สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คำถามเปรียบเทียบ What If ก็ได้แต่เดาครับ
มาลองดูเงื่อนไขของยุคสมัยก่อน เรื่องเทคโนโลยีมีผลอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขนาดก้าวกระโดด เรื่องที่ขุนพลยุคสามก๊กจะได้เปรียบกว่ามากคือเทคโนโลยีของฝ่ายบุกที่เหนือกว่า โดยเฉพาะอาวุธตีปราสาทและอาวุธเกาทัณฑ์ ส่วนยุคจ้านกว๋อนี่ต้องยอมรับว่าเป็นยุครุ่งเรืองของกองทัพทหารม้ามาก โดยเฉพาะแคว้นฉินและจ้าวถือว่ามีกองทัพม้าที่ดุดันจริงๆ ในยุคสามก๊กเองยังไม่ดุดันขนาดนั้น
ก่อนอื่นต้องดูว่า ยอดขุนพลยุคสามก๊ก จะเอาใครมาเทียบกับสี่ยอดขุนพลยุคจ้านกว๋อดี
ไป่ฉี เจ้าของสถิติแปดแสนศพ ทำศึกไม่เคยแพ้ เพราะเลือกศึกที่ตัวเองชนะ จุดแข็งมากๆคือ เป็นคนที่เหมือนมีสายตามองทุกอย่างในสนามรบในภาพรวมได้ทะลุทั้งหมด แต่ข้อเสียอยู่ที่บุคลิกที่ดื้อดึงและขาดความยืดหยุ่นเรื่องประมุขศิลป์เลยพบจุดจบ
เหลียนผอ คนที่ชีวิตดราม่าที่สุดในสี่ขุนพล ย้ายรัฐบ่อยสุด แต่เขาคือข้อพิสูจน์ว่า คนเก่งจริงไปอยู่ไหนก็มีแต่คนต้องการตัว
หวังเจี้ยน คนที่มีผลงานรวมแผ่นดินให้ฉินซี แต่เอาจริงๆแล้วรัฐที่เขาทำหน้าที่บุกพิชิตคือสองรัฐใหญ่อย่างจ้าวและฉู่ ข้อเด่นของหวังเจี้ยนคล้ายๆไป่ฉีคือ สามารถกำหนดชัยชนะก่อนจะออกศึกได้ถ้ามีปัจจัยและเงื่อนไขพร้อม
หลี่มู่ ผมยกให้เป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในยุคจ้านกว๋อ แต่ปัจจัยเกื้อหนุนมันไม่ถึง เลยต้องแพ้กลยุทธ์ของฝ่ายฉิน จุดแข็งมากๆอีกเรื่องคือการเป็นยอดขุนพลกองทัพม้าที่แม้แต่เผ่านอกด่านยังหวั่นเกรง ขนาดตอนรัฐจ้าวจะแตกอยู่แล้ว หลี่มู่ถึงค่อยโดนดึงตัวกลับมาช่วย เพราะตอนนั้นต้องทำหน้าที่ดูแลแถบชายแดนที่ติดกับพวกนอกด่าน
ข้อด้อยหลักๆของสี่เทพแห่งยุคจ้านกว๋อที่ทุกคนมีร่วมกันคือ "เก่งมากจนเจ้านายไม่ไว้ใจ" แต่ละคนขาดประมุขศิลป็ในการบริหารการอยู่กับเจ้านาย ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ทางการเมืองด้วยกันทุกคน นี่คือสิ่งที่พวกขุนพลตัวท้อปในสามก๊กยังเหนือกว่าพวกเขา
ในส่วนของยุคสามก๊ก ยอดแม่ทัพและขุนพลระดับสุดยอดที่มีส่วนคล้ายๆกับสี่คนข้างบน แล้วน่าจะเอามาเทียบกันได้ ลองแบ่งออกมาเป็น
แม่ทัพสายบัญชาการ - โจโฉ (ถ้าเอาเฉพาะบทบาทการเป็นแม่ทัพ) จิวยี่ สุมาอี้ ลิบอง ลกซุน
ขุนพลสายบัญชาการผสมบู๊ (บางสถานการณ์ ขุนพลสายนี้สามารถทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทัพได้ กลุ่มนี้เคยทำหน้าที่เหล่านี้มาแล้วด้วย) - กวนอู จูล่ง แฮหัวตุ้น เตียวเลี้ยว ซิหลง เตียวคับ ซุนเซ็ก ชีเซ่ง เตงฮอง อิกิ๋ม บังเต๊ก อุยเอี๋ยน เกียงอุย เตงงาย
ขุนพลเน้นบู๊ - ลิโป้ เตียวหุย ม้าเฉียว ฮองตง แฮหัวเอี๋ยน เคาทู เตียนอุย งักจิ้น ไทสูจู้ กำเหลง เจียวขิม จิวท่าย เล่งทอง
ถ้างัดเฉพาะตัวท็อปออกมา เรื่องรบแพ้นี่เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นตัวแปรจะอยู่ที่ผลงานและศักยภาพมากกว่า ถ้าให้เหลือ4คนก็น่าจะเป็น
โจโฉ จูล่ง เตียวเลี้ยว ลกซุน
ไป่ฉี vs โจโฉ
ชายสองคนที่มองภาพรวมของสนามรบได้ทะลุที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์แล้วมีความโหดเหี้ยมมากพอในการพร้อมที่จะสังหารคนเป็นแสนๆได้ถ้าจำเป็น
เหลียนผอ vs เตียวเลี้ยว
เรื่องการพร้อมใช้ทหารน้อยชนทหารมาก ไม่ว่าจะรุกหรือรับและความกล้าบ้าบิ่นในการบุกตะลุยต้องให้คู่นี้ไปเลย คู่นี้เรื่องกำลังใจฮึกเหิมน่าจะวัดกันยากสุด เชี่ยวชาญการปลุกขวัญทหารด้วยกันทั้งคู่ งานนี้วัดกันที่กำลังใจล้วนๆ แผนกลยุทธ์ซับซ้อนแทบจะเป็นเรื่องรองหรือไม่จำเป็น
หวังเจี้ยน vs ลกซุน
สองขุนพลเพลย์เซฟ เป็นสุดยอดสายตั้งรับในระดับขีดสุดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนมีความเขี้ยวและน้ำนิ่งไหลลึกสุดขีดในแง่ที่ว่าถ้าปัจจัยเอาชนะศึกยังมีไม่พร้อม จะไม่ออกศึกหรือไปวัดดวงข้างหน้าเลย ทุกอย่างและทุกขั้นตอนมีแผนการรองรับไว้หมด นี่จะเป็นการศึกที่เต็มไปด้สนการคำนวณถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแบบตลอดเวลาและตัดสินกันด้วยข่าวสาร ใครพลาดก่อน อีกฝ่ายจะพร้อมถอยหนีทันที
หลี่มู่ vs จูล่ง
แม่ทัพทหารม้าที่เก่งกล้าและเชี่ยวชาญกลยุทธ์การตั้งรับ เจอกับขุนพลทหารม้าที่กล้าหาญจนแทบเกินคนและเชี่ยวชาญกลยุทธ์จิตวิทยา ประเภทเน้นตีหัวก่อนแล้วหลอกบลัฟหาง คู่นี้มันส์มากๆแน่นอน เพราะการศึกจะขยับกันบุกไปๆมาๆโดยที่ต่างฝ่ายต่างนำทัพเน้นเด็ดหัวอีกฝ่าย แต่ถ้าไม่ได้ก็พร้อมถอยกลับแล้ววางกับดักซุ่มตีถ้าโดนตามตี และคู่นี้มีลูกบ้าเกินคนที่พร้อมทำเรื่องเหลือเชื่อได้
เปรียบเทียบขำๆนะครับ
มาลองดูเงื่อนไขของยุคสมัยก่อน เรื่องเทคโนโลยีมีผลอยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขนาดก้าวกระโดด เรื่องที่ขุนพลยุคสามก๊กจะได้เปรียบกว่ามากคือเทคโนโลยีของฝ่ายบุกที่เหนือกว่า โดยเฉพาะอาวุธตีปราสาทและอาวุธเกาทัณฑ์ ส่วนยุคจ้านกว๋อนี่ต้องยอมรับว่าเป็นยุครุ่งเรืองของกองทัพทหารม้ามาก โดยเฉพาะแคว้นฉินและจ้าวถือว่ามีกองทัพม้าที่ดุดันจริงๆ ในยุคสามก๊กเองยังไม่ดุดันขนาดนั้น
ก่อนอื่นต้องดูว่า ยอดขุนพลยุคสามก๊ก จะเอาใครมาเทียบกับสี่ยอดขุนพลยุคจ้านกว๋อดี
ไป่ฉี เจ้าของสถิติแปดแสนศพ ทำศึกไม่เคยแพ้ เพราะเลือกศึกที่ตัวเองชนะ จุดแข็งมากๆคือ เป็นคนที่เหมือนมีสายตามองทุกอย่างในสนามรบในภาพรวมได้ทะลุทั้งหมด แต่ข้อเสียอยู่ที่บุคลิกที่ดื้อดึงและขาดความยืดหยุ่นเรื่องประมุขศิลป์เลยพบจุดจบ
เหลียนผอ คนที่ชีวิตดราม่าที่สุดในสี่ขุนพล ย้ายรัฐบ่อยสุด แต่เขาคือข้อพิสูจน์ว่า คนเก่งจริงไปอยู่ไหนก็มีแต่คนต้องการตัว
หวังเจี้ยน คนที่มีผลงานรวมแผ่นดินให้ฉินซี แต่เอาจริงๆแล้วรัฐที่เขาทำหน้าที่บุกพิชิตคือสองรัฐใหญ่อย่างจ้าวและฉู่ ข้อเด่นของหวังเจี้ยนคล้ายๆไป่ฉีคือ สามารถกำหนดชัยชนะก่อนจะออกศึกได้ถ้ามีปัจจัยและเงื่อนไขพร้อม
หลี่มู่ ผมยกให้เป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดในยุคจ้านกว๋อ แต่ปัจจัยเกื้อหนุนมันไม่ถึง เลยต้องแพ้กลยุทธ์ของฝ่ายฉิน จุดแข็งมากๆอีกเรื่องคือการเป็นยอดขุนพลกองทัพม้าที่แม้แต่เผ่านอกด่านยังหวั่นเกรง ขนาดตอนรัฐจ้าวจะแตกอยู่แล้ว หลี่มู่ถึงค่อยโดนดึงตัวกลับมาช่วย เพราะตอนนั้นต้องทำหน้าที่ดูแลแถบชายแดนที่ติดกับพวกนอกด่าน
ข้อด้อยหลักๆของสี่เทพแห่งยุคจ้านกว๋อที่ทุกคนมีร่วมกันคือ "เก่งมากจนเจ้านายไม่ไว้ใจ" แต่ละคนขาดประมุขศิลป็ในการบริหารการอยู่กับเจ้านาย ทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ทางการเมืองด้วยกันทุกคน นี่คือสิ่งที่พวกขุนพลตัวท้อปในสามก๊กยังเหนือกว่าพวกเขา
ในส่วนของยุคสามก๊ก ยอดแม่ทัพและขุนพลระดับสุดยอดที่มีส่วนคล้ายๆกับสี่คนข้างบน แล้วน่าจะเอามาเทียบกันได้ ลองแบ่งออกมาเป็น
แม่ทัพสายบัญชาการ - โจโฉ (ถ้าเอาเฉพาะบทบาทการเป็นแม่ทัพ) จิวยี่ สุมาอี้ ลิบอง ลกซุน
ขุนพลสายบัญชาการผสมบู๊ (บางสถานการณ์ ขุนพลสายนี้สามารถทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทัพได้ กลุ่มนี้เคยทำหน้าที่เหล่านี้มาแล้วด้วย) - กวนอู จูล่ง แฮหัวตุ้น เตียวเลี้ยว ซิหลง เตียวคับ ซุนเซ็ก ชีเซ่ง เตงฮอง อิกิ๋ม บังเต๊ก อุยเอี๋ยน เกียงอุย เตงงาย
ขุนพลเน้นบู๊ - ลิโป้ เตียวหุย ม้าเฉียว ฮองตง แฮหัวเอี๋ยน เคาทู เตียนอุย งักจิ้น ไทสูจู้ กำเหลง เจียวขิม จิวท่าย เล่งทอง
ถ้างัดเฉพาะตัวท็อปออกมา เรื่องรบแพ้นี่เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นตัวแปรจะอยู่ที่ผลงานและศักยภาพมากกว่า ถ้าให้เหลือ4คนก็น่าจะเป็น
โจโฉ จูล่ง เตียวเลี้ยว ลกซุน
ไป่ฉี vs โจโฉ
ชายสองคนที่มองภาพรวมของสนามรบได้ทะลุที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์แล้วมีความโหดเหี้ยมมากพอในการพร้อมที่จะสังหารคนเป็นแสนๆได้ถ้าจำเป็น
เหลียนผอ vs เตียวเลี้ยว
เรื่องการพร้อมใช้ทหารน้อยชนทหารมาก ไม่ว่าจะรุกหรือรับและความกล้าบ้าบิ่นในการบุกตะลุยต้องให้คู่นี้ไปเลย คู่นี้เรื่องกำลังใจฮึกเหิมน่าจะวัดกันยากสุด เชี่ยวชาญการปลุกขวัญทหารด้วยกันทั้งคู่ งานนี้วัดกันที่กำลังใจล้วนๆ แผนกลยุทธ์ซับซ้อนแทบจะเป็นเรื่องรองหรือไม่จำเป็น
หวังเจี้ยน vs ลกซุน
สองขุนพลเพลย์เซฟ เป็นสุดยอดสายตั้งรับในระดับขีดสุดด้วยกันทั้งคู่ ทั้งสองคนมีความเขี้ยวและน้ำนิ่งไหลลึกสุดขีดในแง่ที่ว่าถ้าปัจจัยเอาชนะศึกยังมีไม่พร้อม จะไม่ออกศึกหรือไปวัดดวงข้างหน้าเลย ทุกอย่างและทุกขั้นตอนมีแผนการรองรับไว้หมด นี่จะเป็นการศึกที่เต็มไปด้สนการคำนวณถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแบบตลอดเวลาและตัดสินกันด้วยข่าวสาร ใครพลาดก่อน อีกฝ่ายจะพร้อมถอยหนีทันที
หลี่มู่ vs จูล่ง
แม่ทัพทหารม้าที่เก่งกล้าและเชี่ยวชาญกลยุทธ์การตั้งรับ เจอกับขุนพลทหารม้าที่กล้าหาญจนแทบเกินคนและเชี่ยวชาญกลยุทธ์จิตวิทยา ประเภทเน้นตีหัวก่อนแล้วหลอกบลัฟหาง คู่นี้มันส์มากๆแน่นอน เพราะการศึกจะขยับกันบุกไปๆมาๆโดยที่ต่างฝ่ายต่างนำทัพเน้นเด็ดหัวอีกฝ่าย แต่ถ้าไม่ได้ก็พร้อมถอยกลับแล้ววางกับดักซุ่มตีถ้าโดนตามตี และคู่นี้มีลูกบ้าเกินคนที่พร้อมทำเรื่องเหลือเชื่อได้
เปรียบเทียบขำๆนะครับ
แสดงความคิดเห็น
สี่แม่ทัพเอกยุคจั้นกว๋อ พอจะเทียบฝีมือกับเหล่าขุนพลยุคสามก๊กได้ไหม
พอจะเทียบฝีมือกับเหล่าแม่ทัพยคสามก๊กไหวไหมครับ
ถ้ารบกับแม่ทัพยุคสามก๊กจะเอาชนะได้เปล่า