[CR] backpack เขื่อนรัชชประภา -ตามประสาเด็กมหาลัย-

คำนำ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผู้เขียนและเขียนขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการไปเที่ยว.. เดี๋ยวๆ!!! ไม่ได้มาทำรายงาน

เอาง่ายๆเลย
เราอยากแชร์การไปเที่ยวเขื่อนรัชชประภาและค่าใช้จ่ายต่างๆแบบ "ประหยัดงบ ไม่เน้นสบาย" ตามสไตล์เด็กมหาลัยลุยๆตังค์น้อยๆบ้าง
แต่เราไปกัน 2วัน1คืนนะ เพราะอีกวันแพเต็ม บอกเลยเสียดายมาก เปลี่ยนวันไม่ได้ด้วยเพราะเพื่อนเราแต่ละคนนี่คิวทองกันฝุดๆ
เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 58 เราก็ออกเดินทาง
ตามมาสิๆ....


------------------------------------------------------------



01 เริ่มต้นกันที่ "สถานีขนส่งสายใต้ใหม่"


เรานัดเจอกันที่สายใต้ใหม่ประมาณ 6 โมงเย็น
เราอยากเดินทางแบบรวดเดียวถึง เลยจองทัวร์ "กรุงเทพ-ภูเก็ต" เพราะเป็นทางผ่าน
รอบ 1ทุ่มครึ่ง ลง "หน้าวัดบ้านตาขุน" ซึ่งเราได้ราคาที่ถูกกว่าปกติม๊าก 470 บ.เอง

ปล. เราต้องย้ำกับคนขายตั๋วนะว่าลงบ้านตาขุน เพราะเค้าอาจจะเก็บเราเต็มราคาราวกับว่าเราลงภูเก็ต โดยที่เราก็ยังงงๆโก่งโก๊งอยู่

ทุ่มครึ่งเราก็กระโดดขึ้นรถ และคิดในใจว่าเราคงหลับฝันดีและถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
แต่รถทัวร์ที่ได้มาช่างสมกับราคาเสียยิ่ง ทั้งกลิ่นแขกที่อบอวนไม่ชวนดม(แขกครึ่งคัน)
ทั้งกลิ่นห้องน้ำ(อันนี้อาจจะปกติ) แต่ก็นะ ขึ้นรถมาแล้วให้ลงก็ไม่ทันและ เอาเป็นว่าหลับเถอะ

...จู่ๆก็มีความรู้สึกว่ารถหยุด ลืมตาดูนาฬิกา หันซ้ายหันขวาเจอป้ายเขื่อนรัชชประภา มองไปบนท้องฟ้าทำไมมันมึดติ๊บ
โอ้มายกอด!! นี่เพิ่งตี4ครึ่ง รีบแบกกระเป๋าลงจากรถทั้งๆที่หน้าตายังสะลึมสะลือ ยังงงว่านี่มาถึงสุราษกันแล้ว?
ลงจากรถมาเราก็เจอเซเว่นเลย มันจะสะดวกอะไรขนาดนี้มีอยู่ทุกที่จริงๆ
สรุปแล้วเราก็นั่งหน้าเซเว่นกันจนถึงเช้าให้พี่ป้าน้าอาแถวนั้นมองเป็นตัวประหลาดเล่นๆไป

...หน้าเขื่อนจะมีตลาดอยู่ กินข้าวเช้าก่อนก็ได้นะไม่ต้องรีบ คือพวกเราไม่รีบจริงๆน้ะ -.-
...ระหว่างทางมาสุราษ รถจะหยุดพักที่ชุมพรให้เราทานข้าวต้มตอนตี2 ซึ่งจุกจริงๆ (ไข่เค็มอร่อยมาก)






02 แล้วจะเข้าเขื่อนยังไง


ต้องบอกก่อนว่าเขื่อนกับปากทางเข้าห่างกันประมาณ 12 กิโล
แต่อย่างพวกเรา สายนี้แล้ว..ไม่เดินหรอก เรามา"โบกรถ"กันดีกว่า
เราเดินไปตรงปากทางเข้าเขื่อนและทำการโบกๆๆๆๆๆๆๆ 1คันก็แล้ว 2คันก็แล้ว 3ก็แล้ว
เราเริ่มท้อ
เราก็ตัดสินใจกลับกรุงเทพกัน จะบ้าเร้อะ!!!
คันที่ 4 นี่ไงที่เค้าน่ารักจอดรับพวกเรา คุณน้ากับลูกชายเค้าจะกลับบ้านพอดี(เราเพิ่งรู้เหมือนกันว่าในเขื่อนก็มีหมู่บ้าน)
รีบกระโดดขึ้นกระบะแบบไม่รีรอ

โอ้โหวววว นี่เหรอเขื่อนที่เค้าว่าสวยกัน

สังเกตดีๆจะเห็นหมอกลอยอยู่ต่ำมาก








03 ร.เรือ


"ลุงคะๆๆ หนู...เองนะที่จองแพวันนี้ไว้ หนูถึงท่าเรือแล้วนะคะ" เราโทรหาลุงประมาณ 7 โมงเช้า
"ห้ะ!! เดี๋ยวเรือไปรับประมาณ 9 โมงนะหนู" จะรีบมากันทำม๊าย! ลุงคงคิดในใจ -.-
ไม่ต้องสงสัยเลย ลุงงงมากที่เรามาเช้าขนาดนี้ ขาวบ้านเค้ามากันปกติก็ 9 โมงนู้น
    :: เรือ จะเป็นแบบเหมา(เรือจะอยู่กะเราเลยรวมทั้งคนขับด้วย) เราได้ราคา 2,000 บ. ไป-กลับ เรานอนแพนางไพรนะ
แล้วประมาณ 9 โมงร.เรือก็มา ระว่างทางลุงขับเรือเร็วบ้าง ช้าบ้าง น้ำก็กระแทกหน้าเราเบาๆ

นั่งเรือมาสักแป๊ปเจอเขาหน้าด่าน ก่อนที่เราจะหายวับไปในเมืองลับแล

ถ้าลุงขับเรือแบบซิ่งๆแบบที่ว่าแรงแซงโค้ง ภาพที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้







04 แพนางไพร (แพที่ณเดชกะแต้วไปพลอดรักกันในละคร เอร้ยยย ><)

"เราโทรจองแพงนางไพรไว้ก่อนเดินทางแค่อาทิตย์เดียวเอง"
แพวันเสาร์อาทิตย์เลยเต็มไปด้วยผู้คน เราเลยได้คืนวันศุกร์วันเดียว
    :: ค่าแพ ราคา 800 ต่อ 1 คน/คืน+อาหาร 3 มือ (อร่อยมาก ประทับใจ)
:: สิ่งที่ในแพมีให้คือ ที่นอน หมอน ผ้าห่มเท่านั้น!! แพจะมีห้องนอนแบบนอน 2 คน นอน 3 คน และห้องใหญ่จำไม่ได้แล้วว่าจุเท่าไร ห้องน้ำรวมแต่ถือว่าสะอาดทีเดียว หายห่วงจ้า
    :: เรือคายัก ฟรี แต่ต้องจ่ายค่าเช่าไม้ 500 บ. (นี่ใครทำจมน้ำพลาดมากนะ 555 )
    :: ชูชีพ ฟรีตลอดงานจ้า
ต่อๆๆ ลุงบอกว่า แพนางไพรเป็นแพที่ใกล้ที่สุด ..ใกล้จริงๆ
แต่ไม่ได้ใกล้แบบแป๊ปเดียวถึงนะ เพราะเราใช้เวลาประมาณ 45 นาที
แต่เป็นแพสะดวกที่สุดในบรรดาแพของอุทยาน มีไฟใช้ตลอด มีสัญญาณเน็ตด้วย ที่สำคัญไม่มียุง 5555









05 อยากเที่ยวเพิ่มใช่ไหม ไป "ถ้ำประการัง"


ตามประสาวัยรุ่น อยู่แต่แพเฉยๆมันไม่มันส์ เราเลยจองทัวร์เพิ่มไปถ้ำประการัง
ช่วงที่เราไป เป็นช่วงที่ถ้ำน้ำลอด(ถ้ำยอดฮิตติดลมบนของฝรั่ง คนไทยด้วยมั้ง) งดการบริการ เพราะฝนตกเยอะ
ไม่เป็นไร ถ้ำไหนเราก็ไปได้หมด พอกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็ลงเรือเลย แบบอิ่มๆนั้นแหละ อึดไปอีก
    ::: ทัวร์ถ้ำ เหมาเรือลำเดิม 1,800 บ. ลำที่เรามานี่หละ(เป็นราคาที่รวมค่าเรือ ไกด์ และโป๊ะไม้ไผ่แล้ว) เค้าจะเป็นคนพาเราไปแว้นเองงงง
เล้าต่อๆๆ ทัวร์ถ้ำ ฝนตกปรอยๆไปจนถึงพรำๆตลอดการเดินทาง ทั้งหนาวทั้งฝน
แต่บรรยากาศที่ได้มาเนี้ยมันเกินคำบรรยาย มันพีค มันสุด มันสมคำล่ำลือ มันๆๆๆๆ
    
     ด่านแรก เดินป่า.. ระยะทางจำไม่ได้แล้ว
     ด่านสอง นั่งโป๊ะ.. ไม่นาน
     ด่านสาม สำรวจถ้ำ.. ไม่นานเช่นกัน

"อ๊ายยยย ทากกกกกกกกกก!!!" เพื่อนเราโดนไป 1 คน กรี๊ดแทบตาย(ทากเป็นสัตว์ไม่น่าคบ เพราะ ชอบเกาะ)
"ดูนั้นๆๆๆๆๆ หมอกมันติดยอดเขาเลย โหยได้เห็นใกล้ๆก็วันนี้" เด็กมหาลัยไม่เคยเห็นหมอก
รวมๆแล้ว 3 ชม. กับการประผจนถ้ำ

ปล.บรรยากาศที่นี่ดีจริงๆ นึกภาพน้ำสีเขียวมรกต ต้นไม้เขียวขึ้นอัดกันแน่น
หมอกที่ติดยอดเขา ท้องฟ้าครึ้มๆทำที่นี่ดูขลัง(ไม่ใช่คนเล่นของนะ)
และหลังฝนตกที่นี่ดูอลังการมากกก พีคสุดๆ

ตู้มมมมมม!!! โดดลงน้ำอย่างเร็วพลัน


เดินป่าแนะนำใส่รองเท้าผ้าใบ หรือ หุ้มส้น แตะไม่แนะนำอย่างแรง

ท่าโป๊ะที่เราจะนั่งไปถ้ำกัน

โป๊ะออกแล้ว ฝนก็ตกตลอด


การเดินทางอันหนาวเหน็บ






06 ชีวิตบนแพ


"กิน"
"นอน"
"เล่นน้ำ"
เอิ่มมม ทำที่บ้านก็ได้มั้งปิดเทอมและหนิ แต่! มันคนละฟีลนะ
เล่นน้ำหน้าแพอุ่นเฟร่อ นึกถึงตอนหนาวๆแล้วได้ลงน้ำอุ่น แบบนั้นเลย
  :: ถ้าใครอยากกินอะไรเพิ่ม พวกขนม น้ำอัดลม บลาๆ แนะนำแบกขึ้นเรือไปโลด บนแพแพงงะ
     ส่วนกับข้าวเราเพิ่มได้นะ ยกเว้น!!!*ปลาทอดและผลไม้*ต้องเพิ่มเงิน คือผู้เขียนคิดจะเพิ่มอยู่แล้วเชียว


อันนี้คนยังน้อยอยู่ ถ้าคนเยอะนึกสภาพสระน้ำเด็ก







07 ต้องกลับแล้ว


เช้าๆๆๆๆๆๆรีบลุกจากที่นอน หยิบกล้อง เปิดประตูแพ แล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือออ
แสงสีส้มอ่อนๆของพระอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องข้ามผ่านแง่ง เอ้ยลอยหยักของถูเขา
อากาศเย็นๆแบบสดชื่นๆตามสไตล์ที่ที่มีภูเขาล้อมลอบ
คือบับบ มันต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง อยากอยู่ต่อนานๆเลยจ้า

หลังจากกินข้าวต้มเป็นอาหารเช้ากันที่เรียบร้อย เดินเล่นวนไปเวียนมากันอยู่บนแพ
9 โมงครึ่งเราก็ต้องออกจากแพ
**ขอเตือนไว้ก่อนเลย ตอนถ่ายรูปเล่นระวังจะพลาดตกน้ำกัน**
เนื่องจากเพื่อนผู้เขียนเกือบจะตกน้ำ ดีที่ช่วยคว้ากันไวัทัน จงใจนี่หล่นไปที่ตาตุ่ม

ขากลับลุงก็พาเราไปดูกุ้ยหลินที่เค้าล้ำลือกัน (เรือทุกรำจะต้องพาไปดูกุ้ยหลินอยู่แล้ว)



บ๊ายบายแพรนางไพร





นี่และก้อนหินที่เค้าล้ำลือกัน







08 แล้วจะออกจากเขื่อนยังไง


ขึ้นฝั่งแล้วน๊าาาา อะไรกันความสุขมันผ่านไปเร็วงะ
และเช้าวันเสาร์นี้คนก็เยอะมากจริงๆ เรือเข้า เรือออก รถเข้า รถออก อ๋อยชั้นปวดหัว
ใจกะจะโบกรถออกไปอีก ก็นะ ทำไงดี ไม่อยากเหมารถกระบะราคา 400 บ.(ที่นายหน้าเดินตามติดเรายังกะปลิง)ออกไปเลย เกิดอาการงกอีกนั้น!!
พวกเรานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่สักพัก แล้วว แล้วว ลุงที่ขับเรือให้เราก็เดินมาหาเรา แล้วบอกกะเราว่า..

เดี๋ยวลุงเอารถลุงไปส่งเอง! ลุงอาสาพาเราไปส่งปากทางเข้าเขื่อน
คือตอนนั้นเราพูดไม่ออกมาก คือแบบมันตื้นตันไปหมด ลุงไม่ได้ดีกับเราแค่ตอนนี้
...ลุงใจดีกะเราตลอดทั้งทริป ไม่ดราม่าสิไม่เอาๆ.. หลังจากนั้นลุงก็พาเราฉิ่งผ่ามรสุมคนที่ท่าเรือ
ไปจนถึงปากทางเข้าเขื่อน ขอบคุณลุงจริงๆ ;_;








สิ้นสุดการรอคอย อยากจะให้เป็นชื่อภาพนี้ ผู้เขียนไปจิ๊กภาพเพื่อนมา
ในรูปคือคุณน้าที่ขอติดเรือไปทัวร์ถ้ำกับเรา







09 อยากแชร์ข้อมูล (ยังไม่ยอมจบอีกนะ)


  1. รถตู้ สุราษ-บ้านตาขุน-เขื่อน
หลายคนอาจยังสงสัย เหมือนผู้เขียนตอนแรก คือตกลง ราคาจากเมืองไปเขื่อนเท่าไรกันแน่???
สรุป
เมือง ลง บ้านตาขุน(ท่ารถตู้สีม่วงปากทางเข้าเขื่อน) 80 บาท
เมือง ลง เขื่อน(ท่าเรือในเขื่อน) 150 บาท
เราอยากให้เขามารับเราออกจากเขื่อนก็ได้ โทรไปบอกเค้า รถมีชม.ละคัน
::: ท่ารถตู้(บ้านตาขุน) ออกจากเขื่อนจะอยู่ตรงตึกสีม่วงซ้ายมือ
เบอร์ 087-2641493, 086-6926241
  
  2. แพนางไพร 081-0851762
      มีปลาด้วยนะแพนี้ ไปให้อาหารปลาได้ ลุงป้าน้าอาบนแพอัธยาศัยดีมากๆ

  3. ถ้าใครอยากออกจากเขื่อนวิธีอื่น สามารถติดต่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ท่าเรือได้ค่าา


สรุปค่าใช้จ่าย

ผู้ร่วมเดินทาง 5 คน
ค่ารถทัวร์ กรุงเทพ-ภูเก็ต(ลงบ้านตาขุน) = 470 บาท
ค่ารถเข้าเขื่อน = โบกรถ
ค่าอุทยาน 40 (มีบัตรนักศึกษาลด 50%) = 20 บาท
ค่าแพ = 800 บาท
ค่าเรือ ไป-กลับ 2000/5 = 400 บาท
ค่าทัวร์ถ้ำ 1800/6 = 300 บาท *คุณป้าขอติดไปด้วย 1 คน
รถออกเขื่อน = ลุงใจดีพาเราออก
รถเข้าเมือง = 80 บาท
รถทัวร์กลับ กรุงเทพ-สุราษฯ = 530 บาท
รวมแล้ว 2,600 บาท

ปล.เนื่องจากผู้เขียนเดินทางไปเกาะสมุยต่อ เลยขอสรุปค่าใช้จ่ายไว้ประมาณนี้นะ


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ชื่อสินค้า:   เขื่อนรัชชประภา แพนางไพร กุ้ยหลินเมืองไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่