สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 48
เบื่อความเห็นประเภทเบี่ยงเบียน
แทบทุกกระทู้ที่พูดถึงการทำแท้งก็จะมีพวกอ่านไม่ได้ศัพท์ออกมาบอก"ก็คุม ก็ใส่ถุงสิ"
ซึ่งมันก็ถูกของเขานะ
แต่เขาไม่ได้ถกกันเรื่องนั้นดิ
กระทู้นี้กำลังถกกันเรื่อง"ทำแท้งเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมคนอื่นต้องมาช่วยตัดสิน"
เขาไม่ได้ถกเรื่องทำไมคนถึงท้อง สาเหตุของการทำแท้งเลย
คือเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ซั่มแล้ว ท้องแล้ว กำลังจะทำแท้งหรือทำแท้งไปแล้ว คำตอบให้คุมใส่ถุงจึงไม่ช่วยอะไรนอกจากซ้ำเติม ซ้ำยังนำพากระทู้ออกทะเลแทนที่จะได้ถกเรื่องแท้งจริงๆอีก
แทบทุกกระทู้ที่พูดถึงการทำแท้งก็จะมีพวกอ่านไม่ได้ศัพท์ออกมาบอก"ก็คุม ก็ใส่ถุงสิ"
ซึ่งมันก็ถูกของเขานะ
แต่เขาไม่ได้ถกกันเรื่องนั้นดิ
กระทู้นี้กำลังถกกันเรื่อง"ทำแท้งเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมคนอื่นต้องมาช่วยตัดสิน"
เขาไม่ได้ถกเรื่องทำไมคนถึงท้อง สาเหตุของการทำแท้งเลย
คือเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ซั่มแล้ว ท้องแล้ว กำลังจะทำแท้งหรือทำแท้งไปแล้ว คำตอบให้คุมใส่ถุงจึงไม่ช่วยอะไรนอกจากซ้ำเติม ซ้ำยังนำพากระทู้ออกทะเลแทนที่จะได้ถกเรื่องแท้งจริงๆอีก
ความคิดเห็นที่ 37
พ่อเราทำงานอยู่ศาลเยาวชนและครอบครัว
เด็กๆที่ไม่มีใครต้องการนี่น่าสาสารมากนะ
บางทีครบกำหนดต้องออกจากสถานพินิจแล้ว
แต่ไม่มีคนมารับ ไม่มีใครเลยจริงๆ ก็ต้องให้อยู่ต่อ
วันที่ให้ครอบครัวมาเยี่ยม จะมีเด็กกลุ่มนึงนั่งซึมตาละห้อย
เพราะเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครเลยจริงๆ
เราจึงเป็นคนนึงที่เห็นด้วยกับกฎหมายทำแท้งค่ะ
เด็กๆที่ไม่มีใครต้องการนี่น่าสาสารมากนะ
บางทีครบกำหนดต้องออกจากสถานพินิจแล้ว
แต่ไม่มีคนมารับ ไม่มีใครเลยจริงๆ ก็ต้องให้อยู่ต่อ
วันที่ให้ครอบครัวมาเยี่ยม จะมีเด็กกลุ่มนึงนั่งซึมตาละห้อย
เพราะเขาไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีใครเลยจริงๆ
เราจึงเป็นคนนึงที่เห็นด้วยกับกฎหมายทำแท้งค่ะ
ความคิดเห็นที่ 30
ในหนังสือ Freakonomics บอกไว้ว่า การทำแท้งเสรีช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมในอเมริกา เนื่องเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่พร้อม มักจะเลี้ยงลูกทิ้งๆขว้างๆ หรือเป็นตัวอย่างไม่ดีให้แก่ลูกเสียเอง เช่น ลักขโมย ค้ายาเสพติด เข้าแก๊งอันธพาล เมื่อลูกเกิดมาในสังคมแบบนี้ มีแนวโน้มจะก่ออาชญากรรม การทำแท้งเสรีเสมือนเป็นการตัดวงจรบางส่วน
แสดงความคิดเห็น
ทำแท้งเป็นเรื่องส่วนตัว ทำไมคนอื่นต้องมาช่วยตัดสิน
เห็นว่ามีคนเข้าใจผิดเยอะมาก ขอขึ้นบรรทัดแรกตรงนี้เลยว่า เจ้าของกระทู้ไม่ได้ท้อง ไม่ได้จะทำแท้ง ไม่ได้ตั้งกระทู้นี้เพื่อบอกว่า อย่ามายุ่งกับการตัดสินใจของเราว่าจะทำแท้งหรือเปล่า
แต่ตั้งกระทู้เพราะมีข้อข้องใจที่อยากขอแสดงความเห็น
เชิญอ่านต่อ...
เมื่อพูดถึงการทำแท้ง จะมีกลุ่มที่คัดค้านบางคนที่ออกตัวแรงมาก แช่งชักหักกระดูกคนที่ทำแท้งมากมาย บางทีแค่คนที่มีความเห็นสนับสนุนการทำแท้ง (โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ทำเอง) ก็โดนประนามและด่าว่าใจร้าย (และกระทู้นี้ก็เตรียมรับคำด่าเต็มที่) เรามีความคิดว่าจริงอยู่ว่าการทำแท้งเป็นบาปในเมืองพุทธอย่างบ้านเรา แต่ถ้ามองมุมกว้างออกไป หลายประเทศก็เปิดเสรีเรื่องการทำแท้งทั้งๆ ที่ก็เป็นประเทศที่มีศาสนา เราจึงคิดว่าเรื่องการทำแท้งจึงเป็นเรื่องสีเทา ไม่ได้มีมุมมองที่เป็นไปในทางเดียวกันหมดในสากลโลกเหมือนการฆ่าคนที่ว่า ถ้าฆ่าคนก็ต้องถูกตัดสินว่าผิดกฎหมายแน่นอนทุกๆ ประเทศ
ในเมื่อคนที่ตัดสินใจจะเก็บเด็กเอาไว้หรือไม่ เป็นคนที่จะต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กในท้องของตน ทำไมการตัดสินใจจึงเป็นของเขาคนเดียวไม่ได้ ทำไมคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องจะต้องออกความเห็นในเชิงประนามและต่อต้านมากมาย ประหนึ่งว่าคนทำแท้งจะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง หากทำแท้งสำเร็จแล้วจะตามมาฆ่าคนอื่นๆ บนโลกนี้อีก ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง คนที่ตัดสินใจทำแท้งคงไม่ได้มองว่าการทำแท้งเป็นเรื่องน่าทำ แค่นึกภาพการขึ้นขาหยั่งแล้วหมอเอาอะไรแหย่เข้าไปในร่างกายเราก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เมื่อเทียบกับสภาพที่จะต้องเลี้ยงดูคนๆ หนึ่งตอนที่ตัวเองไม่พร้อม มันก็คงเป็นภาวะจำยอมที่ต้องไปยอมเสี่ยงกับประสบการณ์น่าสนองนั้น
คำว่าไม่พร้อมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ชอบมีคนเอาระดับความพร้อมของตัวเองไปยัดเยียดให้คนอื่น เช่นว่า เขาเองก็เก็บลูกไว้โดยที่ไม่มีสามี ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน บลาๆๆๆ แต่คุณอย่าลืมว่า นอกจากความพร้อมทางวัตถุและทางกายแล้ว มันยังมีความพร้อมทางด้านจิตใจอีกที่เป็นเรื่องสำคัญ คนเราแต่ละคนมีความคิด ความเข้มแข็ง และจิตสำนึกไม่เท่ากัน คนที่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะเก็บลูกไว้ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อม เราขอชื่นชมจากใจจริง แต่ไม่อยากให้กลายเป็นเคสตัวอย่างที่ว่าในเมื่อก็ไม่พร้อมเหมือนกัน แต่ทำไมเขายังเก็บเด็กไว้ได้ ชีวิตคนเรามันไม่ใช่ว่าคนอื่นทำได้แล้วเราจะต้องทำได้เสมอไป
สุดท้าย การทำแท้งจะบาปหนาอย่างไร เราบอกไม่ได้เพราะไม่เคยทำ แต่อยากจะบอกว่า ถ้าบาปบุญมีจริง คนที่รับผลนั้นไปเต็มๆ ก็คือเจ้าตัวไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยเขาก็ต้องเผชิญกับนรกในใจที่คงตามมาหลอกหลอนไปอีกนาน ฉะนั้นทำไมสังคมไม่ปล่อยให้คนๆ นั้นตัดสินใจเอง รับผลบุญผลกรรมนั้นเองโดยที่คนรอบข้างไม่ต้องไปยุ่งกับการตัดสินใจของเขา บางคนอาจค้านว่า ถ้าสังคมไม่ต่อต้าน ป่านนี้คงยิ่งมีคนออกมาทำแท้งกันมากขึ้น เราว่ามันไม่จริงหรอก เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการทำแท้งไม่ใช่ประสบการณ์ประเภทที่น่าไปทำสักครั้งในชีวิต ถ้าย้อนเวลาได้เชื่อว่าไม่มีใครอยากไปทำแท้งอีกครั้งหรอก
ที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อแสดงความคิดเห็นอีกมุม เพราะอึดอัดกับความเห็นที่ยัดเยียดความเชื่อของตัวเองให้คนอื่นในกระทู้ทำนองนี้