นั่งเครื่องบินไม่ได้ ไปเกาหลีไม่ได้ ทำตามฝันไม่ได้ มันเจ็บนะ!

เกริ่นนะคะ เราเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหากับการนั่งเครื่องบิน   ไม่ใช่ไม่เคยนะ เเต่เเค่ครั้งเดียวก็เลิก  เพราะนั่งเครื่องบินเเล้วกลับลงมาเป็นโรคแพนิค ตอนนี้นั่งรถนั่งเรืออะไรไม่ค่อยสะดวก แต่ก่อนหน้านี้ เราเป็นคนที่ชอบเที่ยวมาก ส่วนใหญ่จะนั่งรถทัวร์หรือนั่งรถตัวเองไปเที่ยวตาม ตจว. นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้า เที่ยวเองในกทม. แต่หลังจากขึ้นเครื่องบินครั้งเเรกบินไปเที่ยวร้อยเอ็ดใช้เวลา 1ชั่วโมง 20นาที เป็นเที่ยวบินที่โครตระทึกมาก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายตอนนั้น หัวใจเเทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอก หายใจไม่ออกบนเครื่องบินจนแอร์ต้องเดินมานั่งข้างๆตลอด พุทโธ ธัมโม สังโฆ เเต่ก็รอดมาได้ และคงไปขึ้นอีกครั้งไม่ได้เเล้ว ตกกลางคืนนอนไม่ได้ เพราะนอนๆไปเหมือนคนจะจมน้ำ หายใจไมออก วิ่งไปโรงพยาบาล แถวๆในเมือง เที่ยวไม่สนุกเลยค่ะทริปนั้น หลังจากนั้นมีอาการอื่นๆตามมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นโคลงเคลง วูบ หายใจเร็ว หัวใจสะดุด เครียด วิตกตลอดเวลา ฉันจะเป็นอะไรไหม เสียใจที่นั่งเครื่องบินไม่ได้ และคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคร้ายเเรงอะไรอยู่เต็มๆ สี่ เดือน เข้าๆออกๆ รพ.บ่อยมาก เปลี่ยนหมอแล้วเปลี่ยนหมออีก สุดท้ายได้ผลสรุปว่าเป็นเเพนิค (เกี่ยวกับจิตตเวช ลองหาในกูเกิ้ลดูได้ค่ะ) พอก่อนกับการเกริ่นให้ทุกคนรับทราบถึงปัญหาว่าทำไม "เรา ถึง นั่ง เครื่อง บิน ไม่ ได้"  นี่คือสาเหตุที่เราเสียใจเพราะเราไม่สามารถทำตามความฝันได้ มันก็คือการไปเที่ยว"เกาหลี" อย่างที่ใครหลายๆคนเข้าไปกัน

แล้วความเครียดที่มีมันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ในเมื่อมันไปไม่ได้ ก็ไปในส่วนที่มันไปได้สิ เมคมันขึ้นมาสิ (เรามองเเง่บวกเสมอเพื่อรักษาโรคที่เป็นอยู่) ประเทศไทยมีฝรั่ง จีน เกาหลี อินเดีย มาเที่ยวมากมาย ประเทศเราขึ้นชื่อ มีหลายๆที่ ที่มันคล้ายคลึงกับเกาหลี บ้างแหละ     ช่วงนี้ยิ่งบ้าซีรีย์เกาหลีพิเศษ ทุกวันนี้ใช้ซีรีย์บำบัดอาการอยู่ ฮ่าๆ แล้วยิ่งดูยิ่งอยากไปเที่ยว

ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเที่ยวในไทยนะ ตัวเที่ยวเลยละ ชอบเมืองไทยมาก ชอบมากกก ชอบต่างจังหวัด ทุ่งนา โอโซน อาหารพื้นบ้าน ปีนน้ำตก นอนอ่านหนังสือริมทะเล เเบคเเพคกับเเฟน โอ้ยยสารพัดก็ทำมาเเล้ว

วันนี้เลยอยากมาขอความช่วยเหลือเพื่อนๆที่นี่ ช่วยเราทีเราไม่สบาย เเต่เราอยากไปเที่ยวเกาหลีเป็นที่เเรกแต่ดันไปไม่ได้ เราจะเอาทริปนี้ เป็นทริปเเรกที่จะประมวลภาพต่างๆในเมืองไทยจำลองเป็นเกาหลีไปในตัวมาฝากเพื่อนๆพันทิป ช่วยเเนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่คิดว่าเหมือนไปเกาหลีให้หน่อยค่ะเอาญี่ปุ่นๆก็ได้คล้ายๆกัน หรือที ที่ ที่มีคนเกาหลีไปเยอะๆ เราจะจัดเเจงเช่าที่พักย่านนั้น กินอาหารแถวๆนั้น เที่ยวกลางคืนเเถวนั้น(อิอิ)  ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวสักห้าวัน แม้ความฝันของเราจะดูเพี้ยนๆไปบ้าง อย่าว่ากันนะคะว่าชอบหรืออยากไปอะไรกันนักหนา

แนะนำมาได้เรื่อยๆเลยนะคะ หวังว่าทุกคนจะใจดีกับเรานะคะ ขอบคุณมากค่ะ   

ปล.กำลังเก็บตัง เก็บให้เท่ากับคนไทยไปเกาหลีเลย ดีที่ไม้ต้องเสียค่าเครื่องบิน 555+
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
เป็นกำลังใจให้ จขกท.นะคะ
เป็นคนที่ชื่นชอบประเทศเกาหลีเหมือนกัน

ถ้ายังขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ก็แนะนำ Korean Town อีกเสียงค่ะ พอได้อยู่
โดยเฉพาะวัน 추석 Chuseok ประมาณเดือน ก.ย.ที่นี่จะมีจัดงานออกร้าน ทั้งอาหาร เสื้อผ้า
ไฮไล้ทคือ การปั้นขนม 송편 ร่วมกับคนเกาหลีค่ะ ฟรีค่ะ ลองดูนะคะ ^^
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
สวัสดีค่ะ
เราเป็นคนหนึ่งที่เริ่มมีอาการแพนิคตอนอายุ 14 ตอนนี้อายุ20แล้วค่ะ
(ปัจจุบันใกล้หายแล้ว แทบไม่มีอาการมาตั้งแต่อายุ18)

เราเริ่มมีอาการครั้งแรกคือตอนอยู่ที่โรงเรียน ตอนนั่งเรียนรู้สึกป่วยๆปวดหัว จู่ๆเราก็หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่เป็นคนขี้กังวลอยู่แล้ว เลยกังวลใจและตกใจมาก เพื่อนเราก็พาเราไปห้องพยาบาล พยาบาลก็บอกว่าเราทานยาอะไรมาแล้วแพ้รึเปล่ากินเหล้าหรือเมายารึเปล่าว่าไปเรื่อย555 แต่อาการเราเริ่มแย่ขึ้นจนพยาบาลโทรเรียกคุณแม่มารับไปโรงพยาบาล(ระยะเวลาที่รู้สึกใจเต้นแรงมากแค่10กว่านาที แต่ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมง) หลัวจากนั้นก็ยังมีอาการใจสั่นเรื่อยๆไปพบหมอก็วินิจฉัยว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ เปลี่ยนหมดเป็นว่าเล่น

จนวันหนึ่งเราไปเรียนพิเศษ เราป่วยมีไข้นิดๆปวดหัวบ้างแต่เรารู้สึกกลัวว่าจะตาย(อันนี้ไม่ได้เว่อแต่มันเป็นอาการของคนที่มีอาการแพนิคจริงๆ) เราโทรหาแม่บอกว่าจะกลับบ้านไม่อยากเรียนต่อแล้ว พอกลับถึงบ้านไม่มีใครอยู่เราก็เริ่มคิดมาก จากนั้นก็ใจสั่น พอใจสั่นก็กลัวว่าเราจะตายมั้ย เราเป็นโรคหัวใจรึเปล่าเรารีบโทหาพ่อให้มารับแต่พ่อบอกอีกครึ่งชั่วโมงถึง เราเลยกลัวว่าเราจะหัวใจวาย เลยกระยิ้มกระสนออกจากบ้าน ตอนนั้นเป็น panic attack ที่แย่ที่สุดแล้ว อาการคือมือเท้าชา ปากซีด เหงื่อแตกทั้งตัว แขนขาสั่นทั้งตัว รู้สึกจะหน้ามือ แต่เราก็ยังไปโบกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลได้55555

เราเข้าห้องฉุกเฉินตอนนั้นเริ่มขาสั่นมากขึ้นกลัวว่าจะตายลงตรงนั้น คุณพยาบาลเอาเครื่องมือที่แปะหน้าอกแล้วมันจะขึ้นจอเป็นเส้นๆตามอัตราความเร็วที่หัวใจเต้นอ่ะมาแปะหน้าอกเราแล้วหันมาบอกว่า "หัวใจน้องเต้นเร็วมาก เต้น170" เราไม่เคยคำพูดนั้นเลย เมื่อคุณหมอมาวินิจฉัยคร่าวๆคุณหมอบอกว่าเราร่างกายปกติดีแต่ทำไมหัวใจเต้นเร็วมาก ไม่มีประวัติเป็นโรคหัวใจมาก่อนด้วย หมอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะทานอะไรแปลกๆกินยาอะไรที่แพ้หรอ (คือเจอหมอมามากกว่า4-5คนก็บอกโรคอื่นๆพอรักษาก็ไม่ทำให้ดี เคยมีคุณหมอท่านหนึ่งวินิจฉัยว่าน่าจะเป็นไฮเปอร์ไทรอย แต่พอตรวจเลือดตรวจร่างกายกลับไม่พบ)

ผ่านไปเกือบเดือนหลังจากเกิด panic attack ที่เลวร้ายที่สุด คุณแม่ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วเพื่อนบอกว่าสามีเค้าเป็นอาการคล้ายเราเลย น่าจะมีอาการแพนิคน่ะ
เมื่อแม่เราทราบเช่นนั้นจึงพาเราไปพบจิตแพทย์(ตอนแรกก็ไม่อยากไป เดี๋ยวคนจะหาว่าเราเป็นบ้า แต่หลังจากได้พบจิตแพทย์จึงเปลี่ยนความคิดดังกล่าวและเข้าใจว่าจิตแพทย์ไม่ได้รักษาเพียงคนบ้า แต่ยังให้คำปรึกษา หรือบำบัดผู้มีอาการเครียด หรืออาการต่างๆ) คุณหมอท่านถามอาการ ระยะเวลาที่ใจสั่น ความรู้สึกและความคิดเราตอนที่เกิดอาการ คุณหมอก็วินิจฉัยว่ามีอาการแพนิคและเริ่มรักษาโดยจะนัดเราคุยทุกๆอาทิตย์ในตอนแรก ถามเรื่องความเครียดของเรา และให้เราทำความเข้าใจกับอาการแพนิคว่า "มันเป็นความรู้สึกที่สมองเราเล่นตลกกับเรา" คุณหมอได้กล่าวไว้  เพราะในความจริงเราไม่ได้ป่วยหรือเป็นโรคหัวใจเลย แต่เหตุที่เรารู้สึกเช่นนั้นเพราะสมองขาดสารเคมีบางตัวประกอบกับพฤติกรรมของเราที่เป็นคนขี้กังวลและเครียด ดังนั้นคุณหมดจึงจ่ายยาซึ่งจะปรับสมดุลสารเคมีในสมองและเราจะรู้สึกดีขึ้น หากเรามีอาการแพนิคให้จดบันทึกไว้ว่าระยะเวลากี่นาที และระหว่างมีอาการให้บอกตัวเองว่าเราสบายดี สมองเล่นตลกกับเรา (ซึ่งมันยากมากในตอนแรกๆเพราะเหมือนเราโกหกตัวเองว่าสบายดีทั้งๆที่รู้สึกใจสั่นปากสั่นตัวซีด) แต่พอผ่านไปครึ่งปีเราสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นประกอบกับใช้ยาที่คุณหมอจ่ายให้ทานทุกๆวัน

เราได้รักษากับคุณหมอท่านแรกเป็นเวลา3ปีค่ะ ต่อมาเราย้ายที่อยู่จึงต้องหาคุณหมอท่านใหม่ รวมเกือบ6ปีแล้วที่รักษาอาการนี้ ปัจจุบันไม่มีอาการแพนิคแล้วค่ะแต่คุณหมอยังจ่ายยาอยู่แต่ลดปริมาณลง เพื่อให้เราสามารถปรับตัวได้โดยไม่ต้องพึ่งยาในอนาคต ตอนนี้ทางเพียงครึ่งเม็ด อาทิตย์ละ2วันค่ะ)

เราอยากจะให้กำลังใจเจ้าของกระทู้น่ะเราเข้าใจว่าตอนเกิดอาการมันรู้สึกแย่มากๆ พูดไปคนก็หาว่าเราโม้ ทำให้เรายิ่งเสียกำลังใจไม่อยากรักษา แต่เจ้าของกระทู้ต้องรักษาน่ะคะอันนี้ควรเลยเพราะการที่พยายามบอกตัวเองให้สงบลงโดยที่ไม่มียามันยากมาก อีกอย่างเราสามารถเล่าอาการให้คุณหมอท่านทราบและท่านก็เข้าใจอาการเราด้วย แต่ระหว่างรักษาอย่าท้อและอย่าหยุดทานยาเลย ทานตามที่คุณหมอสั่ง เพราะเราเคยคิดว่าเราดีแล้วสบายแล้ว หยุดยาเองโดยพ่อแม่ไม่รู้จู่ๆเกิกอาการขึ้นมาอีกต้องได้รับยาเต็มอัตราเหมือนเดิมทั้งๆที่คุณหมอเริ่มลดยาแล้ว

ขอให้เจ้าของกระทู้หายไวๆน่ะคะ

ปล. ถ้าเราเขียนตรงไหนที่เกี่ยวกับอาการนี้ไม่ถูกต้อง ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เราไม่ค่อยมีความรู้ทางการแพทย์
และที่เราเขียนมันอาจจะยาวไปแต่อยากให้เจ้าของกระทู้ได้รู้ว่ายังมีคนอีกหลายคนที่มีอาการนี้และสามารถรักษาจนหาย/เกือบจะไม่มีอาการแล้ว
สู้ๆน่ะคะขอให้เจ้าของกระทู้ได้ไปเที่ยวตามความฝันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่