ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/33657392/
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4 ปี ค.ศ. 211-220
เล่าปี่ครองเสฉวน พันธมิตรสิ้นสูญ แผ่นดินแตกออกเป็นสาม
ค.ศ. 211
- ม้าเฉียว ขุนศึกหนุ่มทางชายแดนตะวันตกแถบเมืองเสเหลียงก่อกบฏขึ้นแข็งเมืองเข้าตีชิงเตียงอันเมืองหลวงเก่า ส่งผลให้ ม้าเท้ง ผู้เป็นบิดาซึ่งขณะนั้นเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ถูกสั่งประหารชีวิตชดใช้ความผิดให้บุตรชาย แต่ในวรรณกรรมปรับบทใหม่ ให้ม้าเท้งเป็นฝ่ายถูกโจโฉประหารด้วยภัยการเมืองต่อเนื่องตั้งแต่ตังสินก่อขบวนการใต้น้ำ ทำให้ม้าเฉียวโกรธแค้นจนต้องก่อกบฏ ดังนั้นในประวัติศาสตร์ม้าเฉียวถือเป็นต้นเหตุให้บิดาต้องตาย ส่วนวรรณกรรมนั้นม้าเฉียวเป็นบุตรกตัญญู ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
- โจโฉนำทัพไปรบกับม้าเฉียวที่ด่านตงก๋วนทางตะวันตกของลกเอี๋ยง และเอาชนะได้ไม่ยากนัก ฝ่ายม้าเฉียวแตกทัพยับเยิน และยังขัดแย้งกับพวกเดียวกันเองจนต้องสูญเสียครอบครัวในเสเหลียงไปหมดสิ้น ม้าเฉียวหมดหนทางไปแล้วจึงต้องลงแดนตะวันตกเฉียงใต้ไปพึ่งพิงเตียวล่อที่อยู่เมืองฮันต๋ง โจโฉจึงตั้งเป้าหมายเตรียมรุกรานเมืองฮันต๋งต่อไป
- เล่าเจี้ยง ผู้ครองเสฉวน อีกหนึ่งผู้ร่วมสกุลเล่าที่ถือเป็นญาติกับเล่าปี่ ได้ข่าวว่าโจโฉเตรียมบุกเมืองฮันต๋งที่เป็นตะเข็บชายแดนของเสฉวน จำเป็นต้องหาพันธมิตรเข้ามาช่วย จึงนึกถึงเล่าปี่ที่อยู่เกงจิ๋ว และได้ให้คนไปเชิญชวน
- เล่าปี่เริ่มนำกำลังออกจากเกงจิ๋วสู่แคว้นเสฉวนทางตะวันตกตามคำเชิญของเตียวสงและหวดเจ้งจากเสฉวนเพื่อมาช่วยสนับสนุนเล่าเจี้ยงในการป้องกันเสฉวนจากการบุกของโจโฉ
- สุมาเจียว บุตรชายคนรองของสุมาอี้ เกิดปีนี้
ค.ศ. 212
- เล่าเจี้ยงกับเล่าปี่มีเหตุขัดแย้งกันในด้านผลประโยชน์ ส่วนหนึ่งคือเล่าปี่มีเจตนาที่ต้องการชิงเสฉวนอยู่แล้ว จึงประกาศสงครามกับเล่าเจี้ยง
- โจสิดบุตรคนที่สามของโจโฉแต่งโคลงกลอนประดับไว้ที่ปราสาทนกยูงสำริด ถึงการพรรณนาความงามของปราสาท แต่แฝงความหมายในการเกี้ยวพาราสีสองพี่น้องตระกูลเกี้ยว ภรรยาของซุนเซ็กกับจิวยี่ ไว้ในบทกลอนด้วย ในวรรณกรรมได้มีฉากที่ขงเบ้งเคยยกกลอนบทนี้มายั่วโมโหจิวยี่ระหว่างสงครามเซ็กเพ็ก แต่ตามประวัติศาสตร์นั้นบทกลอนเพิ่งถูกประพันธ์ขึ้นในปีนี้หลังจิวยี่เสียชีวิตแล้ว 2 ปี เรื่องราวในวรรณกรรมจึงไม่เป็นความจริง
- ปีนี้มีอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้ากับ ซุนฮก ราชเลขาและเสนาธิการคนสำคัญของโจโฉ ได้ขัดแย้งกันในเรื่องการรับตำแหน่งวุยก๋ง (เว่ยกง) ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับองคมนตรีชั้นสูง ซุนฮกซึ่งยึดธรรมเนียมเก่าแก่นั้นคัดค้านเต็มที่ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับโจโฉ และไม่ถูกเรียกใช้ในงานสำคัญเหมือนแต่เดิม ไม่นานซุนฮกก็ตรอมใจและล้มป่วยจนเสียชีวิต บ้างก็ว่าเขาฆ่าตัวตายด้วยการทานยาเกินขนาด ในวรรณกรรมระบุว่าโจโฉบีบให้ซุนฮกฆ่าตัวตาย
ค.ศ. 213
- เล่าปี่นำทัพตีชิงหัวเมืองแคว้นเสฉวนได้หลายจุด โดยมีบังทองเป็นเสนาธิการวางแผนการรบ ส่วนเกงจิ๋วนั้นให้ขงเบ้งกับกวนอูเป็นผู้คอยดูแลความสงบ และบ่ายเบี่ยงการทวงถามขอเมืองเกงจิ๋วคืนจากฝ่ายซุนกวน
- โจโฉยกบุตรสาว 3 คนให้เป็นสนมแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้ โจเจียบุตรสาวคนรองเป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้มาก
- เมื่อโจโฉได้ข่าวว่าซุนกวนเตรียมทัพตั้งท่าโจมตีชายแดนอาณาเขตของตนจึงนำทัพไปวางกำลังพลด้วยตนเอง ฝ่ายซุนกวนให้ กำเหลง ขุนพลเอกอดีตโจรสลัดนำทัพเข้าโจมตีอย่างรุนแรง โจโฉจึงให้ เตียวเลี้ยว อดีตขุนพลเอกของลิโป้เป็นแม่ทัพใหญ่ประจำเมืองหับป๋าซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญคอยรับมือการบุกครั้งถัด ๆ ไป ก่อนนำทัพกลับเมืองหลวง
ค.ศ. 214
- บังทองพลาดท่าในการนำทัพบุกเสฉวนเส้นทางหนึ่ง ทำให้ถูกล้อมโจมตีจนเสียชีวิตในการรบ เล่าปี่เป็นกังวลมากในด้านยุทธศาสตร์การบุกขั้นต่อไปเพราะเสนาธิการด่วนตายไปเสียก่อน แต่ในที่สุดก็เป็นโอกาสดี เมื่อการเมืองภายในเสฉวนคุกรุ่นจนสุกงอมพอดี จึงมีขุนนางคนในแปรพักตร์มาช่วยเล่าปี่เพิ่มเติม โดยเฉพาะ หวดเจ้ง เจ้าถิ่นที่มีทั้งความรู้ด้านชัยภูมิและพิชัยสงคราม
- เล่าปี่ยึดเมืองเสฉวนได้สำเร็จด้วยคำแนะนำของหวดเจ้ง แล้วทำการเนรเทศเล่าเจี้ยงไปยังชายแดน หลังจากนั้นจึงได้เรียกขงเบ้ง เตียวหุย จูล่ง มาประจำการที่เสฉวน แล้วเดินหน้าจัดระเบียบการปกครองในเสฉวนเสียใหม่
- ม้าเฉียวซึ่งเป็นขุนพลเร่ร่อนอยู่เข้ามาสวามิภักดิ์กับเล่าปี่ในช่วงปีนี้ด้วย
- กวนอูได้สิทธิ์ในการดูแลแคว้นเกงจิ๋วอย่างเต็มรูปแบบ
- ฝ่ายราชสำนักฮั่น ฮกฮองเฮา พระมเหสีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ริษยาที่พระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดปรานโจเจีย บุตรสาวของโจโฉมากกว่าตน จึงได้สมคบคิดกับฮกอ้วนผู้เป็นบิดาและเป็นขุนนางอาวุโสในการวางแผนล้มอำนาจโจโฉ แต่ความแตกเสียก่อน ทั้งฮกฮองเฮา ฮกอ้วน และผู้สมคบคิดทั้งหมดจึงถูกประหาร โจเจียที่พระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดปรานที่สุดจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีแทน
- ซุนฮิว ญาติของซุนฮก เสนาธิการคนสำคัญของโจโฉอีกคนหนึ่งล้มป่วยจนเสียชีวิตในปีนี้ เหล่าขุนนางทั้งดินแดนต่างร่วมไว้อาลัยเพราะซุนฮิวนั้นเป็นที่เคารพรักจากทุกคนเป็นอย่างมาก
ค.ศ. 215
- โจโฉนำทัพบุกเมืองฮันต๋งของเตียวล่อ และยึดมาได้สำเร็จ บริเวณนี้เป็นเมืองใหญ่ที่อาณาเขตต่อเนื่องกับเสฉวน สุมาอี้ผู้เป็นเสนาธิการจึงเสนอให้โจโฉรุกคืบต่อไปยังเสฉวน เพราะมองว่าเล่าปี่เพิ่งยึดได้ไม่นาน สถานการณ์ภายในยังไม่เป็นปึกแผ่น หากบุกโจมตีก็จะชิงมาได้โดยง่าย แต่โจโฉปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นแคว้นที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงมากหากยึดได้จะควบคุมได้ยาก จึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
- ซุนกวนได้ข่าวเล่าปี่ได้เมืองเสฉวนแล้ว จึงให้โลซกมาทวงขอเมืองเกงจิ๋วคืน แต่คราวนี้กวนอูผู้ดูแลเกงจิ๋วได้ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ตอบสนองการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น มารยาททางการทูตของกวนอูจึงถือว่าสร้างภาพติดลบระหว่างพันธมิตรสองแคว้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ในขณะเดียวกัน ซุนกวนก็เปิดแนวรบกับฝ่ายโจโฉด้วยการยกทัพบุกเมืองหับป๋าที่เตียวเลี้ยวเฝ้าดูแลอยู่ ฝ่ายเตียวเลี้ยวมีกำลังพลน้อยกว่าแต่สามารถป้องกันและตอบโต้ได้อย่างดีเยี่ยม และไล่ล่าจนเกือบถึงตัวซุนกวนได้อีกด้วย ผลงานอันโดดเด่นนี้ จึงมีคำร่ำลือบอกต่อกันว่า เด็กทารกใดได้ยินชื่อเตียวเลี้ยวยังต้องหยุดร้องไห้ สื่อถึงความเก่งกาจดุเดือดของเตียวเลี้ยวได้เป็นอย่างดี
ค.ศ. 216
- โจโฉตั้งตำแหน่งตนเองสูงขึ้นเป็นวุยอ๋อง ซึ่งเป็นฐานะระดับเดียวกับเชื้อพระวงศ์ ในตอนนั้นมีเสียงสนับสนุนให้โจโฉตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทนราชวงศ์ฮั่นไปเลย แต่โจโฉปฏิเสธ
ค.ศ. 217
- โจโฉแต่งตั้งโจผีเป็นรัชทายาทเตรียมสืบทอดตำแหน่งต่อในอนาคต เดิมทีแล้วโจโฉมีตัวเลือกในใจไว้สองคนคือโจผีบุตรคนโตกับโจสิดบุตรคนที่สาม (ส่วนโจเจียงบุตรคนรองมีความสามารถด้านการรบแต่ไม่มีศักยภาพด้านการเมืองการบริหาร) จึงมีการจับตาดูความรู้ความสามารถของบุตรทั้งสองมาเป็นระยะเวลานาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกโจผี
- โลซก ขุนนางของซุนกวนที่รับงานสืบทอดจากจิวยี่ล้มป่วยจนเสียชีวิตลงในปีนี้ ด้วยอายุเพียง 45 ปี ซุนกวนแต่งตั้ง ลิบอง รับตำแหน่งสืบต่อ ลิบองคนนี้เดิมทีเป็นแม่ทัพระดับกลางที่ไม่รู้หนังสือ ซุนกวนได้ชี้แนะให้เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถของตน ผ่านไปหลายปีลิบองก็ได้ก้าวหน้าจนสามารถรับตำแหน่งนายพลสูงสุดของกังตั๋งได้
- หวางหยวนจี ภรรยาของสุมาเจียว มารดาของสุมาเอี๋ยน เกิดปีนี้
- แกฉง/กาอุ้น (วรรณกรรมสามก๊กเรียกแยกกัน แต่จริง ๆ เป็นคนเดียวกัน) คนสนิทของสุมาเจียว เกิดปีนี้
ค.ศ. 218
- โจโฉเปิดศึกรบกับชนเผ่านอกด่านอีกครั้ง เล่าปี่จึงฉวยโอกาสนี้จัดทัพรุกรานเมืองฮันต๋งเพื่อชิงมาเป็นของตนเอง โดยมีหวดเจ้งเป็นเสนาธิการหลัก และมีฮองตง เตียวหุย จูล่ง อุยเอี๋ยน เป็นแม่ทัพใหญ่ เหตุที่มีการนำขุนศึกระดับสูงมาเป็นจำนวนมากเพราะฮันต๋งมีอาณาเขตกว้างขวาง และแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามคือ แฮหัวเอี๋ยน ขุนศึกของโจโฉที่สนิทสนมร่วมงานกันมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก สงครามครั้งนี้จึงมีความจริงจังและเข้มข้นมาก
ค.ศ. 219
- ผลการต่อสู้จบลงที่ แฮหัวเอี๋ยนถูกสังหารในสนามรบ และเล่าปี่สามารถยึดเมืองฮันต๋งได้สำเร็จ แล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นฮันต๋งอ๋อง ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ระดับเดียวกับโจโฉที่เป็นวุยอ๋อง
- โจโฉยกทัพมาล้างแค้นให้แฮหัวเอี๋ยนแต่ไม่ประสบความสำเร็จในการชิงฮันต๋งคืน ระหว่างนั้นในเมืองหลวง ขุนนางหนุ่มชื่อ เว่ยเฝิง ร่วมกับขุนนางระดับสูงหลายคนได้ก่อกบฎขึ้นเพื่อกุมอำนาจพระเจ้าเหี้ยนเต้ในระหว่างที่โจโฉกำลังทำศึก แต่ล้มเหลวเพราะโจผีสามารถนำกำลังเข้ากำจัดให้หมดสิ้นได้ก่อน เหตุการณ์นี้ไม่มีการกล่าวถึงในวรรณกรรม
- โจโฉกลับเมืองหลวงแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการจับตาดูแนวรบที่เกงจิ๋วแทน ซึ่งในศึกแรกนั้นกวนอูยกทัพเข้าโจมตีเมืองอ้วนเซีย สามารถทำผลงานรบได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการอาศัยภูมิอากาศฝนตกและน้ำท่วมในการชิงความได้เปรียบข้าศึก และเอาชนะมาได้อย่างงดงาม
- ซุนกวนทราบข่าวกวนอูคว้าชัยชนะมาได้ จึงพยายามใช้การเกี่ยวดองกับกวนอูเพื่อทวงคืนเกงจิ๋วอีกครั้ง ด้วยการเสนอให้บุตรชายคนหนึ่งของตนแต่งงานกับบุตรสาวของกวนอู แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำให้ซุนกวนรู้สึกแค้นใจจึงหันมาวางแผนกำจัดกวนอูร่วมกับฝ่ายโจโฉแทน
- ลิบองที่รับงานต่อจากโลซกล้มป่วยลง จึงให้ ลกซุน ขุนพลหนุ่มมาต่องานแทนเป็นการชั่วคราว กวนอูเห็นว่าลกซุนเป็นขุนพลอายุน้อยและไม่มีชื่อเสียง จึงหมดความพะวงในฝ่ายซุนกวน แล้วทำการเปิดศึกใหญ่กับฝ่ายโจโฉอีกครั้ง
- กวนอูนำทัพขึ้นเหนือรุกเข้าอาณาเขตของโจโฉอย่างดุเดือดจนหละหลวมในการป้องกันแนวหลังในเกงจิ๋ว เป็นเหตุให้แม่ทัพลิบอง ร่วมวางแผนกับลกซุนตามคำสั่งของซุนกวน ในการเข้ายึดเมืองเอกของเกงจิ๋วได้ทั้งหมด
- ฝ่ายโจโฉมอบหมายให้ ซิหลง ขุนพลเอกอีกคนหนึ่งยกทัพมาช่วยโจหยินที่เมืองอ้วนเซีย และวางแผนจัดกองทัพตอบโต้กวนอูจนต้องล่าถอยไปได้
- เมื่อกวนอูถอยทัพกลับก็ทราบข่าวเกงจิ๋วถูกยึด จึงไม่สามารถกลับเข้าแคว้นได้ จำต้องลัดเลาะไปยังเสฉวนแต่สุดท้ายก็ถูกทัพของซุนกวนล้อมจับไว้ได้ ซึ่งซุนกวนตัดสินใจสั่งประหารชีวิตกวนอูทันที เท่ากับว่าการเปิดศึกครั้งนี้ทำให้ซุนกวนชิงเกงจิ๋วกลับคืนจากฝ่ายเล่าปี่ได้สำเร็จ
- ฝ่ายซุนกวนเกรงว่าเล่าปี่จะยกทัพมาล้างแค้น จึงทำทีส่งศีรษะกวนอูไปให้ฝ่ายโจโฉ เพื่อให้เล่าปี่เข้าใจว่าการตายของกวนอูครั้งนี้เป็นฝีมือของฝ่ายโจโฉ แต่ทางโจโฉรู้ทันจึงให้ทำพิธีศพแก่กวนอูอย่างดีด้วยความยกย่องสรรเสริญ ทำให้เป็นที่เข้าใจกันว่าฝ่ายโจโฉนั้นเคารพในตัวกวนอูอย่างยิ่ง
- แม่ทัพลิบองซึ่งป่วยเรื้อรังมาตลอดก็เสียชีวิตลงในปีนี้เช่นกัน ในวรรณกรรมเขียนให้ลิบองถูกผีกวนอูสิงจนตาย
ค.ศ. 220
- โจโฉล้มป่วยและเสียชีวิตในต้นปีนี้ โจผีขึ้นสืบทอดอำนาจต่อได้ไม่นาน ก็กำเริบเสิบสาน ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากราชบัลลังก์ เนรเทศไปอยู่หัวเมืองอันห่างไกล และตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์วุย แล้วสถาปนาให้แผ่นดินของตนเป็นวุยก๊ก
- เท่ากับว่า แผ่นดินฮั่นแต่เดิม ก็ล่มสลาย และถูกแบ่งออกเป็นสามก๊กอย่างชัดเจนในปีนี้ อันได้แก่วุยก๊กของโจผี แผ่นดินเสฉวนของเล่าปี่ และแผ่นดินกังตั๋งของซุนกวน
- พระเจ้าโจผีเตรียมชำระบัญชีกับโจสิดผู้เป็นน้องชาย ในฐานะผู้ที่เคยเป็นคู่แข่งผู้สืบทอดโจโฉมาก่อน แต่นางเปี้ยนซีมารดาของพระองค์ได้ห้ามไว้ พระเจ้าโจผีจึงเนรเทศโจสิดไปอยู่ต่างแดนเสียแทน ในวรรณกรรมได้เพิ่มเรื่องราวของการแต่งกลอนภายใน 7 ก้าวของโจสิดเข้ามาด้วย
- เบ้งตัด นายทัพคนหนึ่งของกวนอูเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก และได้ดูแลแคว้นเกงจิ๋วตอนบน ส่วนแคว้นเกงจิ๋วตอนล่างตกเป็นอาณาเขตของซุนกวน
- หวดเจ้ง เสนาธิการเจ้าถิ่นเสฉวนที่ช่วยงานเล่าปี่มาตลอดในแคว้นนี้ล้มป่วยจนเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 45 ปีเท่านั้น
ติดตามต่อตอน 5 นะครับ
https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily
เปิด Timeline 100 ปี สงครามสามก๊ก ตอนที่ 4 (ค.ศ.211-220)
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4 ปี ค.ศ. 211-220
เล่าปี่ครองเสฉวน พันธมิตรสิ้นสูญ แผ่นดินแตกออกเป็นสาม
ค.ศ. 211
- ม้าเฉียว ขุนศึกหนุ่มทางชายแดนตะวันตกแถบเมืองเสเหลียงก่อกบฏขึ้นแข็งเมืองเข้าตีชิงเตียงอันเมืองหลวงเก่า ส่งผลให้ ม้าเท้ง ผู้เป็นบิดาซึ่งขณะนั้นเป็นขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ถูกสั่งประหารชีวิตชดใช้ความผิดให้บุตรชาย แต่ในวรรณกรรมปรับบทใหม่ ให้ม้าเท้งเป็นฝ่ายถูกโจโฉประหารด้วยภัยการเมืองต่อเนื่องตั้งแต่ตังสินก่อขบวนการใต้น้ำ ทำให้ม้าเฉียวโกรธแค้นจนต้องก่อกบฏ ดังนั้นในประวัติศาสตร์ม้าเฉียวถือเป็นต้นเหตุให้บิดาต้องตาย ส่วนวรรณกรรมนั้นม้าเฉียวเป็นบุตรกตัญญู ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
- โจโฉนำทัพไปรบกับม้าเฉียวที่ด่านตงก๋วนทางตะวันตกของลกเอี๋ยง และเอาชนะได้ไม่ยากนัก ฝ่ายม้าเฉียวแตกทัพยับเยิน และยังขัดแย้งกับพวกเดียวกันเองจนต้องสูญเสียครอบครัวในเสเหลียงไปหมดสิ้น ม้าเฉียวหมดหนทางไปแล้วจึงต้องลงแดนตะวันตกเฉียงใต้ไปพึ่งพิงเตียวล่อที่อยู่เมืองฮันต๋ง โจโฉจึงตั้งเป้าหมายเตรียมรุกรานเมืองฮันต๋งต่อไป
- เล่าเจี้ยง ผู้ครองเสฉวน อีกหนึ่งผู้ร่วมสกุลเล่าที่ถือเป็นญาติกับเล่าปี่ ได้ข่าวว่าโจโฉเตรียมบุกเมืองฮันต๋งที่เป็นตะเข็บชายแดนของเสฉวน จำเป็นต้องหาพันธมิตรเข้ามาช่วย จึงนึกถึงเล่าปี่ที่อยู่เกงจิ๋ว และได้ให้คนไปเชิญชวน
- เล่าปี่เริ่มนำกำลังออกจากเกงจิ๋วสู่แคว้นเสฉวนทางตะวันตกตามคำเชิญของเตียวสงและหวดเจ้งจากเสฉวนเพื่อมาช่วยสนับสนุนเล่าเจี้ยงในการป้องกันเสฉวนจากการบุกของโจโฉ
- สุมาเจียว บุตรชายคนรองของสุมาอี้ เกิดปีนี้
ค.ศ. 212
- เล่าเจี้ยงกับเล่าปี่มีเหตุขัดแย้งกันในด้านผลประโยชน์ ส่วนหนึ่งคือเล่าปี่มีเจตนาที่ต้องการชิงเสฉวนอยู่แล้ว จึงประกาศสงครามกับเล่าเจี้ยง
- โจสิดบุตรคนที่สามของโจโฉแต่งโคลงกลอนประดับไว้ที่ปราสาทนกยูงสำริด ถึงการพรรณนาความงามของปราสาท แต่แฝงความหมายในการเกี้ยวพาราสีสองพี่น้องตระกูลเกี้ยว ภรรยาของซุนเซ็กกับจิวยี่ ไว้ในบทกลอนด้วย ในวรรณกรรมได้มีฉากที่ขงเบ้งเคยยกกลอนบทนี้มายั่วโมโหจิวยี่ระหว่างสงครามเซ็กเพ็ก แต่ตามประวัติศาสตร์นั้นบทกลอนเพิ่งถูกประพันธ์ขึ้นในปีนี้หลังจิวยี่เสียชีวิตแล้ว 2 ปี เรื่องราวในวรรณกรรมจึงไม่เป็นความจริง
- ปีนี้มีอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้ากับ ซุนฮก ราชเลขาและเสนาธิการคนสำคัญของโจโฉ ได้ขัดแย้งกันในเรื่องการรับตำแหน่งวุยก๋ง (เว่ยกง) ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับองคมนตรีชั้นสูง ซุนฮกซึ่งยึดธรรมเนียมเก่าแก่นั้นคัดค้านเต็มที่ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับโจโฉ และไม่ถูกเรียกใช้ในงานสำคัญเหมือนแต่เดิม ไม่นานซุนฮกก็ตรอมใจและล้มป่วยจนเสียชีวิต บ้างก็ว่าเขาฆ่าตัวตายด้วยการทานยาเกินขนาด ในวรรณกรรมระบุว่าโจโฉบีบให้ซุนฮกฆ่าตัวตาย
ค.ศ. 213
- เล่าปี่นำทัพตีชิงหัวเมืองแคว้นเสฉวนได้หลายจุด โดยมีบังทองเป็นเสนาธิการวางแผนการรบ ส่วนเกงจิ๋วนั้นให้ขงเบ้งกับกวนอูเป็นผู้คอยดูแลความสงบ และบ่ายเบี่ยงการทวงถามขอเมืองเกงจิ๋วคืนจากฝ่ายซุนกวน
- โจโฉยกบุตรสาว 3 คนให้เป็นสนมแก่พระเจ้าเหี้ยนเต้ โจเจียบุตรสาวคนรองเป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้มาก
- เมื่อโจโฉได้ข่าวว่าซุนกวนเตรียมทัพตั้งท่าโจมตีชายแดนอาณาเขตของตนจึงนำทัพไปวางกำลังพลด้วยตนเอง ฝ่ายซุนกวนให้ กำเหลง ขุนพลเอกอดีตโจรสลัดนำทัพเข้าโจมตีอย่างรุนแรง โจโฉจึงให้ เตียวเลี้ยว อดีตขุนพลเอกของลิโป้เป็นแม่ทัพใหญ่ประจำเมืองหับป๋าซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญคอยรับมือการบุกครั้งถัด ๆ ไป ก่อนนำทัพกลับเมืองหลวง
ค.ศ. 214
- บังทองพลาดท่าในการนำทัพบุกเสฉวนเส้นทางหนึ่ง ทำให้ถูกล้อมโจมตีจนเสียชีวิตในการรบ เล่าปี่เป็นกังวลมากในด้านยุทธศาสตร์การบุกขั้นต่อไปเพราะเสนาธิการด่วนตายไปเสียก่อน แต่ในที่สุดก็เป็นโอกาสดี เมื่อการเมืองภายในเสฉวนคุกรุ่นจนสุกงอมพอดี จึงมีขุนนางคนในแปรพักตร์มาช่วยเล่าปี่เพิ่มเติม โดยเฉพาะ หวดเจ้ง เจ้าถิ่นที่มีทั้งความรู้ด้านชัยภูมิและพิชัยสงคราม
- เล่าปี่ยึดเมืองเสฉวนได้สำเร็จด้วยคำแนะนำของหวดเจ้ง แล้วทำการเนรเทศเล่าเจี้ยงไปยังชายแดน หลังจากนั้นจึงได้เรียกขงเบ้ง เตียวหุย จูล่ง มาประจำการที่เสฉวน แล้วเดินหน้าจัดระเบียบการปกครองในเสฉวนเสียใหม่
- ม้าเฉียวซึ่งเป็นขุนพลเร่ร่อนอยู่เข้ามาสวามิภักดิ์กับเล่าปี่ในช่วงปีนี้ด้วย
- กวนอูได้สิทธิ์ในการดูแลแคว้นเกงจิ๋วอย่างเต็มรูปแบบ
- ฝ่ายราชสำนักฮั่น ฮกฮองเฮา พระมเหสีของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ริษยาที่พระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดปรานโจเจีย บุตรสาวของโจโฉมากกว่าตน จึงได้สมคบคิดกับฮกอ้วนผู้เป็นบิดาและเป็นขุนนางอาวุโสในการวางแผนล้มอำนาจโจโฉ แต่ความแตกเสียก่อน ทั้งฮกฮองเฮา ฮกอ้วน และผู้สมคบคิดทั้งหมดจึงถูกประหาร โจเจียที่พระเจ้าเหี้ยนเต้โปรดปรานที่สุดจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีแทน
- ซุนฮิว ญาติของซุนฮก เสนาธิการคนสำคัญของโจโฉอีกคนหนึ่งล้มป่วยจนเสียชีวิตในปีนี้ เหล่าขุนนางทั้งดินแดนต่างร่วมไว้อาลัยเพราะซุนฮิวนั้นเป็นที่เคารพรักจากทุกคนเป็นอย่างมาก
ค.ศ. 215
- โจโฉนำทัพบุกเมืองฮันต๋งของเตียวล่อ และยึดมาได้สำเร็จ บริเวณนี้เป็นเมืองใหญ่ที่อาณาเขตต่อเนื่องกับเสฉวน สุมาอี้ผู้เป็นเสนาธิการจึงเสนอให้โจโฉรุกคืบต่อไปยังเสฉวน เพราะมองว่าเล่าปี่เพิ่งยึดได้ไม่นาน สถานการณ์ภายในยังไม่เป็นปึกแผ่น หากบุกโจมตีก็จะชิงมาได้โดยง่าย แต่โจโฉปฏิเสธ เพราะมองว่าเป็นแคว้นที่อยู่ห่างไกลเมืองหลวงมากหากยึดได้จะควบคุมได้ยาก จึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว
- ซุนกวนได้ข่าวเล่าปี่ได้เมืองเสฉวนแล้ว จึงให้โลซกมาทวงขอเมืองเกงจิ๋วคืน แต่คราวนี้กวนอูผู้ดูแลเกงจิ๋วได้ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ตอบสนองการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น มารยาททางการทูตของกวนอูจึงถือว่าสร้างภาพติดลบระหว่างพันธมิตรสองแคว้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ในขณะเดียวกัน ซุนกวนก็เปิดแนวรบกับฝ่ายโจโฉด้วยการยกทัพบุกเมืองหับป๋าที่เตียวเลี้ยวเฝ้าดูแลอยู่ ฝ่ายเตียวเลี้ยวมีกำลังพลน้อยกว่าแต่สามารถป้องกันและตอบโต้ได้อย่างดีเยี่ยม และไล่ล่าจนเกือบถึงตัวซุนกวนได้อีกด้วย ผลงานอันโดดเด่นนี้ จึงมีคำร่ำลือบอกต่อกันว่า เด็กทารกใดได้ยินชื่อเตียวเลี้ยวยังต้องหยุดร้องไห้ สื่อถึงความเก่งกาจดุเดือดของเตียวเลี้ยวได้เป็นอย่างดี
ค.ศ. 216
- โจโฉตั้งตำแหน่งตนเองสูงขึ้นเป็นวุยอ๋อง ซึ่งเป็นฐานะระดับเดียวกับเชื้อพระวงศ์ ในตอนนั้นมีเสียงสนับสนุนให้โจโฉตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทนราชวงศ์ฮั่นไปเลย แต่โจโฉปฏิเสธ
ค.ศ. 217
- โจโฉแต่งตั้งโจผีเป็นรัชทายาทเตรียมสืบทอดตำแหน่งต่อในอนาคต เดิมทีแล้วโจโฉมีตัวเลือกในใจไว้สองคนคือโจผีบุตรคนโตกับโจสิดบุตรคนที่สาม (ส่วนโจเจียงบุตรคนรองมีความสามารถด้านการรบแต่ไม่มีศักยภาพด้านการเมืองการบริหาร) จึงมีการจับตาดูความรู้ความสามารถของบุตรทั้งสองมาเป็นระยะเวลานาน ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกโจผี
- โลซก ขุนนางของซุนกวนที่รับงานสืบทอดจากจิวยี่ล้มป่วยจนเสียชีวิตลงในปีนี้ ด้วยอายุเพียง 45 ปี ซุนกวนแต่งตั้ง ลิบอง รับตำแหน่งสืบต่อ ลิบองคนนี้เดิมทีเป็นแม่ทัพระดับกลางที่ไม่รู้หนังสือ ซุนกวนได้ชี้แนะให้เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อยกระดับความรู้ความสามารถของตน ผ่านไปหลายปีลิบองก็ได้ก้าวหน้าจนสามารถรับตำแหน่งนายพลสูงสุดของกังตั๋งได้
- หวางหยวนจี ภรรยาของสุมาเจียว มารดาของสุมาเอี๋ยน เกิดปีนี้
- แกฉง/กาอุ้น (วรรณกรรมสามก๊กเรียกแยกกัน แต่จริง ๆ เป็นคนเดียวกัน) คนสนิทของสุมาเจียว เกิดปีนี้
ค.ศ. 218
- โจโฉเปิดศึกรบกับชนเผ่านอกด่านอีกครั้ง เล่าปี่จึงฉวยโอกาสนี้จัดทัพรุกรานเมืองฮันต๋งเพื่อชิงมาเป็นของตนเอง โดยมีหวดเจ้งเป็นเสนาธิการหลัก และมีฮองตง เตียวหุย จูล่ง อุยเอี๋ยน เป็นแม่ทัพใหญ่ เหตุที่มีการนำขุนศึกระดับสูงมาเป็นจำนวนมากเพราะฮันต๋งมีอาณาเขตกว้างขวาง และแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามคือ แฮหัวเอี๋ยน ขุนศึกของโจโฉที่สนิทสนมร่วมงานกันมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก สงครามครั้งนี้จึงมีความจริงจังและเข้มข้นมาก
ค.ศ. 219
- ผลการต่อสู้จบลงที่ แฮหัวเอี๋ยนถูกสังหารในสนามรบ และเล่าปี่สามารถยึดเมืองฮันต๋งได้สำเร็จ แล้วแต่งตั้งตัวเองเป็นฮันต๋งอ๋อง ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ระดับเดียวกับโจโฉที่เป็นวุยอ๋อง
- โจโฉยกทัพมาล้างแค้นให้แฮหัวเอี๋ยนแต่ไม่ประสบความสำเร็จในการชิงฮันต๋งคืน ระหว่างนั้นในเมืองหลวง ขุนนางหนุ่มชื่อ เว่ยเฝิง ร่วมกับขุนนางระดับสูงหลายคนได้ก่อกบฎขึ้นเพื่อกุมอำนาจพระเจ้าเหี้ยนเต้ในระหว่างที่โจโฉกำลังทำศึก แต่ล้มเหลวเพราะโจผีสามารถนำกำลังเข้ากำจัดให้หมดสิ้นได้ก่อน เหตุการณ์นี้ไม่มีการกล่าวถึงในวรรณกรรม
- โจโฉกลับเมืองหลวงแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการจับตาดูแนวรบที่เกงจิ๋วแทน ซึ่งในศึกแรกนั้นกวนอูยกทัพเข้าโจมตีเมืองอ้วนเซีย สามารถทำผลงานรบได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการอาศัยภูมิอากาศฝนตกและน้ำท่วมในการชิงความได้เปรียบข้าศึก และเอาชนะมาได้อย่างงดงาม
- ซุนกวนทราบข่าวกวนอูคว้าชัยชนะมาได้ จึงพยายามใช้การเกี่ยวดองกับกวนอูเพื่อทวงคืนเกงจิ๋วอีกครั้ง ด้วยการเสนอให้บุตรชายคนหนึ่งของตนแต่งงานกับบุตรสาวของกวนอู แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ทำให้ซุนกวนรู้สึกแค้นใจจึงหันมาวางแผนกำจัดกวนอูร่วมกับฝ่ายโจโฉแทน
- ลิบองที่รับงานต่อจากโลซกล้มป่วยลง จึงให้ ลกซุน ขุนพลหนุ่มมาต่องานแทนเป็นการชั่วคราว กวนอูเห็นว่าลกซุนเป็นขุนพลอายุน้อยและไม่มีชื่อเสียง จึงหมดความพะวงในฝ่ายซุนกวน แล้วทำการเปิดศึกใหญ่กับฝ่ายโจโฉอีกครั้ง
- กวนอูนำทัพขึ้นเหนือรุกเข้าอาณาเขตของโจโฉอย่างดุเดือดจนหละหลวมในการป้องกันแนวหลังในเกงจิ๋ว เป็นเหตุให้แม่ทัพลิบอง ร่วมวางแผนกับลกซุนตามคำสั่งของซุนกวน ในการเข้ายึดเมืองเอกของเกงจิ๋วได้ทั้งหมด
- ฝ่ายโจโฉมอบหมายให้ ซิหลง ขุนพลเอกอีกคนหนึ่งยกทัพมาช่วยโจหยินที่เมืองอ้วนเซีย และวางแผนจัดกองทัพตอบโต้กวนอูจนต้องล่าถอยไปได้
- เมื่อกวนอูถอยทัพกลับก็ทราบข่าวเกงจิ๋วถูกยึด จึงไม่สามารถกลับเข้าแคว้นได้ จำต้องลัดเลาะไปยังเสฉวนแต่สุดท้ายก็ถูกทัพของซุนกวนล้อมจับไว้ได้ ซึ่งซุนกวนตัดสินใจสั่งประหารชีวิตกวนอูทันที เท่ากับว่าการเปิดศึกครั้งนี้ทำให้ซุนกวนชิงเกงจิ๋วกลับคืนจากฝ่ายเล่าปี่ได้สำเร็จ
- ฝ่ายซุนกวนเกรงว่าเล่าปี่จะยกทัพมาล้างแค้น จึงทำทีส่งศีรษะกวนอูไปให้ฝ่ายโจโฉ เพื่อให้เล่าปี่เข้าใจว่าการตายของกวนอูครั้งนี้เป็นฝีมือของฝ่ายโจโฉ แต่ทางโจโฉรู้ทันจึงให้ทำพิธีศพแก่กวนอูอย่างดีด้วยความยกย่องสรรเสริญ ทำให้เป็นที่เข้าใจกันว่าฝ่ายโจโฉนั้นเคารพในตัวกวนอูอย่างยิ่ง
- แม่ทัพลิบองซึ่งป่วยเรื้อรังมาตลอดก็เสียชีวิตลงในปีนี้เช่นกัน ในวรรณกรรมเขียนให้ลิบองถูกผีกวนอูสิงจนตาย
ค.ศ. 220
- โจโฉล้มป่วยและเสียชีวิตในต้นปีนี้ โจผีขึ้นสืบทอดอำนาจต่อได้ไม่นาน ก็กำเริบเสิบสาน ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกจากราชบัลลังก์ เนรเทศไปอยู่หัวเมืองอันห่างไกล และตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์วุย แล้วสถาปนาให้แผ่นดินของตนเป็นวุยก๊ก
- เท่ากับว่า แผ่นดินฮั่นแต่เดิม ก็ล่มสลาย และถูกแบ่งออกเป็นสามก๊กอย่างชัดเจนในปีนี้ อันได้แก่วุยก๊กของโจผี แผ่นดินเสฉวนของเล่าปี่ และแผ่นดินกังตั๋งของซุนกวน
- พระเจ้าโจผีเตรียมชำระบัญชีกับโจสิดผู้เป็นน้องชาย ในฐานะผู้ที่เคยเป็นคู่แข่งผู้สืบทอดโจโฉมาก่อน แต่นางเปี้ยนซีมารดาของพระองค์ได้ห้ามไว้ พระเจ้าโจผีจึงเนรเทศโจสิดไปอยู่ต่างแดนเสียแทน ในวรรณกรรมได้เพิ่มเรื่องราวของการแต่งกลอนภายใน 7 ก้าวของโจสิดเข้ามาด้วย
- เบ้งตัด นายทัพคนหนึ่งของกวนอูเข้าสวามิภักดิ์กับวุยก๊ก และได้ดูแลแคว้นเกงจิ๋วตอนบน ส่วนแคว้นเกงจิ๋วตอนล่างตกเป็นอาณาเขตของซุนกวน
- หวดเจ้ง เสนาธิการเจ้าถิ่นเสฉวนที่ช่วยงานเล่าปี่มาตลอดในแคว้นนี้ล้มป่วยจนเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 45 ปีเท่านั้น
ติดตามต่อตอน 5 นะครับ
https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily