เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับคุณแม่ของผมเอง เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 58 เวลา 12.30 น. ที่ผ่านมา
คุณแม่ผมได้มาต่อรถเมล์สาย 113 แถวสี่แยกประตูน้ำเพื่อไปลงที่หน้า MBK Center ซึ่งคุณแม่ก็ได้จ่ายค่าโดยสารและนั่งตามปกติ จนกระทั่งนั่งมาสักพักกระเป๋ารถเมล์ได้เดินเดินเก็บค่าโดยสารคนที่เพิ่งขึ้นใหม่ และเดินมาถึงคุณแม่ผมแล้วบอกว่าขอเก็บค่าโดยสาร คุณแม่ผมก็ได้บอกไปว่าได้จ่ายค่าโดยสารแล้วและกระเป๋ารถเมล์ก็ขอดูตั๋ว คุณแม่ผมก็ยินดีหาตั๋วให้โดยค้นหาตั๋วในกระเป๋าจนพบแล้วหยิบขึ้นมาถามว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าไม่ใช่ คุณแม่ผมก็หาใหม่แล้วหยิบขึ้นมาถามอีกครั้งว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าไม่ใช่ จนกระทั่งคุณแม่หยิบตั๋วใหม่มาอีกครั้งถามว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าใช่ (ที่คุณแม่ผมหาตั๋วหลายครั้งเพราะว่าคุณแม่ผมเพิ่งต่อรถเมล์สายอื่นๆมา แล้วก็เหมือนคนทั่วๆไปที่เมื่อได้ตั๋วก็ยัดๆใส่กระเป๋าทำให้จำไม่ได้ว่าตั๋วไหนคืออันไหนบ้าง) ซึ่งคุณแม่ผมก็บอกไปว่าเห็นไหมว่าจ่ายแล้ว แต่กระเป๋าไม่สนใจฟังแล้วก็เดินไปเก็บค่าโดยสารคนอื่นๆต่อ
แต่เหตุการณ์ไม่ควรเกิดก็คือว่าในระหว่างที่กระเป๋าคนนี้กำลังเดินเก็บค่าโดยสารนั้น ก็ได้พูดตะคอกเสียงดังไปทั้งรถว่า "ผิดก็ไม่ยอมรับผิด ตั๋วใบเดียวทำเป็นจำไม่ได้........." โดยเดินพูดไปมาตลอดการเก็บค่าโดยสาร ซึ่งคุณแม่ผมก็พยายามพูดโต้กลับว่า "คุณทำไมไม่ยอมจบ คุณถามหาตั๋วฉันก็บอกว่าจ่ายแล้ว และฉันก็หาตั๋วให้คุณเจอแล้ว คุณพูดดังไปทั่วทั้งรถแบบนี้เหมือนฉันเป็นคนโกงค่าโดยสารยังงั้นหรือ" แต่กระเป่ารถเมล์ก็สวนกลับว่า "พูดไม่รู้เรื่อง ผิดก็ไม่ยอมรับผิด แล้วก็พูดวนในลักษณะเดิมไม่ยอมหยุดยังพูดแบบเดิมต่อไป
จนผู้โดยสารคนที่นั่งข้างๆคุณแม่ผมพยายามสะกิดบอกอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาไม่ฟังคุณหรอกปล่อยให้เค้าพูดไป ซึ่งคุณแม่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรทั้งๆที่จ่ายค่าโดยสารไปแล้ว มีตั๋วยืนยันให้ดูก็แล้ว แต่ถูกว่าดูหมิ่นต่อหน้าผู้โดยสารคนอื่นจากกระเป๋ารถเมล์ด้วยวาจาแบบนี้ก็ทำให้คุณแม่ผมอับอายเหมือนกัน ผู้โดยสารคนอื่นๆเค้าก็มองมาที่แม่ผม ในระหว่างที่พอมีจังหวะเพราะใกล้ถึงจุดหมายที่จะลงแล้วคุณแม่ผมก็พยายามถ่ายรูปกระเป๋ารถเมล์คนที่ทำพฤติกรรมข้างต้นนี้ไว้ แต่กระเป๋ารถเมล์คนนี้หันมาเห็นพอดีก็เดินปรี่เข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์และถ่ายรูปคุณแม่ผมไปเช่นกันพร้อมพูดว่า "แกถ่ายรูปฉันได้ ฉันก็ได้แกได้เหมือนกัน" โดยถ่ายทุกอิริยาบถตั้งแต่คุณแม่ผมนั่งอยู่แล้วเดินตามถ่ายระหว่างคุณแม่ผมจะลงรถเมล์จนกระทั่งลงรถที่ป้าย!!!!
คุณแม่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแกก็มาเล่าให้ผมฟังเพราะรู้สึกกลัวไม่ปลอดภัยที่ตัวเองถูกถ่ายรูปไปลักษณะนั้น ทั้งๆที่ตนเองถ่ายรูปกระเป๋ารถเมล์ไว้เพื่อจะเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นคนไหน เพราะคุณแม่ผมจำเลขทะเบียน จำชื่อกระเป๋าไม่ได้เพราะรถร่วมส่วนใหญ่ไม่มีชื่อคนขับ หรือชื่อคนเก็บเงินไว้ที่ตัวรถหรือเสื้อที่ใส่
ซึ่งผมฟังจากที่คุณแม่เล่าแล้วก็งง จากเหตุการณ์ทั้งหมดว่าที่กระเป๋ารถเมล์เค้าเจตนาพูดประหนึ่งว่าคุณแม่ผมโกงค่าโดยสารไม่ยอมจ่ายซะงั้น ???? หรือ และการที่คุณแม่ถูกถ่ายรูปไปลักษณะนั้นจะเอาไปทำอะไร ผมก็เกรงถึงความไม่ปลอดภัยของคุณแม่ผมเหมือนกัน ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดีครับไม่อยากให้เค้าไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับใครเลยเพราะงานนี้เป็นงานบริการ รถขนส่งสาธารณะด้วยนะครับ
นี่คือรูปถ่ายของกระเป๋ารถเมล์ สาย 113 ที่คุณแม่ผมพยายามถ่ายไว้ พร้อมกับตั๋วรถเมล์ที่ขึ้นในวันเกิดเหตุ เท่าที่ผมสังเกตจากตั๋วรถเมล์น่าจะเป็นของบริษัท กรุงเทพขนส่ง จำกัด
ถูกกระเป๋ารถเมล์รถร่วมบริการทำแบบนี้จะทำอย่างไรดีครับ
คุณแม่ผมได้มาต่อรถเมล์สาย 113 แถวสี่แยกประตูน้ำเพื่อไปลงที่หน้า MBK Center ซึ่งคุณแม่ก็ได้จ่ายค่าโดยสารและนั่งตามปกติ จนกระทั่งนั่งมาสักพักกระเป๋ารถเมล์ได้เดินเดินเก็บค่าโดยสารคนที่เพิ่งขึ้นใหม่ และเดินมาถึงคุณแม่ผมแล้วบอกว่าขอเก็บค่าโดยสาร คุณแม่ผมก็ได้บอกไปว่าได้จ่ายค่าโดยสารแล้วและกระเป๋ารถเมล์ก็ขอดูตั๋ว คุณแม่ผมก็ยินดีหาตั๋วให้โดยค้นหาตั๋วในกระเป๋าจนพบแล้วหยิบขึ้นมาถามว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าไม่ใช่ คุณแม่ผมก็หาใหม่แล้วหยิบขึ้นมาถามอีกครั้งว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าไม่ใช่ จนกระทั่งคุณแม่หยิบตั๋วใหม่มาอีกครั้งถามว่าใช่ตั๋วนี้ไหม กระเป๋าก็บอกว่าใช่ (ที่คุณแม่ผมหาตั๋วหลายครั้งเพราะว่าคุณแม่ผมเพิ่งต่อรถเมล์สายอื่นๆมา แล้วก็เหมือนคนทั่วๆไปที่เมื่อได้ตั๋วก็ยัดๆใส่กระเป๋าทำให้จำไม่ได้ว่าตั๋วไหนคืออันไหนบ้าง) ซึ่งคุณแม่ผมก็บอกไปว่าเห็นไหมว่าจ่ายแล้ว แต่กระเป๋าไม่สนใจฟังแล้วก็เดินไปเก็บค่าโดยสารคนอื่นๆต่อ
แต่เหตุการณ์ไม่ควรเกิดก็คือว่าในระหว่างที่กระเป๋าคนนี้กำลังเดินเก็บค่าโดยสารนั้น ก็ได้พูดตะคอกเสียงดังไปทั้งรถว่า "ผิดก็ไม่ยอมรับผิด ตั๋วใบเดียวทำเป็นจำไม่ได้........." โดยเดินพูดไปมาตลอดการเก็บค่าโดยสาร ซึ่งคุณแม่ผมก็พยายามพูดโต้กลับว่า "คุณทำไมไม่ยอมจบ คุณถามหาตั๋วฉันก็บอกว่าจ่ายแล้ว และฉันก็หาตั๋วให้คุณเจอแล้ว คุณพูดดังไปทั่วทั้งรถแบบนี้เหมือนฉันเป็นคนโกงค่าโดยสารยังงั้นหรือ" แต่กระเป่ารถเมล์ก็สวนกลับว่า "พูดไม่รู้เรื่อง ผิดก็ไม่ยอมรับผิด แล้วก็พูดวนในลักษณะเดิมไม่ยอมหยุดยังพูดแบบเดิมต่อไป
จนผู้โดยสารคนที่นั่งข้างๆคุณแม่ผมพยายามสะกิดบอกอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาไม่ฟังคุณหรอกปล่อยให้เค้าพูดไป ซึ่งคุณแม่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรทั้งๆที่จ่ายค่าโดยสารไปแล้ว มีตั๋วยืนยันให้ดูก็แล้ว แต่ถูกว่าดูหมิ่นต่อหน้าผู้โดยสารคนอื่นจากกระเป๋ารถเมล์ด้วยวาจาแบบนี้ก็ทำให้คุณแม่ผมอับอายเหมือนกัน ผู้โดยสารคนอื่นๆเค้าก็มองมาที่แม่ผม ในระหว่างที่พอมีจังหวะเพราะใกล้ถึงจุดหมายที่จะลงแล้วคุณแม่ผมก็พยายามถ่ายรูปกระเป๋ารถเมล์คนที่ทำพฤติกรรมข้างต้นนี้ไว้ แต่กระเป๋ารถเมล์คนนี้หันมาเห็นพอดีก็เดินปรี่เข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์และถ่ายรูปคุณแม่ผมไปเช่นกันพร้อมพูดว่า "แกถ่ายรูปฉันได้ ฉันก็ได้แกได้เหมือนกัน" โดยถ่ายทุกอิริยาบถตั้งแต่คุณแม่ผมนั่งอยู่แล้วเดินตามถ่ายระหว่างคุณแม่ผมจะลงรถเมล์จนกระทั่งลงรถที่ป้าย!!!!
คุณแม่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแกก็มาเล่าให้ผมฟังเพราะรู้สึกกลัวไม่ปลอดภัยที่ตัวเองถูกถ่ายรูปไปลักษณะนั้น ทั้งๆที่ตนเองถ่ายรูปกระเป๋ารถเมล์ไว้เพื่อจะเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นคนไหน เพราะคุณแม่ผมจำเลขทะเบียน จำชื่อกระเป๋าไม่ได้เพราะรถร่วมส่วนใหญ่ไม่มีชื่อคนขับ หรือชื่อคนเก็บเงินไว้ที่ตัวรถหรือเสื้อที่ใส่
ซึ่งผมฟังจากที่คุณแม่เล่าแล้วก็งง จากเหตุการณ์ทั้งหมดว่าที่กระเป๋ารถเมล์เค้าเจตนาพูดประหนึ่งว่าคุณแม่ผมโกงค่าโดยสารไม่ยอมจ่ายซะงั้น ???? หรือ และการที่คุณแม่ถูกถ่ายรูปไปลักษณะนั้นจะเอาไปทำอะไร ผมก็เกรงถึงความไม่ปลอดภัยของคุณแม่ผมเหมือนกัน ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรดีครับไม่อยากให้เค้าไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับใครเลยเพราะงานนี้เป็นงานบริการ รถขนส่งสาธารณะด้วยนะครับ
นี่คือรูปถ่ายของกระเป๋ารถเมล์ สาย 113 ที่คุณแม่ผมพยายามถ่ายไว้ พร้อมกับตั๋วรถเมล์ที่ขึ้นในวันเกิดเหตุ เท่าที่ผมสังเกตจากตั๋วรถเมล์น่าจะเป็นของบริษัท กรุงเทพขนส่ง จำกัด