ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ญี่ปุ่นคิดได้ไง vol.5 ตอนโรงพยาบาลปิดวันเสาร์อาทิตย์และนักขัตฤกษ์

เรื่องเล่าเฮฮาก่อนหน้านี้ตามlinkด้านล่างเลยค่ะ เผื่อใครอยากอ่านเรียงตั้งแต่แรก จะได้รู้จักกัน^^
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**นิวเยียร์ที่บ้านสุโดว์ ตอนป้าแมรี่สอนทำอาหาร** http://ppantip.com/topic/33550999
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ตอน นิวเยียร์บ้านสุโดว์ วันจริง!!** http://ppantip.com/topic/33564436
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ตอน กินเลี้ยงปีใหม่ ตอนป้าแมรี่กับพระเจ้า** http://ppantip.com/topic/33612600
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ญี่ปุ่น คิดได้ไง vol.1** http://ppantip.com/topic/33626409
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ญี่ปุ่น คิดได้ไง vol.2** http://ppantip.com/topic/33636682
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ญี่ปุ่น คิดได้ไง vol.3** http://ppantip.com/topic/33654086
ประสบการณ์แม่บ้านเจแปน**ญี่ปุ่นคิดได้ไง vol.4** http://ppantip.com/topic/33675931

สวัสดีค่ะค่ะค่ะ เรื่องนี้เขียนไว้ตั้งแต่3มีนาคม ปีที่แล้วค่ะ (2014)
เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ต้องไปโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่นแบบจริงจังจริงจังสุดๆค่ะ

ญี่ปุ่นคิดได้ไง vol.5 ตอนโรงพยาบาลปิดวันเสาร์อาทิตย์และนักขัตฤกษ์

มันเป็นความจริง
จริงๆนะ
มีน้อยยยยยยยมากที่เปิด
อย่างมากก็ เปิดรับลงทะเบียนแค่ช่วงเช้าวันเสาร์
(แถวเกียวโตมี นันทิชาเคยไปหา)
แต่อาทิตย์กริบแน่นอน
ใครมาเรียนต่อญี่ปุ่น ห้ามป่วยเสาร์อาทิตย์นะ ผิด
ใครมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วป่วยอยากจะไปหาหมอ
ถามไกด์ หรือถามเพื่อนญี่ปุ่นเรื่องโรงพยาบาลไหนดี กูป่วยต้องการพบแพทย์
ที่พวกเขางงๆอ้ำอึ้ง ไม่ใช่ว่าแล้งน้ำใจหรืออะไร
พวกเขาไม่รู้จริงๆ หายาก
อยากไปเดี๋ยวนั้น มีวิธีเดียว เร็วด้วย เรียกรถพยาบาล

นันทิชาคาใจข้างในลึกๆมานานแระ เลยถามคุณสามีไปว่า คิดได้ไงระบบนี้
โทโมะอ้างมาว่า
มีเป็นนโยบายกระจายคนไข้สู่คลีนิค โรงบาลเล็กๆ จะได้รักษากันทัน คนไม่กระจุกอยู่โรงพยาบาลใหญ่ๆ
อืมมมมมม
คิดได้ แนวคิดดี
ถ้านันทิชาแค่เป็นหวัด นันทิชาก็ไปแค่คลินิคปากซอย จุดนี้ไม่แคร์
แต่ถ้ากูไอเป็นเลือด หายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดปกติ คลินิคปากซอยกูไม่ไปป่าววะ

และโรงพยาบาลใหญ่ๆ ไปครั้งแรกแบบไม่มีจดหมายแนะนำจากคลินิคเล็ก ต้องเสียค่าตรวจสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้า
คือ ยังไงๆ ต้องไปหาคลินิคที่อื่นก่อนนะ แล้วค่อยขอให้เขาเขียนจดหมายแนะนำมานะ
ฟังแล้วงงๆ ระบบบ้าไรของพวกวะ

โรงพยาบาลไม่ขายยาด้วยนะ
ไปหาเสร็จจะได้ใบรายชื่อยาจากแพทย์ แล้วเอาใบนั้นไปตามร้านยา แล้วเขาถึงจะจัดยาให้
ระบบเธอว์ ไม่ one stop เลย วัยรุ่นเซ็ง
ส่วนใหญ่หน้าโรงพยาบาลก็จะมีร้านยาอยู่4มุม อยากร้านไหนเข้าร้านนั้นได้เลย

นันทิชาโคตรเซ็ง

เรื่องมันมีอยุ่ว่า นันทิชาต้องการจะพบแพทย์
ดิฉันรู้ตัวว่าป่วย รู้อาการ รู้โรคด้วย รู้ด้วยตัวเอง นั่งสมาธิมา พระเจ้าบอกมาว่านันทิชาต้องไปโรงพยาบาล
รู้ตัวมาจะครบ1เดือนแระ แต่นันทิชายังหาโรงพยาบาลให้ตัวเองไม่ได้
ไม่อยากไปคนเดียวด้วย โรคนี้พิเศษต้องควงสามีไปด้วย

ก็ได้โรงพยาบาล ใกล้สถานีรถไฟใหญ่ของเมือง
ไปมาสะดวก ถ้าคุณนายต้องไปหาหมอคนเดียว นั่งรถเมล์15นาทีก็ถึง
ใหญ่ ใหม่ สวยงาม โรงพยาบาลดังของเมือง
เข้าเวปโรงพยาบาล บอกว่ารับลงทะเบียนคนไข้ตั้งแต่8โมงครึ่ง คนไข้ใหม่ต้องจ่าย3150เยนเพื่อ...(อะไรก็ว่าไป กูจ่ายๆ กูให้ตรวจตั้งแต่เส้นผมถึงปลายเล็บเท้า)
โทโมะลาหยุดวันศุกร์ที่ผ่านมา ออกจากบ้านแต่เช้า
ไปถึงก่อนด้วย คนนั่งรอเยอะแล้ว ถึงคิวก็บอกเจ้าหน้าที่ถึงอาการ แล้วก็เป็นคนไข้ใหม่ กูจะมาตรวจกับโรงพยาบาล กูไม่ได้ปันใจไปที่ไหนมาก่อนเลยนะ
.
.
.
ปรากฎว่า
"ทางโรงพยาบาลไม่รับคนไข้ใหม่สำหรับโรคนี้ กรุณาไปที่อื่น แล้วกลับมาพร้อมกับจดหมายแนะนำ"
.
.
.
.
กริบ
ไหนบอกว่าจ่าย 3150บาทแล้วให้ตรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็เป็นพอไงงงงงงงง
.
.
"เฉพาะโรคนี้ ไม่รับคนไข้ใหม่ค่ะ"
แล้วอีนางพยาบาลหน้าตาไม่รับแขก เดาว่าเมื่อก่อนอยู่แผนกผู้ช่วยชันสูตร ยื่นหนังสือแผนที่มาให้เล่มนึง
แล้วเอ่ยมาว่า
"ในนี้มีชื่อคลินิคและแผนที่ เชิญไปหาที่เคาเตอร์ด้านหลัง"
.
.
.
กริบยิ่งกว่าเดิม
ไม่ให้คำปรึกษากูซักคำ
โทโมะโกรธมาก คว้าหนังสือแผนที่แล้วเดินออกมาไม่มองหน้านางพยาบาลอดีตผุ้ช่วยชันสูตรอีกเลย
แถมบ่นตลอดเวลา เมืองนี้อยู่ไม่ได้แระ
เอิ่มมมม ที่กูอยู่เมืองนี้ก็เพราะ

สรุปแล้วก็เลยบึ่งรถไปคลินิค ไกลออกไปอีกหน่อย lady clinic มีแต่หมอผู้หญิง ตรวจแต่ผู้หญิง
นั่งรอไป1ชม. ก็ได้ตรวจ หมอพูดไปบ้างไม่รู้ รู้แต่ว่า
ได้รูปนี้มา1ใบ


3เซนติเมตร
อายุ9สัปดาห์ ขึ้นเดือนที่3

งวดนี้ทุ่มสุดตัว ตีเลขกันไป มี3แน่นอน นันทิชาคอนเฟิร์ม

หมอบอกว่าตัวใหญ่แล้ว ทำไมมาหาหมอช้านัก
.
.
อยากจะด่าไปว่า ก็ระบบโรงแพทย์ชาตินะแหละ ยิ้มดดดดด
ถ้ากูคลอดเองได้กูไม่ดิ้นรนมาหาหรอก

นึกว่าปัญหาจะจบแค่นี้อ่ะเด่ะ ฝากท้องที่นี่เลยอ่ะเด่ะ
ยังงงงงงงงงงงงงงงงง

มานั่งนึก ใครจะกล้าคลอดคลินิคเล็กๆ
คลินิคที่มีห้องคลอดก็มี หมอก็แนะนำ แต่...ไม่เอาป่าววะ
ก็มีอีกวิธี ฝากท้องที่นี่ แล้วอายุครรภ์ครบเท่าไหร่ๆท้องโตแล้วหมอก็จะเขียนจดหมายแนะนำให้ไปโรงพยาบาลใหญ่ๆ ไปฝากต่อที่โน้น

เหมือนฝากท้องนวบุตร แล้วไปคลอดบำรุงราษ ไรงี้
แต่นั่นมันหมอคนเดียวกันป่าววะ นี่เปลี่ยนหมออีก

เอาไงดีนันทิชา
สรุปแล้ว เลยจะไปตรวจครั้งแรก ที่อีกโรงพยาบาลนึง
ใหญ่กว่าโรงแรกที่ไปแล้วมันหยิ่งใส่
จากบ้านก็ไม่ไกล บึ่งรถแค่15นาทีเช่นกัน แค่นันทิชาจะไปคนเดียว ไม่มีรถเมล์ตรงๆไปหา ต้องนั่งย้อนมาสถานีใหญ่แล้วนั่งย้อนไปอีกทาง แค่นั้นเอง

ก็เลยให้หมอเขียนจดหมายแนะนำเลย กูไปที่โน้นดีกว่า
ค่าจดหมายแนะนำ
กระดาษแผ่นเดียว
2680เยน
แค่กระดาษแผ่นเดียว
กินข้าวได้ประมาณ5มื้อ
.
.
.
นึกว่าจะจบแล้วอ่ะเด่ะ
ยังๆ
ญี่ปุ่นมีระบบที่เลิศเลอมากมาย เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ถ้าท้องปุ๊ป ต้องไปสำนักงานเขต
คลินิคให้ใบรับรองว่า มีลูกในท้องจริง
เอาไปยื่นที่เขต แล้วก็จะได้สมุดมา1เล่ม กับพวกใบประกันสุขภาพ เป็นคูปอง ฉีกใช้ทีละใบ




ข้างในก็มีที่ให้คุณหมอเขียนอ่ะ เวลาเราไปตรวจ
มีเวอร์ชั่นภาษาไทยด้วยนะ แต่สำนักงานเขตให้แค่เล่มเดียว ต้องเลือกเอาเวอร์ชั่นไหน
โทโมะแอบบ่น จ่ายภาษีไปตั้งเยอะ ขอ2เล่มไม่ได้หรือไง
(เฮียไม่ปล่อยวางเรื่องภาษี)
สรุป ถ้าเอาภาษาไทยไป นันทิชาต้องมานั่งอธิบายให้โทโมะฟังอีก
เลยเอาภาษาญี่ปุ่น อะไรไม่เข้าใจ กูหาข้อมูลเอง
ปรากฎว่า เวอร์ชั่นภาษาไทย อยากได้มีขาย ไปหาซื้อเองได้ 800เยน
จนป่านนี้ยังไม่ได้ซื้อเลย

แล้วก็ใบประกันสุขภาพ ถ้ามีคูปองนี้ก็ได้ลดค่าแพทย์ ไรพวกนี้
แต่นันทิชาได้คูปองไม่ครบทุกใบอีก อีเจ้าหน้าที่ฉีกเก็บไว้
เพราะว่า ใบID CARDชาวต่างชาติของนันทิชา หมดอายุเดือนกค.ปีนี้ ต้องไปยื่นขออยู่ในญี่ปุ่นต่อก่อน แล้วค่อยมาเอาคูปองเพิ่ม
เพราะต่างชาติที่แอบอยู่ต่อเยอะ เอาคูปองไปใช้ฟรีๆเยอะ เลยมีนโยบายเข้มงวด
ชิชะ ที่ชาติตัวเองให้เงินเกษียณซะเยอะ
ที่ต่างชาติเข้มงวดจังนะ

ต้องจองโรงพยาบาลอีก โรงพยาบาลใหญ่ มันฮิตติดดาว กว่าจะว่างให้นันทิชาพบหน้าแพทย์ได้ ปลายเดือน
วันที่ 28 มีค. แหนะ
คราวนี้ นับว่าไปตรวจครั้งที่1
(กว่าจะได้พบแพทย์ กูสวดมนต์ถามพระเจ้าไม่รู้กี่บทแระ แถมสวดมนต์ให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไปอีกหลายจบ)

สาธุ
ขอให้นันทิชา โชคดี
งวดนี้ แทง 33

เขามีเฟสบุ๊คด้วยนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่