DJIA ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด, -0.16%
NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด, -0.13%
S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด, -0.10%
DAX ปิดที่ 11,328.80 จุด ลดลง 107.25 จุด, -0.94%
CAC-40 ปิดที่ 5,004.46 จุด ลดลง 20.84 จุด, -0.41%
FTSE 100 ปิดที่ 6,928.27 จุด ลดลง 25.31 จุด, -0.36%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกปัญหาหนี้กรีซ ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 28.43 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ทันกำหนดในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ โดยกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์ให้แก่ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์
นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำของยุโรปให้การยอมรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง และทำให้กรีซหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน
ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF มองว่ามีความเป็นไปได้ที่กรีซจะพ้นจากการเป็นสมาชิกของยูโรโซน พร้อมระบุว่าไม่มีแนวโน้มที่กรีซจะบรรลุข้อตกลงประเด็นหนี้สินกับบรรดาเจ้าหนี้ภายในช่วงไม่กี่วันนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลง 0.4% ในเดือนเม.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการลดลงของการใช้จ่ายในภาคพลังงาน
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง นำโดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคอลส์ หุ้นไบโอเจน และหุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ซึ่งต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.3% ส่วนหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพปรับตัวลง โดยหุ้นเอ็ทนา อิงค์ และหุ้นซิกนา คอร์ป ซึ่งร่วงลงกว่า 1.6%
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นอินเทลร่วงลง 1.9% หลังจากมีรายงานว่าอินเทลตกลงซื้อกิจการบริษัทอัลเทรา คอร์ป มูลค่า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นเอวาโก เทคโนโลยี และหุ้นไมโครชิพ เทคโนโลยี ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.6%
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอัลโค ปรับขึ้น 1.6% หุ้นนูคอร์ ทะยานขึ้น 3.8% และหุ้นฟรีพอร์ท แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 5.7%
ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จาก ADP, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
รวมข่าวหุ้น 3/6/58
DJIA ปิดที่ 18,011.94 จุด ลดลง 28.43 จุด, -0.16%
NASDAQ ปิดที่ 5,076.52 จุด ลดลง 6.41 จุด, -0.13%
S&P500 ปิดที่ 2,109.60 จุด ลดลง 2.13 จุด, -0.10%
DAX ปิดที่ 11,328.80 จุด ลดลง 107.25 จุด, -0.94%
CAC-40 ปิดที่ 5,004.46 จุด ลดลง 20.84 จุด, -0.41%
FTSE 100 ปิดที่ 6,928.27 จุด ลดลง 25.31 จุด, -0.36%
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: วิตกปัญหาหนี้กรีซ ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 28.43 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่ากรีซจะไม่สามารถชำระหนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ทันกำหนดในวันศุกร์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่ายอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ โดยกรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระคืนเงินกู้กว่า 300 ล้านดอลลาร์ให้แก่ IMF ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นงวดแรกของการชำระคืนในช่วงเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่ารวมราว 1.6 พันล้านดอลลาร์
นายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลกรีซได้ยื่นแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับเบ็ดเสร็จให้แก่ทางเจ้าหนี้แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำของยุโรปให้การยอมรับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลง และทำให้กรีซหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน
ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการ IMF มองว่ามีความเป็นไปได้ที่กรีซจะพ้นจากการเป็นสมาชิกของยูโรโซน พร้อมระบุว่าไม่มีแนวโน้มที่กรีซจะบรรลุข้อตกลงประเด็นหนี้สินกับบรรดาเจ้าหนี้ภายในช่วงไม่กี่วันนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลง 0.4% ในเดือนเม.ย. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคดังกล่าวยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการลดลงของการใช้จ่ายในภาคพลังงาน
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง นำโดยหุ้นเวอร์เท็กซ์ ฟาร์มาซูติคอลส์ หุ้นไบโอเจน และหุ้นเอลี ลิลลี แอนด์ โค ซึ่งต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.3% ส่วนหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพปรับตัวลง โดยหุ้นเอ็ทนา อิงค์ และหุ้นซิกนา คอร์ป ซึ่งร่วงลงกว่า 1.6%
หุ้นกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ปรับตัวลงเช่นกัน นำโดยหุ้นอินเทลร่วงลง 1.9% หลังจากมีรายงานว่าอินเทลตกลงซื้อกิจการบริษัทอัลเทรา คอร์ป มูลค่า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนหุ้นเอวาโก เทคโนโลยี และหุ้นไมโครชิพ เทคโนโลยี ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.6%
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอัลโค ปรับขึ้น 1.6% หุ้นนูคอร์ ทะยานขึ้น 3.8% และหุ้นฟรีพอร์ท แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 5.7%
ส่วนหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดีดตัวขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จาก ADP, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)