เห็นหลายคนงงเรื่อง Oregairu ช่วงนี้ผมเลยเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆให้ดังนี้ครับ
อันดับแรกต้องอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสามคนนี้ก่อน ฮาจิมังกับยูกิโนะเข้าใจซึ่งกันว่าทั้งสองต่างเกลียดการเสแสร้งหลอกลวงและทำอะไรด้วยตนเองมาโดยตลอด เมื่อก่อนโยกิโนะก็เคยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักฮาจิมังมาก่อนก็ทำพระเอกเรางอนไปพักนึงเหมือนกัน ฮาๆๆ ส่วนยุยก็สนิทกับยูกิโนะมาโดยตลอด ไม่เคยได้ทะเลาะหรือขัดแย้งอะไรกับยูกิโนะตรงๆเลยสักครั้ง แม้จะมีปัญหาหัวใจกันบ้างแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี (อันนี้ผมอาจจะมโนเอาเองนะแต่บางฉากก็เหมือนรู้กันแค่สองคน)
หลังจากที่ service club ทำงานไปได้สักพักก็เริ่มมามีปัญหาตอนที่ฮาจิมังใช้วิธีสารภาพรักนี่แหละครับ กับยุยก็ช็อกที่เห็นคนที่แอบรักบอกรักคนอื่นต่อหน้าโดยไม่รู้สึกอะไรเลย กับยูกิโนะก็ช็อกที่เห็นคนที่ตนคิดว่าเกลียดการเสแสร้งหลอกลวงเหมือนกันนั้นกลับทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ กลายเป็นเริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจฮาจิมังจริงๆรึเปล่า หรือฮาจิมังจะเปลี่ยนไปแบบฮายาโตะ
ปมหลักของปัญหาในตอนนี้คือฮาจิมังทำในสิ่งที่ทรยศต่อความเชื่อมั่นที่ยูกิโนะมีให้ ตอนที่แนะนำให้ยุยที่ไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไรต่อนั้นให้ทำตัวปกติซะยิ่งทำให้ยูกิโนะไม่มั่นใจว่าฮาจิมังจะไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยพูดไว้รึเปล่า แล้วปัญหาก็ซับซ้อนยิ่งขึ้นตอนโดนพี่สาวจี้ปมให้สมัครเป็นประธานไปซะ ยุยจังเลยไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ service club ถูกยุบไปกลายเป็นว่าตอนนี้มีปัญหาทั้งกับยุยและฮาจิมัง
หลังจากจบศึกไปแล้วก็เหลือแต่รอยยิ้มที่ถอดใจของยูกิโนะกับความสัมพันธ์ที่พยายามประคองรอยร้าวไว้ไม่ให้มันพังทลายไปกว่านั้น แน่นอนว่าทั้งฮาจิมังและยุยต่างก็รู้ดีว่าอาจได้ทำผิดกับยูกิโนะไปแล้วที่ไปขัดขวางไม่ให้สมัครเป็นประธานนักเรียน ทั้งคู่ต่างก็พยายามจะประสาวรอยร้าวกลับมาเท่าที่จะทำได้
หลังจาก club ดำเนินไปได้สักพักก็มีรุ่นน้องมาขอความช่วยเหลือ ตอนที่ฮาจิมังเห็นยูกิโนะไม่พูดอะไรแล้วตามใจที่ยุยพูดไปจึงตอบปฏิเสธไปตามความเชื่อเดิมของ club เพื่อรักษาเศษเสี้ยวของยูกิโนะที่ยังเหลืออยู่ แถมเป็นความผิดของตัวเองที่จะผลักภาระไปให้ยูกิโนะไม่ได้ด้วยจึงรับงานเป็นการส่วนตัวแทน
หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรใน club อีก เหลือแต่เสียงหัวเราะที่ค่อยๆจางหายไป จนคืนหนึ่งที่ยูกิโนะบังเอิญมาเจอกับฮาจิมังพอดีจึงได้บอกไปว่าไม่ต้องฝืนทำเพื่อพวกเธออีกต่อไปแล้ว ถ้าความสัมพันธ์มันจะจบลงไปง่ายๆได้อย่างนั้นก็เพราะมันเปราะบางแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ อาจจะมาจากบางสิ่งในตัวเธอที่พังทลายไปหรือความรู้สึกที่ถูกปลีกแยกไปทำให้พูดแบบนั้น
จากที่เล่ามา เรื่องที่ทั้งสองเข้าใจผิดในตอนนี้คือ ฮาจิมังเข้าใจว่ายูกิโนะเป็นคนที่เข้มแข็งและยืนหยัดทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวตลอด จนมาตอนหลังที่เริ่มจะรู้สึกตัวว่าไม่ใช่แบบนั้นก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว ส่วนยูกิโนะก็เข้าใจว่าสำหรับฮาจิมังแล้วทุกคนคือคนอื่นๆเหมือนกันหมด แม้แต่พวกเธอเองก็เป็นคนนอกที่อยู่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ มีเรื่องอะไรมาฮาจิมังก็แบกรับไม่เองหมดไม่คิดจะเปิดใจให้ใคร
หลังจากที่ฮาจิมังโดนอาจารย์เทศนายกใหญ่ก็เริ่มจะคิดได้ จึงกลับไปยัง service club เพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ฮาจิมังก็ยังแบกรับทุกอย่างไว้เป็นความผิดของตัวเองหมดคนเดียว ที่มาขอให้ช่วยก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆที่เข้ามา service club เพื่อขอความช่วยเหลือซึ่งนั่นทำให้ยูกิโนะเกิดน้อยใจจึงพูดตัดรอนปฏิเสธแบบอ้อมๆไป ยุยทนไม่ไหวเลยได้มาม่ากับยูกิโนะรอบสอง
shot ทะเลาะกันตอนที่ 8 นี้ผมล่ะสงสารยูกิโนะจริงๆเลยนะ ก่อนฮาจิมังเข้ามายุยก็กดมือถือเงียบๆ ตอนภาคแรกเคยบอกว่ากดมือถือเพราะอะไรยิ่งเศร้าใหญ่ เห็นทั้งสองคนตัดสินใจกันแล้วว่าจะแสร้งทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าทั้งสองคนต้องการแบบนั้นฉันก็จะยอมทำตามพวกเธอจนกว่าความสัมพันธ์อันเปราะบางนี้จะพังทลายลงไปจนหมด เพราะคำพูดที่เคยเข้าใจนั้นไม่อาจเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวพวกเราได้อีกต่อไปแล้ว
ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย ฮาจิมังก็มาห้ามทับไว้ได้ทันว่าการที่พูดไปแล้วจะเข้าใจได้นั้นเป็นเพียงแค่ความหยิ่งผยองของผู้พูดและจองหองของผู้ฟัง ไม่มีใครที่จะพูดแล้วเข้าใจได้ทั้งหมดหรอก การที่จะเข้าใจได้โดยไม่พูดก็เป็นเรื้องเพ้อฝันเช่นกัน คำพูดจึงไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ
แต่ว่า...สิ่งที่ฉันต้องการนั้นเคยอยู่ที่ตรงนี้ มันไม่ใช่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เพื่อนกันหรืออยู่ด้วยกันอะไรพวกนั้น ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจอะไรฉันหรอก ฉันแค่อยากจะเข้าใจ ฉันอย่างจะรู้ อยากจะรู้สึกสบายใจที่ได้รู้ อยากได้ความสบายใจ เพราะการไม่เข้าใจอะไรมันช่างน่ากลัว
การที่อยากเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องที่หลงตัวเองแบบสุดกู่ เป็นความปรารถนาอันจองหองและเย่อหยิ่งที่สุด มันช่างดูไร้ยางอายและน่ารังเกียจยิ่งนัก และฉันเองก็รู้สึกขยะแขยงกับตัวเองมากที่ต้องการแบบนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ถ้าเกิดว่าเราต่างรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าความสัมพันธ์ที่สามารถยัดเยียดความเห็นแก่ตัวให้แก่กันแล้วยอมรับซึ่งกันได้นั้นมีอยู่จริงล่ะก็ ฉันก็รู้ตัวว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นได้เพียงเรื่องเฟ้อฝัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันเอง ก็อยากได้ความสัมพันธ์ที่เป็นของแท้แบบนั้น
ยูกิโนะได้ยินก็ได้แต่อึ้งทำตัวไม่ถูก หนีออกมาไตร่ตรองจึงเข้าใจว่าฮาจิมังแคร์พวกเธอมากขนาดไหนเลยตอบตกลงรับคำขอร้องในตอนท้าย ตอนนี้ปักธงรัวๆเลยนะด้วย skill พระเอกของเรา
บทนี้ก็เหมือนเป็นบทเตรียมใจก็ว่าได้ว่าพร้อมที่จะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันได้ไหม สิ่งที่ฮาจิมังต้องการ แถวบ้านผมเค้าเรียกกันว่า "เพื่อนแท้" ครับ หวังว่าบทวิเคราะห์นี้จะช่วยไขข้อสงสัยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
SPOILER ALERT: บทวิเคราะห์ Oregairu Zoku ช่วงนี้
อันดับแรกต้องอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสามคนนี้ก่อน ฮาจิมังกับยูกิโนะเข้าใจซึ่งกันว่าทั้งสองต่างเกลียดการเสแสร้งหลอกลวงและทำอะไรด้วยตนเองมาโดยตลอด เมื่อก่อนโยกิโนะก็เคยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักฮาจิมังมาก่อนก็ทำพระเอกเรางอนไปพักนึงเหมือนกัน ฮาๆๆ ส่วนยุยก็สนิทกับยูกิโนะมาโดยตลอด ไม่เคยได้ทะเลาะหรือขัดแย้งอะไรกับยูกิโนะตรงๆเลยสักครั้ง แม้จะมีปัญหาหัวใจกันบ้างแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี (อันนี้ผมอาจจะมโนเอาเองนะแต่บางฉากก็เหมือนรู้กันแค่สองคน)
หลังจากที่ service club ทำงานไปได้สักพักก็เริ่มมามีปัญหาตอนที่ฮาจิมังใช้วิธีสารภาพรักนี่แหละครับ กับยุยก็ช็อกที่เห็นคนที่แอบรักบอกรักคนอื่นต่อหน้าโดยไม่รู้สึกอะไรเลย กับยูกิโนะก็ช็อกที่เห็นคนที่ตนคิดว่าเกลียดการเสแสร้งหลอกลวงเหมือนกันนั้นกลับทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ กลายเป็นเริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจฮาจิมังจริงๆรึเปล่า หรือฮาจิมังจะเปลี่ยนไปแบบฮายาโตะ
ปมหลักของปัญหาในตอนนี้คือฮาจิมังทำในสิ่งที่ทรยศต่อความเชื่อมั่นที่ยูกิโนะมีให้ ตอนที่แนะนำให้ยุยที่ไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไรต่อนั้นให้ทำตัวปกติซะยิ่งทำให้ยูกิโนะไม่มั่นใจว่าฮาจิมังจะไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยพูดไว้รึเปล่า แล้วปัญหาก็ซับซ้อนยิ่งขึ้นตอนโดนพี่สาวจี้ปมให้สมัครเป็นประธานไปซะ ยุยจังเลยไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ service club ถูกยุบไปกลายเป็นว่าตอนนี้มีปัญหาทั้งกับยุยและฮาจิมัง
หลังจากจบศึกไปแล้วก็เหลือแต่รอยยิ้มที่ถอดใจของยูกิโนะกับความสัมพันธ์ที่พยายามประคองรอยร้าวไว้ไม่ให้มันพังทลายไปกว่านั้น แน่นอนว่าทั้งฮาจิมังและยุยต่างก็รู้ดีว่าอาจได้ทำผิดกับยูกิโนะไปแล้วที่ไปขัดขวางไม่ให้สมัครเป็นประธานนักเรียน ทั้งคู่ต่างก็พยายามจะประสาวรอยร้าวกลับมาเท่าที่จะทำได้
หลังจาก club ดำเนินไปได้สักพักก็มีรุ่นน้องมาขอความช่วยเหลือ ตอนที่ฮาจิมังเห็นยูกิโนะไม่พูดอะไรแล้วตามใจที่ยุยพูดไปจึงตอบปฏิเสธไปตามความเชื่อเดิมของ club เพื่อรักษาเศษเสี้ยวของยูกิโนะที่ยังเหลืออยู่ แถมเป็นความผิดของตัวเองที่จะผลักภาระไปให้ยูกิโนะไม่ได้ด้วยจึงรับงานเป็นการส่วนตัวแทน
หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรใน club อีก เหลือแต่เสียงหัวเราะที่ค่อยๆจางหายไป จนคืนหนึ่งที่ยูกิโนะบังเอิญมาเจอกับฮาจิมังพอดีจึงได้บอกไปว่าไม่ต้องฝืนทำเพื่อพวกเธออีกต่อไปแล้ว ถ้าความสัมพันธ์มันจะจบลงไปง่ายๆได้อย่างนั้นก็เพราะมันเปราะบางแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ อาจจะมาจากบางสิ่งในตัวเธอที่พังทลายไปหรือความรู้สึกที่ถูกปลีกแยกไปทำให้พูดแบบนั้น
จากที่เล่ามา เรื่องที่ทั้งสองเข้าใจผิดในตอนนี้คือ ฮาจิมังเข้าใจว่ายูกิโนะเป็นคนที่เข้มแข็งและยืนหยัดทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวตลอด จนมาตอนหลังที่เริ่มจะรู้สึกตัวว่าไม่ใช่แบบนั้นก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว ส่วนยูกิโนะก็เข้าใจว่าสำหรับฮาจิมังแล้วทุกคนคือคนอื่นๆเหมือนกันหมด แม้แต่พวกเธอเองก็เป็นคนนอกที่อยู่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ มีเรื่องอะไรมาฮาจิมังก็แบกรับไม่เองหมดไม่คิดจะเปิดใจให้ใคร
หลังจากที่ฮาจิมังโดนอาจารย์เทศนายกใหญ่ก็เริ่มจะคิดได้ จึงกลับไปยัง service club เพื่อขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ฮาจิมังก็ยังแบกรับทุกอย่างไว้เป็นความผิดของตัวเองหมดคนเดียว ที่มาขอให้ช่วยก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆที่เข้ามา service club เพื่อขอความช่วยเหลือซึ่งนั่นทำให้ยูกิโนะเกิดน้อยใจจึงพูดตัดรอนปฏิเสธแบบอ้อมๆไป ยุยทนไม่ไหวเลยได้มาม่ากับยูกิโนะรอบสอง
shot ทะเลาะกันตอนที่ 8 นี้ผมล่ะสงสารยูกิโนะจริงๆเลยนะ ก่อนฮาจิมังเข้ามายุยก็กดมือถือเงียบๆ ตอนภาคแรกเคยบอกว่ากดมือถือเพราะอะไรยิ่งเศร้าใหญ่ เห็นทั้งสองคนตัดสินใจกันแล้วว่าจะแสร้งทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าทั้งสองคนต้องการแบบนั้นฉันก็จะยอมทำตามพวกเธอจนกว่าความสัมพันธ์อันเปราะบางนี้จะพังทลายลงไปจนหมด เพราะคำพูดที่เคยเข้าใจนั้นไม่อาจเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวพวกเราได้อีกต่อไปแล้ว
ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย ฮาจิมังก็มาห้ามทับไว้ได้ทันว่าการที่พูดไปแล้วจะเข้าใจได้นั้นเป็นเพียงแค่ความหยิ่งผยองของผู้พูดและจองหองของผู้ฟัง ไม่มีใครที่จะพูดแล้วเข้าใจได้ทั้งหมดหรอก การที่จะเข้าใจได้โดยไม่พูดก็เป็นเรื้องเพ้อฝันเช่นกัน คำพูดจึงไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ
แต่ว่า...สิ่งที่ฉันต้องการนั้นเคยอยู่ที่ตรงนี้ มันไม่ใช่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เพื่อนกันหรืออยู่ด้วยกันอะไรพวกนั้น ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจอะไรฉันหรอก ฉันแค่อยากจะเข้าใจ ฉันอย่างจะรู้ อยากจะรู้สึกสบายใจที่ได้รู้ อยากได้ความสบายใจ เพราะการไม่เข้าใจอะไรมันช่างน่ากลัว
การที่อยากเข้าใจในทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องที่หลงตัวเองแบบสุดกู่ เป็นความปรารถนาอันจองหองและเย่อหยิ่งที่สุด มันช่างดูไร้ยางอายและน่ารังเกียจยิ่งนัก และฉันเองก็รู้สึกขยะแขยงกับตัวเองมากที่ต้องการแบบนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ถ้าเกิดว่าเราต่างรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าความสัมพันธ์ที่สามารถยัดเยียดความเห็นแก่ตัวให้แก่กันแล้วยอมรับซึ่งกันได้นั้นมีอยู่จริงล่ะก็ ฉันก็รู้ตัวว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ฉันก็รู้ดีว่ามันเป็นได้เพียงเรื่องเฟ้อฝัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันเอง ก็อยากได้ความสัมพันธ์ที่เป็นของแท้แบบนั้น
ยูกิโนะได้ยินก็ได้แต่อึ้งทำตัวไม่ถูก หนีออกมาไตร่ตรองจึงเข้าใจว่าฮาจิมังแคร์พวกเธอมากขนาดไหนเลยตอบตกลงรับคำขอร้องในตอนท้าย ตอนนี้ปักธงรัวๆเลยนะด้วย skill พระเอกของเรา
บทนี้ก็เหมือนเป็นบทเตรียมใจก็ว่าได้ว่าพร้อมที่จะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันได้ไหม สิ่งที่ฮาจิมังต้องการ แถวบ้านผมเค้าเรียกกันว่า "เพื่อนแท้" ครับ หวังว่าบทวิเคราะห์นี้จะช่วยไขข้อสงสัยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ