DJIA ปิดที่ 18,040.37 จุด เพิ่มขึ้น 29.69 จุด, +0.16%
NASDAQ ปิดที่ 5,082.93 จุด เพิ่มขึ้น 12.90 จุด, +0.25%
S&P500 ปิดที่ 2,111.73 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 จุด, +0.21%
DAX ปิดที่ 11,436.05 จุด เพิ่มขึ้น 22.23 จุด, +0.19%
CAC-40 ปิดที่ 5,025.30 จุด เพิ่มขึ้น 17.41 จุด, +0.35%
FTSE 100 ปิดที่ 6,953.58 จุด ลดลง 30.85 จุด, -0.44%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในเดือนพ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาหนี้สินของกรีซอย่างใกล้ชิด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐ โดย ISM รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 51.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย.ขยายตัว 2.2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัท โดยหุ้นบริสทอล-ไมเออร์ส พุ่งขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นอินทูอิทีฟ เซอร์จิคอล ทะยานขึ้น 3% และหุ้นจิเลียด ไซน์ ปรับขึ้น 1.6%
หุ้นอีเบย์ปรับตัวขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1.4% หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ปรับขึ้น 1.8% ส่วนหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.2%
ส่วนหุ้นสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 2.6%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูสถานการณ์หนี้สินของกรีซอย่างใกล้ชิด ในขณะที่กรีซใกล้ถึงกำหนดการชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มการเจรจาหนี้กรีซยิ่งย่ำแย่ลงหลังจากมีรายงานข่าวว่า ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของกรีซต้องพึ่งพาการระดมทุนจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศได้ส่งผลให้กระแสเงินฝากไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งดังกล่าว ก็คือ เนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของกรีซเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ และอัลฟา แบงก์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย.
รวมข่าวหุ้น 2/6/58
DJIA ปิดที่ 18,040.37 จุด เพิ่มขึ้น 29.69 จุด, +0.16%
NASDAQ ปิดที่ 5,082.93 จุด เพิ่มขึ้น 12.90 จุด, +0.25%
S&P500 ปิดที่ 2,111.73 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 จุด, +0.21%
DAX ปิดที่ 11,436.05 จุด เพิ่มขึ้น 22.23 จุด, +0.19%
CAC-40 ปิดที่ 5,025.30 จุด เพิ่มขึ้น 17.41 จุด, +0.35%
FTSE 100 ปิดที่ 6,953.58 จุด ลดลง 30.85 จุด, -0.44%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในเดือนพ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาหนี้สินของกรีซอย่างใกล้ชิด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตของสหรัฐ โดย ISM รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.8 จากเดือนเม.ย.ที่ระดับ 51.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย.ขยายตัว 2.2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์พุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัท โดยหุ้นบริสทอล-ไมเออร์ส พุ่งขึ้น 2.9% ขณะที่หุ้นอินทูอิทีฟ เซอร์จิคอล ทะยานขึ้น 3% และหุ้นจิเลียด ไซน์ ปรับขึ้น 1.6%
หุ้นอีเบย์ปรับตัวขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1.4% หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ปรับขึ้น 1.8% ส่วนหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ดีดตัวขึ้น 1.2%
ส่วนหุ้นสายการบินปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้นราว 2.6%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาดูสถานการณ์หนี้สินของกรีซอย่างใกล้ชิด ในขณะที่กรีซใกล้ถึงกำหนดการชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มการเจรจาหนี้กรีซยิ่งย่ำแย่ลงหลังจากมีรายงานข่าวว่า ธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งของกรีซต้องพึ่งพาการระดมทุนจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศได้ส่งผลให้กระแสเงินฝากไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารรายใหญ่ 2 แห่งดังกล่าว ก็คือ เนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของกรีซเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ และอัลฟา แบงก์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเม.ย.