เราคบกับแฟนมา6ปี ...3ปีในฐานะแฟน 3ปีในฐานะภรรยา
3ปีแรก เราทำงานที่กรุงเทพ แฟนเราเรียนเฉพาะทางในที่ทำงานเดียวกัน เราเจอกับแฟนเราเพราะ เขาประสบอุบัติเหตุ รถคว่ำแขนหัก ขาหัก มีโอกาสได้ดูแลเขาตั้งแต่นอนพักฟื้นในโรงพยาบาล เมื่อปี2552 ได้คุยกันตั้งแต่สมัยยังไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุค เริ่มคุยกันทางhi5
เขาเปิดเผยบอกเราแต่แรกว่าเขาเคยแต่งงานมาแล้วนะ ลูกติด2คน
เราก็ถามนะคะ ว่า หย่ารึยัง?? แล้วสาเหตุที่หย่า ??
>> เขาบอก หย่ากันแล้ว ลูกทั้ง2คนทางฝ่ายหญิง ดูแล
ให้เหตุผลที่หย่า เพราะภรรยาเก่า "เห็นแก่เงิน" (จำประโยคนี้ไว้นะคะ ประโยคเด็ด) ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อยๆ จนอยู่ด้วยไม่ได้ คบกันมา3ปี จดทะเบียนมีลูก2คน หย่ากันปี2543ตอน ลูกคนแรก 2ขวบ คนที่สอง ยังไม่เต็มขวบ
ตอนนั้นเราก็เชื่อที่เขาพูดค่ะ และเขาหย่าก็หย่ามา10กว่าปี แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเขาบอกเราค่ะ ว่าเขาอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนั้น เขาดูแลเราดีมากๆ ทุกๆการตัดสินใจของเขา มีเราอยู่ในการตัดสินใจของเขาเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างเรากับเขาคลิ๊กกันหมด ความฝันเรา2คนมีเหมือนกัน ไปในทางเดียวกันหมด เทคแคร์ ใส่ใจเราทุกอย่าง พาเราไปพบครอบครัว เขาดีจนคิดว่าเราคิดไม่ผิดที่เลือกผู้ชายคนนี้ เขาคือพ่อของลูก คือสามีที่ดีแน่ๆ...
เราตัดสินใจให้โอกาสเขาค่ะ คบกันเป็นแฟนอย่างเปิดเผย ดูแลกันมาตั้งแต่ขาเดี้ยง แขนขยับไม่ได้ กายภาพอยู่นานหลายเดือน จนกลับไปเรียนต่อได้
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน อะไรๆก็เริ่มเปิดเผยขึ้นมาเรื่อยๆ
เริ่มแรก เป็นเรื่องการเงินก่อน เราเริ่มรู้เรื่องการเงินหนี้สินที่เขามี ตั้งแต่ช่วงอยู่กับภรรยาคนแรก
บ้านที่กู้ร่วมกับภรรยาเก่า ที่ติดแบลคลิสต์มานานแสนนาน เขาบอก เพราะเคลียร์กันไม่ได้ตอนหย่า ภรรยาเก่าจะเอาบ้าน โดยให้เขาผ่อนต่อ เขาไม่ยอม เพราะ เขาผ่อนไป บ้านก็เป็นของภรรยาเก่า เขาจะเสียฟรีเงินทำไม!! ก็ปล่อยทิ้งไป ติดแบลคลิสต์ไป .....
(วันนั้น เราได้แค่ฟัง ไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมาก.....วันนี้ เรามานั่งคิดๆ เอ้อ บ้านที่เขาผ่อน ยังไงก็ตกเป็นของลูกๆทั้ง2คน ไหนๆคิดว่าผ่อนบ้านให้ลูกซะ ก็จบแล้ว ทำไมเขาไม่คิดว่าให้ลูกนะ)
หนี้ บัตรเครดิต เมื่อก่อนเขาทำงาน ตามที่รู้ๆกัน อาชีพนี้ไม่ต้องเรียนเฉพาะทาง สถาบันทางการเงินทั้งหลายก็ให้วงเงินสูงอยู่แล้ว
เขาระเริง ใช้เงินเกินตัว จนเป็นหนี้ ตอนนี้เขาเรียนเงินเดือนน้อย หมุนเงินจ่ายไม่ทัน สุดท้ายแก้ปัญหาไม่ได้เขา ก็ต้องยอมติดแบลคลิสต์กันไปตามระเบียบ เราช่วยอะไรไม่ได้มากค่ะ หนี้เยอะหลายล้าน เราช่วยได้แค่เอาเงินเก็บบางส่วนช่วยปิดไฟแนนซ์ค่ารถที่คว่ำต้องขายซากคืน ออกรถใหม่มาให้ใช้ด้วยกัน เพราะเขาติดแบลคลิสต์ ทำธุรกรรมใดๆไม่ได้เลย เราแค่ซัพพอร์ทดูแลชีวิตประจำวันของเขา ค่าที่พัก ค่าอาหาร อยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าจะลำบาก ยากจนแค่ไหน แค่นั้นค่ะ
เขาบอกเสมอว่า รอเขาเรียนจบก่อนนะ เขาจะพาไปทำนั่น จะพาไปเที่ยวที่นี่ ทุกอย่างจะดีขึ้น
ผ่านไป ปีกว่าๆ.....เรื่องเยินๆ ก็งอกมาอีก เราไปรู้มาอีกว่า หลังหย่าภรรยาคนแรก เขามีภรรยาคนที่สอง อยู่กินจดทะเบียนกันเกือบ4ปีแล้วหย่า (โอ้วววว...)
เราเม้งแตก กับเขาเลยค่ะ เราไม่ชอบคนโกหก เขาให้เหตุผลที่หย่ากับผู้หญิงคนนี้คือ ผู้หญิงเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน จ้องจะเอาเงินเขา (ประโยคเด็ดอีกแล้ว!!)
...สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ เพราะเขาหย่าแล้ว เราแค่โกรธที่เขาไม่บอกแค่นั้น เราเลยกลับมาดี มาคบกันเหมือนเดิม
แต่เราตามสืบประติดประต่อเรื่องของอย่างเงียบๆ จากอีเมลเขาที่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น(เรามีรหัสผ่าน) จากจดหมายที่ผู้หญิงส่งมาที่บ้าน ใบหย่า จากคำบอกเล่าของภรรยาเก่าๆที่ผ่านมา พอทุกคนเล่าเรื่องในมุมที่ตัวเองเจอ ได้มาเป็นstory ตามนี้เลยค่ะ...
เขาจดทะเบียนกับภรรยาคนแรก มีลูก2คน ช่วงที่มีลูกคนที่2 เขาทะเลาะกับภรรยาคนแรกบ่อย เรื่องเงิน จนเขาแอบไปกิ๊กกับคนในที่ทำงาน มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว จนภรรยาคนแรกจับได้ ทะเลาะกันหนัก เขาอยากหย่าแต่ ภรรยาคนแรกไม่หย่า เขาใช้วิธีกดดันโดยการหนี ภรรยาตาม ด้วยความที่ภรรยาคนแรกเป็นคนใจร้อน เขายั่วโมโหด้วยการเงียบ นิ่ง ขับรถหนี ภรรยาคนแรกสติแตก ขับรถชนท้ายรถเขาด้วยความโมโห เข้าทางสิคะ เขาขู่ถ้าไม่หย่า เขาจะแจ้งจับข้อหาพยายามฆ่า .........สุดท้าย ภรรยาคนแรก ยอมหย่า ด้วยความไม่เต็มใจ ได้เงินชดเชย ~5แสน (มารู้ทีหลังว่าเงิน5แสนนี่ คือเงินที่ไถ่รถคันแรกของเขาคืน รถคันแรกเป็นชื่อภรรยา เขาอยากได้คืนมาก เลยยอมเสียเงิน 5แสน แลกมา) หลังจากนั้นไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรแต่อย่างใด อ้างว่า ภรรยาเก่าไม่ให้พบลูก เลยไม่ส่งเงินให้ จนลูกโตเรียนมัธยม สุดท้ายเพิ่งถูกฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
หลังหย่า ....เขาก็ได้จดทะเบียน อยู่กินกับภรรยาคนที่2 คือกิ๊กในที่ทำงานเขานั่นเอง ซื้อคอนโดอยู่กันมา4ปีกว่า มีเงินเก็บ1ก้อน ภรรยาคนที่2อยากจัดแต่งงาน แต่เขาอยากเรียนต่อ ทะเลาะกันค่ะ ช่วงนั้น ก็ แอบคุยกับผู้หญิงคนนึง ดีกรีนักเรียนนอก การงานดี มีหน้ามีตาในสังคม เขาก็ว่าภรรยาคนที่2กับผู้หญิงคนใหม่ ว่าภรรยาเขา "เห็นแก่เงิน " อยากได้เงินเขา เห็นแก่ตัว ไม่ให้เขาไปเรียน เขาอยากหย่ามานานแล้ว ขอโอกาสกับผู้หญิงคนใหม่ อยากคบ ผู้หญิงคนใหม่. อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมปรับตัว
ผู้หญิง จึงยื่นคำขาด ถ้าไม่หย่า คงคบไม่ได้ คราวนี้ ฝ่ายชายเป็นเดือดเป็นร้อนเลยค่ะ ทำทุกทางให้ได้หย่า
ภรรยาคนที่สองรักเขามากค่ะ ซื่อๆ จิตใจดี ไม่ทันเขา เขาเอาความรัก เอาความรู้สึกที่ภรรยามี มากดดัน ทำตัวไม่สนใจ เมินเฉย ภรรยาทนไม่ได้ อ้อนวอน เขายื่นคำขาดให้หย่าพิสูจน์ใจ ว่ารักเขาจริง ไม่หวังทรัพย์สินเงินทองใดๆแม้แต่บาทเดียว
ภรรยาคนที่สอง >>ยอมหย่าพิสูจน์ใจ<< สลักหลังใบหย่า ไม่แบ่งทรัพย์สินเลยสักบาทเดียว หวังอยากเดียว ขอให้สามีกลับมาเหมือนเดิม !!!
ที่ไหนได้ พอเขาได้ใบหย่า เขาถีบหัวภรรยาคนที่สองทิ้งเลยค่ะ ไม่สนใจ ไม่เหลียวแล ทิ้งภรรยาคนที่สองไปหาผู้หญิงคนใหม่ บอกด้วยความดีใจว่า เขาดีใจมากๆที่วันนี้เขาได้ใบหย่าแล้ว
เขาทิ้งคอนโดที่เคยอยู่กับภรรยาคนที่สอง ไม่ผ่อนต่อ ติดแบลคลิสต์ อีกตามเคย !!!!
เขากับผู้หญิงคนใหม่คบกันไม่นาน ไม่ถึงปี เขาก็บอกเลิกหนีหายไปมีผู้หญิงคนอื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ จนมาถึงทุกวันนี้ คนนี้เลิกง่าย เพราะไม่มีทะเบียน ชิ่งเลย จบเรื่อง!!!!
(ผู้หญิงคนใหม่ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอกค่ะ บอกหย่าก็คือหย่า อยากขอโอกาส ก็ให้ ขายฝันให้ก็ซื้อด้วยใจ จนผู้หญิงคนใหม่ถูกทิ้งกลางอากาศ และได้มีโอกาสมาคุยกับภรรยาคนที่สอง จึงรู้ความเป็นมาเป็นไป)
และแล้ว เขาก็ได้มาเรียนต่อเฉพาะทาง รถคว่ำ พิการ แขนขาหัก เดี้ยง ไม่มีใคร จนมาพบเรา.....เราไม่ได้แย่งใครมา เขาไม่มีใคร เพราะทั้งจน ทั้งเดี้ยง ไม่มีสาวที่ไหนสนใจ
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปเราทราบเยอะขึ้นจนลำดับเหตุการณ์ได้ แต่เราก็ยังคบต่อ เพราะ เราคิดไปเองว่า เขาผ่านวงจรชีวิตมาเยินขนาดนี้ น่าจะคิดได้ เอาอดีตที่เน่าๆมาแก้ไข ปรับตัว สร้างครอบครัวจริงจัง ไม่ย้อนกลับไปทางเดิมอีก
ช่วงเวลา3ปีนั้นลำบากมากค่ะ เงินเดือนเขาน้อย มีหนี้สินจากการใช้ชีวิตก่อนที่จะมาเจอเราเยอะมาก หมุนเงินกันใช้เพื่อให้รอดไปทุกเดือน
แต่ สุดท้าย สันดานคน ก็คือสันดาน ค่ะ แก้ไม่ได้ วันที่เขาดี เพราะเขาอยากได้เรา วันนึงพอทุกอย่างเปิดเผย เรารับได้ เขาก็กลับไปเป็นตัวของตัวเอง
ระหว่างคบกัน เขาเริ่มกลับไปเป็นตัวเอง ทิฐิสูง ไม่ง้อใคร เริ่มไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ต้องคอยถาม คอยเรียกร้องให้สนใจตลอด ..จากที่เขาเคยตามเรากลายเป็นเราตามเขา พอเปลี่ยนไปเราก็งอแง น้อยใจ เราเป็นคนขี้น้อยใจมากๆ มักถามเสมอ "วันนั้นทำได้ ทำไมวันนี้ทำไม่ได้"
ทะเลาะกันบ่อยๆเป็นระยะๆ สุดท้ายพอดีกัน เราก็ลืมเรื่องที่ไม่ดีไป ลืมคำพูดที่ทำร้ายจิตใจไปหมด
เราดูแลเขาเหมือนเดิม เสื้อผ้า อาหาร งานบ้าน ไม่ขาดตกบกพร่อง พยายามทำหน้าที่แม่บ้านเราให้ดี เพราะเราอยากมีครอบครัวที่ดีที่อบอุ่น เราคิดมาเสมอว่า เราคงเอาแต่ใจเกินไป เราคงดูแลเขาไม่ดีพอมั้ง เรียกร้องเอาแต่ใจกับเขามากเกินไป ทุกครั้งที่ทะเลาะ เรามักจะเป็นคนผิดเสมอ เพราะเหตุผลเราสู้เหตุผลเขาไม่ได้เลยสักที ทุกครั้งที่ทะเลาะ ไม่เคยมานั่งจับเข่าคุยปรับความเข้าใจ บทสรุปสุดท้ายคือเราผิด และเงียบๆกันไป ไม่พูดถึงมันอีก ถ้าเราพูดอีกก็ผิดอีกทะเลาะกันอีก เงียบดีกว่า...
และแล้ววันที่เราสองคนรอคอยก็มาถึง คือวันที่เขาเรียนจบ ความเป็นอยู่ของครอบครัวจะดีขึ้น
พอเขาเรียนจบเขาเราอยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ในขณะนั้นการงานของเรามั่นคงมาก สามารถหารายได้ได้หลายทาง ที่อยู่ได้โดยไม่พึ่งพาใคร ส่วนเขาต้องการใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดและให้เราไปด้วย เริ่มสร้างครอบครัวกันในที่ที่เราไม่รู้จักใคร
ช่วงนั้นเราก็คิดหนักนะ เราไม่อยากไป เขาบอกก็ตามใจแต่เขาจะไปอยู่ต่างจังหวัด เรานี่เครียดเลย ถ้ายังอยู่ที่เดิม ปล่อยเขาไปอยู่ต่างจังหวัด ด้วยอาชีพเขาเราต้องเสียเขาไปแน่ๆ เพราะไกลกัน ไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่
เราขอเขาจดทะเบียนสมรส เพื่อเป็นหลักประกัน ว่า เราไปในฐานะภรรยา ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น เรายังอยู่ในฐานะภรรยา ... เราทะเลาะกันหนักมากค่ะ เพราะเขาไม่ยอมจดทะเบียน เขาบอกเราว่าเขาไม่อยากมีใบหย่าใบที่3 ... เราทะเลาะกันถึงขั้นเขาบอก"เลิก"..
เรายอมไม่จดทะเบียนค่ะ เพราะไม่อยากเสียเขาไป อ้อนวอนเขา ประกอบกับเป็นช่วงที่ เขาต้องไปฝึกงานต่างจังหวัดพอดี เขาตัดสินใจทิ้งเราไปเลยค่ะ (ครั้งที่1)
เราตามตื้อ ตามง้อ ยอมทุกอย่าง.. เขาหายไปเลยค่ะ ช่วงนั้นเราทำใจ เราคิดว่าเลิกก็เลิก เราอยู่ได้ ...
แล้ววันนึงเขาก็กลับมาค่ะ มาขอโทษ (เป็นครั้งแรกที่ขอโทษ) และเราก็คืนดีกัน เราไม่พูดถึงทะเบียนสมรสและเรื่องที่เขาทิ้งเราไปอีกเลย เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทะเลาะกันอีก แต่แล้ววันนึง เขาก็ชวนเราไปจดทะเบียนสมรส และย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันที่ในถิ่นทุรกันดาร(มากกก) บนเขาบนดอย ไกลตัวเมือง100กว่ากิโล..ตั้งแต่เวลานั้นเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา เขาคือคนที่เราอุ่นใจ ไว้ใจมากที่สุด
เขามีเงินเดือนสูงขึ้นกว่าเดิม10เท่า เขาจะไม่ให้เราทำงานค่ะ แต่เราไม่ยอม เราอยากทำงาน เราอยากมีเงินเป็นของตัวเอง ไม่แบมือขอเงินซื้อของฟุ่มเฟือยส่วนตัว เพราะเราชอบแต่งตัว มีภาระส่งน้องเรียน หนี้ส่วนของเราก็มี ไม่อยากเป็นภาระเขาเยอะเกินไป เพราะเขาต้องใช้หนี้สินเก่าอีกเยอะ เราตกลงกันก่อนย้ายว่า ถ้าเราลาออกจากที่เดิม เงินเดือนเราลดลงมากนะ แต่ภาระเราเท่าเดิม เราทำงานเองก็หาได้ไม่เท่าเดิม เขายินดีที่จะให้เงินดูแลเรา เดือนละ2หมื่นบาท โดยที่10000 บาทคือค่า อาหาร ค่าดูแลภายในบ้าน และอีก10000 บาทคือค่าผ่อนรถ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวส่งน้องเรียน ส่งให้แม่ ซื้อของส่วนตัวเราใช้เงินจากเงินเดือนตัวเอง ครอบครัวเราไม่เคยมาก้าวก่ายกับเขาเลยสักครั้ง
เราดูแลเขาเต็มที่ ตื่นเช้าเตรียมเสื้อผ้า ชุดทำงาน เตรียมทำอาหารเช้าบนโต๊ะ คิดเมนูอาหารใหม่ๆ เขาแต่งตัวลงมาพร้อมทาน เก็บจานล้าง เดินไปทำงานพร้อมกัน เก็บกวาดซักผ้ารีดผ้า พร้อมใช้เสมอ เราอยู่ด้วยดีมาตลอดค่ะ งอนบ้าง ทะเลาะบ้างเล็กๆน้อยๆ ....เรามีความสุขมาก ที่เราได้ทำหน้าที่แม่บ้านดูแลครอบครัว ดูแลคนที่รักได้ตามที่เคยวาดฝันไว้
มีดราม่าต่ออีกยาวค่ะ >>>>
อุทาหรณ์เตือนใจผู้หญิง ...อย่าฝากชีวิตกับผู้ชายที่มีใบหย่า2ใบ
3ปีแรก เราทำงานที่กรุงเทพ แฟนเราเรียนเฉพาะทางในที่ทำงานเดียวกัน เราเจอกับแฟนเราเพราะ เขาประสบอุบัติเหตุ รถคว่ำแขนหัก ขาหัก มีโอกาสได้ดูแลเขาตั้งแต่นอนพักฟื้นในโรงพยาบาล เมื่อปี2552 ได้คุยกันตั้งแต่สมัยยังไม่มีไลน์ ไม่มีเฟสบุค เริ่มคุยกันทางhi5
เขาเปิดเผยบอกเราแต่แรกว่าเขาเคยแต่งงานมาแล้วนะ ลูกติด2คน
เราก็ถามนะคะ ว่า หย่ารึยัง?? แล้วสาเหตุที่หย่า ??
>> เขาบอก หย่ากันแล้ว ลูกทั้ง2คนทางฝ่ายหญิง ดูแล
ให้เหตุผลที่หย่า เพราะภรรยาเก่า "เห็นแก่เงิน" (จำประโยคนี้ไว้นะคะ ประโยคเด็ด) ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทะเลาะกันเรื่องเงินบ่อยๆ จนอยู่ด้วยไม่ได้ คบกันมา3ปี จดทะเบียนมีลูก2คน หย่ากันปี2543ตอน ลูกคนแรก 2ขวบ คนที่สอง ยังไม่เต็มขวบ
ตอนนั้นเราก็เชื่อที่เขาพูดค่ะ และเขาหย่าก็หย่ามา10กว่าปี แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และเขาบอกเราค่ะ ว่าเขาอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนั้น เขาดูแลเราดีมากๆ ทุกๆการตัดสินใจของเขา มีเราอยู่ในการตัดสินใจของเขาเสมอ ทุกสิ่งทุกอย่างเรากับเขาคลิ๊กกันหมด ความฝันเรา2คนมีเหมือนกัน ไปในทางเดียวกันหมด เทคแคร์ ใส่ใจเราทุกอย่าง พาเราไปพบครอบครัว เขาดีจนคิดว่าเราคิดไม่ผิดที่เลือกผู้ชายคนนี้ เขาคือพ่อของลูก คือสามีที่ดีแน่ๆ...
เราตัดสินใจให้โอกาสเขาค่ะ คบกันเป็นแฟนอย่างเปิดเผย ดูแลกันมาตั้งแต่ขาเดี้ยง แขนขยับไม่ได้ กายภาพอยู่นานหลายเดือน จนกลับไปเรียนต่อได้
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน อะไรๆก็เริ่มเปิดเผยขึ้นมาเรื่อยๆ
เริ่มแรก เป็นเรื่องการเงินก่อน เราเริ่มรู้เรื่องการเงินหนี้สินที่เขามี ตั้งแต่ช่วงอยู่กับภรรยาคนแรก
บ้านที่กู้ร่วมกับภรรยาเก่า ที่ติดแบลคลิสต์มานานแสนนาน เขาบอก เพราะเคลียร์กันไม่ได้ตอนหย่า ภรรยาเก่าจะเอาบ้าน โดยให้เขาผ่อนต่อ เขาไม่ยอม เพราะ เขาผ่อนไป บ้านก็เป็นของภรรยาเก่า เขาจะเสียฟรีเงินทำไม!! ก็ปล่อยทิ้งไป ติดแบลคลิสต์ไป .....
(วันนั้น เราได้แค่ฟัง ไม่ได้ไตร่ตรองอะไรมาก.....วันนี้ เรามานั่งคิดๆ เอ้อ บ้านที่เขาผ่อน ยังไงก็ตกเป็นของลูกๆทั้ง2คน ไหนๆคิดว่าผ่อนบ้านให้ลูกซะ ก็จบแล้ว ทำไมเขาไม่คิดว่าให้ลูกนะ)
หนี้ บัตรเครดิต เมื่อก่อนเขาทำงาน ตามที่รู้ๆกัน อาชีพนี้ไม่ต้องเรียนเฉพาะทาง สถาบันทางการเงินทั้งหลายก็ให้วงเงินสูงอยู่แล้ว
เขาระเริง ใช้เงินเกินตัว จนเป็นหนี้ ตอนนี้เขาเรียนเงินเดือนน้อย หมุนเงินจ่ายไม่ทัน สุดท้ายแก้ปัญหาไม่ได้เขา ก็ต้องยอมติดแบลคลิสต์กันไปตามระเบียบ เราช่วยอะไรไม่ได้มากค่ะ หนี้เยอะหลายล้าน เราช่วยได้แค่เอาเงินเก็บบางส่วนช่วยปิดไฟแนนซ์ค่ารถที่คว่ำต้องขายซากคืน ออกรถใหม่มาให้ใช้ด้วยกัน เพราะเขาติดแบลคลิสต์ ทำธุรกรรมใดๆไม่ได้เลย เราแค่ซัพพอร์ทดูแลชีวิตประจำวันของเขา ค่าที่พัก ค่าอาหาร อยู่เคียงข้างเขา ไม่ว่าจะลำบาก ยากจนแค่ไหน แค่นั้นค่ะ
เขาบอกเสมอว่า รอเขาเรียนจบก่อนนะ เขาจะพาไปทำนั่น จะพาไปเที่ยวที่นี่ ทุกอย่างจะดีขึ้น
ผ่านไป ปีกว่าๆ.....เรื่องเยินๆ ก็งอกมาอีก เราไปรู้มาอีกว่า หลังหย่าภรรยาคนแรก เขามีภรรยาคนที่สอง อยู่กินจดทะเบียนกันเกือบ4ปีแล้วหย่า (โอ้วววว...)
เราเม้งแตก กับเขาเลยค่ะ เราไม่ชอบคนโกหก เขาให้เหตุผลที่หย่ากับผู้หญิงคนนี้คือ ผู้หญิงเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน จ้องจะเอาเงินเขา (ประโยคเด็ดอีกแล้ว!!)
...สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ เพราะเขาหย่าแล้ว เราแค่โกรธที่เขาไม่บอกแค่นั้น เราเลยกลับมาดี มาคบกันเหมือนเดิม
แต่เราตามสืบประติดประต่อเรื่องของอย่างเงียบๆ จากอีเมลเขาที่ติดต่อกับผู้หญิงคนอื่น(เรามีรหัสผ่าน) จากจดหมายที่ผู้หญิงส่งมาที่บ้าน ใบหย่า จากคำบอกเล่าของภรรยาเก่าๆที่ผ่านมา พอทุกคนเล่าเรื่องในมุมที่ตัวเองเจอ ได้มาเป็นstory ตามนี้เลยค่ะ...
เขาจดทะเบียนกับภรรยาคนแรก มีลูก2คน ช่วงที่มีลูกคนที่2 เขาทะเลาะกับภรรยาคนแรกบ่อย เรื่องเงิน จนเขาแอบไปกิ๊กกับคนในที่ทำงาน มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว จนภรรยาคนแรกจับได้ ทะเลาะกันหนัก เขาอยากหย่าแต่ ภรรยาคนแรกไม่หย่า เขาใช้วิธีกดดันโดยการหนี ภรรยาตาม ด้วยความที่ภรรยาคนแรกเป็นคนใจร้อน เขายั่วโมโหด้วยการเงียบ นิ่ง ขับรถหนี ภรรยาคนแรกสติแตก ขับรถชนท้ายรถเขาด้วยความโมโห เข้าทางสิคะ เขาขู่ถ้าไม่หย่า เขาจะแจ้งจับข้อหาพยายามฆ่า .........สุดท้าย ภรรยาคนแรก ยอมหย่า ด้วยความไม่เต็มใจ ได้เงินชดเชย ~5แสน (มารู้ทีหลังว่าเงิน5แสนนี่ คือเงินที่ไถ่รถคันแรกของเขาคืน รถคันแรกเป็นชื่อภรรยา เขาอยากได้คืนมาก เลยยอมเสียเงิน 5แสน แลกมา) หลังจากนั้นไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูบุตรแต่อย่างใด อ้างว่า ภรรยาเก่าไม่ให้พบลูก เลยไม่ส่งเงินให้ จนลูกโตเรียนมัธยม สุดท้ายเพิ่งถูกฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูไปเมื่อไม่นานมานี้เอง
หลังหย่า ....เขาก็ได้จดทะเบียน อยู่กินกับภรรยาคนที่2 คือกิ๊กในที่ทำงานเขานั่นเอง ซื้อคอนโดอยู่กันมา4ปีกว่า มีเงินเก็บ1ก้อน ภรรยาคนที่2อยากจัดแต่งงาน แต่เขาอยากเรียนต่อ ทะเลาะกันค่ะ ช่วงนั้น ก็ แอบคุยกับผู้หญิงคนนึง ดีกรีนักเรียนนอก การงานดี มีหน้ามีตาในสังคม เขาก็ว่าภรรยาคนที่2กับผู้หญิงคนใหม่ ว่าภรรยาเขา "เห็นแก่เงิน " อยากได้เงินเขา เห็นแก่ตัว ไม่ให้เขาไปเรียน เขาอยากหย่ามานานแล้ว ขอโอกาสกับผู้หญิงคนใหม่ อยากคบ ผู้หญิงคนใหม่. อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมปรับตัว
ผู้หญิง จึงยื่นคำขาด ถ้าไม่หย่า คงคบไม่ได้ คราวนี้ ฝ่ายชายเป็นเดือดเป็นร้อนเลยค่ะ ทำทุกทางให้ได้หย่า
ภรรยาคนที่สองรักเขามากค่ะ ซื่อๆ จิตใจดี ไม่ทันเขา เขาเอาความรัก เอาความรู้สึกที่ภรรยามี มากดดัน ทำตัวไม่สนใจ เมินเฉย ภรรยาทนไม่ได้ อ้อนวอน เขายื่นคำขาดให้หย่าพิสูจน์ใจ ว่ารักเขาจริง ไม่หวังทรัพย์สินเงินทองใดๆแม้แต่บาทเดียว
ภรรยาคนที่สอง >>ยอมหย่าพิสูจน์ใจ<< สลักหลังใบหย่า ไม่แบ่งทรัพย์สินเลยสักบาทเดียว หวังอยากเดียว ขอให้สามีกลับมาเหมือนเดิม !!!
ที่ไหนได้ พอเขาได้ใบหย่า เขาถีบหัวภรรยาคนที่สองทิ้งเลยค่ะ ไม่สนใจ ไม่เหลียวแล ทิ้งภรรยาคนที่สองไปหาผู้หญิงคนใหม่ บอกด้วยความดีใจว่า เขาดีใจมากๆที่วันนี้เขาได้ใบหย่าแล้ว
เขาทิ้งคอนโดที่เคยอยู่กับภรรยาคนที่สอง ไม่ผ่อนต่อ ติดแบลคลิสต์ อีกตามเคย !!!!
เขากับผู้หญิงคนใหม่คบกันไม่นาน ไม่ถึงปี เขาก็บอกเลิกหนีหายไปมีผู้หญิงคนอื่นโดยไม่ทราบสาเหตุ จนมาถึงทุกวันนี้ คนนี้เลิกง่าย เพราะไม่มีทะเบียน ชิ่งเลย จบเรื่อง!!!!
(ผู้หญิงคนใหม่ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่หรอกค่ะ บอกหย่าก็คือหย่า อยากขอโอกาส ก็ให้ ขายฝันให้ก็ซื้อด้วยใจ จนผู้หญิงคนใหม่ถูกทิ้งกลางอากาศ และได้มีโอกาสมาคุยกับภรรยาคนที่สอง จึงรู้ความเป็นมาเป็นไป)
และแล้ว เขาก็ได้มาเรียนต่อเฉพาะทาง รถคว่ำ พิการ แขนขาหัก เดี้ยง ไม่มีใคร จนมาพบเรา.....เราไม่ได้แย่งใครมา เขาไม่มีใคร เพราะทั้งจน ทั้งเดี้ยง ไม่มีสาวที่ไหนสนใจ
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปเราทราบเยอะขึ้นจนลำดับเหตุการณ์ได้ แต่เราก็ยังคบต่อ เพราะ เราคิดไปเองว่า เขาผ่านวงจรชีวิตมาเยินขนาดนี้ น่าจะคิดได้ เอาอดีตที่เน่าๆมาแก้ไข ปรับตัว สร้างครอบครัวจริงจัง ไม่ย้อนกลับไปทางเดิมอีก
ช่วงเวลา3ปีนั้นลำบากมากค่ะ เงินเดือนเขาน้อย มีหนี้สินจากการใช้ชีวิตก่อนที่จะมาเจอเราเยอะมาก หมุนเงินกันใช้เพื่อให้รอดไปทุกเดือน
แต่ สุดท้าย สันดานคน ก็คือสันดาน ค่ะ แก้ไม่ได้ วันที่เขาดี เพราะเขาอยากได้เรา วันนึงพอทุกอย่างเปิดเผย เรารับได้ เขาก็กลับไปเป็นตัวของตัวเอง
ระหว่างคบกัน เขาเริ่มกลับไปเป็นตัวเอง ทิฐิสูง ไม่ง้อใคร เริ่มไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ต้องคอยถาม คอยเรียกร้องให้สนใจตลอด ..จากที่เขาเคยตามเรากลายเป็นเราตามเขา พอเปลี่ยนไปเราก็งอแง น้อยใจ เราเป็นคนขี้น้อยใจมากๆ มักถามเสมอ "วันนั้นทำได้ ทำไมวันนี้ทำไม่ได้"
ทะเลาะกันบ่อยๆเป็นระยะๆ สุดท้ายพอดีกัน เราก็ลืมเรื่องที่ไม่ดีไป ลืมคำพูดที่ทำร้ายจิตใจไปหมด
เราดูแลเขาเหมือนเดิม เสื้อผ้า อาหาร งานบ้าน ไม่ขาดตกบกพร่อง พยายามทำหน้าที่แม่บ้านเราให้ดี เพราะเราอยากมีครอบครัวที่ดีที่อบอุ่น เราคิดมาเสมอว่า เราคงเอาแต่ใจเกินไป เราคงดูแลเขาไม่ดีพอมั้ง เรียกร้องเอาแต่ใจกับเขามากเกินไป ทุกครั้งที่ทะเลาะ เรามักจะเป็นคนผิดเสมอ เพราะเหตุผลเราสู้เหตุผลเขาไม่ได้เลยสักที ทุกครั้งที่ทะเลาะ ไม่เคยมานั่งจับเข่าคุยปรับความเข้าใจ บทสรุปสุดท้ายคือเราผิด และเงียบๆกันไป ไม่พูดถึงมันอีก ถ้าเราพูดอีกก็ผิดอีกทะเลาะกันอีก เงียบดีกว่า...
และแล้ววันที่เราสองคนรอคอยก็มาถึง คือวันที่เขาเรียนจบ ความเป็นอยู่ของครอบครัวจะดีขึ้น
พอเขาเรียนจบเขาเราอยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ในขณะนั้นการงานของเรามั่นคงมาก สามารถหารายได้ได้หลายทาง ที่อยู่ได้โดยไม่พึ่งพาใคร ส่วนเขาต้องการใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดและให้เราไปด้วย เริ่มสร้างครอบครัวกันในที่ที่เราไม่รู้จักใคร
ช่วงนั้นเราก็คิดหนักนะ เราไม่อยากไป เขาบอกก็ตามใจแต่เขาจะไปอยู่ต่างจังหวัด เรานี่เครียดเลย ถ้ายังอยู่ที่เดิม ปล่อยเขาไปอยู่ต่างจังหวัด ด้วยอาชีพเขาเราต้องเสียเขาไปแน่ๆ เพราะไกลกัน ไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่
เราขอเขาจดทะเบียนสมรส เพื่อเป็นหลักประกัน ว่า เราไปในฐานะภรรยา ถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น เรายังอยู่ในฐานะภรรยา ... เราทะเลาะกันหนักมากค่ะ เพราะเขาไม่ยอมจดทะเบียน เขาบอกเราว่าเขาไม่อยากมีใบหย่าใบที่3 ... เราทะเลาะกันถึงขั้นเขาบอก"เลิก"..
เรายอมไม่จดทะเบียนค่ะ เพราะไม่อยากเสียเขาไป อ้อนวอนเขา ประกอบกับเป็นช่วงที่ เขาต้องไปฝึกงานต่างจังหวัดพอดี เขาตัดสินใจทิ้งเราไปเลยค่ะ (ครั้งที่1)
เราตามตื้อ ตามง้อ ยอมทุกอย่าง.. เขาหายไปเลยค่ะ ช่วงนั้นเราทำใจ เราคิดว่าเลิกก็เลิก เราอยู่ได้ ...
แล้ววันนึงเขาก็กลับมาค่ะ มาขอโทษ (เป็นครั้งแรกที่ขอโทษ) และเราก็คืนดีกัน เราไม่พูดถึงทะเบียนสมรสและเรื่องที่เขาทิ้งเราไปอีกเลย เพราะไม่อยากให้มีปัญหาทะเลาะกันอีก แต่แล้ววันนึง เขาก็ชวนเราไปจดทะเบียนสมรส และย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันที่ในถิ่นทุรกันดาร(มากกก) บนเขาบนดอย ไกลตัวเมือง100กว่ากิโล..ตั้งแต่เวลานั้นเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา เขาคือคนที่เราอุ่นใจ ไว้ใจมากที่สุด
เขามีเงินเดือนสูงขึ้นกว่าเดิม10เท่า เขาจะไม่ให้เราทำงานค่ะ แต่เราไม่ยอม เราอยากทำงาน เราอยากมีเงินเป็นของตัวเอง ไม่แบมือขอเงินซื้อของฟุ่มเฟือยส่วนตัว เพราะเราชอบแต่งตัว มีภาระส่งน้องเรียน หนี้ส่วนของเราก็มี ไม่อยากเป็นภาระเขาเยอะเกินไป เพราะเขาต้องใช้หนี้สินเก่าอีกเยอะ เราตกลงกันก่อนย้ายว่า ถ้าเราลาออกจากที่เดิม เงินเดือนเราลดลงมากนะ แต่ภาระเราเท่าเดิม เราทำงานเองก็หาได้ไม่เท่าเดิม เขายินดีที่จะให้เงินดูแลเรา เดือนละ2หมื่นบาท โดยที่10000 บาทคือค่า อาหาร ค่าดูแลภายในบ้าน และอีก10000 บาทคือค่าผ่อนรถ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวส่งน้องเรียน ส่งให้แม่ ซื้อของส่วนตัวเราใช้เงินจากเงินเดือนตัวเอง ครอบครัวเราไม่เคยมาก้าวก่ายกับเขาเลยสักครั้ง
เราดูแลเขาเต็มที่ ตื่นเช้าเตรียมเสื้อผ้า ชุดทำงาน เตรียมทำอาหารเช้าบนโต๊ะ คิดเมนูอาหารใหม่ๆ เขาแต่งตัวลงมาพร้อมทาน เก็บจานล้าง เดินไปทำงานพร้อมกัน เก็บกวาดซักผ้ารีดผ้า พร้อมใช้เสมอ เราอยู่ด้วยดีมาตลอดค่ะ งอนบ้าง ทะเลาะบ้างเล็กๆน้อยๆ ....เรามีความสุขมาก ที่เราได้ทำหน้าที่แม่บ้านดูแลครอบครัว ดูแลคนที่รักได้ตามที่เคยวาดฝันไว้
มีดราม่าต่ออีกยาวค่ะ >>>>