย A ดูไม่ได้เลยครับ ร่างการเหลือเพียงซีกขวา ซีกซ้ายนั้นหายไปเกือบหมด เนื้อตัวไหม้เกรียม ส่วนเด็กอีกสองคนโดนสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้น ซอยนั้นก็น่ากลัวขึ้นมาทันที เนื่องจากเพื่อนบ้านต่างได้กลิ่นเหม็นเน่าตอนกลางคืน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บางทีได้ยินเสียงคนเดินไปมา เหมือนหาอะไรซักอย่าง (ขอบอกว่าชิ้นส่วนน้องหายไปเยอะมากครับ) จากนั้นเพื่อนบ้านรอบๆต่างย้ายหนีกันหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์นี้หรือมีเหตุผลอื่นๆ อันนี้ จขกท ไม่ขอพูดแบบมั่วๆ และนี่แหละก็ถือเป็นครั้งแรกที่ผมประสพพบเจอกับเรื่องสยองๆ (ทำไมเวลาพิมพ์รู้สึกเสียวสันหลัง -_- )
เรื่องที่สอง ทางออกจากหมู่บ้านที่มีคนตายแทบจะทุกๆปี
บ้านผมนั้นอยู่ตรงกลางของหมู่บ้าน หมู่บ้านจะมีถนนหลักเชื่อมระหว่างสองอำเภอ และผมจะขอเล่าเพียงเส้นทางที่ผมต้องสัญจรอยู่ประจำ นั่นคือทางทิศเหนือ ถนนเส้นนี้ เชื่อมยาวจนถึงโรงเรียนของผม ซึ่งห่างออกไปราวๆ 18กิโลเมตร ก่อนจะออกจากหมู่บ้านนั้น จะมีวัดทั้งทางซ้ายมือและขวามือ จากนั้นไปจากเป็นโรงเรียนมัธยมประจำหมู่บ้าน และโรงเรียนประถม ซึ่งอยู่ติดกัน (ผมเรียนประถมที่โรงเรียนระจำหมู่บ้านและเรียนมัธยมที่โรงเรียนประจำอำเภอ) และตรงข้ามโรงเรียนประถมจะเป็นสถานีอนามัยประจำตำบล ซึ่งจากนั้นจะเป็นป่าอนุรักษ์ประจำตำบล ยาวราวๆ 1.5กิโลเมตร จากนั้นไปจะเป็นหมู่บ้านที่2 ซึ่งห่างออกมาจากสถานีอนามัยราวๆ 500เมตร จะเป็นเนินที่มีความชันมากกกก ขอย้ำว่ามากๆ (รถมอไซค์ต้องเกียร์ต่ำเท่านั้น) ซึ่งเนินนี้มีความยาวราวๆ 100เมตรได้มั้งครับ ทางขึ้นเนินฝั่งซ้ายจะมีสระน้ำขนาดหนึ่งไร่ไว้ทำน้ำประปาประจำหมู่บ้าน(ตอนนั้นมันรกมาก) ซึ่งก่อนจะพ้นเนินจะเป็นสามแยก (ทางไปไร่ สวน ของชาวบ้าน)
-ศพที่1 เด็กขับรถแซงรถกระบะก่อนลงเนิน และประสานงากับ 18ล้อที่กำลังขึ้นเนินมา
-ศพที่ 2+3 สามีภรรยาขับรถลงจากเนิน และชนต้นไม้ข้างทาง (ไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าหลับอะไรหรือเปล่า หรือหลับใน)
- ศพที่ 4 คนเมาเดินลงเนินจากหมู่บ้านที่ 2 เพื่อมาหมู่บ้านผม และโดนรถ 18ล้อที่กำลังลงเนินมา เหยียบแหลกละเอียด
-ศพที่ 5 ครูโรงเรียนประถม เมาและพยายามแซงตอนขึ้นเนิน แล้วประสานงากับรถที่สวนมา
เอาเป็นว่า แทบจะไม่มีใครกล้าออกจากหมู่บ้านตอนกลางคืนเลยล่ะครับ มันมืดมาก เพราะมันเป็นป่ายาวกิโลกว่าๆ และมีเรื่องเล่ามากมายว่า เวลาจะขับผ่านตรงนั้น เหมือนสังเกตุเห็นว่ามีไฟรถสวนมา ก็อุ่นใจ พแขับเข้าไป กลับมืดมิด ไม่มีรถสักคัน บ้างก็บอกว่าบางทีได้ยินเสียงรถมอไซค์คันอื่นๆเหมือนขับตามมา บ้างก็บอกว่าเห็นคนนอนอยู่ข้างถนน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ เคยมีเด็กสองคน ขับผ่านบริเวณดังกล่าว แล้วบอกว่ามีรถกระบะขับปาดหน้า ทำให้เสียหลักตกลงไปข้างทาง แต่คนที่ตามมาบอกว่า จู่ๆก็เหมือนรถโดนลมพัดหรือโดนอะไรดันลงข้างทาง
ทางออกหมู่บ้านที่สาม ในฉายา ดงซาวศพ
ซาว คือ 20 ในภาษาอีสาน ก็สมชื่อครับ ภายในระยะเวลาประมาณ 6ปีที่ผมไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ มีคนตายในป่าแห่งนี้มากมาย
ศพแรกที่ผมได้ยินมา คือเด็กนักเรียน ม หก โรงเรียนผมเองครับ ขับรถกลับบ้าน ตอนนั้นฝนตกหนักมาก เขาเป็นรุ่นพี่ที่อยู่หมู่บ้านที่ 2 ขับมาด้วยความเร็วสูงพอตัว เนื่องจากป่าแห่งนี้ยาวตรงกว่า 6กิโลเมตร มีทางโค้งแค่ทางเข้าป่า และทางออก ซึ่งป่าแห่งนี้คือป่าประจำตำบล ทำให้ตำบลขึ้นชื่อเรื่องก๊าซธรรมชาติ พอมาถึงบริเวณกลางป่า จะมี 4 แยก เข้าไปในสวนของชาวบ้าน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการขุดดินขาย (เจ้าของสวนจะขุดบ่อน้ำ และขายดินในราคารถละ560 บาท) รถสิบล้อคันหนึ่งกำลังถอยหลังเพื่อเลี้ยวเข้าซอย และพี่คนนั้นก็ขับมาด้วยความเร็วสูงโดยไม่รู้ว่ารถกำลังถอยอยู่ จังหวะที่กำลังจะแซงรถสิบล้อไป จึงหันกลับมามองรถข้างหลัง และชนท้ายรถสิบล้อเพียงครึ่งตัว (แซงเกือบพ้นครับ แต่รถสิบล้อถอยมา ทำให้คาดการณ์ผิด ) ลำตัวท่อนล่างฉีกขึ้นมาจนถึงหน้าอก เพื่อนๆที่ขับรถตามมาต่างตกใจกลัว แต่ยิ่งกว่านั้น ช่วงนั้นเป็นช่วงกีฬาสี นอนนั้น ม หก ต้องเตรียมซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ เตรียมนักกีฬา เตรียม ชุด เตรียมสแตนด์เชียร์ ทำให้ต้องกลับบ้านดึก หรือนอนที่โรงเรียนเลย มีรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของพี่คนที่ตายไป ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเขา บอกว่า มีเพื่อนมาหาที่บ้าน ถามว่าจะกลับมากี่โมง ตอนนี้อยู่ไหน อยู่โรงเรียนหรือเปล่า จะไปหา ซึ่งแม่บอกว่าเป็นเพื่อนผู้ชาย ชื่อ จ. ซึ่งก็คือคนที่ตายไปเมื่อ 4วันก่อน เรื่องนี้เป็นข่าวทำให้นักเรียนกลัวกันพักใหญ่ ( ผมอาจจะเล่ารายละเอียดได้ไม่มากนัก ตอนนั้นยังเด็กครับ ม ต้น ไม่ค่อยได้สนใจอะไร วันๆเล่นกับเพื่อนอย่างเดียว)
ศพที่สองนั้นอาจไม่ได้น่ากลัวหรือสยองนัก เป็นชาวบ้านที่เข้าไปเก็บเห็ดขาย โดนงูกัดตาย แต่มันก็เพิ่มความน่ากลัวให้กับผู้คนที่ต้องไปเก็บเห็ดกลางคืน หรือเช้าตรู่ได้ไม่น้อย เวลาได้ยินเสียงคนเดินตามหลัง หรือเสียงคนเขี่ยหาเห็ด ก็ทำให้สะดุ้งเหมือนกันครับ
ศพที่ 3-4-5 เป็นศพของนายทหารที่พึ่งออกจากการเป็นทหารได้ยังไม่ข้ามวัน ยังแต่งชุดทหารกันอยู่เลย
เรื่องนี้ทำให้ผมกลัวที่สุดครับ เพราะผมพบเจอเข้ากับตัวเอง เรื่องมันเกิดจาก แม่ของนายทหารได้พาลูกสะใภ้ไปส่งที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัดแต่ไม่ได้บอกลูกชายที่ไปเป็นทหาร เพราะเห็นว่าช่วงที่อยู่ด้วยกันนั้น ลูกชายของตนเมาสุรา และทำร้ายร่างกายลูกสะใภ้บ่อยจนเกินไป ตนจึงสงสารและพากลับไปบ้าน
พอลูกชายกลับมาจากค่ายทหาร รู้ข่าวเข้าจึงรีบขับรถกระบะมุ่งไปยังบ้านภรรยาที่อยู่ห่างไปราวๆ 100กิโลเมตร (ผมรู้จักภรรยาเขาครับ พ่อแม่เป็นเพื่อนกับพ่อแม่ผม) ขอถึงทางเข้าดงซาวศพ ( ป่านี้มีชื่อจริงอยู่ครับ แต่ขอสงวนไว้ อาจทำให้คนพื้นที่รู้สึกไม่ดีถ้าเอ่ยไป) ซึ่งบริเวณทางเข้านั้น อย่างที่ผมได้กล่าวเอาไว้ มันเป็นทางโค้ง ขวา จากนั้นต้องโค้งซ้าย แล้วตรงยาวจนถึงทางออกอีกด้าน ตอนนั้นเป็นเวลาราวๆ 3ทุ่มกว่า ผมพึ่งขับมอไซค์กลับบ้าน (ช่วงนั้นเริ่มสอนพิเศษที่โรงเรียนแล้วครับ น่าจะช่วง ม 5 เทอม2) ได้ขับสวนกับรถคันดังกล่าวบริเวณทางออกหมู่บ้านที่ 2 (ก่อนจะถึงทางเข้าดงซาวศพประมาณ 500เมตร) รถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วที่สูงมากกกก ผมหมายถึงเร็วมากจริงๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 120km/hr ผมกับหลานที่มาด้วยก็มองตามเพราะแปลกใจที่เห็นคนขับรถเร็วขนาดนี้ในที่ชุมชน (หลานอยู่ ม 3 เรียนพิเศษกับผมด้วยเช่นกัน) จากนั้นราวๆตี 4:30 ของเช้าวันต่อมา อา(พ่อของหลานผมนั่นแหละครับ ) ต้องเข้าไปประชุมที่ตัวจังหวัดช่วง 7:30 แต่ผมจำเป็นต้องใช้รถเพื่อขนของไปเข้าค่ายลูกเสือวิสามัญ จึงต้องขับรถไปส่งอาที่ตัวจังหวัดแล้วรีบขับกลับมาเรียน (ผมยืมรถอาครับ) พอขับไปถึงบริเวณทางเข้าดงซาวศพ ก็ต้องเบรคกระทันหันจนอาหัวกระแทกเบาะหน้าอย่างแรง ผมเห็นเสาไฟฟ้าล้มพาดถนน อาบอกผมว่าอย่าลงจากรถ (กลัวโจรปล้น) แต่พอมองไปทางขวามือ ก็เห็นเหมือนมีแสงสะท้อนของโลหะหรือกระจกอะไรซักอย่างในป่า ผมและอาจึงตัดสินใจลงไปดู สิ่งที่ผมเห็นคือรถทั้งคันที่กอดกับเสาไฟฟ้า กลิ่นคาวเลือดทำผมแทบอ้วก จึงรีบโทรแจ้งกู้ภัยของหมู่บ้านที่ 2 (อาเป็น นายก อบต ครับ) ประมาณ 10นาที รถกู้ภัยก็มาถึง เช่นเดียวกับรถพยาบาล (มาช้ากว่ากู้ภัยแปปเดียว) กู้ภัยก็จัดการถ่ายภาพ ก่อนจะเริ่มงัดหาคนที่ติดอยู่ในรถ สิ่งที่ผมเห็นคือ คนขับที่ถูดอัดเข้ากับรถจนแขนขวาขาดหลุดจากตัว และเพื่อนที่นั่งข้างคนขับถูกกระจกหนีบคอเกือบขาด และอีกสองศพนั้นโดนบีบเข้ากับเสาไฟจนคนนึงตัวขาดคนนึงขาขาด ตอนนั้นผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว หัวผมนี่ร้อนมาก ขนลุกแปลกๆ คลื่นไส้ชอบกลๆ อาบอกว่าวันนี้อาจไม่ได้ไปประชุมแล้ว จึงบอกให้ผมไปโรงเรียนก่อน เดี๋ยวอาอยู่ให้การณ์กับตำรวจเอง วันนั้นผมคิดเรื่องนั้นทั้งวัน เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ไม่ค่อยเชื่อ จนได้ยินจากคนที่ต้องขับรถผ่านมาโรงเรียนตอนเช้าเล่าเหมือนๆกัน ทำให้เรื่องนี้เริ่มแผ่ออกไป พอเลิกเรียนผมขับรถกลับ มีผู้คนมากมายยังมุงกันอยู่บริเวณดังกล่าว ที่ผมสงสัยคือ ทั้งคืน ไม่มีคนขับรถผ่านป่าแห่งนี้เลยหรือ หรือเขาเลิกที่จะกลับรถและไม่สนใจ? จาก 3ทุ่มกว่าถึงตี 4 ก็นานพอควร เรื่องมันไม่จบแค่นั้นครับ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เริ่มมีคนพบเจออะไรแปลกๆบริเวณดังกล่าว คนแรกที่ผมรู้คือพ่อค้าขายขนมครกที่อยู่หมู่บ้านที่ 4 ซึ่งปกติจะมาขายที่ตลาดคลองถมทุกเย็นอังคาร ศุกร์ อาทิตย์ เขาไม่มา พ่อค้าคนอื่นๆบอกว่าเขากลัวผี วันนั้นเขาขับกลับบ้านตอนดึกๆ (ตลาดเลิกราวๆ 2-3ทุ่ม) ก็เห็นมีทหาร 3คนมาโบกรถ ขอไปลงในตัวจังหวัด ตนจงบอกว่าไปถึงแค่หมู่บ้านข้างหน้านี่เอง จึงขับกลับไปและไม่ได้สนใจอะไร พอบ่ายวันต่อมา ได้เล่าให้เพื่อนที่ขายของที่ตลาดฟัง ทุกคนต่างขนลุกและบอกกับเขาว่าเจอดีเข้าแล้ว (ตลาดจะมีที่หมู่บ้านที่ผมอยู่ หมู่บ้านที่ 3 และหมู่บ้านที่ 6ครับ หมู่บ้านที่สามมีตลาดวันจันทร์ พุธ เสาร์ สลับกับหมู่บ้านผม) จากนั้นพ่อค้าคนดังกล่าวไม่มาขายของที่หมู่บ้านผมอีกเลย ที่น่ากลัวกว่าคือมีคนกลับจากตัวอำเภอช่วงเย็นๆ (ยังไม่มืดมากนัก) ซ้อนสองมอไซค์ ขนที่นั่งซ้อนมาทำหมวกแก็ปหล่นบริเวณเลยโค้งดังกล่าวมาไม่ไกลนัก จึงได้ก้มลงเก็บหมวก มองลอดขาไปเห็นคนนั่งห้อยหัวลงจากต้นไม้สองคน มีใบหน้ายาวเกือบถึงพื้น เพื่อนบอกว่าเขาร้องเสียงหลง ล้มทั้งยืน หน้าซีด ตัวสั่น จากนั้นมา ก็มีคนพบเจอบ่อยครั้ง (ได้ยินมาว่างั้น) เจ้าของกระทู้ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวเรียนเสร็จจะกลับมาเล่าต่อ (ประมาณ 4-5ชั่วโมง ที่จริงเริ่มเขียนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ผมเสียวหลังแปลกๆ จึงมาเขียนตอนกลางวัน) ป่านี้อาจมีตำนานยาวกว่าเรื่องอื่นๆ ผิดพลาดก็ติชมได้ครับ มือใหม่หัดตั้งกระทู้ เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผมรับรู้มาอีกทีจากชาวบ้านและประสบเองบ้าง จริงไม่จริงอย่างไรก็ไม่ทราบนะครับ แต่ผมได้ยินมาแบบนี้ ก็ขอเล่าตามที่ผมรู้ละกันครับ ไม่ขอเดาอะไรเพิ่มเติม อาจไม่ได้น่ากลัวนัก เพราะถือเอาเรื่องที่เกิดมาพูด ไม่ใช่ความรู้สึก ฝากติดตามต่อด้วยครับ