เมื่อไม่นานมานี้เราไปตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายหอพักแห่งหนึ่ง
ซึ่งเจ้าของสร้างเพื่อขาย เป็นโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จ ยังไม่เคยประกอบกิจการมาก่อน
ทีนี้ปัญหามันอยู่ในตัวสัญญาค่ะ คือผู้ขายระบุในสัญญาว่า
"ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบภาษีเงินได้(ในส่วนที่ได้จากการซื้อขายตัวอาคารนี้) รวมถึงค่าอาการสแตมป์ และค่าจดจำนอง
ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าโอน ผู้ซื้อและผู้ขายจะรับผิดชอบกันคนละครึ่ง "


ตามความเข้าใจของเรา หมายความว่าเราจะต้องจ่าย 1 % ของราคาขายเป็นภาษีเงินได้(แทนผู้ขาย)  
และต้องจ่ายอีกครึ่งหนึ่งของภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มด้วย
หมายความว่า ถ้าตัวอาคารนี้มีมูลค่าประมาณ 13,000,000 บาท
เราจะต้องจ่ายภาษีเงินได้แทนผู้ขาย 130,000 บาท ภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 3.3% = 429,000 หาร 2 = 214,500 บาท
เบ็ดเสร็จคือ เราต้องจ่ายในส่วนนี้เป็นเงิน 344,500 อันนี้เราคิดถูกต้องไหมคะ?

ในส่วนของภาษีเงินได้ อันนี้เราพอจะมีความรู้มาบ้างว่าเป็นภาระของผู้ที่ได้เงินซึ่งในที่นี้ก็คือผู้ขาย
ซึ่งอาจจะมีการตกลงจ่ายคนละครึ่งได้ แต่ในกรณีของเรา เรารู้สึกว่าผู้ขายผลักภาระมากไป
เลยท้วงติงข้อสัญญาไป ว่าภาษีตรงนี้ตามปรกติมันไม่ควรเป็นภาระของผู้ซื้อ
ทางผู้ขายตอบกลับมาว่า "โครงการของเราทำข้อตกลงแบบนี้ทุกหลัง"
ตอนนั้นอยากได้มากด้วยความโลภบังตาเลยตกลงทำสัญญาและวางมัดจำไป
แต่พอมานั่งคิดไปคิดมา เหมือนเราต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่จริงๆแล้วเราไม่ควรจะเสียด้วยซ้ำ
รู้สึกว่าเราโง่ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ

++++++++++

เลยอยากทราบความคิดเห็นเพื่อนสมาชิกว่า
1. ตามปกติแล้วในส่วนของภาษีธุรกิจเฉพาะ ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ใครเป็นผู้รับผิดชอบคะ?
2. สัญญาที่เราทำนี่ถือว่าเสียเปรียบมากไหม?

++++++++++
ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการขออนุมัติสินเชื่อธุรกิจจากธนาคาร
เบื้องต้นได้มีการเข้าไปคุยกับผู้จัดการสาขา พิจารณาหลักทรัพย์แล้วมีแนวโน้มว่าจะผ่านอนุมัติในเร็วๆนี้
แต่เรากำลังชั่งใจค่ะ ใจนึงก็อยากได้ แต่พอนึกถึงเงินที่ต้องเสียเพิ่มขนาดนั้นเราชักอยากจะตัดใจเข้าไปขอให้ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อแล้ว