สหรัฐคว่ำแผนยูเอ็นให้ตะวันออกกลางปลอดนิวเคลียร์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่าการประชุมของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ว่าด้วยการพิจารณาสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ( เอ็นพีที ) ระหว่างวันที่ 27 เม.ย. - 22 พ.ค. ยุติลงด้วยการที่ที่ประชุมไม่สามารถบรรลุฉันทามติในเรื่องการกำหนดให้ตะวันออกกลางเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ได้ เนื่องจากสหรัฐออกเสียงคัดค้าน ร่วมด้วยอังกฤษ และแคนาดา นางโรส เกิทเทอเมิลเลอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมการหารือครั้งนี้ในนามของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการประชุมไม่สอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของทางการสหรัฐในเรื่องนี้ และการกำหนดพื้นที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลางไม่มีทางประสบความสำเร็จในทางปฏิบัติ ตราบใดที่ประเทศในภูมิภาคยังไม่สามารถตกลงกันเองได้ ซึ่งผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า สหรัฐออกตัวแทนอิสราเอล ซึ่งยังคงปฏิเสธการร่วมเป็นรัฐภาคีของเอ็นพีที นอกจากนี้ เกิทเทอเมิลเลอร์ยังกล่าวตำหนิ "บางประเทศ" ที่ตั้งกรอบการทำงานและข้อเสนอที่ยากเป็นไปได้ เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเธอกล่าวโดยนัยถึงอียิปต์ หนึ่งในประเทศผลักดันให้ยูเอ็นจัดการประชุมครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการห้ามใช้อาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงในตะวันออกกลาง ผ่านการพิจารณาทบทวนเอ็นพีทีเมื่อปี 2553 ขณะที่แหล่งข่าววงในของการประชุมเผยว่า ข้อเสนอของอียิปต์และกลุ่มประเทศอาหรับอีกหลายแห่งพุ่งเป้าไปที่อิสราเอลอย่างชัดเจน จึงสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่สหรัฐ ซึ่งมองว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านต่างหาก ที่เป็นภัยคุกคามต่อตะวันออกกลาง ทั้งนี้ กฎของการประชุมเอ็นพีทีจำเป็นต้องได้รับฉันทามติจากรัฐภาคีทั้ง 191 ประเทศ และการประชุมจะเกิดขึ้นทุก 5 ปี หมายความว่า หากที่ประชุมต้องการหารือในประเด็นนี้อีกครั้ง ต้องรอถึงการประชุมครั้งต่อไปในปี 2563“
ตะวันออกกลางได้ยิงนิวเคลียใส่กันแน่นอน!!! สหรัฐคว่ำแผนยูเอ็นให้ตะวันออกกลางปลอดนิวเคลียร์
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่าการประชุมของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ว่าด้วยการพิจารณาสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ( เอ็นพีที ) ระหว่างวันที่ 27 เม.ย. - 22 พ.ค. ยุติลงด้วยการที่ที่ประชุมไม่สามารถบรรลุฉันทามติในเรื่องการกำหนดให้ตะวันออกกลางเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ได้ เนื่องจากสหรัฐออกเสียงคัดค้าน ร่วมด้วยอังกฤษ และแคนาดา นางโรส เกิทเทอเมิลเลอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมการหารือครั้งนี้ในนามของรัฐบาลวอชิงตัน กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการประชุมไม่สอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของทางการสหรัฐในเรื่องนี้ และการกำหนดพื้นที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลางไม่มีทางประสบความสำเร็จในทางปฏิบัติ ตราบใดที่ประเทศในภูมิภาคยังไม่สามารถตกลงกันเองได้ ซึ่งผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า สหรัฐออกตัวแทนอิสราเอล ซึ่งยังคงปฏิเสธการร่วมเป็นรัฐภาคีของเอ็นพีที นอกจากนี้ เกิทเทอเมิลเลอร์ยังกล่าวตำหนิ "บางประเทศ" ที่ตั้งกรอบการทำงานและข้อเสนอที่ยากเป็นไปได้ เมื่อพิจารณาตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเธอกล่าวโดยนัยถึงอียิปต์ หนึ่งในประเทศผลักดันให้ยูเอ็นจัดการประชุมครั้งนี้ เพื่อพิจารณาการห้ามใช้อาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูงในตะวันออกกลาง ผ่านการพิจารณาทบทวนเอ็นพีทีเมื่อปี 2553 ขณะที่แหล่งข่าววงในของการประชุมเผยว่า ข้อเสนอของอียิปต์และกลุ่มประเทศอาหรับอีกหลายแห่งพุ่งเป้าไปที่อิสราเอลอย่างชัดเจน จึงสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้แก่สหรัฐ ซึ่งมองว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านต่างหาก ที่เป็นภัยคุกคามต่อตะวันออกกลาง ทั้งนี้ กฎของการประชุมเอ็นพีทีจำเป็นต้องได้รับฉันทามติจากรัฐภาคีทั้ง 191 ประเทศ และการประชุมจะเกิดขึ้นทุก 5 ปี หมายความว่า หากที่ประชุมต้องการหารือในประเด็นนี้อีกครั้ง ต้องรอถึงการประชุมครั้งต่อไปในปี 2563“