ตอนที่ 24 -
http://ppantip.com/topic/33662528
ตอนที่ 25
“น้องเร" ณฉัตรส่งเสียงเรียกคนบนโซฟาด้วยความเป็นห่วง อยู่ๆหลังจากเสร็จมื้ออาหารบ่ายค่อนไปทางเย็นที่รัตติดาราเสนอตัวจะทำอาหารเลี้ยงเขาโดยบอกว่าเป็นการเลี้ยงอำลา เจ้าตัวก็ไปเป็นลมกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ
“พาไปโรงพยาบาลเลยดีไหมเนี่ย" ณฉัตรลังเลใจ แต่ความเป็นห่วงมีมากกว่าจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ค้นหาโรงพยาบาลใกล้ที่สุด เขาไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเองที่เมืองไทยจึงตัดสินใจช้อนร่างเล็กขึ้นจากโซฟาเพื่อพาไปพบแพทย์ด้วยแท็กซี่ โดยไม่รู้ตัวว่ามีเทวดาในชุดขาวมองเขาตาเขียวปั้ด ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยาก ศตายุจะปรากฏตัวแล้วผลักผู้ชายคนนี้ออกให้ห่างจากรัตติดาราของ(น้องชาย)เขาโดยไม่คิดถึงมารยาทให้เสียอารมณ์
ขณะที่ณฉัตรใช้แขนแข็งแรงของเขาสอดเข้าไปใต้ลำคอระหง เพื่ออุ้มร่างเล็กขึ้น เธอกลับลืมตาโพลง ณฉัตรชะงักไปนิดเมื่อเขาไม่คุ้นเคยกับแววตากร้าวของรัตติดาราตอนนี้ ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากถาม ทว่านี่เป็นอีกครั้งที่เขาโดนมือที่ทั้งเล็กทั้งบอบบางพุ่งเข้าทำร้ายลำคอของเขา
“โอ๊ย" ณฉัตรตกใจปล่อยแขนออกจากหญิงสาว พยายามดึงมือน้อยออกจากการบีบรัดคอเขา แต่ความพยายามสูญเปล่า เธอแรงเยอะกว่าที่เขาคิดไว้! เขาคิดถึงเหตุการณ์ ณ โรงพยาบาลขึ้นมาทันที
หรือว่านี่จะคือปรีย์? เขาคาดเดาไม่แน่ใจคำตอบ ณฉัตรลองคิดดูแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ แม้เขาจะสามารแก้แค้นได้ดั่งใจหวัง ตรัย กรํป ระส่ำระสาย เสียชื่อเสียง หากหัวใจของณฉัตรที่เคยเจ็บปวดและว่างเปล่าก็ยังคงโหวงเหวงอ้างว้างไม่สามารถเติมเต็มได้อยู่ดี เขาพร้อมจะตามปรีย์ไปอยู่ในดินแดนแสนไกล
เพียงแต่ว่า ...
“ไม่ได้นะ ปล่อยผม ... คุณ-จะทำให้-คุณเร-เดือดร้อน-นะ ปรีย์" เขาพยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นคำๆอย่างกระท่อนกระแท่น
“ฉันเกลียดคุณ ณฉัตร! คุณทำให้ฉันต้องทรมานแบบนี้ เพราะคุณ!” ปรีย์ยอมปล่อยให้ณฉัตรเป็นอิสระ แต่การสะบัดออกอย่างแรงทำให้ชายหนุ่มเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น
ณฉัตรใช้ทั้งจมูกและปากในการหายใจเอาอากาศเข้าปอด เขาหอบหนักระหว่างใช้ดวงตาจับจ้องร่างเล็กที่ขยับยืนมองเขาด้วยแววตาโกรธแค้น มันค่อนข้างแปลกตาเพราะปกติรัตติดาราจะมีประกายสดใสอยู่ในลูกแก้วแสนสวยคู่นั้น การที่ถูกมองอย่างเกลียดชังทำให้หัวใจณฉัตรถูกบีบจนเขาทรมานแทบทนไม่ไหว ฉับพลัน ร่างเล็กกลับค่อยๆลางหาย กลายเป็นหญิงสาวที่สูงกว่า ผมของเธอยาวตรง สวมชุดสีแดงเข้ม ใบหน้าขาวซีดไร้เลือด จ้องมองมายังชายหนุ่มเขม็ง
ณฉัตรรู้จักดี ... เขามองเธออย่างไม่เชีอสายตา ... ที่ปรีย์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา
“ปรีย์" ณฉัตรเรียกชื่อเธออย่างอัศจรรย์ใจ เขาดีใจจนแทบอยากจะดึงเธอมากอด หากว่าใบหน้าสวยของปรีย์กลับไม่มีความยินดีปรากฏอยู่เลย
“ตั้งแต่ปรีย์รู้จักคุณ ชีวิตปรีย์ก็แย่มาตลอด ถูกพ่อคุณขับไล่อยู่ทุกวัน ไม่มีความสุขเลย" ปรีย์กำลังต่อว่าเขา เสียงของเธอเยือกเย็นจนคนฟังหนาวเหน็บไปทั้งใจ
“เอ๊ะ?" ณฉัตรไม่เข้าใจการแสดงออกของหญิงสาว ตลอดมาปรีย์ไม่เคยพูดจาแบบนี้มาก่อนสักครั้ง ตลอดมามีแต่รอยยิ้มมอบให้เขาเสมอ ถามกี่ครั้งๆ ปรีย์ก็จะบอกว่าเธอมีความสุขเสมอเวลาอยู่กับเขา นั่นทำให้เขายิ่งสงสัย
“พ่อผมพูดอะไรกับคุณน่ะ ปรีย์" เขาอยากรู้มาตลอด!
“เขาบอกว่า ปรีย์ถ่วงชีวิตคุณ อนาคตของฉัตรถูกปรีย์ทำลาย"
“ไม่จริง! อย่าเชื่อเขานะ!” ณฉัตรอ้อนวอน "ได้โปรด อย่ามองผมแบบนั้น" เขาปวดใจกับแววตาเย็นชาของเธอเหลือเกิน
“มันคือเรื่องจริง ฉัตร เราสองคนรักกันไม่ได้ ปล่อยปรีย์ไปเถอะฉัตร ยิ่งคุณทำแบบนี้ ปรีย์ยิ่งเจ็บยิ่งทรมาน ปรีย์ทนไม่ไหวแล้ว" วิญญาณสาวแสดงออกชัดเจนว่าเธอต้องการให้เขาหยุด แต่เขาจะหยุดได้อย่างไรในเมื่อ ...
“คนพวกนั้นต้องได้รับการลงโทษ ฉัตรจะไม่หยุด" ณฉัตรยังคงยืนยันคำเดิม มือหนากำแน่น
“ไม่มีใครสมควรโดนลงโทษหรอกค่ะ ถ้าจะมี คนนั้นคงต้องเป็นปรีย์ ไม่ใช่คนพวกนั้น ปรีย์เลือกที่จะทิ้งฉัตรมาเอง"
ณฉัตรส่ายหน้าทันที “ไม่จริง ถ้าคนพวกนั้นไม่วางแผนร่วมกัน ผมคงกลับไปหาคุณได้ทัน คุณคงไม่..."
“อย่าแน่ใจในสิ่งที่คุณไม่รู้จริงเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นปรีย์ไม่เก็บปืนของพ่อไว้หรอก เพราะตลอดมา ... ปรีย์ก็ไม่เคยเชื่อใจคุณ" ปรีย์ก้มหน้าลง ยอมรับความจริง แม้ณฉัตรจะมองเธอนิ่งไปแล้วก็ตาม
"คุณมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งจิตใจดี ฐานะ ความสามารถ แล้วปรีย์ล่ะ เด็กกำพร้า และอยู่อย่างรอวันตาย ปรีย์ไม่เคยเชื่อหรอกว่าเราจะมีอนาคตด้วยกันได้ ถึงโปรเฟสเซอร์เดวิดจะไม่มาหาปรีย์ ปรีย์ก็ระแวงอยู่ทุกวัน และไม่มีความสุขเลย ... เพราะอย่างนั้น ฉัตรอย่าฝืนตัวเองอีกต่อไปเลย คุณเองก็ทรมาน ปรีย์ก็ทรมาน ไม่มีใครมีความสุขสักคน" ผีสาวบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ ... ปรีย์จะไม่มาพบคุณอีกแล้ว ต่อให้คุณคิดอยากจะเจอปรีย์แค่ไหน ปรีย์ก็จะไม่เจอคุณอีก เราจบกันแค่นี้เถอะนะคะ เราจะไม่เจอกันอีกไม่ว่าชาติไหนก็ตาม" วิญญาณสาวตัดขาดชายหนุ่มแม้เสียงของเธอจะสั่นเครือ ณฉัตรชาไปทั้งหัวใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน ได้แต่มองหญิงสาวตาค้าง
“ไม่! ทำไมต้องเป็นแบบนี้"
ณฉัตรตกใจไขว่คว้าแขนหญิงสาวเอาไว้เมื่อเห็นว่าร่างของคนรักเลือนหายไปเรื่อยๆ แต่เพียงเขาสัมผัสร่างของปรีย์ก็หายวูบไปกับอากาศ เหลือเพียงร่างเล็กของรัตติดาราที่ทรุดลง กับรอยยิ้มสุดท้ายของปรีย์ที่ยังติดตรึงอยู่ในสายตาณฉัตร แม้เขายื่นมือไปรับคนตัวเล็กไว้ได้ทันก่อนที่ศีรษะเธอจะฟาดพื้น แต่เขากลับไม่เหลือความรู้สึกอะไรนอกจากความเจ็บที่ทำให้น้ำตาไหลไม่หยุด
นอกจากลมหายใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแล้ว ณฉัตรนึกไม่ออกเลยว่า ตอนนี้เขาจะยังเหลืออะไรอยู่ในชีวิตบ้าง!
ณฉัตรช้อนร่างเล็กมาวางในห้องนอนฝั่งขวา ขณะที่ตัวเองกลับนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแทน เขาถามตัวเองรอบที่ร้อยว่า สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่คือเรื่องจริงหรือฝันไป
ไม่เคยมีความสุข แถมยังระแวงตลอดเวลา ปรีย์บอกแบบนั้น เขาคิดไปเองทั้งหมดหรือว่าที่ผ่านมานั้นคือความสุข ทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะ ... เธอไม่เคยเชื่อใจเขาเลยงั้นหรือ
ณฉัตรแค่นยิ้ม ขมขื่นใจ เขาทิ้งทุกอย่างที่มี ทำงานหนักแทบตาย เพื่อจะได้ยินว่า เธอระแวงเขานี่นะ!
ในความเงียบของห้องพักที่เขาอยู่ เขากลับได้ยินเสียงใสๆของปรีย์ดังขึ้นจนเขาเงยหน้าขึ้นมองหาเธอทั้งน้ำตา กวาดสายตาไปรอบห้อง สิ่งที่เขาพบคือความผิดหวัง ภายในห้องยังคงว่างเปล่า ไม่มีร่างของหญิงสาวแต่อย่างใด เสียงร้องเพลงที่เป็นเสียงปรีย์ยังดังก้องอยู่ในหัวเขาไม่หยุด
'Fly me to the moon ... '
เพลงที่เขาเคยร้องให้ปรีย์ฟังบ่อยๆ พอได้ยินเสียงใสๆร้องเพลงนี้ออกมา ณฉัตรก็ทนไม่ไหว ก้มหน้ากับฝ่ามือ ร้องไห้อย่างไม่สามารถเก็บกลั้นมันต่อไปได้อีก
“ถึงคุณจะคิดยังไง ผมก็รักคุณอยู่ดี ผมจะอยู่ต่อไปยังไง!” ... กับความว่างเปล่าเงียบเหงานี้ เขาจะทนต่อไปได้ยังไง!
ศตายุยืนมองณฉัตรอยู่ข้างวิญญาณสาว เขาหันไปถามเธออย่างสงสัย
“คุณทำแบบนี้ทำไมครับคุณปรีย์ คุณโกหกเขา!"
“ฉันต้องทำให้เขาเลิกคิดเรื่องฉันสักทีค่ะ" ปรีย์ตอบ เธอไม่ได้มีความสุขเลยกับการทำร้ายจิตใจผู้ชายที่เธอรัก “ไม่งั้นเขาจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้นะคะ"
“คุณใจร้ายแบบนี้เขาก็ใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้อยู่ดี ผมกลัวว่า ...” ศตายุกังวลใจ ความอ่อนแอของณฉัตรน่าเป็นห่วง
“ถ้าอย่างนั้น คุณเทวดาพอจะช่วยปรีย์ได้ไหมคะ" ปรีย์เงยหน้าถาม
"ช่วยยังไงครับ" ศตายุถาม แต่เมื่อได้ฟังคำขอร้องแล้วถึงกับแสดงสีหน้าหนักใจ
+ มีต่อ
รักละมุน ~ หอมกลิ่นแก้ว ตอนที่ 25 By ปิ่นนลิน
ตอนที่ 25
“น้องเร" ณฉัตรส่งเสียงเรียกคนบนโซฟาด้วยความเป็นห่วง อยู่ๆหลังจากเสร็จมื้ออาหารบ่ายค่อนไปทางเย็นที่รัตติดาราเสนอตัวจะทำอาหารเลี้ยงเขาโดยบอกว่าเป็นการเลี้ยงอำลา เจ้าตัวก็ไปเป็นลมกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ
“พาไปโรงพยาบาลเลยดีไหมเนี่ย" ณฉัตรลังเลใจ แต่ความเป็นห่วงมีมากกว่าจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ค้นหาโรงพยาบาลใกล้ที่สุด เขาไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเองที่เมืองไทยจึงตัดสินใจช้อนร่างเล็กขึ้นจากโซฟาเพื่อพาไปพบแพทย์ด้วยแท็กซี่ โดยไม่รู้ตัวว่ามีเทวดาในชุดขาวมองเขาตาเขียวปั้ด ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยาก ศตายุจะปรากฏตัวแล้วผลักผู้ชายคนนี้ออกให้ห่างจากรัตติดาราของ(น้องชาย)เขาโดยไม่คิดถึงมารยาทให้เสียอารมณ์
ขณะที่ณฉัตรใช้แขนแข็งแรงของเขาสอดเข้าไปใต้ลำคอระหง เพื่ออุ้มร่างเล็กขึ้น เธอกลับลืมตาโพลง ณฉัตรชะงักไปนิดเมื่อเขาไม่คุ้นเคยกับแววตากร้าวของรัตติดาราตอนนี้ ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากถาม ทว่านี่เป็นอีกครั้งที่เขาโดนมือที่ทั้งเล็กทั้งบอบบางพุ่งเข้าทำร้ายลำคอของเขา
“โอ๊ย" ณฉัตรตกใจปล่อยแขนออกจากหญิงสาว พยายามดึงมือน้อยออกจากการบีบรัดคอเขา แต่ความพยายามสูญเปล่า เธอแรงเยอะกว่าที่เขาคิดไว้! เขาคิดถึงเหตุการณ์ ณ โรงพยาบาลขึ้นมาทันที
หรือว่านี่จะคือปรีย์? เขาคาดเดาไม่แน่ใจคำตอบ ณฉัตรลองคิดดูแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ แม้เขาจะสามารแก้แค้นได้ดั่งใจหวัง ตรัย กรํป ระส่ำระสาย เสียชื่อเสียง หากหัวใจของณฉัตรที่เคยเจ็บปวดและว่างเปล่าก็ยังคงโหวงเหวงอ้างว้างไม่สามารถเติมเต็มได้อยู่ดี เขาพร้อมจะตามปรีย์ไปอยู่ในดินแดนแสนไกล
เพียงแต่ว่า ...
“ไม่ได้นะ ปล่อยผม ... คุณ-จะทำให้-คุณเร-เดือดร้อน-นะ ปรีย์" เขาพยายามเปล่งเสียงออกมาเป็นคำๆอย่างกระท่อนกระแท่น
“ฉันเกลียดคุณ ณฉัตร! คุณทำให้ฉันต้องทรมานแบบนี้ เพราะคุณ!” ปรีย์ยอมปล่อยให้ณฉัตรเป็นอิสระ แต่การสะบัดออกอย่างแรงทำให้ชายหนุ่มเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น
ณฉัตรใช้ทั้งจมูกและปากในการหายใจเอาอากาศเข้าปอด เขาหอบหนักระหว่างใช้ดวงตาจับจ้องร่างเล็กที่ขยับยืนมองเขาด้วยแววตาโกรธแค้น มันค่อนข้างแปลกตาเพราะปกติรัตติดาราจะมีประกายสดใสอยู่ในลูกแก้วแสนสวยคู่นั้น การที่ถูกมองอย่างเกลียดชังทำให้หัวใจณฉัตรถูกบีบจนเขาทรมานแทบทนไม่ไหว ฉับพลัน ร่างเล็กกลับค่อยๆลางหาย กลายเป็นหญิงสาวที่สูงกว่า ผมของเธอยาวตรง สวมชุดสีแดงเข้ม ใบหน้าขาวซีดไร้เลือด จ้องมองมายังชายหนุ่มเขม็ง
ณฉัตรรู้จักดี ... เขามองเธออย่างไม่เชีอสายตา ... ที่ปรีย์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา
“ปรีย์" ณฉัตรเรียกชื่อเธออย่างอัศจรรย์ใจ เขาดีใจจนแทบอยากจะดึงเธอมากอด หากว่าใบหน้าสวยของปรีย์กลับไม่มีความยินดีปรากฏอยู่เลย
“ตั้งแต่ปรีย์รู้จักคุณ ชีวิตปรีย์ก็แย่มาตลอด ถูกพ่อคุณขับไล่อยู่ทุกวัน ไม่มีความสุขเลย" ปรีย์กำลังต่อว่าเขา เสียงของเธอเยือกเย็นจนคนฟังหนาวเหน็บไปทั้งใจ
“เอ๊ะ?" ณฉัตรไม่เข้าใจการแสดงออกของหญิงสาว ตลอดมาปรีย์ไม่เคยพูดจาแบบนี้มาก่อนสักครั้ง ตลอดมามีแต่รอยยิ้มมอบให้เขาเสมอ ถามกี่ครั้งๆ ปรีย์ก็จะบอกว่าเธอมีความสุขเสมอเวลาอยู่กับเขา นั่นทำให้เขายิ่งสงสัย
“พ่อผมพูดอะไรกับคุณน่ะ ปรีย์" เขาอยากรู้มาตลอด!
“เขาบอกว่า ปรีย์ถ่วงชีวิตคุณ อนาคตของฉัตรถูกปรีย์ทำลาย"
“ไม่จริง! อย่าเชื่อเขานะ!” ณฉัตรอ้อนวอน "ได้โปรด อย่ามองผมแบบนั้น" เขาปวดใจกับแววตาเย็นชาของเธอเหลือเกิน
“มันคือเรื่องจริง ฉัตร เราสองคนรักกันไม่ได้ ปล่อยปรีย์ไปเถอะฉัตร ยิ่งคุณทำแบบนี้ ปรีย์ยิ่งเจ็บยิ่งทรมาน ปรีย์ทนไม่ไหวแล้ว" วิญญาณสาวแสดงออกชัดเจนว่าเธอต้องการให้เขาหยุด แต่เขาจะหยุดได้อย่างไรในเมื่อ ...
“คนพวกนั้นต้องได้รับการลงโทษ ฉัตรจะไม่หยุด" ณฉัตรยังคงยืนยันคำเดิม มือหนากำแน่น
“ไม่มีใครสมควรโดนลงโทษหรอกค่ะ ถ้าจะมี คนนั้นคงต้องเป็นปรีย์ ไม่ใช่คนพวกนั้น ปรีย์เลือกที่จะทิ้งฉัตรมาเอง"
ณฉัตรส่ายหน้าทันที “ไม่จริง ถ้าคนพวกนั้นไม่วางแผนร่วมกัน ผมคงกลับไปหาคุณได้ทัน คุณคงไม่..."
“อย่าแน่ใจในสิ่งที่คุณไม่รู้จริงเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นปรีย์ไม่เก็บปืนของพ่อไว้หรอก เพราะตลอดมา ... ปรีย์ก็ไม่เคยเชื่อใจคุณ" ปรีย์ก้มหน้าลง ยอมรับความจริง แม้ณฉัตรจะมองเธอนิ่งไปแล้วก็ตาม
"คุณมีพร้อมทุกอย่าง ทั้งจิตใจดี ฐานะ ความสามารถ แล้วปรีย์ล่ะ เด็กกำพร้า และอยู่อย่างรอวันตาย ปรีย์ไม่เคยเชื่อหรอกว่าเราจะมีอนาคตด้วยกันได้ ถึงโปรเฟสเซอร์เดวิดจะไม่มาหาปรีย์ ปรีย์ก็ระแวงอยู่ทุกวัน และไม่มีความสุขเลย ... เพราะอย่างนั้น ฉัตรอย่าฝืนตัวเองอีกต่อไปเลย คุณเองก็ทรมาน ปรีย์ก็ทรมาน ไม่มีใครมีความสุขสักคน" ผีสาวบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ ... ปรีย์จะไม่มาพบคุณอีกแล้ว ต่อให้คุณคิดอยากจะเจอปรีย์แค่ไหน ปรีย์ก็จะไม่เจอคุณอีก เราจบกันแค่นี้เถอะนะคะ เราจะไม่เจอกันอีกไม่ว่าชาติไหนก็ตาม" วิญญาณสาวตัดขาดชายหนุ่มแม้เสียงของเธอจะสั่นเครือ ณฉัตรชาไปทั้งหัวใจกับสิ่งที่เขาได้ยิน ได้แต่มองหญิงสาวตาค้าง
“ไม่! ทำไมต้องเป็นแบบนี้"
ณฉัตรตกใจไขว่คว้าแขนหญิงสาวเอาไว้เมื่อเห็นว่าร่างของคนรักเลือนหายไปเรื่อยๆ แต่เพียงเขาสัมผัสร่างของปรีย์ก็หายวูบไปกับอากาศ เหลือเพียงร่างเล็กของรัตติดาราที่ทรุดลง กับรอยยิ้มสุดท้ายของปรีย์ที่ยังติดตรึงอยู่ในสายตาณฉัตร แม้เขายื่นมือไปรับคนตัวเล็กไว้ได้ทันก่อนที่ศีรษะเธอจะฟาดพื้น แต่เขากลับไม่เหลือความรู้สึกอะไรนอกจากความเจ็บที่ทำให้น้ำตาไหลไม่หยุด
นอกจากลมหายใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแล้ว ณฉัตรนึกไม่ออกเลยว่า ตอนนี้เขาจะยังเหลืออะไรอยู่ในชีวิตบ้าง!
ณฉัตรช้อนร่างเล็กมาวางในห้องนอนฝั่งขวา ขณะที่ตัวเองกลับนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแทน เขาถามตัวเองรอบที่ร้อยว่า สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่คือเรื่องจริงหรือฝันไป
ไม่เคยมีความสุข แถมยังระแวงตลอดเวลา ปรีย์บอกแบบนั้น เขาคิดไปเองทั้งหมดหรือว่าที่ผ่านมานั้นคือความสุข ทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะ ... เธอไม่เคยเชื่อใจเขาเลยงั้นหรือ
ณฉัตรแค่นยิ้ม ขมขื่นใจ เขาทิ้งทุกอย่างที่มี ทำงานหนักแทบตาย เพื่อจะได้ยินว่า เธอระแวงเขานี่นะ!
ในความเงียบของห้องพักที่เขาอยู่ เขากลับได้ยินเสียงใสๆของปรีย์ดังขึ้นจนเขาเงยหน้าขึ้นมองหาเธอทั้งน้ำตา กวาดสายตาไปรอบห้อง สิ่งที่เขาพบคือความผิดหวัง ภายในห้องยังคงว่างเปล่า ไม่มีร่างของหญิงสาวแต่อย่างใด เสียงร้องเพลงที่เป็นเสียงปรีย์ยังดังก้องอยู่ในหัวเขาไม่หยุด
'Fly me to the moon ... '
เพลงที่เขาเคยร้องให้ปรีย์ฟังบ่อยๆ พอได้ยินเสียงใสๆร้องเพลงนี้ออกมา ณฉัตรก็ทนไม่ไหว ก้มหน้ากับฝ่ามือ ร้องไห้อย่างไม่สามารถเก็บกลั้นมันต่อไปได้อีก
“ถึงคุณจะคิดยังไง ผมก็รักคุณอยู่ดี ผมจะอยู่ต่อไปยังไง!” ... กับความว่างเปล่าเงียบเหงานี้ เขาจะทนต่อไปได้ยังไง!
ศตายุยืนมองณฉัตรอยู่ข้างวิญญาณสาว เขาหันไปถามเธออย่างสงสัย
“คุณทำแบบนี้ทำไมครับคุณปรีย์ คุณโกหกเขา!"
“ฉันต้องทำให้เขาเลิกคิดเรื่องฉันสักทีค่ะ" ปรีย์ตอบ เธอไม่ได้มีความสุขเลยกับการทำร้ายจิตใจผู้ชายที่เธอรัก “ไม่งั้นเขาจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้นะคะ"
“คุณใจร้ายแบบนี้เขาก็ใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้อยู่ดี ผมกลัวว่า ...” ศตายุกังวลใจ ความอ่อนแอของณฉัตรน่าเป็นห่วง
“ถ้าอย่างนั้น คุณเทวดาพอจะช่วยปรีย์ได้ไหมคะ" ปรีย์เงยหน้าถาม
"ช่วยยังไงครับ" ศตายุถาม แต่เมื่อได้ฟังคำขอร้องแล้วถึงกับแสดงสีหน้าหนักใจ
+ มีต่อ