มีหลายกระทู้ในพันทิพถามอยู่บ่อยๆว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่สามารถมีแบรนด์ด้านอิเลคโทรนิคหรือยานยนต์เครื่องยนต์เครื่องจักรเป็นของตนเอง
นี่คือคำตอบ แต่รุปนี้คือแค่ส่วนเดียว
การจะวิจัยจนกระทั่งเป็นแบรนด์ได้ จะต้องมีการแบ่งกันวิจัย เช่น เครื่องพิมพ์3D ก็ต้องมีนักเคมีสำหรับคิดหาหมึกพิมพ์ นักฟิสิกส์ที่คำนวนแรงยิงของหัวพิมพ์ นักคอมพิวเตอร์ที่คำนวนวิธีขยับหัวพิมพ์ใน3D ดังนั้นต้องมีสามแล็บนี้เป็นอย่างน้อย นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการบริหารงานวิจัยหรือการประมูลงานวิจัย ซึ่งองค์กรของรัฐจะเป็นผู้กำหนดทิศทางงานวิจัยและอุตสหกรรมใหม่ๆที่งานวิจัยจะเกี่ยวข้อง จะต้องกำหนดทิศทางงานวิจัยผ่านงบวิจัย และจะต้องมีการทำ Return on Investment เพื่อขายงานวิจัยให้ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เรียกว่า Venture Capital หลักการของมันคือเหมือนถือหุ้นหลายๆตัว แล้วหุ้นที่ชนะหนึ่งตัวทำกำไรจนคุ้มหุ้นที่แพ้อีกสิบตัว นศ.ป เอก ก็คือหนูปั่นจักรที่วิ่งผลิตงานวิจัยเพื่อให้มีผลงานออกมา ส่วนอาจารย์ทำหน้าที่หาเงินเข้าแล็บและเขียนเอกสารขอทุนวิจัย
พอผลงานวิจัยถึงขั้นที่ผลิตขายได้จริง ก็ต้องมีการตั้งบริษัทที่ออกมาจากแล็บ คนที่ถือหุ้นก็คือ Venture Capital และพวกนักวิจัยทั้งหลายนั่นเอง
นี่คือสาเหตุที่ประเทศไทยไม่สามารถผลิตสินค้าอุตสาหกรรมยี่ห้อตัวเองได้
นี่คือคำตอบ แต่รุปนี้คือแค่ส่วนเดียว
การจะวิจัยจนกระทั่งเป็นแบรนด์ได้ จะต้องมีการแบ่งกันวิจัย เช่น เครื่องพิมพ์3D ก็ต้องมีนักเคมีสำหรับคิดหาหมึกพิมพ์ นักฟิสิกส์ที่คำนวนแรงยิงของหัวพิมพ์ นักคอมพิวเตอร์ที่คำนวนวิธีขยับหัวพิมพ์ใน3D ดังนั้นต้องมีสามแล็บนี้เป็นอย่างน้อย นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการบริหารงานวิจัยหรือการประมูลงานวิจัย ซึ่งองค์กรของรัฐจะเป็นผู้กำหนดทิศทางงานวิจัยและอุตสหกรรมใหม่ๆที่งานวิจัยจะเกี่ยวข้อง จะต้องกำหนดทิศทางงานวิจัยผ่านงบวิจัย และจะต้องมีการทำ Return on Investment เพื่อขายงานวิจัยให้ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนส่วนใหญ่เรียกว่า Venture Capital หลักการของมันคือเหมือนถือหุ้นหลายๆตัว แล้วหุ้นที่ชนะหนึ่งตัวทำกำไรจนคุ้มหุ้นที่แพ้อีกสิบตัว นศ.ป เอก ก็คือหนูปั่นจักรที่วิ่งผลิตงานวิจัยเพื่อให้มีผลงานออกมา ส่วนอาจารย์ทำหน้าที่หาเงินเข้าแล็บและเขียนเอกสารขอทุนวิจัย
พอผลงานวิจัยถึงขั้นที่ผลิตขายได้จริง ก็ต้องมีการตั้งบริษัทที่ออกมาจากแล็บ คนที่ถือหุ้นก็คือ Venture Capital และพวกนักวิจัยทั้งหลายนั่นเอง