สวัสดีค่ะ พอดีปลายปีนี้นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ กำลังจะหมดสัญญากับสำนักพิมพ์ เลยนึกถึงวันเก่าๆ ตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายจนมาถึงตอนนี้ก็ 5 ปี พอดี
คำถาม ตามหัวกระทู้เลยค่ะ ผลงานตีพิมพ์เรื่องแรกของคุณใช้เวลาเขียนนานแค่ไหน และกว่าจะออกมาเป็นรูปเล่มจนได้วางแผงต้องผ่านอะไรมาบ้าง จำนวนหน้าที่เขียนกับค่าเรื่องที่ได้ ถ้าบอกได้จะดีมากเลยค่ะ
สำหรับ จขกท. --- นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ ใช้เวลาเขียน 4 เดือน (19 เม.ย.53 - 6 ส.ค.53)
รีไรท์ 1 เดือน (12 ส.ค.53 – 6 ก.ย.53)
ส่ง-รอพิจารณาจากสำนักพิมพ์ 2 เดือน เป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน (6 ก.ย.53 – 6 พ.ย.53)
(ตรงนี้ค่อนข้างโชคดีที่ทางสำนักพิมพ์ไม่ได้ให้กลับมาแก้ไข เพียงแต่ให้เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เท่านั้น)
วางแผงหลังจากเซ็นสัญญา 1 เดือน (ในเล่มบอกพิมพ์ ธ.ค.53 แต่วางแผงจริงๆ 4 ม.ค.54 เพราะติดปีใหม่)
รวมๆ แล้วตั้งแต่เริ่มเขียนจนได้วางแผงก็ราวๆ 8 เดือน
(แต่ถ้าเป็นนักเขียนอาชีพ เขียนงานสม่ำเสมอ มีผลงานเรื่อยๆ ระยะเวลาก็ไม่ใช่ปัญหา)
รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ
จำนวน 160 หน้า A4 --- 335 หน้านิยาย A5 ราคาปก 250 บาท
สัญญา 5 ปี แบบเหมาจ่าย (คิดเป็น 8%xราคาปกxจำนวนเล่มที่พิมพ์)
นักเขียนหน้าใหม่ อำนาจต่อรองน้อย ก็ต้องยอมๆ ไป
ส่วนนักเขียนมีชื่อ จะได้แบบแบ่งเป็น % จากราคาปกกับจำนวนที่พิมพ์ (ตอนนั้นได้ยินว่าได้ 8-15%)
***** ต่อไปนี้อาจจะยาวหน่อยนะคะ ข้ามไปได้เลยค่ะ *****
เนื่องจากเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว(ส่วนมากจะชอบอ่านของนักเขียนรุ่นเก่าอย่าง นภาลัย , จามรี ฯลฯ) เลยไม่แปลกที่วันหนึ่งนึกจะอยากเป็นนัก(หัด)เขียนขึ้นมาบ้าง ซึ่งการจะเขียนนิยายให้จบสักเรื่องมันไม่ง่ายเลยแต่ก็ไม่เกินความสามารถหากคุณมีความพยายามพอ เขียนเสร็จแล้วใช่ว่าจะจบแค่นี้นะ ยังต้องมาลุ้นว่าจะผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์หรือเปล่า คือถ้าไม่ผ่านนี่ เฟลสุดๆ เลยล่ะ กับการรอผลการพิจารณาในเวลา 2-3 เดือน (แม้จะมีสำนักพิมพ์อื่นให้เลือกอีกเยอะก็เถอะ) มันเหมือนเราจะต้องเริ่ม(รอ)ใหม่ เพราะ สนพ. ส่วนใหญ่มักจะมีข้อจำกัด(บังคับ)ให้นักเขียนส่งผลงานเพียง สนพ. เดียวเท่านั้น ถ้าทาง สนพ. รู้ว่านักเขียนส่งพิจารณาไป สนพ. อื่นจะถูกตัดสิทธิ์การพิจารณาโดยไม่แจ้งให้ทราบ (ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีแบบนี้อยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้เขียนมาหลายปีแล้ว) ซึ่งตรงนี้มันเป็นปัญหาสำหรับนักเขียนหน้าใหม่มาก---คุณอาจจะบอกว่าทำไมไม่ส่งไปหลายๆ สนพ. ล่ะ จขกท. เชื่อว่ามีนักเขียนส่งทีเดียวหลายๆ สนพ. แต่ก็เชื่อว่ามีอีกส่วนส่งเพียง สนพ. เดียวด้วย อาจเป็นเพราะไม่อยากมีปัญหากับ สนพ. ที่อาจถึงขั้นติดแบล็คลิสต์ ซึ่ง จขกท. ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ส่งไปเพียง สนพ. เดียว (อันนี้ไม่รู้เขาเรียกว่า ซื่อตรง หรือ ซื่อบื้อ เนอะ XD)
ตอนเริ่มเขียนตอนแรกๆ นี่ สำหรับ จขกท. ไม่รู้อะไรดลใจนะ(ก่อนหน้านี้เคยอยากเขียนแต่เขียนไม่ได้ซักที) นึกอยากเขียนก็เขียนขึ้นมาเลย มีพล็อตเรื่องในหัวสั้นๆ แล้วเขียนสดเป็นตอนๆ โพสต์ลงเว็บแบบวันต่อวัน คือวันไหนเขียนต่อได้ เขียนเสร็จเอาลงเว็บเลย วันไหนเขียนไม่ได้ก็ไม่โพสต์ และการที่มีนักอ่านเข้ามาอ่าน แค่นี้นักเขียนก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีใจกว่านี้คือการได้รับคอมเม้นจากผู้อ่าน นั่นล่ะคือกำลังใจสำคัญเลย เมื่อมีคอมเม้นแรงฮึดมันก็มา...ตอนที่เขียนเดือนแรกนี่ก็โพลต์แบบวันเว้นวันเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอมเวลาว่างเยอะ แม้จะเรียนซัมเมอร์ด้วยก็เถอะ พอมิถุนายนเปิดเทอม ตอนนั้นขึ้นปี 2 ลงหน่วยกิตเยอะเต็มอัตราเลย เวลาว่างน้อยลง ทั้งการบ้าน กิจกรรม บลาๆ เขียนนิยายได้น้อยลงเป็น 3-4 วันต่อ 1 ตอน ต้องบังคับตัวเองให้เขียนให้จบ 1 ตอนใน 4 ชม. จำได้ว่าช่วงเลยกลางเรื่องไปแล้ว เขียนแบบทุลักทุเลมากๆ มีช่วงนึงที่เป็นตอนเกี่ยวกับการแพทย์ ซึ่ง จขกท. ไม่รู้เรื่องทางด้านนี้เลย แล้วทำไงล่ะทีนี้...หาข้อมูลค่ะ หลังเรียนจบกลับห้องก็เซิร์ชหาข้อมูล ตอนนั้นเสียเวลาไปหลายวันมาก แต่เชื่อไหม ข้อมูลที่หาๆ อยู่นี่พอเอามาเขียนนิยายได้แค่ 2 บรรทัด XD อันนั้นจำได้ขึ้นใจเลย เอ้อ...มีอีกตอนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ จขกท. ไม่เคยไป เอาไงล่ะ ก็ต้องเซิร์ซ อ่าน ดูภาพ จินตนาการ แล้วเขียนออกมา (อันนี้ก็กลัวคนในพื้นที่มาท้วงอยู่เหมือนกัน^^)
การเขียนนี่ บางทีก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ด้วยนะ อธิบายไม่ถูก แบบบางวันเราว่าง แต่เขียนไม่ได้ รู้สึกว่าทำให้เวลาศูนย์เปล่าจริงๆ พยายามเขียนยังไงก็เขียนไม่ได้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรไปฝืน เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ แต่บางทีสมองแล่นเขียนได้เรื่อยๆ จนทึ่งตัวเองก็มี แต่มักจะมีเหตุให้หยุดตลอด ซึ่งมันเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับ จขกท. ในช่วงนั้น---เขียน กับ เรียน เราเรียกเรียนค่ะ นี่แหละปัญหาของเรา พอเรียนเสร็จจะกลับมาเขียนต่อมันก็ไม่ใช่แล้ว...
ช่วงเขียนนิยายจบแล้วหลังจากนั้นก็มี สนพ. ติดต่อเข้ามา ของเรามีติดต่อเข้ามา 2 สนพ. แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลือก ได้แต่ขออภัยไป (คือตอนนั้นไม่ได้คิดส่ง สนพ. ไหนทั้งสิ้น แบบเขียนจบแล้วก็จบเลย จนพี่นักเขียนที่รู้จักแนะนำให้ส่งดู ไม่ได้ก็ไม่เสียหาย)
ช่วงรีไรท์ เคยรีไรท์ตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 7 โมงเช้าก็มี แล้วมีเรียน 8 โมงเช้าไรงี้ ผลเป็นไงน่ะหรือเรียนเสร็จบ่าย กลับถึงห้องแล้วน็อคเลย หลับเป็นตาย 555 ตื่นมาอีกที 4 ทุ่มโน่น ผลของการอดนอน 1 วันครึ่ง
รีไรท์เสร็จก็ต้องหา สนพ. ซึ่งมีเยอะมาก (ที่จริงหาไว้ช่วงรีไรท์แล้วล่ะ) แล้วต้องเช็คประวัติด้วย หากระทู้เกี่ยวกับ สนพ. นั้นๆ ว่าเป็นไง ถามพี่นักเขียนที่รู้จักกันบ้าง เคยคิดจะส่งไป สนพ. นึง เป็น สนพ. กลางๆ พี่นักเขียนก็บอกว่า สนพ. นี้มีประวัติไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์นักเขียน ไม่ควรส่งไป มันเสี่ยง เราก็เชื่อค่ะ คือตอนนั้นนึกว่าหาข้อมูลดีแล้วถึงได้เลือก(และ สนพ. ใหญ่ๆ ตอนนั้นไม่คิดจะส่งอยู่แล้วค่ะ ไม่น่ารอด 555) และก็เป็นอย่างที่พี่นักเขียนบอกจริงๆ ค่ะ จำไม่ได้ว่าเป็นข่าวเก่าหรือพึ่งเกิดเรื่อง สนพ.นั้นมีปัญหากับนักเขียนเรื่องไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ทั้งที่หนังสือตีพิมพ์แล้ว---สุดท้ายเลือกส่งไป สนพ. นึงที่พึ่งเปิดในปีนั้น เป็น สนพ. ในเครือของ สนพ. หลัก ไฟล์ที่ส่งไปจะมีไฟล์นิยาย 160 หน้า A4 แบบอักษร Angsana 14 เรื่องย่อ 2 หน้า กับประวัติส่วนตัว 1 หน้า ตามรายละเอียดที่ทาง สนพ. บอกไว้ในเว็บ
รอผลพิจารณา 2 เดือน(ตามที่ สนพ. บอกไว้) ซึ่งก็เป็น 2 เดือนพอดี ตอนนั้นจำได้ว่าส่งไป 6 ก.ย. แล้วทาง บก.สนพ. โทรมารายงานผลพิจารณา 6 พ.ย. คุยรายละเอียดกันเล็กน้อย ประมาณว่าจะตีพิมพ์และวางแผน ธ.ค. จ่ายค่าลิขสิทธิ์หลังจากวางแผง 1 เดือน ก่อนจะส่งสัญญามาให้ทีหลัง ในสัญญาก็มีรายละเอียดยิบย่อยอีกมาก หลักๆ ก็คือ เป็นการเซ็นสัญญาแบบเหมาจ่าย จำนวนหน้าเท่านี้จ่ายเท่านี้ เป็นระยะเวลา 5 ปี หักภาษี 5% ฯลฯ
เราโชคดีที่นิยายที่ส่งไปไม่ได้เอากลับมาแก้อีก(รู้จากเพื่อนนักเขียน เขาบอกว่าบาง สนพ. ให้เอางานมาแก้ กว่าจะแก้ผ่านก็หนักเอาการเหมือนกัน) พิสูจน์อักษรเกลาคำให้เล็กน้อย มีแค่ขอให้เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เท่านั้น---ได้ลองอ่านผลงานตัวเอง ยอมรับว่ายังมีคำผิดอยู่ และชื่อของตัวละครที่เปลี่ยนไม่หมด อันนี้รู้สึกเฟลมาก
ปัจจุบันไม่ได้เขียนหนังสือนะคะ เรียนจบ ออกมาทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐ (นั่นคงเป็นนิยายเล่มแรกและเล่มเดียวจริงๆ XD อีก 2 เรื่องที่เปิดไว้ยังไม่เขียนต่อซักที) สงสัยจะเหมาะเป็นนักอ่านมากกว่าเป็นนักเขียน แต่ความฝันที่อยากเป็นนักเขียนก็ยังมีอยู่ และหวังว่าสักวันจะสามารถเป็นนักเขียนได้เต็มเวลา---ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน ปากท้องก็สำคัญ 55555 ----- ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ สวัสดีค่ะ -----
[แชร์ประสบการณ์] ผลงานตีพิมพ์เรื่องแรกของคุณใช้เวลาเขียนนานแค่ไหน
คำถาม ตามหัวกระทู้เลยค่ะ ผลงานตีพิมพ์เรื่องแรกของคุณใช้เวลาเขียนนานแค่ไหน และกว่าจะออกมาเป็นรูปเล่มจนได้วางแผงต้องผ่านอะไรมาบ้าง จำนวนหน้าที่เขียนกับค่าเรื่องที่ได้ ถ้าบอกได้จะดีมากเลยค่ะ
สำหรับ จขกท. --- นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์ ใช้เวลาเขียน 4 เดือน (19 เม.ย.53 - 6 ส.ค.53)
รีไรท์ 1 เดือน (12 ส.ค.53 – 6 ก.ย.53)
ส่ง-รอพิจารณาจากสำนักพิมพ์ 2 เดือน เป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน (6 ก.ย.53 – 6 พ.ย.53)
(ตรงนี้ค่อนข้างโชคดีที่ทางสำนักพิมพ์ไม่ได้ให้กลับมาแก้ไข เพียงแต่ให้เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เท่านั้น)
วางแผงหลังจากเซ็นสัญญา 1 เดือน (ในเล่มบอกพิมพ์ ธ.ค.53 แต่วางแผงจริงๆ 4 ม.ค.54 เพราะติดปีใหม่)
รวมๆ แล้วตั้งแต่เริ่มเขียนจนได้วางแผงก็ราวๆ 8 เดือน
(แต่ถ้าเป็นนักเขียนอาชีพ เขียนงานสม่ำเสมอ มีผลงานเรื่อยๆ ระยะเวลาก็ไม่ใช่ปัญหา)
รายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ
จำนวน 160 หน้า A4 --- 335 หน้านิยาย A5 ราคาปก 250 บาท
สัญญา 5 ปี แบบเหมาจ่าย (คิดเป็น 8%xราคาปกxจำนวนเล่มที่พิมพ์)
นักเขียนหน้าใหม่ อำนาจต่อรองน้อย ก็ต้องยอมๆ ไป
ส่วนนักเขียนมีชื่อ จะได้แบบแบ่งเป็น % จากราคาปกกับจำนวนที่พิมพ์ (ตอนนั้นได้ยินว่าได้ 8-15%)
เนื่องจากเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว(ส่วนมากจะชอบอ่านของนักเขียนรุ่นเก่าอย่าง นภาลัย , จามรี ฯลฯ) เลยไม่แปลกที่วันหนึ่งนึกจะอยากเป็นนัก(หัด)เขียนขึ้นมาบ้าง ซึ่งการจะเขียนนิยายให้จบสักเรื่องมันไม่ง่ายเลยแต่ก็ไม่เกินความสามารถหากคุณมีความพยายามพอ เขียนเสร็จแล้วใช่ว่าจะจบแค่นี้นะ ยังต้องมาลุ้นว่าจะผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์หรือเปล่า คือถ้าไม่ผ่านนี่ เฟลสุดๆ เลยล่ะ กับการรอผลการพิจารณาในเวลา 2-3 เดือน (แม้จะมีสำนักพิมพ์อื่นให้เลือกอีกเยอะก็เถอะ) มันเหมือนเราจะต้องเริ่ม(รอ)ใหม่ เพราะ สนพ. ส่วนใหญ่มักจะมีข้อจำกัด(บังคับ)ให้นักเขียนส่งผลงานเพียง สนพ. เดียวเท่านั้น ถ้าทาง สนพ. รู้ว่านักเขียนส่งพิจารณาไป สนพ. อื่นจะถูกตัดสิทธิ์การพิจารณาโดยไม่แจ้งให้ทราบ (ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังมีแบบนี้อยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้เขียนมาหลายปีแล้ว) ซึ่งตรงนี้มันเป็นปัญหาสำหรับนักเขียนหน้าใหม่มาก---คุณอาจจะบอกว่าทำไมไม่ส่งไปหลายๆ สนพ. ล่ะ จขกท. เชื่อว่ามีนักเขียนส่งทีเดียวหลายๆ สนพ. แต่ก็เชื่อว่ามีอีกส่วนส่งเพียง สนพ. เดียวด้วย อาจเป็นเพราะไม่อยากมีปัญหากับ สนพ. ที่อาจถึงขั้นติดแบล็คลิสต์ ซึ่ง จขกท. ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ส่งไปเพียง สนพ. เดียว (อันนี้ไม่รู้เขาเรียกว่า ซื่อตรง หรือ ซื่อบื้อ เนอะ XD)
ตอนเริ่มเขียนตอนแรกๆ นี่ สำหรับ จขกท. ไม่รู้อะไรดลใจนะ(ก่อนหน้านี้เคยอยากเขียนแต่เขียนไม่ได้ซักที) นึกอยากเขียนก็เขียนขึ้นมาเลย มีพล็อตเรื่องในหัวสั้นๆ แล้วเขียนสดเป็นตอนๆ โพสต์ลงเว็บแบบวันต่อวัน คือวันไหนเขียนต่อได้ เขียนเสร็จเอาลงเว็บเลย วันไหนเขียนไม่ได้ก็ไม่โพสต์ และการที่มีนักอ่านเข้ามาอ่าน แค่นี้นักเขียนก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีใจกว่านี้คือการได้รับคอมเม้นจากผู้อ่าน นั่นล่ะคือกำลังใจสำคัญเลย เมื่อมีคอมเม้นแรงฮึดมันก็มา...ตอนที่เขียนเดือนแรกนี่ก็โพลต์แบบวันเว้นวันเพราะอยู่ในช่วงปิดเทอมเวลาว่างเยอะ แม้จะเรียนซัมเมอร์ด้วยก็เถอะ พอมิถุนายนเปิดเทอม ตอนนั้นขึ้นปี 2 ลงหน่วยกิตเยอะเต็มอัตราเลย เวลาว่างน้อยลง ทั้งการบ้าน กิจกรรม บลาๆ เขียนนิยายได้น้อยลงเป็น 3-4 วันต่อ 1 ตอน ต้องบังคับตัวเองให้เขียนให้จบ 1 ตอนใน 4 ชม. จำได้ว่าช่วงเลยกลางเรื่องไปแล้ว เขียนแบบทุลักทุเลมากๆ มีช่วงนึงที่เป็นตอนเกี่ยวกับการแพทย์ ซึ่ง จขกท. ไม่รู้เรื่องทางด้านนี้เลย แล้วทำไงล่ะทีนี้...หาข้อมูลค่ะ หลังเรียนจบกลับห้องก็เซิร์ชหาข้อมูล ตอนนั้นเสียเวลาไปหลายวันมาก แต่เชื่อไหม ข้อมูลที่หาๆ อยู่นี่พอเอามาเขียนนิยายได้แค่ 2 บรรทัด XD อันนั้นจำได้ขึ้นใจเลย เอ้อ...มีอีกตอนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ จขกท. ไม่เคยไป เอาไงล่ะ ก็ต้องเซิร์ซ อ่าน ดูภาพ จินตนาการ แล้วเขียนออกมา (อันนี้ก็กลัวคนในพื้นที่มาท้วงอยู่เหมือนกัน^^)
การเขียนนี่ บางทีก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ด้วยนะ อธิบายไม่ถูก แบบบางวันเราว่าง แต่เขียนไม่ได้ รู้สึกว่าทำให้เวลาศูนย์เปล่าจริงๆ พยายามเขียนยังไงก็เขียนไม่ได้ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ก็ไม่ควรไปฝืน เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ แต่บางทีสมองแล่นเขียนได้เรื่อยๆ จนทึ่งตัวเองก็มี แต่มักจะมีเหตุให้หยุดตลอด ซึ่งมันเลี่ยงไม่ได้เลยสำหรับ จขกท. ในช่วงนั้น---เขียน กับ เรียน เราเรียกเรียนค่ะ นี่แหละปัญหาของเรา พอเรียนเสร็จจะกลับมาเขียนต่อมันก็ไม่ใช่แล้ว...
ช่วงเขียนนิยายจบแล้วหลังจากนั้นก็มี สนพ. ติดต่อเข้ามา ของเรามีติดต่อเข้ามา 2 สนพ. แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลือก ได้แต่ขออภัยไป (คือตอนนั้นไม่ได้คิดส่ง สนพ. ไหนทั้งสิ้น แบบเขียนจบแล้วก็จบเลย จนพี่นักเขียนที่รู้จักแนะนำให้ส่งดู ไม่ได้ก็ไม่เสียหาย)
ช่วงรีไรท์ เคยรีไรท์ตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 7 โมงเช้าก็มี แล้วมีเรียน 8 โมงเช้าไรงี้ ผลเป็นไงน่ะหรือเรียนเสร็จบ่าย กลับถึงห้องแล้วน็อคเลย หลับเป็นตาย 555 ตื่นมาอีกที 4 ทุ่มโน่น ผลของการอดนอน 1 วันครึ่ง
รีไรท์เสร็จก็ต้องหา สนพ. ซึ่งมีเยอะมาก (ที่จริงหาไว้ช่วงรีไรท์แล้วล่ะ) แล้วต้องเช็คประวัติด้วย หากระทู้เกี่ยวกับ สนพ. นั้นๆ ว่าเป็นไง ถามพี่นักเขียนที่รู้จักกันบ้าง เคยคิดจะส่งไป สนพ. นึง เป็น สนพ. กลางๆ พี่นักเขียนก็บอกว่า สนพ. นี้มีประวัติไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์นักเขียน ไม่ควรส่งไป มันเสี่ยง เราก็เชื่อค่ะ คือตอนนั้นนึกว่าหาข้อมูลดีแล้วถึงได้เลือก(และ สนพ. ใหญ่ๆ ตอนนั้นไม่คิดจะส่งอยู่แล้วค่ะ ไม่น่ารอด 555) และก็เป็นอย่างที่พี่นักเขียนบอกจริงๆ ค่ะ จำไม่ได้ว่าเป็นข่าวเก่าหรือพึ่งเกิดเรื่อง สนพ.นั้นมีปัญหากับนักเขียนเรื่องไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ทั้งที่หนังสือตีพิมพ์แล้ว---สุดท้ายเลือกส่งไป สนพ. นึงที่พึ่งเปิดในปีนั้น เป็น สนพ. ในเครือของ สนพ. หลัก ไฟล์ที่ส่งไปจะมีไฟล์นิยาย 160 หน้า A4 แบบอักษร Angsana 14 เรื่องย่อ 2 หน้า กับประวัติส่วนตัว 1 หน้า ตามรายละเอียดที่ทาง สนพ. บอกไว้ในเว็บ
รอผลพิจารณา 2 เดือน(ตามที่ สนพ. บอกไว้) ซึ่งก็เป็น 2 เดือนพอดี ตอนนั้นจำได้ว่าส่งไป 6 ก.ย. แล้วทาง บก.สนพ. โทรมารายงานผลพิจารณา 6 พ.ย. คุยรายละเอียดกันเล็กน้อย ประมาณว่าจะตีพิมพ์และวางแผน ธ.ค. จ่ายค่าลิขสิทธิ์หลังจากวางแผง 1 เดือน ก่อนจะส่งสัญญามาให้ทีหลัง ในสัญญาก็มีรายละเอียดยิบย่อยอีกมาก หลักๆ ก็คือ เป็นการเซ็นสัญญาแบบเหมาจ่าย จำนวนหน้าเท่านี้จ่ายเท่านี้ เป็นระยะเวลา 5 ปี หักภาษี 5% ฯลฯ
เราโชคดีที่นิยายที่ส่งไปไม่ได้เอากลับมาแก้อีก(รู้จากเพื่อนนักเขียน เขาบอกว่าบาง สนพ. ให้เอางานมาแก้ กว่าจะแก้ผ่านก็หนักเอาการเหมือนกัน) พิสูจน์อักษรเกลาคำให้เล็กน้อย มีแค่ขอให้เปลี่ยนชื่อเรื่องใหม่เท่านั้น---ได้ลองอ่านผลงานตัวเอง ยอมรับว่ายังมีคำผิดอยู่ และชื่อของตัวละครที่เปลี่ยนไม่หมด อันนี้รู้สึกเฟลมาก
ปัจจุบันไม่ได้เขียนหนังสือนะคะ เรียนจบ ออกมาทำงานเป็นลูกจ้างของรัฐ (นั่นคงเป็นนิยายเล่มแรกและเล่มเดียวจริงๆ XD อีก 2 เรื่องที่เปิดไว้ยังไม่เขียนต่อซักที) สงสัยจะเหมาะเป็นนักอ่านมากกว่าเป็นนักเขียน แต่ความฝันที่อยากเป็นนักเขียนก็ยังมีอยู่ และหวังว่าสักวันจะสามารถเป็นนักเขียนได้เต็มเวลา---ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน ปากท้องก็สำคัญ 55555 ----- ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ สวัสดีค่ะ -----