อุยเอี๋ยน หรือ เว่ยเหยียน เกิดที่เมืองอี้หยาง ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน สูง 8 ฟุต หน้าสีน้ำตาลเข้ม
ดั่งผลพุทราสุก วรรณกรรมสามก๊กอ้างว่าเขาเคยเป็นนายทหารเมืองเกงจิ๋ว ลูกน้องของ “เล่าเปียว”
หลังจากเล่าเปียวตาย อุยเอี๋ยนพยายามเปิดประตูรับ เล่าปี่ ที่อพยพหนี โจโฉ ให้เข้ามาในเกงจิ๋ว แต่ นายทหาร
เกงจิ๋วหลายคนซึ่งเป็นพวกของชัวมอไม่ยอม ฝ่ายเล่าจ๋องลูกชายตัวน้อยของเล่าเปียวซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ก็
เด็กเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้ เล่าปี่เห็นไม่เข้าท่าจึงหนีไปอยู่ที่เมืองกังเหลง
ฝ่ายอุยเอี๋ยน หลังเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นแล้วก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเตียงสา ซึ่งมี ฮันเหียน เป็นเจ้าเมือง แต่ฮันเหียน
ไม่ชอบอุยเอี๋ยน จึงไม่เคยช่วงใช้ ทั้งยังดูถูกเขาให้ได้เจ็บใจ ครั้นขงเบ้งให้กวนอูมาตีเมืองเตียงสา ฮันเหียนจึงให้
ฮองตง ออกไปรบ แต่แล้วฮันเหียนกลับจะประหารฮองตงเสียเพราะเข้าใจว่าขุนพลเฒ่า "ล้มมวย" แกล้งฮั้วกับกวนอู
อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นจึงปลุกระดมให้ทหารเมืองเตียงสาร่วมกันกำจัดฮันเหียนเสีย โดยนำทหารราวหนึ่งร้อยคนบุกเข้า
ไปตัดหัวฮันเหียน แล้วเอาศีรษะของฮันเหียนไปสวามิภักดิ์ต่อกวนอู แต่แล้วเมื่อได้เข้าพบขงเบ้งและเล่าปี่ ขงเบ้งกลับ
"สั่งประหาร" อุยเอี๋ยนท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง โดยขงเบ้งชี้ว่าอุยเอี๋ยนเป็นคนทรยศนาย จักเอาไว้ไม่ได้ !!
เคราะห์ดีที่เล่าปี่ได้ห้ามยอดกุนซือของตนเองไว้ โดยบอกว่าหากฆ่าอุยเอี๋ยนเสีย ต่อไปจะไม่มีใครกล้ามาสวามิภักดิ์อีก
ขงเบ้งจึงยอม แล้วปรามอุยเอี๋ยนให้รับใช้เล่าปี่อย่างซื่อสัตย์
ต่อมา อุยเอี๋ยนและฮองตง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหน้าของเล่าปี่คู่กัน โดยทั้งคู่เป็นกำลังหลัก ช่วยให้เล่าปี่ยึดเสฉวนได้สำเร็จ
อุยเอี๋ยนมีบทบาทสำคัญในการรบกับฝ่ายโจโฉอีกหลายครั้ง ในศึกชิงเมืองฮันต๋ง ขณะที่ทัพวุยกำลังเสียทีอยู่นั้น อุยเอี๋ยน
เกือบปลิดชีวิตจอมคนผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศได้ โดยเขาได้ยิงเกาทัณฑ์ถูกปากของโจโฉฟันหักสองซี่ตกจากหลังม้า ทำให้
โจโฉต้องถอยกลับราชธานีฮูโต๋ไปด้วยความบอบช้ำ คือเสียฮันต๋งแล้วยังเสียฟันไปอีกสองซี่
หลายปีต่อมา เมื่อขงเบ้งนำทัพลงใต้ไปปราบขบถ อุยเอี๋ยนมีส่วนในการจับเป็นเบ้งเฮ็กหลายต่อหลายครั้ง จนครบเจ็ดครั้ง เจ้าแห่ง
พวกม่านจึงยอมแพ้ต่อพญามังกรจูกัดเหลียงครั้นขงเบ้งนำทัพขึ้นเหนือไปบุกวุยก๊ก อุยเอี๋ยนได้เป็นกำลังหลักไปด้วยเช่นเคย โดย
ระหว่างการบุกเหนือ อุยเอี๋ยนเริ่มขัดแย้งกับขงเบ้งหลายหน อุยเอี๋ยนได้อาสาขอนำทัพโจมตีวุยก๊กในลักษณะกองโจร โดยขอกำลัง
เพียงห้าพันนายจู่โจมเข้าตีเมืองเตียงอันโดยตรงแทนที่จะบุกไปทางเขากิสานเท่านั้น แต่ขงเบ้งปฏิเสธเพราะไม่อยากเสี่ยง
จากนั้นเป็นต้นมา อุยเอี๋ยนเริ่มแสดงอาการต่อต้านและขัดขืนคำสั่งของขงเบ้งอย่างเปิดเผย แต่ขงเบ้งก็ยังไม่คิดกำจัดเขา
เพราะเสียดายฝีมือรบในการบุกเหนือครั้งที่เจ็ด ขงเบ้งซึ่งล้มป่วยลงได้ทำพิธีต่ออายุตนเอง แต่แล้วเมื่อครบกำหนดเจ็ดวัน
อุยเอี๋ยนได้วิ่งเข้ามาในกระโจม ทำให้เทียนนั้นดับวูบลง พิธีต่ออายุขงเบ้งจึงล้มเหลว
เมื่อขงเบ้งสิ้นลม เหล่าขุนนางนำโดย เอียวหงี ต่างเตรียมพร้อมที่จะถอยทัพกลับเสฉวนตามคำสั่งของขงเบ้ง มีแต่อุยเอี๋ยน
เพียงผู้เดียวที่ยืนยันให้บุกวุยก๊กต่อไป ฝ่ายม้าต้ายได้ทำทีมาเข้าด้วยอุยเอี๋ยนตามคำสั่งเสียของขงเบ้ง แล้วยุให้อุยเอี๋ยนบุก
เสฉวนตั้งตนเป็นใหญ่เสียเอง วรรณกรรมอ้างว่า อุยเอี๋ยนโดนลูกยุก็ได้ใจ วางแผนว่าหากชนะจะบุกเข้ายึดเสฉวนแล้วตั้งตัวเป็นเจ้า
แต่สุดท้าย ขณะเผชิญหน้ากับหลวงของจ๊กก๊กที่หน้าเมืองฮันต๋ง เอียวหงีที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ท้าให้อุยเอี๋ยนตะโกนขึ้นว่า
“ใครกล้าฆ่าข้า” สามครั้ง แล้วตนจะขอยอมแพ้ยกเมืองฮันต๋งให้ อุยเอี๋ยนจึงตะโกนขึ้นสามครั้ง พอสิ้นเสียงตะโกน ม้าต้ายที่อยู่ข้างๆ
กายก็ปรี่เข้าไปตัดหัวอุยเอี๋ยนในทันที ดับชีพของนายพลอหังการ์ลงในที่สุด
ตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อุยเอี๋ยนไม่เคยรับใช้เล่าเปียวมาก่อน และไม่เคยฆ่าฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสา เพราะหลักฐานที่มี
ระบุว่าฮันเหียนเป็นผู้ยอมสวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่ด้วยตนเอง ที่จริงแล้ว อุยเอี๋ยนเริ่มต้นอาชีพทหารในสังกัดของเตียวหุย และเขาก็ได้ทำ
ให้เตียวหุยก็ประทับใจในความเก่งกล้าสามารถ จนไต่เต้าขึ้นมาเป็นทหารเอกในที่สุด
สำหรับการ “ก่อกบฏ” ของอุยเอี๋ยนหลังจากขงเบ้งตาย แม้ว่าอุยเอี๋ยนต้องการจะบุกวุยก๊ก ซึ่งไม่เป็นไปตามคำสั่งเสียของขงเบ้ง
แต่เขาก็มิได้คิดตีเมืองฮันต๋งตามที่วรรณกรรมกล่าวอ้างแต่อย่างใด ข้อมูลที่ตรงกันก็คือม้าต้ายเป็นผู้สังหารอุยเอี๋ยนในข้อหากบฏ
จากการที่เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียขงเบ้ง
อุยเอี๋ยน ยอดขุนพล หรือ กบฎในสันดาน
ดั่งผลพุทราสุก วรรณกรรมสามก๊กอ้างว่าเขาเคยเป็นนายทหารเมืองเกงจิ๋ว ลูกน้องของ “เล่าเปียว”
หลังจากเล่าเปียวตาย อุยเอี๋ยนพยายามเปิดประตูรับ เล่าปี่ ที่อพยพหนี โจโฉ ให้เข้ามาในเกงจิ๋ว แต่ นายทหาร
เกงจิ๋วหลายคนซึ่งเป็นพวกของชัวมอไม่ยอม ฝ่ายเล่าจ๋องลูกชายตัวน้อยของเล่าเปียวซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ก็
เด็กเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรได้ เล่าปี่เห็นไม่เข้าท่าจึงหนีไปอยู่ที่เมืองกังเหลง
ฝ่ายอุยเอี๋ยน หลังเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นแล้วก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเตียงสา ซึ่งมี ฮันเหียน เป็นเจ้าเมือง แต่ฮันเหียน
ไม่ชอบอุยเอี๋ยน จึงไม่เคยช่วงใช้ ทั้งยังดูถูกเขาให้ได้เจ็บใจ ครั้นขงเบ้งให้กวนอูมาตีเมืองเตียงสา ฮันเหียนจึงให้
ฮองตง ออกไปรบ แต่แล้วฮันเหียนกลับจะประหารฮองตงเสียเพราะเข้าใจว่าขุนพลเฒ่า "ล้มมวย" แกล้งฮั้วกับกวนอู
อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นจึงปลุกระดมให้ทหารเมืองเตียงสาร่วมกันกำจัดฮันเหียนเสีย โดยนำทหารราวหนึ่งร้อยคนบุกเข้า
ไปตัดหัวฮันเหียน แล้วเอาศีรษะของฮันเหียนไปสวามิภักดิ์ต่อกวนอู แต่แล้วเมื่อได้เข้าพบขงเบ้งและเล่าปี่ ขงเบ้งกลับ
"สั่งประหาร" อุยเอี๋ยนท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง โดยขงเบ้งชี้ว่าอุยเอี๋ยนเป็นคนทรยศนาย จักเอาไว้ไม่ได้ !!
เคราะห์ดีที่เล่าปี่ได้ห้ามยอดกุนซือของตนเองไว้ โดยบอกว่าหากฆ่าอุยเอี๋ยนเสีย ต่อไปจะไม่มีใครกล้ามาสวามิภักดิ์อีก
ขงเบ้งจึงยอม แล้วปรามอุยเอี๋ยนให้รับใช้เล่าปี่อย่างซื่อสัตย์
ต่อมา อุยเอี๋ยนและฮองตง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหน้าของเล่าปี่คู่กัน โดยทั้งคู่เป็นกำลังหลัก ช่วยให้เล่าปี่ยึดเสฉวนได้สำเร็จ
อุยเอี๋ยนมีบทบาทสำคัญในการรบกับฝ่ายโจโฉอีกหลายครั้ง ในศึกชิงเมืองฮันต๋ง ขณะที่ทัพวุยกำลังเสียทีอยู่นั้น อุยเอี๋ยน
เกือบปลิดชีวิตจอมคนผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศได้ โดยเขาได้ยิงเกาทัณฑ์ถูกปากของโจโฉฟันหักสองซี่ตกจากหลังม้า ทำให้
โจโฉต้องถอยกลับราชธานีฮูโต๋ไปด้วยความบอบช้ำ คือเสียฮันต๋งแล้วยังเสียฟันไปอีกสองซี่
หลายปีต่อมา เมื่อขงเบ้งนำทัพลงใต้ไปปราบขบถ อุยเอี๋ยนมีส่วนในการจับเป็นเบ้งเฮ็กหลายต่อหลายครั้ง จนครบเจ็ดครั้ง เจ้าแห่ง
พวกม่านจึงยอมแพ้ต่อพญามังกรจูกัดเหลียงครั้นขงเบ้งนำทัพขึ้นเหนือไปบุกวุยก๊ก อุยเอี๋ยนได้เป็นกำลังหลักไปด้วยเช่นเคย โดย
ระหว่างการบุกเหนือ อุยเอี๋ยนเริ่มขัดแย้งกับขงเบ้งหลายหน อุยเอี๋ยนได้อาสาขอนำทัพโจมตีวุยก๊กในลักษณะกองโจร โดยขอกำลัง
เพียงห้าพันนายจู่โจมเข้าตีเมืองเตียงอันโดยตรงแทนที่จะบุกไปทางเขากิสานเท่านั้น แต่ขงเบ้งปฏิเสธเพราะไม่อยากเสี่ยง
จากนั้นเป็นต้นมา อุยเอี๋ยนเริ่มแสดงอาการต่อต้านและขัดขืนคำสั่งของขงเบ้งอย่างเปิดเผย แต่ขงเบ้งก็ยังไม่คิดกำจัดเขา
เพราะเสียดายฝีมือรบในการบุกเหนือครั้งที่เจ็ด ขงเบ้งซึ่งล้มป่วยลงได้ทำพิธีต่ออายุตนเอง แต่แล้วเมื่อครบกำหนดเจ็ดวัน
อุยเอี๋ยนได้วิ่งเข้ามาในกระโจม ทำให้เทียนนั้นดับวูบลง พิธีต่ออายุขงเบ้งจึงล้มเหลว
เมื่อขงเบ้งสิ้นลม เหล่าขุนนางนำโดย เอียวหงี ต่างเตรียมพร้อมที่จะถอยทัพกลับเสฉวนตามคำสั่งของขงเบ้ง มีแต่อุยเอี๋ยน
เพียงผู้เดียวที่ยืนยันให้บุกวุยก๊กต่อไป ฝ่ายม้าต้ายได้ทำทีมาเข้าด้วยอุยเอี๋ยนตามคำสั่งเสียของขงเบ้ง แล้วยุให้อุยเอี๋ยนบุก
เสฉวนตั้งตนเป็นใหญ่เสียเอง วรรณกรรมอ้างว่า อุยเอี๋ยนโดนลูกยุก็ได้ใจ วางแผนว่าหากชนะจะบุกเข้ายึดเสฉวนแล้วตั้งตัวเป็นเจ้า
แต่สุดท้าย ขณะเผชิญหน้ากับหลวงของจ๊กก๊กที่หน้าเมืองฮันต๋ง เอียวหงีที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ท้าให้อุยเอี๋ยนตะโกนขึ้นว่า
“ใครกล้าฆ่าข้า” สามครั้ง แล้วตนจะขอยอมแพ้ยกเมืองฮันต๋งให้ อุยเอี๋ยนจึงตะโกนขึ้นสามครั้ง พอสิ้นเสียงตะโกน ม้าต้ายที่อยู่ข้างๆ
กายก็ปรี่เข้าไปตัดหัวอุยเอี๋ยนในทันที ดับชีพของนายพลอหังการ์ลงในที่สุด
ตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ อุยเอี๋ยนไม่เคยรับใช้เล่าเปียวมาก่อน และไม่เคยฆ่าฮันเหียน เจ้าเมืองเตียงสา เพราะหลักฐานที่มี
ระบุว่าฮันเหียนเป็นผู้ยอมสวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่ด้วยตนเอง ที่จริงแล้ว อุยเอี๋ยนเริ่มต้นอาชีพทหารในสังกัดของเตียวหุย และเขาก็ได้ทำ
ให้เตียวหุยก็ประทับใจในความเก่งกล้าสามารถ จนไต่เต้าขึ้นมาเป็นทหารเอกในที่สุด
สำหรับการ “ก่อกบฏ” ของอุยเอี๋ยนหลังจากขงเบ้งตาย แม้ว่าอุยเอี๋ยนต้องการจะบุกวุยก๊ก ซึ่งไม่เป็นไปตามคำสั่งเสียของขงเบ้ง
แต่เขาก็มิได้คิดตีเมืองฮันต๋งตามที่วรรณกรรมกล่าวอ้างแต่อย่างใด ข้อมูลที่ตรงกันก็คือม้าต้ายเป็นผู้สังหารอุยเอี๋ยนในข้อหากบฏ
จากการที่เขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเสียขงเบ้ง