สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าไม่เคยเขียนกระทู้มาก่อน ต้องขออภัยหากมีอะไรที่ขาดตกบกพร่องด้วยนะคะ
เราอายุ 24 ค่ะ กำลังจะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นกันระหว่างแฟนเรา เรา และหุ้นอีกหนึ่งคนค่ะ
เริ่มเลยนะคะ ตอนแรกเราทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งค่ะ แล้วคิดว่าถ้าหากออกมารับงานเองน่าจะดีกว่า....เพราะว่าตอนที่ทำงานอยู่บริษัทเราทำเองเกือบจะหมดทุกอย่าง จะมีที่เจ้านายช่วยบ้างก็แค่การต่อรองกับลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติ
แต่เรื่องนี้เราไม่มีปัญหาหรอกค่ะ
เพราะว่าแฟนเราก็เป็นชาวต่างชาติแถมเป็นนักธุรกิจด้วย ซึ่งเรื่องนี้อาจทำได้ดีกว่าเจ้านายด้วยซ้ำ (คิดว่านะคะ) เราเลยปรึกษาแฟนว่าจะออกมารับเองเลยดีมั้ย ซึ่งแฟนก็เห็นด้วยค่ะ เพราะงานทำมันก็คล้ายกับบริษัทของแฟนที่ทำอยู่ต่างประเทศ เค้าเลยพอมีประสบการณ์มาบ้าง............ จากนั้นเราก็ติดต่อกับคนที่เราดิวงานด้วยแล้วคุยกับเค้าว่าอยากจะร่วมลงทุนด้วยกันมั้ย ? ซึ่งเราจะทำการตลาด ดิวงานกับลูกค้า แล้วก็ทำงานเอกสารต่างๆ และบริษัทของเราก็จะมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติซึ่งเป็นอะไรที่เค้าไม่ถนัดและไม่มีฐานลูกค้าแบบนี้อยู่ด้วย เค้าก็เลยสนใจและร่วมลงทุนกับเราในที่สุดค่ะ
แต่ปัญหามีอยู่ว่าหุ้นส่วนไทยของเราคนนี้ไม่สามารถที่จะจดทะเบียนบริษัทกับเราได้ เนื่องจากกังวลว่าจะโดนตรวจสอบเงินได้และโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และอาจจะไปมีผลกระทบกับบริษัทที่ตนกับพี่น้องร่วมกันเป็นเจ้าของอยู่ ดังนั้นจึงบอกว่าจะใส่ชื่อของภรรยา --> (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ที่ไม่มีภาระใดๆ ลงไปแทน และเราสองคนก็โอเคกับข้อเสนอนี้ค่ะ...... พอถึงเวลาเราขอเอกกสารและจะนัดวันเพื่อจดทะเบียน หุ้นส่วนไทยของเราคนนี้บอกกับเราว่า "ภรรยาเค้าไม่ยอมจด" และถามเราว่าทำไมต้องจดเพราะกลัวเรื่องการจ่ายภาษี เราก็อธิบายเค้าไปจนเค้าคงจะเข้าใจ (เราคิดว่านะ) และเราเลยบอกว่าจะขอคุยกับภรรยาเค้าได้มั้ย ?
พอเราคุยกับภรรยาหุ้นไทยคนนี้ ก็ได้มาเป็นประเด็นดังนี้ค่ะ
1. เธอบอกว่าตอนที่เธอทำงานเมื่อก่อน (พยาบาล) พอกึงเวลาสิ้นปีก็จะมีใบเรียกเก็บภาษีมาให้เราและเราต้องไปเสียภาษี (ซึ่งอันนี้เราไม่รู้ค่ะ ตอนเราทำงานบริษัท จะมีบริษัทบัญชีเป็นคนจัดการให้เราทุกอย่าง เราไม่ต้องทำอะไรเลยรู้แต่ว่าต้องเอาเอกสารให้เค้าอย่างเดียว) ซึ่งเค้าไม่อยากเสียภาษีส่วนนี้ พร้อมกับยกตัวอย่าง........... เราทั้ง งง กลัว เสียดาย หงุดหงิด แบบบอกไม่ถูก
2. คนงาน หรือผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งคนงานที่จะทำงานเค้ามีค่าแรงน้อย บางรายอาจแค่วันละ 300 บาท และเค้าจะต้องมาโดนหักภาษีเค้าคงไม่เหลืออะไร และก็คงไม่มีใครอยากรับงาน.....
3. เค้ายกตัวอย่างมาว่า สมมุติไปรับงานมา 15 ล้าน แล้วต้องเสีย VAT สี่แสนกว่า ไม่เสียดายหรอ (มากกกกกกกกกค่ะ!!!)
สุดท้ายภรรยาคุณหุ้นไทยของเราคนนี้จึงเสนอว่าให้ทำเป็นหนังสัญญาระหว่างบุคลคล (ไม่แน่ใจว่าเรียกอย่างนี้รึเปล่านะคะ) ระบุใจความในหนังสือประมาณว่า นาย A และนาย B ตกลงนำเงินจำนวนนี้มาลงทุนร่วมกัน โดยกำไรจากการลงทุนจะแบ่งคนละครึ่ง พร้อมให้ข้าราชการเซนต์เป็นพยาน จะให้ญาติเค้าที่เป็นตำรวจก็ได้ และติดอากรสแตมป์ ให้ศัญญามีผลตามกฎหมาย และไม่ต้องไปจดทะเบียนจะได้ไม่ต้องเสียภาษี และ VAT !!!
เรา งง มากค่ะตอนนั้น คือไม่มีประสบการณ์เรื่องการจัดตั้งบริษัท หรือภาษีมาก่อน เคยแต่เป็นพนักงาน ความรู้ก็ งูๆ ปลาๆ เสือ ไก่ น้ำเต้า
เราเลยโทรหาแฟนที่อยู่ต่างประเทศบอกเกี่ยวกับข้อเสนอที่ภรรยาของคุณหุ้นไทยบอกมา เราก็เลยโดนแฟนดุ แบบจัดหนักเลยค่ะ T_T บอกว่าทำไมตอนที่คุยกับเค้าตอนนั้นแฟนเราก็ถามว่า ภรรยาจะมีปัญหามั้ย เพราะว่าใช่ชื่อเค้า ซึ่งเค้าก็บอกว่าไม่มีปัญหาเค้าตัดสินใจเองได้..... เรากลัวแฟนเราเครียดค่ะ เลยบอกว่าเดี๋ยวเราขอปรึกษากับบริษัทบัญชีก่อน แล้วจะค่อยๆคุยกับเค้าอีกที ให้แฟนใจเย็นๆก่อน
เดี๋ยวมาต่อนะคะยังไม่จบ ขอโทษที่ยาวค่ะกลัวว่าถ้าไม่เล่าแต่ต้นจะไม่รู้เรื่องแล้วจะไม่มีคนช่วยแนะนำ
จะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แต่หุ้นส่วนกลัวเรื่องการเสียภาษี และ VAT
เราอายุ 24 ค่ะ กำลังจะเปิดกิจการเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นการร่วมหุ้นกันระหว่างแฟนเรา เรา และหุ้นอีกหนึ่งคนค่ะ
เริ่มเลยนะคะ ตอนแรกเราทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งค่ะ แล้วคิดว่าถ้าหากออกมารับงานเองน่าจะดีกว่า....เพราะว่าตอนที่ทำงานอยู่บริษัทเราทำเองเกือบจะหมดทุกอย่าง จะมีที่เจ้านายช่วยบ้างก็แค่การต่อรองกับลูกค้าซึ่งเป็นชาวต่างชาติ แต่เรื่องนี้เราไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะว่าแฟนเราก็เป็นชาวต่างชาติแถมเป็นนักธุรกิจด้วย ซึ่งเรื่องนี้อาจทำได้ดีกว่าเจ้านายด้วยซ้ำ (คิดว่านะคะ) เราเลยปรึกษาแฟนว่าจะออกมารับเองเลยดีมั้ย ซึ่งแฟนก็เห็นด้วยค่ะ เพราะงานทำมันก็คล้ายกับบริษัทของแฟนที่ทำอยู่ต่างประเทศ เค้าเลยพอมีประสบการณ์มาบ้าง............ จากนั้นเราก็ติดต่อกับคนที่เราดิวงานด้วยแล้วคุยกับเค้าว่าอยากจะร่วมลงทุนด้วยกันมั้ย ? ซึ่งเราจะทำการตลาด ดิวงานกับลูกค้า แล้วก็ทำงานเอกสารต่างๆ และบริษัทของเราก็จะมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติซึ่งเป็นอะไรที่เค้าไม่ถนัดและไม่มีฐานลูกค้าแบบนี้อยู่ด้วย เค้าก็เลยสนใจและร่วมลงทุนกับเราในที่สุดค่ะ
แต่ปัญหามีอยู่ว่าหุ้นส่วนไทยของเราคนนี้ไม่สามารถที่จะจดทะเบียนบริษัทกับเราได้ เนื่องจากกังวลว่าจะโดนตรวจสอบเงินได้และโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง และอาจจะไปมีผลกระทบกับบริษัทที่ตนกับพี่น้องร่วมกันเป็นเจ้าของอยู่ ดังนั้นจึงบอกว่าจะใส่ชื่อของภรรยา --> (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ที่ไม่มีภาระใดๆ ลงไปแทน และเราสองคนก็โอเคกับข้อเสนอนี้ค่ะ...... พอถึงเวลาเราขอเอกกสารและจะนัดวันเพื่อจดทะเบียน หุ้นส่วนไทยของเราคนนี้บอกกับเราว่า "ภรรยาเค้าไม่ยอมจด" และถามเราว่าทำไมต้องจดเพราะกลัวเรื่องการจ่ายภาษี เราก็อธิบายเค้าไปจนเค้าคงจะเข้าใจ (เราคิดว่านะ) และเราเลยบอกว่าจะขอคุยกับภรรยาเค้าได้มั้ย ?
พอเราคุยกับภรรยาหุ้นไทยคนนี้ ก็ได้มาเป็นประเด็นดังนี้ค่ะ
1. เธอบอกว่าตอนที่เธอทำงานเมื่อก่อน (พยาบาล) พอกึงเวลาสิ้นปีก็จะมีใบเรียกเก็บภาษีมาให้เราและเราต้องไปเสียภาษี (ซึ่งอันนี้เราไม่รู้ค่ะ ตอนเราทำงานบริษัท จะมีบริษัทบัญชีเป็นคนจัดการให้เราทุกอย่าง เราไม่ต้องทำอะไรเลยรู้แต่ว่าต้องเอาเอกสารให้เค้าอย่างเดียว) ซึ่งเค้าไม่อยากเสียภาษีส่วนนี้ พร้อมกับยกตัวอย่าง........... เราทั้ง งง กลัว เสียดาย หงุดหงิด แบบบอกไม่ถูก
2. คนงาน หรือผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งคนงานที่จะทำงานเค้ามีค่าแรงน้อย บางรายอาจแค่วันละ 300 บาท และเค้าจะต้องมาโดนหักภาษีเค้าคงไม่เหลืออะไร และก็คงไม่มีใครอยากรับงาน.....
3. เค้ายกตัวอย่างมาว่า สมมุติไปรับงานมา 15 ล้าน แล้วต้องเสีย VAT สี่แสนกว่า ไม่เสียดายหรอ (มากกกกกกกกกค่ะ!!!)
สุดท้ายภรรยาคุณหุ้นไทยของเราคนนี้จึงเสนอว่าให้ทำเป็นหนังสัญญาระหว่างบุคลคล (ไม่แน่ใจว่าเรียกอย่างนี้รึเปล่านะคะ) ระบุใจความในหนังสือประมาณว่า นาย A และนาย B ตกลงนำเงินจำนวนนี้มาลงทุนร่วมกัน โดยกำไรจากการลงทุนจะแบ่งคนละครึ่ง พร้อมให้ข้าราชการเซนต์เป็นพยาน จะให้ญาติเค้าที่เป็นตำรวจก็ได้ และติดอากรสแตมป์ ให้ศัญญามีผลตามกฎหมาย และไม่ต้องไปจดทะเบียนจะได้ไม่ต้องเสียภาษี และ VAT !!!
เรา งง มากค่ะตอนนั้น คือไม่มีประสบการณ์เรื่องการจัดตั้งบริษัท หรือภาษีมาก่อน เคยแต่เป็นพนักงาน ความรู้ก็ งูๆ ปลาๆ เสือ ไก่ น้ำเต้า
เราเลยโทรหาแฟนที่อยู่ต่างประเทศบอกเกี่ยวกับข้อเสนอที่ภรรยาของคุณหุ้นไทยบอกมา เราก็เลยโดนแฟนดุ แบบจัดหนักเลยค่ะ T_T บอกว่าทำไมตอนที่คุยกับเค้าตอนนั้นแฟนเราก็ถามว่า ภรรยาจะมีปัญหามั้ย เพราะว่าใช่ชื่อเค้า ซึ่งเค้าก็บอกว่าไม่มีปัญหาเค้าตัดสินใจเองได้..... เรากลัวแฟนเราเครียดค่ะ เลยบอกว่าเดี๋ยวเราขอปรึกษากับบริษัทบัญชีก่อน แล้วจะค่อยๆคุยกับเค้าอีกที ให้แฟนใจเย็นๆก่อน
เดี๋ยวมาต่อนะคะยังไม่จบ ขอโทษที่ยาวค่ะกลัวว่าถ้าไม่เล่าแต่ต้นจะไม่รู้เรื่องแล้วจะไม่มีคนช่วยแนะนำ