ติดตามรีวิวอื่นๆได้นะครับ
แผนการเดินทางและที่พัก (Itinerary and accommodation)
http://ppantip.com/topic/33704481
สู่สวรรค์วิมาน (Day 2: Lake Como, a gateway to a piece of paradise)
http://ppantip.com/topic/33740051
ดาวินชีเป็นไดเวอร์เจนต์?!!!! (Day 3: Say Salve to Da Vinci and confess your love with Juliet)
http://ppantip.com/topic/33768802
วงกตแห่งคลอง (Day 4: Treasure and treachery of Venice)
http://ppantip.com/topic/33794965
นครสีแดง (Day 5: The red jigsaws of Bologna)
http://ppantip.com/topic/33833708
ทัศนศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ (Day 6: A tour of Renaissance)
http://ppantip.com/topic/33877524
หอเอนในตำนาน (Day 7: The Field of Miracles)
http://ppantip.com/topic/34885362
โรมยามเย็น (Day 8: From Palazzo Vecchio to the buzzling piazzas of Rome)
http://ppantip.com/topic/34914024
Buongiorno!
Benvenuti a Milano!!
Prologue: Milan เมืองใหญ่อันดับสองของ Italy และเมืองหลวงของแคว้น Lombardy ท่ามกลางความทันสมัยและผู้คนจำนวนกว่า 5 ล้านชีวิต เมืองต้นกำเนิดแฟชั่นชั้นนำของโลกแห่งนี้แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในเมืองอารยธรรมโบราณอดีตเมืองหลวงจักรวรรดิโรมันตะวันตก ณ ที่แห่งนี้ที่จักรพรรดิ Constantine ได้ประกาศให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิ เรื่อยไปจนถึงยุคกลาง ความมั่งคั่งก็หลั่งไหลมายังเมดิโอลานุมหรือมิลานอยู่เรื่อยๆ ปูทางความเจริญให้เมืองแห่งหินอ่อนนี้เป็นศุนย์กลางทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ไปจนถึงเมืองแนวหน้าของสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ตื่นมาเจอวิวนี้ เทือกเขา Alps ก่อนเครื่องจะลงที่ Milan Malpensa Airport
วันนี้ก็เป็นวันแรกในอิตาลีครับ หลังจากเครื่องบินของเราลงที่สนามบิน Milan Malpensa ไอยโรปอรร์โต้โบราณนอกเมืองไซส์มินิประมาณว่าออกจากเกตแล้วสามารถมองเห็นประตูทางออก (Uscita) ได้ชัดเจน ผมก็คลำทางไปเรื่อยตามป้ายเพื่อไปยัง Biglietteria (ร้านขายตั๋ว) จำหน่ายตั๋วรถบัสสนามบิน เพื่อนำพวกเราเข้าสู่ตัวเมืองมิลาน เวลาเดินทาง1ชม., รถออกทุกๆ20นาที, ราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ 10€/Adult และ 5€/Child(age: 2-12)
ระหว่างทางครับ ต้นไม้เขียวๆเต็มไปหมด เพราะตอนนี้เป็นฤดู 'Primavera' พอดี อุณหภุมิประมาณ 8-18 องศา(ใบไม้ผลิ)
เริ่มเข้าสู่เขตเมืองแล้วครับ
Finalmente.... ในที่สุดรถก็จอดทางด้านขวาของสถานี Milano Centrale มหาสถาปัตยกรรมหินอ่อนศูนย์กลางการคมนาคมของแคว้นลอมบาร์ดี
นี่ขนาดข้างๆนะ...
พอเจอข้างหน้าสถานี...
Urrhhhmarrrgerrrddddd
อลังการมาก
หัวลำโพงหินอ่อนยักษ์อายุกว่า 83 ปีอันนี้จัดเป็นสถานีใหญ่เป็นอันดับสอง(ในด้านของทราฟฟิก)ในอิตาลี รองจาก Roma Termini ในเมืองหลวงนั่นเอง ส่วนลานกว้างๆหน้าสถานีก็คือ Piazza Duca d'Aosta
หลังจากนั้นเราก็เข้าโรงแรมเก็บของ เช็คแผนที่ทางไปให้ชัวร์ พอเรียบร้อยแล้วก็... Andiamo!!
กินข้าวเที่ยงร้านแถวๆลานหน้าสถานีรถไฟ... กับบทสนทนาภาษาอิตาเลียนครั้งแรก
"Buongiorno, io vorrei un tavolo per quattro persone."
"Buongiorno signor!!!, ijdjekd$@%}¥€]..."
-_- ฟังไม่ออก ไปกินเลยละกัน
เป็น self-service เก๋ๆ
ผมทาน Risotto กับเนื้อลูกวัวอบซอสขาวซัมติง ในแคว้นตอนเหนืออย่าง Lombardy และ Piedmont จะปลูกข้าวเยอะ เพราะฉะนั้นอาหารที่แทรดิชันนอลในเขตนี้ก็คือพวกข้าวผัดไฮโซมโนชื่อเป็นริซอตโตนั่นแหละ
สลัดเมดิเตอเรเนียน สั่งสลัดที่นี่อย่าหวังจะเจอน้ำสลัดอลังการล้านแปดนะครับ คนที่นี่จะใส่แค่น้ำมันมะกอกกับ Balsamic vinegar แค่นั้น ดีต่อสุขภาพเนอะ
ตามด้วย Pizza con Quattro formaggio (พิซซ่าสี่มหาชีส) กับ Vino Chianti จาก Tuscany (20+)
ยังไม่จบ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานด้วย Tiramisu (อร่อยกว่าที่ไทยเยอะ)
ชอบร้านนี้จริงๆ ราคาเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวจากประเทศกำลังพัฒนามาก เป็น Ottima cucina ในดวงใจเลย
กินเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวดีกว่า สถานที่แรกที่เราจะไปคือ Piazza del Duomo สแควร์กลางเมืองล้อมรอบไปด้วยที่เที่ยวไฮไลต์ของมิลานไม่ว่าจะเป็น Duomo(Cathedral) หรือ Galleria Vittorio Emanuele II (ห้าง)
ส่วนการเดินทาง เราจะใช้รถใต้ดินสายสีเหลือง จากสถานี Centrale (สถานีรถใต้ดินจะอยู่ชั้นล่างของสถานีเชนทราเล่ และรอบลานด้านหน้า สังเกตได้จากป้ายตัว M สีแดง) ไปลงสถานี Duomo ในทิศทางไปยังสถานีปลายทาง S. Donato แนะนำให้ซื้อตั๋วจากร้านขายหรือพวก Tabacchi (ร้านขายบุหรี่) ซึ่งจะมีสัญลักษณ์บกบอกว่าเขาขายตั๋วเป็นตัวอักษร ATM (from Azienda Transporti Milanesi ชื่อบริษัทบริหารรถใต้ดิน) เพราะถ้าไปซื้อกับตู้ขายอัตโนมัติ มีโอกาสเสี่ยงจะโดนปล้นสูง(ผมเกือบโดนไปแล้ว)
นั่งรถไฟสุดแสนจะสกปรกแถมยังช้าเสียงกุกกุ่กๆๆเอี๊ยด..กุกกุ่กๆครืดดด ไปเรื่อยๆสักแปบนึงก็ถึงละ
พอเยื่องย่างยกย่องขึ้นสู่ผิวพิภพจากสถานีดูโอโม เราก็-
Merda!!!!
ชิ้ง!
Urrrrhhhhmarrrgerrrrddd โบสถ์อะไร ทำไมมันสวยและใหญ่โตขนาดนี้
ก็เพราะมันคือ Duomo di Milano โบสถ์หินอ่อนสไตล์อิตาเลียนโกธิค จัดเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ5ของโลก และอันดับแรกในอิตาลีเลยทีเดียว แค่ประตูทางเข้าเนี่ย ผมว่าใหญ่พอที่จะให้พญาช้างแมมอธผ่านได้เลย
วิหารนี่ได้รับคำสั่งสร้างจาก Archbishop Antonio de Saluzza เพื่อถวายแด่พระแม่มารี และได้รับการสนับสนุนจากตระกูล Visconti ดยุคผู้ปกครองมิลานในสมัยนั้นและประชาชนแห่งมิลาน โดยอิฐก้อนแรกได้ถูกวางเมื่อปี 1386 บนจุดที่เดิมเคยเป็นศูนย์กลางเมืองตั้งแต่สมัยมิลานยังเป็นเมืองหลวงจักรวรรดิโรมันตะวันตก(เดิมชื่อ Mediolanum) หินอ่อนที่ใช้ต้องขนมาไกลจากทางตอนเหนือซึ่งทรหดมากถึงขนาดต้องขุดระบบคลองเพิ่มเพื่อใช้ลำเลียงหินอ่อนโทนชมพูสุดสวยมาโปะนอกโปะใน การสร้างดำเนินไปเรื่อยๆ ใช้คนงานนับพันกับสถาปนิกกว่า78คนจากทั่วยุโรป เวลาผ่านไปกว่าครึ่งสหัสวรรษกับอีกประมาณร้อยปี วิหารจึงเสร็จสมบูรณ์หลัง Napoleon Bonaparte จักรพรรดิฝรั่งเศสสั่งให้รีบทำ façade(ด้านหน้า) ของวิหารให้เสร็จ (ก่อนที่ลุงเตี้ยแกจะปราบดาภิเษกตัวเองเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลี ณ วิหารนี้นี่แหละ)
ลานนกพิราบที่เห็นนี่ก็คือ Piazza del Duomo นั่นเอง
ตรงกลาง จะเห็นรูปทรงมาของ Vittorio Emanuele II กษัตริย์ผู้รวบรวมแคว้นเล็กแคว้นน้อยจนกลายเป็นประเทศอิตาลีที่สมบูรณ์ ส่วนทางด้านซ้ายจะเห็นประตู้ชัยโค้งใหญ่เป็นทางเข้าของ Galleria Vittorio Emmanuelle II
เอิ่ม มันซ่อม
#ร้องไห้หนักมาก เอารูปจากเน็ตไปมโนต่อกันเองครับ
มปร. เรามาดู facade วิหารกันใกล้ๆดีกว่า
Intricate, Detailed, Elaborate ไหมล่ะ
พอเข้าไปแล้ว... โอ้ว มัน ใหญ่ มาก (เข้าฟรี)
เสานี่ก็หินอ่อน ใหญ่ขนาดนี้ขนมาจากดาวไหนเนี่ย เทียบขนาดกับขนาดคนเอาครับ5555
ความเป็นโกธิคชัดเจนมาก สังเกตจากเพดานโค้ง (Nave) ปลายแหลม
ตรงนี้คือ main altar แท่นบูชาที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ โบสถ์นี่เป็นถึงที่นั่งของพระคาร์ดินัลผู้ดำรงตำแหน่ง Archbishop แห่งมิลานเลยทีเดียว
กระจกสี ก็เป็นอีก characteristics ของศิลปะโกธิคครับ
หลังจากนั้นเดินออกจากวิหาร ไปทางด้านขวา (ในทิศมองหันหน้าเข้า facade) จะเจอร้านขายตั๋วขึ้นไปชมหลังคาของวิหาร แนะนำให้ขึ้นครับ มีอะไรน่าดูเยอะอยู่ อันนี้ตั๋วแบบเดินบันได
บางทีจะเห็นในอินเตอร์เน็ตเขียนว่าคิวรอนานมาก ต้องซื้อ skip the line ไปก่อน แต่ผมไม่เห็นมันจะมีคิวอะไรเลยนะครับ 5555
แต่ทางขึ้นกลับอยู่ทางซ้าย ด๋อย.
วกเวียนในวังวันแห่งบันไดเวียนอยู่ประมาณ10นาที ก็ถึงชั้นสอง(ไม่ใช่ชั้นบนสุดนะ ยังต้องขึ้นไปอีก) บนนี้เห็นหนามวิหารชัดมาก
ที่แท้ตรงยอดแหลมจริงๆแล้วเป็นรูปปั้นคนครับ รูปปั้นคนบนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักบวชกับบุคคลสำคัญ เคยอ่านเจอว่ามีหุ่นนโปเลียนที่ลุงแคระสั่งให้ปั้นด้วย คนอะไรมั่นหน้าขนาดนี้วะ5555
ขึ้นบันไดต่ออีกนิด มาถึงละครับ ยอดหลังคาของวิหาร มองเห็นวิวสวยเลย เอารูปเปิดกระทู้ไปเชยชมให้สมใจวิวของ Milan Metropolitan Area
เขตตึกๆสวยๆตรงนั้นก็คือ Porta Nuova Business Area ย่านตึกระฟ้าไฮโซซึ่งเพิ่งจะถูกสร้างในโปรเจ็คปรับปรุงมิลานให้ทันสมัยเมื่อปี 2000 กว่าๆนี้เอง
วิหาารนี้ได้ชื่อเล่นว่าวิหารเม่นด้วย หนามเยอะซะขนาดนี้ ถ้าเป็นเม่นจริงนี่คงแทงกันมันส์ไปเลย
รูปปั้นพระแม่มารีเคลือบทอง อยู่บนยอดสูงสุด นางมีชื่อว่า 'Madonnina' ในอดีตเคยมีจารีตประเพณีห้ามไม่ให้สร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆที่สูงกว่ารูปปั้นนี้ แต่เมื่อปี 2010 มีคนต้องการจะสร้างตึก Palazzo Lombardia ซึ่งจะสูงเกินหน้าเกินตารูปพระแม่ เลยต้องสร้างรูปพระแม่จำลองอัญเชิญไปขึ้นหิ้งประดิษฐานที่ยอดตึก เพื่อไม่ให้เป็นการดูถูกแทรดิชันโบราณ #ตอมากๆ5555
[CR] REVIEW: Italy Sightseeing Trip, Day 1 : A first look of Milan's lux
แผนการเดินทางและที่พัก (Itinerary and accommodation)
http://ppantip.com/topic/33704481
สู่สวรรค์วิมาน (Day 2: Lake Como, a gateway to a piece of paradise)
http://ppantip.com/topic/33740051
ดาวินชีเป็นไดเวอร์เจนต์?!!!! (Day 3: Say Salve to Da Vinci and confess your love with Juliet)
http://ppantip.com/topic/33768802
วงกตแห่งคลอง (Day 4: Treasure and treachery of Venice)
http://ppantip.com/topic/33794965
นครสีแดง (Day 5: The red jigsaws of Bologna)
http://ppantip.com/topic/33833708
ทัศนศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ (Day 6: A tour of Renaissance)
http://ppantip.com/topic/33877524
หอเอนในตำนาน (Day 7: The Field of Miracles)
http://ppantip.com/topic/34885362
โรมยามเย็น (Day 8: From Palazzo Vecchio to the buzzling piazzas of Rome)
http://ppantip.com/topic/34914024
Buongiorno!
Benvenuti a Milano!!
Prologue: Milan เมืองใหญ่อันดับสองของ Italy และเมืองหลวงของแคว้น Lombardy ท่ามกลางความทันสมัยและผู้คนจำนวนกว่า 5 ล้านชีวิต เมืองต้นกำเนิดแฟชั่นชั้นนำของโลกแห่งนี้แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในเมืองอารยธรรมโบราณอดีตเมืองหลวงจักรวรรดิโรมันตะวันตก ณ ที่แห่งนี้ที่จักรพรรดิ Constantine ได้ประกาศให้คริสตศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิ เรื่อยไปจนถึงยุคกลาง ความมั่งคั่งก็หลั่งไหลมายังเมดิโอลานุมหรือมิลานอยู่เรื่อยๆ ปูทางความเจริญให้เมืองแห่งหินอ่อนนี้เป็นศุนย์กลางทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ไปจนถึงเมืองแนวหน้าของสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ตื่นมาเจอวิวนี้ เทือกเขา Alps ก่อนเครื่องจะลงที่ Milan Malpensa Airport
วันนี้ก็เป็นวันแรกในอิตาลีครับ หลังจากเครื่องบินของเราลงที่สนามบิน Milan Malpensa ไอยโรปอรร์โต้โบราณนอกเมืองไซส์มินิประมาณว่าออกจากเกตแล้วสามารถมองเห็นประตูทางออก (Uscita) ได้ชัดเจน ผมก็คลำทางไปเรื่อยตามป้ายเพื่อไปยัง Biglietteria (ร้านขายตั๋ว) จำหน่ายตั๋วรถบัสสนามบิน เพื่อนำพวกเราเข้าสู่ตัวเมืองมิลาน เวลาเดินทาง1ชม., รถออกทุกๆ20นาที, ราคาค่าโดยสารจะอยู่ที่ 10€/Adult และ 5€/Child(age: 2-12)
ระหว่างทางครับ ต้นไม้เขียวๆเต็มไปหมด เพราะตอนนี้เป็นฤดู 'Primavera' พอดี อุณหภุมิประมาณ 8-18 องศา(ใบไม้ผลิ)
เริ่มเข้าสู่เขตเมืองแล้วครับ
Finalmente.... ในที่สุดรถก็จอดทางด้านขวาของสถานี Milano Centrale มหาสถาปัตยกรรมหินอ่อนศูนย์กลางการคมนาคมของแคว้นลอมบาร์ดี
นี่ขนาดข้างๆนะ...
พอเจอข้างหน้าสถานี...
Urrhhhmarrrgerrrddddd
อลังการมาก
หัวลำโพงหินอ่อนยักษ์อายุกว่า 83 ปีอันนี้จัดเป็นสถานีใหญ่เป็นอันดับสอง(ในด้านของทราฟฟิก)ในอิตาลี รองจาก Roma Termini ในเมืองหลวงนั่นเอง ส่วนลานกว้างๆหน้าสถานีก็คือ Piazza Duca d'Aosta
หลังจากนั้นเราก็เข้าโรงแรมเก็บของ เช็คแผนที่ทางไปให้ชัวร์ พอเรียบร้อยแล้วก็... Andiamo!!
กินข้าวเที่ยงร้านแถวๆลานหน้าสถานีรถไฟ... กับบทสนทนาภาษาอิตาเลียนครั้งแรก
"Buongiorno, io vorrei un tavolo per quattro persone."
"Buongiorno signor!!!, ijdjekd$@%}¥€]..."
-_- ฟังไม่ออก ไปกินเลยละกัน
เป็น self-service เก๋ๆ
ผมทาน Risotto กับเนื้อลูกวัวอบซอสขาวซัมติง ในแคว้นตอนเหนืออย่าง Lombardy และ Piedmont จะปลูกข้าวเยอะ เพราะฉะนั้นอาหารที่แทรดิชันนอลในเขตนี้ก็คือพวกข้าวผัดไฮโซมโนชื่อเป็นริซอตโตนั่นแหละ
สลัดเมดิเตอเรเนียน สั่งสลัดที่นี่อย่าหวังจะเจอน้ำสลัดอลังการล้านแปดนะครับ คนที่นี่จะใส่แค่น้ำมันมะกอกกับ Balsamic vinegar แค่นั้น ดีต่อสุขภาพเนอะ
ตามด้วย Pizza con Quattro formaggio (พิซซ่าสี่มหาชีส) กับ Vino Chianti จาก Tuscany (20+)
ยังไม่จบ เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานด้วย Tiramisu (อร่อยกว่าที่ไทยเยอะ)
ชอบร้านนี้จริงๆ ราคาเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวจากประเทศกำลังพัฒนามาก เป็น Ottima cucina ในดวงใจเลย
กินเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวดีกว่า สถานที่แรกที่เราจะไปคือ Piazza del Duomo สแควร์กลางเมืองล้อมรอบไปด้วยที่เที่ยวไฮไลต์ของมิลานไม่ว่าจะเป็น Duomo(Cathedral) หรือ Galleria Vittorio Emanuele II (ห้าง)
ส่วนการเดินทาง เราจะใช้รถใต้ดินสายสีเหลือง จากสถานี Centrale (สถานีรถใต้ดินจะอยู่ชั้นล่างของสถานีเชนทราเล่ และรอบลานด้านหน้า สังเกตได้จากป้ายตัว M สีแดง) ไปลงสถานี Duomo ในทิศทางไปยังสถานีปลายทาง S. Donato แนะนำให้ซื้อตั๋วจากร้านขายหรือพวก Tabacchi (ร้านขายบุหรี่) ซึ่งจะมีสัญลักษณ์บกบอกว่าเขาขายตั๋วเป็นตัวอักษร ATM (from Azienda Transporti Milanesi ชื่อบริษัทบริหารรถใต้ดิน) เพราะถ้าไปซื้อกับตู้ขายอัตโนมัติ มีโอกาสเสี่ยงจะโดนปล้นสูง(ผมเกือบโดนไปแล้ว)
นั่งรถไฟสุดแสนจะสกปรกแถมยังช้าเสียงกุกกุ่กๆๆเอี๊ยด..กุกกุ่กๆครืดดด ไปเรื่อยๆสักแปบนึงก็ถึงละ
พอเยื่องย่างยกย่องขึ้นสู่ผิวพิภพจากสถานีดูโอโม เราก็-
Merda!!!!
ชิ้ง!
Urrrrhhhhmarrrgerrrrddd โบสถ์อะไร ทำไมมันสวยและใหญ่โตขนาดนี้
ก็เพราะมันคือ Duomo di Milano โบสถ์หินอ่อนสไตล์อิตาเลียนโกธิค จัดเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ5ของโลก และอันดับแรกในอิตาลีเลยทีเดียว แค่ประตูทางเข้าเนี่ย ผมว่าใหญ่พอที่จะให้พญาช้างแมมอธผ่านได้เลย
วิหารนี่ได้รับคำสั่งสร้างจาก Archbishop Antonio de Saluzza เพื่อถวายแด่พระแม่มารี และได้รับการสนับสนุนจากตระกูล Visconti ดยุคผู้ปกครองมิลานในสมัยนั้นและประชาชนแห่งมิลาน โดยอิฐก้อนแรกได้ถูกวางเมื่อปี 1386 บนจุดที่เดิมเคยเป็นศูนย์กลางเมืองตั้งแต่สมัยมิลานยังเป็นเมืองหลวงจักรวรรดิโรมันตะวันตก(เดิมชื่อ Mediolanum) หินอ่อนที่ใช้ต้องขนมาไกลจากทางตอนเหนือซึ่งทรหดมากถึงขนาดต้องขุดระบบคลองเพิ่มเพื่อใช้ลำเลียงหินอ่อนโทนชมพูสุดสวยมาโปะนอกโปะใน การสร้างดำเนินไปเรื่อยๆ ใช้คนงานนับพันกับสถาปนิกกว่า78คนจากทั่วยุโรป เวลาผ่านไปกว่าครึ่งสหัสวรรษกับอีกประมาณร้อยปี วิหารจึงเสร็จสมบูรณ์หลัง Napoleon Bonaparte จักรพรรดิฝรั่งเศสสั่งให้รีบทำ façade(ด้านหน้า) ของวิหารให้เสร็จ (ก่อนที่ลุงเตี้ยแกจะปราบดาภิเษกตัวเองเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลี ณ วิหารนี้นี่แหละ)
ลานนกพิราบที่เห็นนี่ก็คือ Piazza del Duomo นั่นเอง
ตรงกลาง จะเห็นรูปทรงมาของ Vittorio Emanuele II กษัตริย์ผู้รวบรวมแคว้นเล็กแคว้นน้อยจนกลายเป็นประเทศอิตาลีที่สมบูรณ์ ส่วนทางด้านซ้ายจะเห็นประตู้ชัยโค้งใหญ่เป็นทางเข้าของ Galleria Vittorio Emmanuelle II
เอิ่ม มันซ่อม
#ร้องไห้หนักมาก เอารูปจากเน็ตไปมโนต่อกันเองครับ
มปร. เรามาดู facade วิหารกันใกล้ๆดีกว่า
Intricate, Detailed, Elaborate ไหมล่ะ
พอเข้าไปแล้ว... โอ้ว มัน ใหญ่ มาก (เข้าฟรี)
เสานี่ก็หินอ่อน ใหญ่ขนาดนี้ขนมาจากดาวไหนเนี่ย เทียบขนาดกับขนาดคนเอาครับ5555
ความเป็นโกธิคชัดเจนมาก สังเกตจากเพดานโค้ง (Nave) ปลายแหลม
ตรงนี้คือ main altar แท่นบูชาที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ โบสถ์นี่เป็นถึงที่นั่งของพระคาร์ดินัลผู้ดำรงตำแหน่ง Archbishop แห่งมิลานเลยทีเดียว
กระจกสี ก็เป็นอีก characteristics ของศิลปะโกธิคครับ
หลังจากนั้นเดินออกจากวิหาร ไปทางด้านขวา (ในทิศมองหันหน้าเข้า facade) จะเจอร้านขายตั๋วขึ้นไปชมหลังคาของวิหาร แนะนำให้ขึ้นครับ มีอะไรน่าดูเยอะอยู่ อันนี้ตั๋วแบบเดินบันได
บางทีจะเห็นในอินเตอร์เน็ตเขียนว่าคิวรอนานมาก ต้องซื้อ skip the line ไปก่อน แต่ผมไม่เห็นมันจะมีคิวอะไรเลยนะครับ 5555
แต่ทางขึ้นกลับอยู่ทางซ้าย ด๋อย.
วกเวียนในวังวันแห่งบันไดเวียนอยู่ประมาณ10นาที ก็ถึงชั้นสอง(ไม่ใช่ชั้นบนสุดนะ ยังต้องขึ้นไปอีก) บนนี้เห็นหนามวิหารชัดมาก
ที่แท้ตรงยอดแหลมจริงๆแล้วเป็นรูปปั้นคนครับ รูปปั้นคนบนนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักบวชกับบุคคลสำคัญ เคยอ่านเจอว่ามีหุ่นนโปเลียนที่ลุงแคระสั่งให้ปั้นด้วย คนอะไรมั่นหน้าขนาดนี้วะ5555
ขึ้นบันไดต่ออีกนิด มาถึงละครับ ยอดหลังคาของวิหาร มองเห็นวิวสวยเลย เอารูปเปิดกระทู้ไปเชยชมให้สมใจวิวของ Milan Metropolitan Area
เขตตึกๆสวยๆตรงนั้นก็คือ Porta Nuova Business Area ย่านตึกระฟ้าไฮโซซึ่งเพิ่งจะถูกสร้างในโปรเจ็คปรับปรุงมิลานให้ทันสมัยเมื่อปี 2000 กว่าๆนี้เอง
วิหาารนี้ได้ชื่อเล่นว่าวิหารเม่นด้วย หนามเยอะซะขนาดนี้ ถ้าเป็นเม่นจริงนี่คงแทงกันมันส์ไปเลย
รูปปั้นพระแม่มารีเคลือบทอง อยู่บนยอดสูงสุด นางมีชื่อว่า 'Madonnina' ในอดีตเคยมีจารีตประเพณีห้ามไม่ให้สร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆที่สูงกว่ารูปปั้นนี้ แต่เมื่อปี 2010 มีคนต้องการจะสร้างตึก Palazzo Lombardia ซึ่งจะสูงเกินหน้าเกินตารูปพระแม่ เลยต้องสร้างรูปพระแม่จำลองอัญเชิญไปขึ้นหิ้งประดิษฐานที่ยอดตึก เพื่อไม่ให้เป็นการดูถูกแทรดิชันโบราณ #ตอมากๆ5555