มหากาพย์โครงการรับจำนำข้าวผ่านอีก 1 ฉากสำคัญ

อังคารที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญา
ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก

ในฐานะจำเลยซึ่งถูกอัยการสูงสุดยื่นฟ้องตามคำร้องป.ป.ช. กล่าวหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท


คดีนี้โทษสูงสุดติดคุก 10 ปี จึงไม่แปลกที่ศาลจะตีราคาประกันตัวระหว่างสู้คดีถึง 30 ล้านบาท

ไม่แปลก แต่ก็ถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์

นอกจากตีราคาประกันสูงลิบ ศาลยังสั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมาศาลตามนัดทุกครั้ง
ครั้งไหนมาไม่ได้ก็ต้องยื่นคำร้องชี้แจงเหตุจำเป็นต่อศาลเป็นครั้งๆ ไป

กับอีกเงื่อนไขสำคัญ ถึงศาลจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ระหว่างนี้ห้ามจำเลย
เดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลเสียก่อน

จากนี้ก็ต้องลุ้นกันต่อว่าศาลจะมีคำตัดสินออกมาเมื่อใด

ที่หลายคนคาดเดาว่าน่ารู้ก่อนเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
เพราะถึงอย่างไร สนช.ก็ได้ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีผลให้ต้องเว้นวรรค
การเมือง 5 ปีไปแล้ว

หมดสิทธิลงเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน

เงื่อนเวลาในการตัดสินจึงไม่ระทึกเท่ากับว่าผลตัดสินจะออกมาหน้าไหน

ถ้าศาลตัดสินว่าผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องติดคุก 10 ปี โดยไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นศาลเดียว
ตัดสินแล้วเป็นที่สุด จะอุทธรณ์ฎีกาใดๆ ไม่ได้

แต่ในกรณีตรงข้าม ถ้าคำตัดสินออกมาว่าไม่ผิด

นอกจากเรื่องมาตรฐานในการทำหน้าที่ของป.ป.ช.กับอัยการสูงสุดในคดีนี้แล้ว

คำถามคือ แล้วสนช.ที่ลงมติถอดถอนไปแล้วจะรับผิดชอบอย่างไร

คสช.ที่เป็นต้นกำเนิด สนช.ต้อง ร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่

คิดคำตอบเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยก็ดี

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1432143427