ขั้นตอนการเตรียมตัวและทำวีซ่าอเมริกาใช้เวลาเพียง2สัปดาห์

ขอเกริ่นนำเลยค่ะ ในความคิดของเราการไปเมืองนอกเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ยิ่งอเมริกายิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เราไม่เคยออกนอกประเทศเลยค่ะตอนนี้อายุ21แล้ว 555 แต่ด้วยความที่เรามีแฟนเป็นลูกครึ่งไทย-เมกา แล้วเค้าต้องไปเรียนที่นู้น เราจึงมีความคิดที่อยากจะไปหาและไปเที่ยว เลยลองเสียงดวงขอทางบ้านดู บอกแม่ว่าค่าตั๋วไป-กลับ ประมานแสนนึง (ตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลค่ะ เลยบอกไปมั่วๆ) สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธกลับมาค่ะ 555 สมควรรรรร T T   แต่หลังจากนั้น ความพยายามก็ไม่สิ้นสุดค่ะ พอก่อนสอบไฟนอลที่จะปิดเทอมใหญ่ เราก็เลยลองเซิทข้อมูลเกี่ยวกับราคาตั๋ว การทำวีซ่า ต่างๆเกี่ยวกับการไปอเมริกา ผลออกมาก็คือ ราคาตั๋วไป กลับ อเมริการาคาเพียง 3 หมื่นต้นๆ เลยปรึกษาแม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ดูใจอ่อนลงค่ะ 555 เราก็เลยบอกแม่ว่า งั้นหนูจะลองหาวิธีทำวีซ่าเองนะคะ (ไม่จ้างเอเจนซี่ เพราะค่อนข้างแพง) ถ้าวีซ่าผ่านและทันกับเวลาที่ปิด-เปิดเทอม หนูขอไปนะ แล้วจะไปเวิคที่นู้นเอาเงินค่าตั๋วมาคืนแม่ให้ได้ (ง่ายๆก็คือยืมตังแม่ออกก่อนค่ะ555) แม่เลยบอกว่าก็เอาสิ ลองดู ถ้าได้ก็ให้ไป เราเลยรีบศึกษาข้อมูลวีซ่าทุกทางค่ะ หาในเนตบ้าง งมอยู่นาน = =ถามแม่ของเพื่อนซึ่งไปเมกาบ่อยบ้าง ถามเพื่อนที่เคยไปเที่ยวที่นู้นบ้าง  วุ่นวายใช้ได้เลยค่ะ แต่เราก็พยายามๆๆๆ จนสำเร็จค่ะ ทุกอย่างทัน ภายในเวลาเพียง 2อาทิตย์ ถ้าอยากรู้ เรามาเริ่มกันเลยยยย ^^


- ใครที่ยังไม่มีพาสปอร์ตอันดับแรกก็ต้องทำพาสปอร์ตก่อนค่ะค่ะ เพราะใน ds 160 ที่เราจะต้องกรอกข้อมูลออนไลน์ในการขอวีซ่า ต้องใช้เลขพาสปอร์ต เราเลยไปทำพาสปอร์ตในวันรุ่งขึ้นเลย พอทำเสร็จเราก็โง่ค่ะ รอเล่มพาสปอร์ตส่งมาที่บ้าน กินเวลาไปเลย 5 วัน ทั้งที่จริงเลขพาสปอร์ตในใบเสร็จที่ได้มาในวันที่ไปทำก็มี T______T อยากจะเอาหัวทุบกำแพงมากๆ  พอทำพาสปอร์ตเสร็จเราก็ไปถ่ายรูปค่ะ บอกเค้าว่ารูปสำหรับทำวีซ่าอเมริกา จะเป็น2 x 2 นิ้ว พื้นหลังขาวค่ะ แนะนำให้เก็บผมให้เรียบร้อยที่สุด เปิดใบหน้าและใบหูให้เห็นชัดที่สุดค่ะ จะได้ไม่ต้องถ่ายหลายรอบ ถ่ายเสร็จแล้วก็ขอไฟล์เค้ามาค่ะ เพราะต้องนำไปอัพโหลดใน DS-160 เช่นกัน

- ขั้นตอนต่อไปก็ไปกรอกข้อมูลออนไลน์ในเวปของกงศุลอเมริกาค่ะ  https://ceac.state.gov/genniv/ กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ google translate ช่วยคุณได้ค่ะ 5555 แต่ส่วนใหญ่คำถามหลังๆก็จะตอบ No หมดนะคะ ค่อยๆกรอกข้อมูลก็ได้ค่ะ save เป็นไฟล์เก็บไว้ได้ แต่จำเลข application no. ไว้ด้วยค่ะ เพราะต้องใช้ log in เวลาจะเข้ามากรอกอีกครั้ง ปล.ข้อมูลที่ถูกคอนเฟิมไปแล้วจะกลับมาแก้ไขไม่ได้นะคะ ตรวจสอบข้อมูลดีๆก่อนกดค่ะ

- พอกรอกเสร็จก็ปริ้น หน้า confirm ออกมาเลยค่ะ เพราะเป็น 1 ในเอกสารที่ต้องใช้ยื่นในวันสัมภาษณ์ เอาแบบชัดที่สุดนะคะ เพราะจะมีบาร์โค้ด ถ้าไม่ชัดเดี๋ยวจะเป็นปัญหาอีก

- ช่วงนี้เราหัวปั่นมากกกกกค่ะ เพราะงงกับระบบใหม่ ไปอ่านรีวิวของระบบเก่ามา ลืมดูวันที่ เค้าโพสตั้งแต่ห้าปีที่แล้วแล้วค่ะ โอ้ยจะบ้าตาย 555 เกือบไปซื้อpinที่ไปรษณีย์แล้วค่ะ เนื่องจาก พยายามเข้าเวปเพื่อซื้อpin เข้ายังไงก็เข้าไม่ได้ซักที เครียดมาก แทบนั่งร้องไห้ ตอนแรกนึกว่าระบบล่ม ที่ไหนได้ เค้าเปลี่ยนระบบใหม่ TT  พอทราบก็เลยรีบทำตามระบบใหม่เลยค่ะ
- ไปจ่ายเงินค่าทำวีซ่ากันค่ะ หรือถ้าใครไม่สะดวก จะจ่ายแบบออนไลน์ก็ได้ จะมีให้เลือกในหน้าของการนัดสัมภาษณ์ค่ะ ส่วนใครที่สะดวกไปจ่ายที่ธนาคาร ปริ้นใบจ่ายเงินตามลิ้งค์ http://www.ustraveldocs.com/th_th/BAYDepositSlip.pdf ค่าทำจะขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ค่ะ ตอนเราทำ เราทำวีซ่า B2 น้าเสียไปทั้งหมด 5280 บาทค่ะ อย่าลืมปริ้นใบแนะนำการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่ระบุเลขที่อ้างอิง Virtual Account ID และ เลขที่อ้างอิง CGI มาด้วยนะคะเพราะต้องใช้กรอกในใบจ่ายเงินและใช้เลขนี้ในการนัดสัมภาษณ์ พอไปจ่ายปุ๊ปจะได้ใบเสร็จมาค่ะ เก็บไว้ให้ดี ห้ามหายเด็ดขาด ถ้าหาย ธนาคารจะไม่สามารถออกให้ใหม่ได้ค่ะ

- ช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็เตรียมเอกสารประกอบไปพลางๆค่ะ เอกสารเราก็มีประมานนี้
       1. จดหมายแนะนำตัว ลองเซิทในเนตดูเรื่อยๆค่ะ แล้วมาปรับใช้ให้เป็นเรา ก็บอกประมานว่า เราเป็นใคร ตอนนี้ทำอะไร เรียนอะไร ที่ไหน หรือทำงานอะไร บอกเหตุผลว่าไปทำอะไรที่อเมริกา ไปเมื่อไหร่ นานเท่าไหร่ และที่สำคัญต้องบอกเหตุผลว่าเราต้องกลับมามาไทยแน่นอน เขากลัวเราไปเป็นโรบินฮู้ดค่ะ
       2. จดหมายเชิญจากแฟนเราที่อยู่อเมริกาค่ะ เพราะเขาถือสองสัญชาติค่ะ ไทย-อเมริกา  เลยคิดว่าน่าจะทำให้อะไรๆง่ายขึ้น
       3. แพลนท่องเที่ยวค่ะ แพลนว่าเราจะไปที่ไหนบ้าง วันที่เท่าไหร่ถึงวันที่เท่าไหร่
       4. เอกสารเรื่องสัญญาทุนที่เราทำไว้กับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่าถ้าเรียนจบจะต้องไปทำงานที่นู้น เพื่อช่วยยืนยันว่ายังไงเราต้องกลับไทยแน่นอนค่ะ
       5. สำเนาทะเบียนบ้านทั้งตัวจริงและสำเนา เตรียมไปเผื่อค่ะ จริงๆไม่ได้ใช้ แต่ที่ได้ใช้แน่นอนคือบัตรประชาชนค่ะ เพราะต้องใช้ฝากของก่อนเข้าสถานฑูต ถ่ายเอกสารเป็นสำเนาเก็บไว้ก็ดีค่ะ
       6. statement เงินเดือน เราใช้ของแม่ค่ะ เพราะเงินเข้าออกบัญชีของเรามีไม่มาก เพราะยังไงแม่ก็เป็น sponsor เราอยู่แล้ว เลยใช้ของแม่เลย ย้อนหลัง 6 เดือนค่ะ
       7. ใบรับรองการทำงานของแม่ค่ะ เพราะเราใช้statementของแม่ เลยเอามาเผื่อ จะได้แน่นๆ
       8. ถ้าใครเป็นเจ้าของกิจการหรือมีที่ดิน ให้เตรียมเอกสารมาด้วยก็จะดีมากค่ะ คือเน้นๆก็คือเอกสารที่ยืนยัน ว่ายังไงเราก็จะกลับมาไทยแน่นอนๆๆๆ
       9. สมุดบัญชีทุกเล่มที่มีค่ะ

- เอกสารที่จำเป็นต้องใช้***
  จะมี 5 อย่างสำคัญเลยค่ะ แยกไว้อีกคลิปนึงเลย
   1. รูปถ่าย
   2. ใบconfirm  DS-160
   3. ใบเสร็จธนาคาร
   4. ใบนัดสัมภาษณ์
   5. พาสปอร์ต (ใครมีเล่มเก่า ขนมาให้หมดค่ะ )

- พอเตรียมเอกสารเสร็จก็นัดสัมภาษณ์ค่ะ https://cgifederal.secure.force.com/  ในเวปนี้ เราอาจจะต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยนะคะ ทำตามขั้นตอนเลยค่ะ  เราได้วันนัดหลังจากนี้ 1 อาทิตย์ค่ะ 8.15 นัดสัมภาษณ์เสร็จก็ปริ้นใบออกมาค่ะ  หลังจากนี้ก็เตรียมตัวๆๆๆ แฟนเทรนให้ก่อนไป ลองสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ คือเราไม่เก่งภาษาเลยค่ะ เป็นกังวลมาก เลยต้องฝึกไว้  บางคนก็บอกว่าสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ บางคนก็บอกภาษาไทย เครียดมาก 5555
- และแล้ววันสัมภาษณ์ก็มาถึงค่ะ เมื่อคืนทำเอานอนไม่หลับเลย ตื่นเต้นมากกกก เราใส่ชุดนักศึกษาไปสัมภาษณ์นะคะ พอดีเราอยู่เชียงใหม่ เลยจะขอรีวิวสถานฑูตเชียงใหม่นะคะ

       ไปถึงนู้นก่อนเวลาประมานครึ่งชั่วโมงค่ะ ไปถึงก็ไปนั่งรอหน้าสถานฑูตค่ะ รอยามเรียกไปตรวจใบนัดสัมภาษณ์กับพาสปอร์ต คนที่ไม่ได้มาทำวีซ่าไม่ให้เข้าไปข้างในค่ะ ให้เข้าเฉพาะคนที่จะทำเท่านั้น พอถึงคิวเราก็เดินเอาเอกสารไปให้ยามดูค่ะ จากนั้นเขาก็เปิดประตูให้เข้าไปทีละคน โดยให้เดินผ่านเครื่องสแกน และสแกนกระเป๋าและฝากทรัพย์สินทุกอย่างไว้เอาเข้าไปได้แค่กระเป๋าที่ข้างในมีแค่กระเป๋าตังกับเอกสารละก็บัตรแลกของซึ่งต้องแลกกับบัตรประชาชนค่ะ
      พอเดินเข้าไปข้างใน จะเจอด่านแรกคือเคาท์เตอร์ตรวจเอกสาร เค้าจะตรวจเอกสารแล้วขอใบ confirm กับพาสปอร์ตเราไปค่ะ แล้วจะได้บัตรคิวมา เราได้คิวที่ 3 จากนั้นก็นั่งรอซักพัก ก็ถึงคิวเราค่ะ เค้าให้เข้าไปในห้อง ด้านในจะเป็นช่อง 1-3 ค่ะ ด่านที่สองก็จะเจอคนไทย จะถามเราเล็กๆน้อยๆค่ะ พร้อมกับตรวจเอกสารอีกรอบ แล้วก็บอกให้เราไปนั่งรอที่เดิม ซักพักเค้าก็เรียกเราเข้าไปอีกค่ะ คราวนี้เป็นฝรั่งสัมภาษณ์ ใจนี่ตุ้มๆต่อมๆค่ะ กลัว 555 บทสนทนาก็ประมานนี้

คนสัมภาษณ์ : How are you ?
เรา : I'm good. แล้วเค้าก็หันไปคุยกับพนักงานด้านหลัง เราเลยไม่ได้ถามตอบ5555
คนสัมภาษณ์ : คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
เรา : (คิดในใจ อ้าววว!! พูดไทยได้นี่นา 555555 ดีจังงง ) ก็ตอบไปค่ะว่าช่วงเรียน เรียนและขึ้นฝึกบนโรงพยาบาลหนักมาก อยากจะไปเที่ยวและพักผ่อนค่ะ
คนสัมภาษณ์ : ดูจดหมายเชิญของแฟนเรา แล้วก็ถามว่าไปหาใคร
เรา : ไปหาเพื่อนค่ะ 5555( กลัวเค้าจะคิดว่าเราจะหนีตามแฟน 55555 )
คนสัมภาษณ์ : รู้จักกันได้ไงครับ
เรา : เป็นเพื่อนของพี่ค่ะ ตอนอยู่ไทย ออกทริปด้วยกันบ่อยๆ (อิอิอิอิ 5555)
คนสัมภาษณ์ : ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรอครับ
เรา : ใช่ค่ะ
คนสัมภาษณ์ : มีใบเกรดมั้ยครับ
เรา : ใบเกรดไม่มีค่ะ แต่มีใบรับรองการเป็นนักศึกษา
คนสัมภาษณ์ : (เปิดดูๆๆ) อีกกี่ปีจะจบครับ  ?
เรา : ปีเดียวค่ะ
คนสัมภาษณ์ : เรียบร้อยครับ ขอให้โชคดีนะครับ (ยึดพาสปอร์ตเราไป)
เรา : ขอบคุณนะคะ (โอ้ยยยยย ดีใจมากกกกก แทบจะกระโดดๆๆ 55555  คือเอกสารแทบไม่ดูอะไรเลยค่ะ ดูแค่จดหมายแนะนำตัวของเรา จดหมายเชิญของแฟน กับใบรับรองการเป็นนักศึกษาแค่นั้นๆๆๆจริงๆ สเตจเม้น สมุดบัญชีอะไรก็ไม่ดูเลยค่ะ 5555555 )

หลังจากเดินออกจากห้อง ตัวปลิวเลยย ลืมไปเอาของด้วยย 5555 ดีใจเกินน คราวนี้ก็รอพาสปอร์ตมาส่งที่บ้าน หลังจากนี้ 3 วันทำการ (เราได้มา2 ปีค่ะ ^^ )พอเสร็จแล้วก็รีบไปซื้อตั๋วเลยค่ะ ตื่นเต้นๆๆ รอเดินทางวันที่ 31 พฤษภา นี้แล้วววว เดินทางคนเดียวครั้งแรกด้วยจ้าาาา555555


ใครที่กำลังจะทำขอให้โชคดีนะคะ ไม่ยากเลยจริงๆ ใช้เวลาไม่นานด้วยค่ะ ขนาดเราถูไถๆๆแบบโชว์โง่ไปหลายเรื่อง ยังใช้เวลาแค่สองอาทิตย์เอง สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน
  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่