ยิ่งจนยิ่งเจ็บ เมื่อต้องเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร

สวัสดีค่ะ ขอแชร์ประสบการณ์ความเศร้าใจของคนเป็นหนี้ค่ะ ดิฉันเป็นคนเคยรวย รายได้เยอะ ซื้อบ้านไว้สองหลัง ต่อมาธุรกิจประสบปัญหา หมุนเงินไม่ทัน ผ่อนบ้านไม่ไหว จึงเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร 2แห่ง

บ้านหลังแรก ธนาคารไทยพา....   จนท ไม่แนะนำอะไรเลย บอกให้เซ็นเอกสารปรับโครงสร้างและปรับยอดการผ่อนชำระใหม่ ตอนนั้น กำลังมืดมน จนทแนะนำอะไร ก็ทำ ดีใจว่า ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง  รู้ตัวอีกที ผ่อนมาสองปี ยอดหนี้ยังไม่ลดเลย โทรสอบถามหลายครั้ง สุดท้าย ได้ความว่า ยอดเงินที่ผ่อนทุกเดือน ตัดเฉพาะ ดอกเบี้ยค้างและดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ตัดเงินต้นเลย จะเริ่มตัดเงินต้นได้ ต่อเมื่อดอกเบี้ยที่ค้างอยู่หมด ซึ่งใช้เวลาสามปี!!!  แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เพราะทำสัญญาไปแล้ว

บ้านหลังที่สอง ปรับโครงสร้างหนี้ตามมา กับ ธนาคารกรุงเทพ จนท ดีมาก ให้คำแนะนำ พักยอดดอกเบี้ยที่ค้าง ให้เราค่อยๆทยอยผ่อน คือแต่ละเดือน ยอดที่ผ่อน จะตัดดอกเบี้ยคงค้าง และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ และตัดเงินต้น ทำให้ยอดหนี้ลดลงเรื่อยๆ

ความสงสัยของดิฉันคือ ทำไมธนาคารสองแห่ง ปฏิบัติต่อลูกค้า ไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่ลักษณะแบบเดียวกันเลย.  มานึกๆดูก็รู้สึกว่า ธนาคารไทยพา..... เอาเปรียบลูกค้ามากเกินไปหรือเปล่าคะ  คนที่เค้าลำบากแต่ไม่คิดหนีหนี้ อดทนผ่อนชำระ ธนาคารน่าจะช่วยเหลือหรืออย่างน้อย อธิบายชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจมากกว่านี้ เพราะเรื่องบางอย่าง คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย ก็ยากที่จะเข้าใจ

อยากแชร์ให้คนอื่นๆที่ประสบปัญหาแบบนี้ ศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนตัดสินใจทำสัญญากับธนาคารค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่