+ เพราะอะไรประเทศอังกฤษถึงยังไม่มีรถไฟหัวกระสุนครับ? +

ทั้งที่เป็นประเทศที่คิดค้นรถไฟเป็นแห่งแรก ปัจจุบันยังใช้รถไฟความเร็วปานกลางอยู่เลย (แต่ก็ยังเร็วกว่าของไทยเยอะ และสภาพภายในก็ไฮโซไม่แพ้รถไฟความเร็วสูง) ผมเพิ่งเห็นข่าวรัฐบาลอังกฤษซื้อรถไฟล็อตใหม่จาก Hitachi (ความเร็วปานกลาง) และก็ยังตบตีกันเรื่องจะสร้างหรือไม่สร้างรถไฟความเร็วสูงวิ่งเชื่อมทั้งประเทศอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมรางของประเทศนี้ครับ???

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
จริงๆต้องบอกว่า รถไฟธรรมดาของอังกฤษก็ค่อนข้างเร้วอยู่แล้วครับ อย่างรถไฟวิ่งระหว่างเมืองพวก virgin train อะไรพวกนี้จะวิ่งที่สปีดประมาณ 200 km/h ซึ่งที่ทำความเร็วแบบนี้ได้เพราะว่ารางเค้าเปลี่ยนเป็นขนาดมาตรฐาน 1.43 เกือบหมด (อารมณ์คล้ายๆกับรถไฟเส้นอีสานของเราที่ทำร่วมกับจีนน่ะครับ คือความเร็วปกติก็เกือบ 200 แล้ว โดยที่ไม่ต้องเอารถความเร็วสูงแท้ๆมาวิ่ง) ที่สำคัญคือเครือข่ายรถไฟที่นี่เยอะมากกกกก มีวิ่งผ่านแทบทุกเมือง คือสามารถเลือกเดินทางไปด้วยรถไฟได้เกือบหมดเลย อย่างช้าจริงๆก็วิ่ง 160+ แล้ว โดยทั่วไปคนเลยไม่ค่อยรู้สึกถึงความจำเป็นที่ต้องเพิ่มสปีดมากนัก แต่ถ้าให้เทียบจริงๆ ราคาค่าตั๋วรถไฟปกติที่นี่ ก็เท่าๆ HSR ของไทยที่กำลังจะสร้างเลยครับ วิ่งชั่วโมงสองชั่วโมง คิดเป็นเงินไทยก็เฉียดพันแล้ว

แต่ถ้าให้พูดถึง HSR จริงๆ (ความเร็วเกิน 250) เค้ามี eurostar วิ่งเชื่อมลอนดอน ปารีส อยู่แล้วครับ อันนั้นราคาตั๋วโคตรรมหาแพงไปอีก ถูกสุดเท่าที่เจอคือ 3 พันกว่าบาท วิ่งแค่สองชั่วโมงนิดๆ แล้วก็มีโครงการใหม่ HSR2 ที่จะวิ่งขึ้นไปยัง Birmingham ในเฟส 1 แล้วก็ขยายต่อเฟส 2 ไป Leeds กับ Manchester แต่ว่าราคาค่าตัวโครงการนี่ ระยะทางแค่ 300 กว่ากิโลเมตร แพงกว่าโครงการ HSR ไทยทั้งหมดรวมกัน 2 เท่าเลยล่ะ เพราะว่าค่าเวนคืนที่ดิน ค่าวางแผน ค่าใช้จ่ายต่างๆมันสูงมาก และนั่นเป็นหนึ่งในปัญหาที่ว่าทำไมการขยายโครงข่ายรถไฟ HSR ในอังกฤษถึงทำไม่ได้ง่ายๆ กว่าจะจบหมดทั้งสองเฟส เค้าวางแผนไว้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาถึงเกือบ 30 ปีเลย

ว่ากันจริงๆ อังกฤษค่อนข้างตื่นตัวเรื่องนี้ช้าไปหน่อยครับ สาเหตุก็อย่างที่บอกด้านบน คือคนทั่วไปไม่ค่อยเห็นความสำคัญ บวกกับรัฐบาลละเลยการพัฒนารถไฟไปช่วงใหญ่มากด้วย ตอนนี้รถไฟที่วิ่งในอังกฤษ ก็ไม่ได้ผลิตเองครับ นำเข้าหมดเลย (อาจจะมีโรงงานประกอบ แต่ว่าเป็นแบรนด์ต่างชาติหมด) หลักคือรถ เยอรมัน กับ ญี่ปุ่น จะให้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีตัวเองใหม่ตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว คิดง่ายๆว่ารถหัวกระสุนเริ่มต้นในญี่ปุ่น 50 ปีที่แล้ว ผ่านไป 20 ปี เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน ถึงเริ่มพัฒนา ในขณะที่อังกฤษ ยังไม่มีอะไรเลย มันเลยกลายเป็นว่าตอนนี้เจอปัญหาใหญ่ๆสองดอก คือต้องนำเข้าเทคโนโลยี (ซึ่งจะแพงกว่าปกติแน่นอน) บวกกับเมืองแต่ละเมืองก็ใหญ่เกินจนค่าลงทุนแพงมากเป็นเงาตามตัว ที่สำคัญ ประเทศฝั่งยุโรปเค้าไม่ค่อยทำรางลอยฟ้ากัน ดังนั้นเข้าในเมืองปุ้บ ลงใต้ดินลูกเดียว ลองจินตนาการดูว่าต้นทุนมันจะทบไปอีกบานขนาดไหน

พูดก็พูดนะ เค้ายังเคยวิเคราะห์เลย ว่าทำไมประเทศเกิดใหม่อย่างพวกจีน หรือแม้กระทั่งไทย ถึงได้เปรียบ เวลามีการพัฒนาโครงการพวกนี้ขึ้นมา เพราะว่าเมืองมันยังไม่ใหญ่เกินไป จนต้นทุนบานเบอะ เลยเถิดไปจนอาจจะเรียกได้ว่าทำแล้วไม่คุ้ม (จริงๆตอนนี้แม้รัฐบาลอังกฤษจะพยายามผลักดัน ส่วนนึงก็เป็นเรื่องของหน้าด้วย เพราะในประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน รถไฟอังกฤษช้ากว่าเพื่อน แต่ว่าด้วยต้นทุนขนาดนั้น ประชาชนเริ่มถามว่ามันคุ้มรรึเปล่า) ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ซ้ำรอยปัญหาเดียวกับที่ประเทศพัฒนาแล้วพวกนี้เกิด เราต้องมองข้ามช้อต แล้วก็รีบทำในช่วงที่ต้นทุนยังถูกอยู่ เพราะถึงยังไงวันนึงเศรษฐกิจประเทศก็โตจนซัพพอร์ตมันได้อยู่ดี แต่ถ้ารอไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นอังกฤษ 2 นี่แล่ะ

แถมอีกนิด ถ้าได้ติดตามข่าวโครงการพวกนี้จริงๆ ท่านจะรู้ว่าโครงการ HSR ที่กำลังเกิดขึ้นในไทย สเกลแล้วก็สปีดในการทำงานนี่น้องๆจีนเลย ไม่มีประเทศไหนสามารถดันให้โครงการ 3-4 เส้น เกิดขึ้นได้พร้อมกันขนาดนี้นะ เพื่อนบ้านที่รักของเรา โดยเฉพาะประเทศข้างล่างนี่ ตาร้อนฉ่าเลยจ้า โครงการเค้า เส้นเดียวแค่ 300 กิโล ยังต้องเลื่อนแผนออกไปอีก เพราะสรุปสองรัฐบาลไม่ได้ซักที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่