ขอทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า
1. ID นี้ ยืมน้องมาค่ะ
2. วัตถุประสงค์ ของกระทู้นี้ จะตั้งขึ้นเพื่อที่จะเตือนใจ คนที่กำลังตกอยู่ในวังวนของคำว่าชู้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แอบเป็นชู้ชาวบ้านอยู่ ไปเป็นชู้อยู่ หรือกำลังจะเป็น คำดังกล่าวนะคะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 2 ปีก่อนค่ะ เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนธรรมดา ตอนนั้นอายุก็ 20 ปลายๆแล้วค่ะ มีแฟนที่คบกันมาก็สามปีกว่า รักกันดี แต่ก็ทะเลาะกันบ่อยค่ะ ด้วยเรื่องเล็กน้อย และก็จบด้วยการเขาบอกเลิก แล้วก็หายไป 3-4 วัน แล้วก็กลับมา เป็นอย่างนี้บ่อยๆค่ะ จนหลังๆเราชักเอือม ไม่ตามแล้ว ช่างเหอะ ในบริษัทเราก็มี พนักงาน หญิงชายปะปนกันไป โดยปกติแล้ว จะชอบนัดกินเลี้ยงสังสรรค์เป็นประจำ
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งในบริษัท สมมติว่าชื่อเอ ได้ชวนๆเพื่อนร่วมงานออกไปกินข้าว ก็มีเรา เอ(เอมีครอบครัวแล้วนะคะ แต่เขาไม่ได้อยู่กับครอบครัวค่ะ) และเพื่อนร่วมงานอีกสองคน รวมเป็น 4 คน สมมติให้อีกสองคน ชื่อ บีกับซีนะคะ สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน (บี เป็นผู้ชายที่เคยจะจีบๆเรา แต่เราไม่เคยสนใจค่ะ เพราะเรามีแฟนอยู่แล้ว) สาเหตุที่เอ ชวนเราไป เพราะอยากหาคนขับรถให้ตอนกลับ วันนั้นเลยตกลงกันว่า โอเค เดี๋ยวเอารถเราไป ปรากฏว่า คืนนั้นเราเมาไม่รู้เรื่องค่ะ เอ บี แล้วก็ซี เลยตกลงว่า จะปล่อยเราขับรถกลับอย่างนี้ไม่ได้ พวกเขาทั้งสามคน เลยพากันมาส่งเราก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้า เอจะเป็นคนมารับเราไปทำงานเอง
รุ่งเช้า เอโทร.เข้าเบอร์เรา บอกว่า กำลังจะออกมารับแล้วนะ แต่เอง่วงมาก เดี๋ยวขอไปงีบสักครู่ เราก็ด้วยความไว้ใจ และสนิท โอเคเธอ ได้เลย เมื่อเอมาถึง เราก็บอกว่า ตามสบายนะ เดี๋ยวเรานั่งรอ แต่เหมือนเอยังไม่สร่างจากเมื่อคืน เขาพยายามกระทำบางอย่าง ซึ่งเราทั้งร้องให้ อ้อนวอน ขอ เราพูดขึ้นมาว่า เราไม่ใช่น้อง....(ชื่อแฟนเอ) นะ เอตอบกลับมาว่า “เราก็ไม่ใช่....(ชื่อแฟนเรา) เหมือนกัน” วินาทีนั้น กลัวมาก ร้องไห้ จนในที่สุด เอหยุดค่ะ เราจึงพูดขึ้นมาว่า “ไปทำงานกันเถอะ” ระหว่างทาง เอก็พูดขอโทษเราตลอดทาง แต่เราเงียบค่ะ พูดไม่ออก น้ำตาก็ไหล “เธอสัญญานะว่าจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก” เป็นประโยคที่เราบอกกับเอในวันนั้น เอรับปาก
วันต่อมา เรามาทำงานตามปกติค่ะ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติเลย คือความรู้สึกที่เรามีต่อเอ มันยังกลัว และไม่ไว้ใจ วันนั้น เราไม่คุยกับเอเลยทั้งวัน จนเอ ทักไลน์มาคุยกับเรา บอกว่า ขอโทษ ขอโอกาสแก้ตัว จะให้ทำอย่างไรก็ได้ เราเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด เรามันเลว บลาๆๆๆ เย็นนี้เราขอนัดเลี้ยงข้าว เพื่อเป็นการไถ่โทษ และอยากคุยเปิดใจด้วย เราคิดอยู่นาน ว่าจะตอบตกลงดีไหม แต่เพื่อรักษาสถานภาพและบรรยากาศการทำงาน ไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงความผิดปกติ เราจึงตอบตกลง โดยหวังว่ามันจะดีขึ้น แต่แล้วเราก็คิดผิด
เย็นนั้น เอมาขับรถมารับเราที่หอ เราไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกึ่งบาร์กึ่งร้านอาหาร เอขอโทษกับทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น และสัญญาจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก สัญญาจะดูแลเราอย่างดีที่สุด บลาๆ กินข้าวเรียบร้อย และแน่นอนค่ะ เอก็ดื่มอีกค่อนข้างดื่มเยอะ เราเห็นท่าไม่ดี จึงชวนกลับ เอบอกว่า “เราขับรถกลับไม่ได้นะ กลัวโดนตำรวจ เรานอนหอเธอได้ไหม สัญญาจะไม่ทำอะไรอีก” เราหยุดคิด เราเลยเสนอว่า “เดี๋ยวเราขับไปส่งเอง และเราจะเอารถเธอกลับ ตอนเช้า เราจะไปรับเธอไปทำงาน” แต่เอก็กลัวว่าที่ทำงานจะสงสัยว่าทำไมถึงมาด้วยกันได้ เราเงียบ ไม่พูดอะไร เอก็รบเร้าว่า “ให้เราไปนอนนะ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเราจะไม่ทำอะไรแล้วจริงๆ” ด้วยความเชื่อใจ(รอบสอง) เราจึงตกลง
เมื่อมาถึงหอเรา เอรักษาคำพูดค่ะ เอนอนด้านล่าง เรานอนบนเตียงตามปกติ เวลาตอนนั้นประมาณ ตีสาม เรารู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างมาทับบนตัวเรา!! ตอนแรกนึกว่าผีอำ แต่เป็นเอ เอขึ้นมานอนบนเตียง และพยายามทำเหมือนเดิม เราร้องให้ และทวงสัญญา ว่าไหนจะไม่ทำอีก แต่แล้ว เราก็สู้แรงเขาไม่ไหวค่ะ และแล้ววันนั้นจบลงที่เราตกเป็นของเอ
เอใช้คำพูดหว่านล้อม ให้เราคบกันแบบลับๆ ค่ะ เราก็ตอบตกลง และแอบไปมาหาสู่กันค่ะ และเราก็มีชู้และเป็นชู้อย่างเป็นทางการ (ตอนนั้นเราก็คบแฟนอยู่นะคะ) ยอมรับว่า ไม่ได้รู้สึกว่าผิด หรืออะไร ไม่ได้คิดจะเลิกกับแฟนเพื่อมาคบเอ ไม่ได้คิดอยากจะให้เอต้องมาคบเราแบบจริงจังด้วย ช่วงนั้นมันหน้ามืดค่ะ คิดแต่ว่าเรามีความสุข ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่อย่าให้ใครรู้ก็พอ
เรากับแฟนก็ยังคบกันตามปกติ โดยที่เขาไม่รู้เลย และไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย วันหนึ่ง เรากับแฟนทะเลาะกันค่ะ สาเหตุมาจากเราไม่ไปค้างที่บ้านเขา เนื่องจากขอเคลียร์งานที่ห้องคนเดียว ต้องการใช้สมาธินิดหน่อย ก็ทะเลาะๆ และก็จบแบบเดิมค่ะ คือเขาบอกเลิกอีก เราโทรกลับไปก็ไม่รับๆ เราก็เลยปล่อย ก็เฉยๆ ไม่ได้อะไร คือบ่อยจนชิน แต่ที่ทำให้รู้สึกไม่โอเคอย่างมากคือเขาลบเฟสเรา ลบรูปเราทั้งหมดออกจากเฟส เห้ย!! นี่เอาจริงหรอ เราน้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ไม่โอเคอย่างรุนแรง เราก็เลื่อนหน้าเฟสไปเรื่อยๆ เห็นบี ออนอยู่ จึงทักไป บอกว่า “ไปนอนด้วยดิ” บี แปลกใจ และถามกลับมาว่า “เป็นอะไร” เราก็ตอบไปว่า รู้สึกไม่โอเคอะ บีจึงบอกว่า งั้นฝากซื้อนมเข้ามาให้หน่อยนะ เกริ่นก่อนนะคะว่า โดยปกติ เวลาเราทะเลาะ หรือร้องไห้ บีจะรับทราบตลอด คือเราให้ความไว้ใจเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิทเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่ง เคยไปค้างด้วย แต่เขาก็ไม่แตะต้อง หรือทำอะไรเราแม้แต่น้อยและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่จะขอไปอยู่กับเขาเช่นกัน
เมื่อไปถึงห้องบี บีถามแค่ว่า “อีกแล้วหรอ” แล้วเราก็ปล่อยโฮ เขาปล่อยให้เราร้องให้ จากนั้น เราก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน อยู่ๆ บีก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ค่ะ เราชะงัก แล้วถามบีไปว่า ทำแบบนี้คิดไรปะเนี่ย บีเงียบ และตอบว่า ก็คิดนะ เราก็ถามย้อนกลับไป แล้วทำไมไม่บอกมาตั้งนานแล้วอะ บี บอกว่า บอกแล้วจะได้อะไร เธอก็มีแฟนอยู่แล้ว เราก็พยักหน้า พร้อมกับบอกว่า อืม ตอนนี้โสดแล้วไง จากนั้น เขาก็ค่อยก้มมาที่ปากเราเรื่อยๆค่ะ ในใจคิดว่า ช่าง เหอะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน เราบอกกับบีว่า ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ และไม่มีการผูกมัด ห้ามหึง ห้ามหวงใดๆทั้งสิ้น บีตกลง เรายอมรับว่า คืนนั้นเรามีความสุขมาก มากกว่ากับแฟน (คือแฟนเราเป็นประเภทวิตกจริตอ่าค่ะ เราไม่เคยมีอะไรแบบจริงจังเลยก็) หรือกับเอ แต่เราตกลงแล้วว่า จะแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
3 วันต่อมา แฟนเรากลับมาค่ะ เรากลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมคบต่อไปค่ะ ตอนนั้นเอก็ยังแอบไปมาหาสู่เรา และเราก็มีไปกินข้าวกับบีบ้าง เป็นบ้างครั้ง สรุป ตอนนี้เราคบผู้ชายสามคนพร้อมกันค่ะ!!
บีพยายามชวนเราไปห้องอีก เราบอกบีว่า “เราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรอ อีกอย่างเราสัญญากับผู้ชายคนนึงซึ่งไม่ใช่แฟนเรา ว่าเราจะไม่มีอะไรกับใครอีก” บีเงียบ แต่ก็ยอมเข้าใจค่ะ บียังสงสัยอยู่ในใจตลอดว่า อีกคนที่เราพูดถึงนั้นเป็นใคร พักหลังๆเราก็ไปกินข้าวกับบีบ่อยขึ้น ความรู้สึกดีๆก่อขึ้นระหว่างเรากับบี (แต่ยังไม่มีอะไรเป็นครั้งที่สองนะคะ) เป็นเหมือนคนรู้ใจ ไปไหนไปกันมากขึ้นค่ะ
วันหนึ่งเอจัดงานวันเกิดขึ้นค่ะ เขาเชิญเพื่อนๆในบริษัทฯ ซึ่งแน่นอนค่ะ มันทำให้เรา ต้องเจอกับเอ และครอบครัวเอ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับน้องที่เป็นแฟนเอ มันรู้สึกแย่มากๆ และเราก็ไม่รู้ว่าเราจะทำตัวอย่างไร ต้องอยู่อย่างไร ไม่ให้คนอื่นสงสัย แต่ เราโชคดีมาก ที่มีบีอยู่เคียงข้าง บีดูแลเราตลอดจนเสร็จสิ้นงาน งานนั้นก็จบไป โดยไม่มีการสงสัยใดๆจากฝ่ายไหนค่ะ
จากวันนั้น มันทำให้เราคิดได้ว่า เราอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว จะไปลักกินขโมยกินคนอื่นแบบนี้ ไม่มีความสุขเลย เราตัดสินใจเริ่มออกห่างจากเอค่ะ(กับแฟนก็ยังคบอยู่นะคะ) จนเอผิดสังเกต และเอจับความรู้สึกเราได้ว่า เราเริ่มห่างเหินและเอก็คิดว่า เรากับบี ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วเราก็ทะเลาะกับเอค่ะ เราจึงไปหาบีที่ห้อง อีกครั้งหนึ่ง
วันนั้นเรานอนอยู่อย่างเงียบๆ โทรศัพท์เอก็เข้าตลอดเวลา (เราไม่ได้บันทึกชื่อ บีจึงไม่รู้ว่าใคร) จนสุดท้าย บีทนไม่ไหว จึงถามเราว่า “บอกได้ไหม อีกคนเป็นใคร” เราเงียบ “อย่าเงียบสิ เรารู้จักหรือเปล่า” เรายังเงียบอยู่ และน้ำตาเริ่มคลอเบ้า “...(บีเรียกชื่อเรา)” เราหันหน้าหนี และร้องไห้อย่างหนัก “หันมาทางนี้ ร้องทำไม มีอะไรก็พูดมา สัญญาจะไม่โกรธ” เราตั้งสติได้ จึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดระหว่างเรากับเอให้ฟัง บีเงียบไป เหมือนจะช็อคอยู่ เขาไม่โกรธเราจริงๆค่ะ เขากอดเรา และบอกว่า เรื่องมาผ่านมาแล้ว ช่างมันเหอะ จากนี้ไปก็ขอให้จบเรื่องนี้ให้ได้
จากนั้นไม่นาน เราตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับเอ เพื่อความถูกต้องเราควรหยุดความสัมพันธ์ไว้เท่านี้ เหลือไว้แค่ความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมเถอะ เอช็อคค่ะ เอบอกว่า เพราะบีหรือเปล่า เธอรู้สึกยังไงกับบี เราก็ตอบไปแค่ว่า ก็รู้สึกดีนะ แต่เอาจริงๆ ต่อให้ไม่มีบี เราก็อยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้แน่ๆ จบลงด้วยดีค่ะ เอเฮิร์ทไปพักใหญ่ ส่วนเรา โล่งใจมาก ที่หลุดออกมาได้ มันสบายใจอย่างที่สุด ถึงแม้เราจะเคยผิดพลาดไป อนาคตถ้าเกิดอะไรกับเรา เราพร้อมจะยอมรับค่ะ ว่าเกิดจากกรรมที่เราก่อ
ปัจจุบันนี้ เรากับเอ คงสถานะเพื่อน ที่สนิทกันเหมือนเดิม ความรู้สึกต่างๆมันค่อยๆหายไปและเราก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแฟนเอมากขึ้น เราคุยกับแฟนเอได้ตามปกติ จึงอยากมาขอเตือน นะคะ เลิกเถอะค่ะ ใครกำลังอยู่ในสถานะดังกล่าว ยังไม่ตายก็เหมือนตกนรก มันเป็นความสุขแค่ชั่ววูบ ความสุขเดี๋ยวเดียว แลกกับความทุกข์ที่จะตามมา ไม่คุ้มหรอกค่ะ ไม่คุ้มเลย
นี่คือเรื่องราวที่อยากจะเตือนใจค่ะ เราเคลียร์ปัญหาเรื่องของเอจบแล้ว ส่วนเรื่องของเรากับแฟนเรา และบี เป็นอย่างไรนั้น ขอไม่เล่าต่อนะคะ เพราะถึงตรงนี้ ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์เราแล้วค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
1.ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ ที่เปิดโอกาสให้ได้เข้ามาแชร์ มาเตือนสติกัน
2.ขอบคุณเจ้าของ ID ที่ให้ยืม
3.ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นค่ะ
แชร์ประสบการณ์ กับวังวนของคำว่า "ชู้"
1. ID นี้ ยืมน้องมาค่ะ
2. วัตถุประสงค์ ของกระทู้นี้ จะตั้งขึ้นเพื่อที่จะเตือนใจ คนที่กำลังตกอยู่ในวังวนของคำว่าชู้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แอบเป็นชู้ชาวบ้านอยู่ ไปเป็นชู้อยู่ หรือกำลังจะเป็น คำดังกล่าวนะคะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 2 ปีก่อนค่ะ เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนธรรมดา ตอนนั้นอายุก็ 20 ปลายๆแล้วค่ะ มีแฟนที่คบกันมาก็สามปีกว่า รักกันดี แต่ก็ทะเลาะกันบ่อยค่ะ ด้วยเรื่องเล็กน้อย และก็จบด้วยการเขาบอกเลิก แล้วก็หายไป 3-4 วัน แล้วก็กลับมา เป็นอย่างนี้บ่อยๆค่ะ จนหลังๆเราชักเอือม ไม่ตามแล้ว ช่างเหอะ ในบริษัทเราก็มี พนักงาน หญิงชายปะปนกันไป โดยปกติแล้ว จะชอบนัดกินเลี้ยงสังสรรค์เป็นประจำ
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งในบริษัท สมมติว่าชื่อเอ ได้ชวนๆเพื่อนร่วมงานออกไปกินข้าว ก็มีเรา เอ(เอมีครอบครัวแล้วนะคะ แต่เขาไม่ได้อยู่กับครอบครัวค่ะ) และเพื่อนร่วมงานอีกสองคน รวมเป็น 4 คน สมมติให้อีกสองคน ชื่อ บีกับซีนะคะ สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน (บี เป็นผู้ชายที่เคยจะจีบๆเรา แต่เราไม่เคยสนใจค่ะ เพราะเรามีแฟนอยู่แล้ว) สาเหตุที่เอ ชวนเราไป เพราะอยากหาคนขับรถให้ตอนกลับ วันนั้นเลยตกลงกันว่า โอเค เดี๋ยวเอารถเราไป ปรากฏว่า คืนนั้นเราเมาไม่รู้เรื่องค่ะ เอ บี แล้วก็ซี เลยตกลงว่า จะปล่อยเราขับรถกลับอย่างนี้ไม่ได้ พวกเขาทั้งสามคน เลยพากันมาส่งเราก่อน แล้วเดี๋ยวตอนเช้า เอจะเป็นคนมารับเราไปทำงานเอง
รุ่งเช้า เอโทร.เข้าเบอร์เรา บอกว่า กำลังจะออกมารับแล้วนะ แต่เอง่วงมาก เดี๋ยวขอไปงีบสักครู่ เราก็ด้วยความไว้ใจ และสนิท โอเคเธอ ได้เลย เมื่อเอมาถึง เราก็บอกว่า ตามสบายนะ เดี๋ยวเรานั่งรอ แต่เหมือนเอยังไม่สร่างจากเมื่อคืน เขาพยายามกระทำบางอย่าง ซึ่งเราทั้งร้องให้ อ้อนวอน ขอ เราพูดขึ้นมาว่า เราไม่ใช่น้อง....(ชื่อแฟนเอ) นะ เอตอบกลับมาว่า “เราก็ไม่ใช่....(ชื่อแฟนเรา) เหมือนกัน” วินาทีนั้น กลัวมาก ร้องไห้ จนในที่สุด เอหยุดค่ะ เราจึงพูดขึ้นมาว่า “ไปทำงานกันเถอะ” ระหว่างทาง เอก็พูดขอโทษเราตลอดทาง แต่เราเงียบค่ะ พูดไม่ออก น้ำตาก็ไหล “เธอสัญญานะว่าจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก” เป็นประโยคที่เราบอกกับเอในวันนั้น เอรับปาก
วันต่อมา เรามาทำงานตามปกติค่ะ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติเลย คือความรู้สึกที่เรามีต่อเอ มันยังกลัว และไม่ไว้ใจ วันนั้น เราไม่คุยกับเอเลยทั้งวัน จนเอ ทักไลน์มาคุยกับเรา บอกว่า ขอโทษ ขอโอกาสแก้ตัว จะให้ทำอย่างไรก็ได้ เราเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด เรามันเลว บลาๆๆๆ เย็นนี้เราขอนัดเลี้ยงข้าว เพื่อเป็นการไถ่โทษ และอยากคุยเปิดใจด้วย เราคิดอยู่นาน ว่าจะตอบตกลงดีไหม แต่เพื่อรักษาสถานภาพและบรรยากาศการทำงาน ไม่ให้คนอื่นรับรู้ถึงความผิดปกติ เราจึงตอบตกลง โดยหวังว่ามันจะดีขึ้น แต่แล้วเราก็คิดผิด
เย็นนั้น เอมาขับรถมารับเราที่หอ เราไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นกึ่งบาร์กึ่งร้านอาหาร เอขอโทษกับทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้น และสัญญาจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก สัญญาจะดูแลเราอย่างดีที่สุด บลาๆ กินข้าวเรียบร้อย และแน่นอนค่ะ เอก็ดื่มอีกค่อนข้างดื่มเยอะ เราเห็นท่าไม่ดี จึงชวนกลับ เอบอกว่า “เราขับรถกลับไม่ได้นะ กลัวโดนตำรวจ เรานอนหอเธอได้ไหม สัญญาจะไม่ทำอะไรอีก” เราหยุดคิด เราเลยเสนอว่า “เดี๋ยวเราขับไปส่งเอง และเราจะเอารถเธอกลับ ตอนเช้า เราจะไปรับเธอไปทำงาน” แต่เอก็กลัวว่าที่ทำงานจะสงสัยว่าทำไมถึงมาด้วยกันได้ เราเงียบ ไม่พูดอะไร เอก็รบเร้าว่า “ให้เราไปนอนนะ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเราจะไม่ทำอะไรแล้วจริงๆ” ด้วยความเชื่อใจ(รอบสอง) เราจึงตกลง
เมื่อมาถึงหอเรา เอรักษาคำพูดค่ะ เอนอนด้านล่าง เรานอนบนเตียงตามปกติ เวลาตอนนั้นประมาณ ตีสาม เรารู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างมาทับบนตัวเรา!! ตอนแรกนึกว่าผีอำ แต่เป็นเอ เอขึ้นมานอนบนเตียง และพยายามทำเหมือนเดิม เราร้องให้ และทวงสัญญา ว่าไหนจะไม่ทำอีก แต่แล้ว เราก็สู้แรงเขาไม่ไหวค่ะ และแล้ววันนั้นจบลงที่เราตกเป็นของเอ
เอใช้คำพูดหว่านล้อม ให้เราคบกันแบบลับๆ ค่ะ เราก็ตอบตกลง และแอบไปมาหาสู่กันค่ะ และเราก็มีชู้และเป็นชู้อย่างเป็นทางการ (ตอนนั้นเราก็คบแฟนอยู่นะคะ) ยอมรับว่า ไม่ได้รู้สึกว่าผิด หรืออะไร ไม่ได้คิดจะเลิกกับแฟนเพื่อมาคบเอ ไม่ได้คิดอยากจะให้เอต้องมาคบเราแบบจริงจังด้วย ช่วงนั้นมันหน้ามืดค่ะ คิดแต่ว่าเรามีความสุข ไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่อย่าให้ใครรู้ก็พอ
เรากับแฟนก็ยังคบกันตามปกติ โดยที่เขาไม่รู้เลย และไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย วันหนึ่ง เรากับแฟนทะเลาะกันค่ะ สาเหตุมาจากเราไม่ไปค้างที่บ้านเขา เนื่องจากขอเคลียร์งานที่ห้องคนเดียว ต้องการใช้สมาธินิดหน่อย ก็ทะเลาะๆ และก็จบแบบเดิมค่ะ คือเขาบอกเลิกอีก เราโทรกลับไปก็ไม่รับๆ เราก็เลยปล่อย ก็เฉยๆ ไม่ได้อะไร คือบ่อยจนชิน แต่ที่ทำให้รู้สึกไม่โอเคอย่างมากคือเขาลบเฟสเรา ลบรูปเราทั้งหมดออกจากเฟส เห้ย!! นี่เอาจริงหรอ เราน้ำตาไหลพรากเลยค่ะ ไม่โอเคอย่างรุนแรง เราก็เลื่อนหน้าเฟสไปเรื่อยๆ เห็นบี ออนอยู่ จึงทักไป บอกว่า “ไปนอนด้วยดิ” บี แปลกใจ และถามกลับมาว่า “เป็นอะไร” เราก็ตอบไปว่า รู้สึกไม่โอเคอะ บีจึงบอกว่า งั้นฝากซื้อนมเข้ามาให้หน่อยนะ เกริ่นก่อนนะคะว่า โดยปกติ เวลาเราทะเลาะ หรือร้องไห้ บีจะรับทราบตลอด คือเราให้ความไว้ใจเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิทเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่ง เคยไปค้างด้วย แต่เขาก็ไม่แตะต้อง หรือทำอะไรเราแม้แต่น้อยและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่จะขอไปอยู่กับเขาเช่นกัน
เมื่อไปถึงห้องบี บีถามแค่ว่า “อีกแล้วหรอ” แล้วเราก็ปล่อยโฮ เขาปล่อยให้เราร้องให้ จากนั้น เราก็อาบน้ำเตรียมตัวนอน อยู่ๆ บีก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ค่ะ เราชะงัก แล้วถามบีไปว่า ทำแบบนี้คิดไรปะเนี่ย บีเงียบ และตอบว่า ก็คิดนะ เราก็ถามย้อนกลับไป แล้วทำไมไม่บอกมาตั้งนานแล้วอะ บี บอกว่า บอกแล้วจะได้อะไร เธอก็มีแฟนอยู่แล้ว เราก็พยักหน้า พร้อมกับบอกว่า อืม ตอนนี้โสดแล้วไง จากนั้น เขาก็ค่อยก้มมาที่ปากเราเรื่อยๆค่ะ ในใจคิดว่า ช่าง เหอะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก่อนที่เราจะมีอะไรกัน เราบอกกับบีว่า ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ และไม่มีการผูกมัด ห้ามหึง ห้ามหวงใดๆทั้งสิ้น บีตกลง เรายอมรับว่า คืนนั้นเรามีความสุขมาก มากกว่ากับแฟน (คือแฟนเราเป็นประเภทวิตกจริตอ่าค่ะ เราไม่เคยมีอะไรแบบจริงจังเลยก็) หรือกับเอ แต่เราตกลงแล้วว่า จะแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
3 วันต่อมา แฟนเรากลับมาค่ะ เรากลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ยอมคบต่อไปค่ะ ตอนนั้นเอก็ยังแอบไปมาหาสู่เรา และเราก็มีไปกินข้าวกับบีบ้าง เป็นบ้างครั้ง สรุป ตอนนี้เราคบผู้ชายสามคนพร้อมกันค่ะ!!
บีพยายามชวนเราไปห้องอีก เราบอกบีว่า “เราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรอ อีกอย่างเราสัญญากับผู้ชายคนนึงซึ่งไม่ใช่แฟนเรา ว่าเราจะไม่มีอะไรกับใครอีก” บีเงียบ แต่ก็ยอมเข้าใจค่ะ บียังสงสัยอยู่ในใจตลอดว่า อีกคนที่เราพูดถึงนั้นเป็นใคร พักหลังๆเราก็ไปกินข้าวกับบีบ่อยขึ้น ความรู้สึกดีๆก่อขึ้นระหว่างเรากับบี (แต่ยังไม่มีอะไรเป็นครั้งที่สองนะคะ) เป็นเหมือนคนรู้ใจ ไปไหนไปกันมากขึ้นค่ะ
วันหนึ่งเอจัดงานวันเกิดขึ้นค่ะ เขาเชิญเพื่อนๆในบริษัทฯ ซึ่งแน่นอนค่ะ มันทำให้เรา ต้องเจอกับเอ และครอบครัวเอ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราไม่กล้าแม้แต่จะคุยกับน้องที่เป็นแฟนเอ มันรู้สึกแย่มากๆ และเราก็ไม่รู้ว่าเราจะทำตัวอย่างไร ต้องอยู่อย่างไร ไม่ให้คนอื่นสงสัย แต่ เราโชคดีมาก ที่มีบีอยู่เคียงข้าง บีดูแลเราตลอดจนเสร็จสิ้นงาน งานนั้นก็จบไป โดยไม่มีการสงสัยใดๆจากฝ่ายไหนค่ะ
จากวันนั้น มันทำให้เราคิดได้ว่า เราอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว จะไปลักกินขโมยกินคนอื่นแบบนี้ ไม่มีความสุขเลย เราตัดสินใจเริ่มออกห่างจากเอค่ะ(กับแฟนก็ยังคบอยู่นะคะ) จนเอผิดสังเกต และเอจับความรู้สึกเราได้ว่า เราเริ่มห่างเหินและเอก็คิดว่า เรากับบี ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วเราก็ทะเลาะกับเอค่ะ เราจึงไปหาบีที่ห้อง อีกครั้งหนึ่ง
วันนั้นเรานอนอยู่อย่างเงียบๆ โทรศัพท์เอก็เข้าตลอดเวลา (เราไม่ได้บันทึกชื่อ บีจึงไม่รู้ว่าใคร) จนสุดท้าย บีทนไม่ไหว จึงถามเราว่า “บอกได้ไหม อีกคนเป็นใคร” เราเงียบ “อย่าเงียบสิ เรารู้จักหรือเปล่า” เรายังเงียบอยู่ และน้ำตาเริ่มคลอเบ้า “...(บีเรียกชื่อเรา)” เราหันหน้าหนี และร้องไห้อย่างหนัก “หันมาทางนี้ ร้องทำไม มีอะไรก็พูดมา สัญญาจะไม่โกรธ” เราตั้งสติได้ จึงเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดระหว่างเรากับเอให้ฟัง บีเงียบไป เหมือนจะช็อคอยู่ เขาไม่โกรธเราจริงๆค่ะ เขากอดเรา และบอกว่า เรื่องมาผ่านมาแล้ว ช่างมันเหอะ จากนี้ไปก็ขอให้จบเรื่องนี้ให้ได้
จากนั้นไม่นาน เราตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับเอ เพื่อความถูกต้องเราควรหยุดความสัมพันธ์ไว้เท่านี้ เหลือไว้แค่ความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมเถอะ เอช็อคค่ะ เอบอกว่า เพราะบีหรือเปล่า เธอรู้สึกยังไงกับบี เราก็ตอบไปแค่ว่า ก็รู้สึกดีนะ แต่เอาจริงๆ ต่อให้ไม่มีบี เราก็อยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่ได้แน่ๆ จบลงด้วยดีค่ะ เอเฮิร์ทไปพักใหญ่ ส่วนเรา โล่งใจมาก ที่หลุดออกมาได้ มันสบายใจอย่างที่สุด ถึงแม้เราจะเคยผิดพลาดไป อนาคตถ้าเกิดอะไรกับเรา เราพร้อมจะยอมรับค่ะ ว่าเกิดจากกรรมที่เราก่อ
ปัจจุบันนี้ เรากับเอ คงสถานะเพื่อน ที่สนิทกันเหมือนเดิม ความรู้สึกต่างๆมันค่อยๆหายไปและเราก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับแฟนเอมากขึ้น เราคุยกับแฟนเอได้ตามปกติ จึงอยากมาขอเตือน นะคะ เลิกเถอะค่ะ ใครกำลังอยู่ในสถานะดังกล่าว ยังไม่ตายก็เหมือนตกนรก มันเป็นความสุขแค่ชั่ววูบ ความสุขเดี๋ยวเดียว แลกกับความทุกข์ที่จะตามมา ไม่คุ้มหรอกค่ะ ไม่คุ้มเลย
นี่คือเรื่องราวที่อยากจะเตือนใจค่ะ เราเคลียร์ปัญหาเรื่องของเอจบแล้ว ส่วนเรื่องของเรากับแฟนเรา และบี เป็นอย่างไรนั้น ขอไม่เล่าต่อนะคะ เพราะถึงตรงนี้ ก็ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์เราแล้วค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
1.ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ ที่เปิดโอกาสให้ได้เข้ามาแชร์ มาเตือนสติกัน
2.ขอบคุณเจ้าของ ID ที่ให้ยืม
3.ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็นค่ะ