วันนี้(30 พฤษภาคม 2558) สำนักงานที่ดินจังหวัดทุกจังหวัด จัดสัมมนากฎหมาย ปปช และการต่อต้านการทุจริต ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรน ซึ่งกรมที่ดินเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ถูกสังคมจับตาว่า มีการทุจริตประพฤติมิชอบมากที่สุด และอธิบดีกรมที่ดิน นายศิริพงษ์ ห่านตระกฤูล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยความหนักแน่นว่า พร้อมจะตัดเนื้อร้ายหากมีการพบในลักษณะนี้
แต่ตอนนี้ ในกรมที่ดินเองกลับมีการประพฤติมิชอบในการเหลิงอำนาจ แกล้งผู้ประกอบการที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วยการออกหนังสือสั่งให้ผู้ประกอบการต้องไปขออนุญาตจัดสรรก่อนจึงจะให้จำหน่ายหรือทำนิติกรรมสิทธิ์โอนซื้อขายกันได้ ทั้งที่กฎหมายก็ไม่ได้ระบุให้ทำได้ แกล้งตีความพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 โดยผิดๆเพี้ยนๆ แล้วมาอ้างว่าผู้ประกอบการทำผิดกฎหมาย
เรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ที่ดินที่ทำงานในสำนักงานที่ดินทุกจังหวัด ย่อมรู้ดีว่า เมื่อมีคนจะมาขอจดทะเบียนขายที่ดิน จะกี่แปลงก็ตาม หากไม่มีข้อห้ามเช่น โดนอายัด โดนเพิกถอน ฯลฯ ผู้ซื้อผู้ขายย่อมสามารถจดทะเบียนโอนกันได้ทันที ไม่มีการจำกัดจำนวนแปลง จะหนึ่งแปลงสามแปลงยี่สิบแปลงร้อยแปลงก็ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ต้องให้ไปขออนุญาตจัดสรรใหม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละขั้นตอนเพราะการขออนุญาตจัดสรรจะต้องใช้กับกรณีการขอแบ่งแยกที่ดินใหม่เท่านั้น
หากจะต้องมีการยกกรณีตัวอย่างในที่สัมนาครั้งนี้ กรณีของสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ออกหนังสือโดยมิชอบ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในขณะนี้ ที่สำคัญอีกประการคือ ตัวอธิบดีกรมที่ดินที่เป็นผู้นำองค์กรกลับไม่แสดงความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหานี้ได้แม้แต่น้อย
ผมเสียดายที่คนของกรมที่ดินส่วนใหญ่มีมีคุณธรรม มีจริยธรรมในการทำงาน จะต้องมาพลอยมัวหมองเพราะพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้น ไหนอธิบดีกรมที่ดินเคยพูดว่า พร้อมจะตัดนิ้วร้ายออกถ้าพบว่ามีการกระทำที่ส่อในทางทุจริตประพฤติมิชอบ ช่วยล้างภาพลักษณ์ของกรมที่ดินก่อนที่ท่านจะลุกจากเก้าอี้ตัวนี้ในอีกไม่ช้า
การสัมนากฎหมายปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของกรมที่ดินวันนี้...ดูเรื่องตัวเองเป็นกรณีศึกษาได้เลย
แต่ตอนนี้ ในกรมที่ดินเองกลับมีการประพฤติมิชอบในการเหลิงอำนาจ แกล้งผู้ประกอบการที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ด้วยการออกหนังสือสั่งให้ผู้ประกอบการต้องไปขออนุญาตจัดสรรก่อนจึงจะให้จำหน่ายหรือทำนิติกรรมสิทธิ์โอนซื้อขายกันได้ ทั้งที่กฎหมายก็ไม่ได้ระบุให้ทำได้ แกล้งตีความพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 โดยผิดๆเพี้ยนๆ แล้วมาอ้างว่าผู้ประกอบการทำผิดกฎหมาย
เรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ที่ดินที่ทำงานในสำนักงานที่ดินทุกจังหวัด ย่อมรู้ดีว่า เมื่อมีคนจะมาขอจดทะเบียนขายที่ดิน จะกี่แปลงก็ตาม หากไม่มีข้อห้ามเช่น โดนอายัด โดนเพิกถอน ฯลฯ ผู้ซื้อผู้ขายย่อมสามารถจดทะเบียนโอนกันได้ทันที ไม่มีการจำกัดจำนวนแปลง จะหนึ่งแปลงสามแปลงยี่สิบแปลงร้อยแปลงก็ได้ทั้งนั้น ไม่ใช่ต้องให้ไปขออนุญาตจัดสรรใหม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องคนละขั้นตอนเพราะการขออนุญาตจัดสรรจะต้องใช้กับกรณีการขอแบ่งแยกที่ดินใหม่เท่านั้น
หากจะต้องมีการยกกรณีตัวอย่างในที่สัมนาครั้งนี้ กรณีของสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ออกหนังสือโดยมิชอบ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในขณะนี้ ที่สำคัญอีกประการคือ ตัวอธิบดีกรมที่ดินที่เป็นผู้นำองค์กรกลับไม่แสดงความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหานี้ได้แม้แต่น้อย
ผมเสียดายที่คนของกรมที่ดินส่วนใหญ่มีมีคุณธรรม มีจริยธรรมในการทำงาน จะต้องมาพลอยมัวหมองเพราะพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่บางคนเท่านั้น ไหนอธิบดีกรมที่ดินเคยพูดว่า พร้อมจะตัดนิ้วร้ายออกถ้าพบว่ามีการกระทำที่ส่อในทางทุจริตประพฤติมิชอบ ช่วยล้างภาพลักษณ์ของกรมที่ดินก่อนที่ท่านจะลุกจากเก้าอี้ตัวนี้ในอีกไม่ช้า