28 ธ.ค.2558
ทำพิธีไหว้ราหู ตามที่หลวงพ่อวัดเตาอิฐแนะนำ
29 ธ.ค. 2557 คุณอุ๋มกับเพื่อนขอมาเยี่ยมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปที่ศาลก่อน เพราะคุณอุ๋มบอกว่าคุณบุญสมไม่อยู่ที่ห้องเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แปลกมาก (ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะ พระคาถาชินบัญชรส่งผล) เธอบอกว่าคราวนี้ พ่อแก่มาและปู่หลักเมืองก็มาด้วย ตกลงเราสี่คน (คุณอุ๋มกับเพื่อน นายสาและผม) ไปที่ศาลด้วยกัน หลังจากพ่อแก่และปู่หลักเมืองคุยกับคุณบุญสมแล้วก็หันมาคุยกับผมว่า คุณบุญสมไม่พอใจที่ผมไปขัดขวางเขา (..ยังไง?..) ตอนนี้ญาติทุกคนต่างก็วางมือไม่ขวางเขาแล้ว (...อ้าว ไหงงั้นล่ะ..?) มีแต่ผมเท่านั้นที่ยังไปยื้อชีวิตภรรยาไว้และขัดขวางเขาอยู่ (..ผมว่าผมทำถูกนะ..เรื่องอะไรจะปล่อยให้เธอโดนทำร้าย.....)
หลังจากนั้นกลับกลายเป็นว่า เทพทั้งสองท่านช่วยกันปลอบให้ผมวางมือ อย่าไปขวางการทวงหนี้กรรมครั้งนี้ โดยที่ท่านเล่าอดีตชาติที่ผมและเธอเคยอยู่และผูกพันกันมาหลายชาติภพ ท่านย้ำหลายหนว่า
-หนี้กรรมต้องใช้
-ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้
-ทุกคนต้องตายเป็นธรรมดา
-ใช้กรรมจนหมดกรรมไม่ใช่ว่าต้องตาย ถ้ามีบุญมากพอก็อยู่ต่อได้ด้วยบุญ
และอื่นๆ อีกหลายประเด็น ท่านย้ำเพื่อให้ผมเข้าใจและยอมรับด้วยเจตนาดีและลึกซึ้งแต่ท่านบอกตรงๆไม่ได้ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวทำให้ผมไม่เห็นเจตนาดีของท่าน ผมดื้อดึงไม่คล้อยตามคำแนะนำ จนท้ายสุดท่านบอกว่า การที่ผมไปยื้อและขัดขวางเช่นนี้ คนที่ทรมานคือภรรยาผม เธอเจ็บปวดและทรมานมากนะ ถ้าผมยอมวางมือเธอก็จะไม่ทรมานอีกต่อไป ถ้าเธอมีบุญมากพอ ก็อยู่ต่อด้วยแรงบุญได้ สองคำสุดท้ายคือ *ทรมานกับบุญมากพอ* ทำให้ผมได้สติคิดขึ้นมาได้ในแง่มุมหนึ่ง
....หลวงพ่อไก่เคยบอกว่า เธออยู่ในระดับสมาธิวิปัสสนาที่สูง มีครูบาอาจารย์คอยดูแล ผมไม่ควรขัดขวาง ที่ถูกคือต้องส่งเสริมเธอให้ถึงที่ที่ดี โอกาสเช่นนี้น้อยคนนักที่จะได้ สุคติภูมิของเธออยู่ในภพที่สูงกว่าเดี๋ยวนี้มาก
....พี่ป้า..อาจารย์เภสัชรุ่นพี่ที่เรานับถือ รักและเคารพมาก ท่านคอยบอกบุญและชักชวนให้เราทำบุญมาเป็นสิบๆปี ถ้าท่านบอกอะไรมา เราจะทำบุญร่วมทันทีโดยไม่ถามอะไรมากความ เมื่อรู้ว่าภรรยาผมป่วยก็บอกว่า ภรรยาผมทำบุญมาเยอะมาก ผลบุญต้องช่วยแน่นอน.
จากคำบอกใบ้ 2 ประเด็นนี้ ทำให้ผมได้คิดว่า เลยตัดสินใจกล่าวกับคุณบุญสมว่า ต่อแต่นี้ผมจะไม่ขัดขวางการทวงหนี้กรรมอีกต่อไป โดยกล่าวให้คำสัตย์ดังนี้ "ให้เธอได้ใช้หนี้กรรมต่างๆด้วยผลบุญและกรรมของเธอ แต่มีข้อแม้ว่าในฐานะสามีภรรยาที่เป็นคู่กัน และผมเป็นหมอ ผมขอใช้วิถีทางการแพทย์ทุกชนิดที่จะดูแลร่างกายและรักษาโรคภัยของเธอ เมื่อเธอหมดกรรมแล้วจะอยู่ได้ด้วยแรงบุญนานเท่าไรก็สุดแต่บุญของเธอแล้วกัน และผมขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินคุณบุญสมด้วย"
พ่อแก่และปู่หลักเมืองได้กล่าวอนุโมทนาการตัดสินใจของผมและกล่าวกับคุณบุญสมว่า ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ขอให้ทำในสิ่งที่ควร จังหวะนั้นมี รปภ.หญิงเข้ามาขอให้ดูดวงให้ พ่อแก่เลยเทศนาสั่งสอนไปว่า
“ ไม่ทำบุญ ไม่ใส่บาตร ไม่สวดมนต์ แล้วจะเอาอะไรมาช่วยให้ดี แล้วเคยไปทำอะไรกับเด็กไว้ล่ะ เขาตามอยู่ตลอด ต้องใส่บาตร ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาซะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรช่วยได้” แล้วพวกเราก็กลับไปห้องผู้ป่วย.
นายสาเข้าไปในห้องคนไข้ก่อน ส่วนผมยังถามปรึกษาปัญหาบางอย่างกับคุณอุ๋มและเพื่อน เรายืนห่างจากประตูห้องที่ปิดไว้ไกลพอควร มองไม่เห็นอะไรในห้อง หลังจากตอบปัญหาของผมแล้ว คุณอุ๋มก็บอกว่า ผมตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ภรรยาผมทรมานมามากและเคยคิดขนาดจะจบชีวิตตัวเองด้วย (ภรรยาผมเคยบอกว่า ถ้ามีปืนคงยิงตัวตายไปแล้ว และตอนไปที่วัดระฆัง ก็เคยคิดว่า ถ้ากระโดดจากที่จอดรถ ชั้น 3 ได้ตายในวัดระฆังก็คงดีไม่น้อย แต่ก็กลับได้คิดว่า สมเด็จโตคงไม่ปลื้มแน่ๆ ถ้าทำให้วัดของท่านเปรอะเปื้อน)
คุณอุ๋มบอกว่า เธอเห็นสมเด็จโตอยู่ที่หัวเตียงภรรยาผม อยู่ในพระที่แขวนตรงหัวเตียง (ตอนนั้นผมแขวนพระไว้ที่หัวเตียงจริงๆ แต่มองจากนอกห้องไม่เห็นแน่ๆ ขนาดนั่งในห้อง ถ้าไม่รู้ก็มองเห็นได้ยาก) เมื่อผมวางมือแล้ว สมเด็จโต หลวงปู่ทวด และอีกท่านหนึ่ง (ชาวพุทธรู้จักกันดี)ก็จะเข้ามาช่วยดูแลต่อไป
วันนี้ภรรยาผมหอบเหนื่อยมาก เพราะน้ำในปอดเพิ่มมากขึ้นอีก มีกำหนดเจาะปอดตอนบ่ายๆ ทั้งสองท่านสั่งสอนธรรมะกับเธอและเน้นให้สติอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา ปู่หลักเมืองเอาน้ำมนต์จากศาลหลักเมืองมาให้ใช้เพื่อบรรเทาปวดและรักษาโรค เมื่อรู้ว่าน้ำท่วมปอดจึงบอกให้ใช้น้ำมนต์แต้มตรงบริเวณนั้น ผมเลยนิมนต์ให้ท่านช่วยแต้มน้ำมนต์เพื่อเป็นศิริมงคล ปู่หลักเมืองบอกให้ผมทำเองเลย พอผมจะแต้มน้ำมนต์ พ่อแก่ก็เข้าร่างขอน้ำมนต์จากผมแล้วพูดกึ่งหัวเราะว่า "ไหนๆ..ขอลองทำหน่อย ดูซิว่าน้ำมนต์หยดเดียวนี่จะทำให้น้ำในปอดลดมั้ย" แล้วท่านก็แต้มให้เธอ
คุยกันสักพัก เราก็เล่าให้ฟังว่าต้องให้ยาวันที่ 4 ม.ค. 2558 แต่หาเส้นยากมาก ครั้งก่อนต้องให้ที่ขา ถ้าครั้งนี้มีปัญหาก็ต้องผ่าตัด ใส่port ซึ่งเราไม่ต้องการเลย. คุณอุ๋มหลับตาพักหนึ่งแล้วบอกเห็นเส้นเลือดขึ้นที่แขนซ้ายน่าจะให้ได้ พ่อแก่เลยเข้ามาให้พรว่า ในวันที่ 4 ขอให้มีเส้นและให้ยาได้แบบไม่มีปัญหา ทีเดียวใช้ได้เลยและไม่เจ็บปวดใดๆ เราก็สาธุกราบขอบคุณ (แต่ผมนึกในใจและคุยกันทีหลังบอกว่า เส้นของเธอตีบหายาก เปราะแตกง่าย ไม่เคยได้ง่ายๆโดยไม่เจ็บ พรนี้จะส่งผลได้แค่ไหนหนอ ....ปรากฎว่า วันนั้นเป็นจริงตามพรของท่าน ขนาดคนแทงเส้นเองลังเล ไม่มั่นใจ ส่ายหน้าแล้ว แต่ทีเดียวได้ ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว) ท่านแนะนำให้ไปไหว้พระที่วัดอินทร์ บางขุนพรหม และเอาน้ำมนต์สมเด็จโตที่วัดนี้กลับไปด้วย พร้อมกับให้พรว่า ขอให้เดินเข้าไหว้พระได้ด้วยลมหายใจของตัวเอง (ผมแปลเองว่า เดินได้ ไม่ต้องใช้ออกซิเจน ) จากนั้นนายสาก็พาแขกไปกินอาหารกลางวัน กลับมานายสาเล่าให้ฟังว่า ตอนกินข้าวถามอุ๋มถึง รปภ.กับเด็ก (มองไม่เห็น.. น่าจะเป็นวิญญาณ) หมายถึงอะไร คุณอุ๋มบอกว่า ยายคนนั้นเคยไปทำแท้งมา วิญญาณเด็กถึงตามตลอด ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น กลังจากส่งแขกกลับทาง
Taxi นายสาเดินไปถามรปภ.ตรงๆว่า ไปทำแท้งมาเหรอ หล่อนตอบว่าใช่ หลายปีแล้ว พอโดนทักแบบนี้ เธอสะดุ้ง และตัวชาวูบเลย นายสาบอกผมว่า นึกไม่ถึงว่าของจริงอยู่ใกล้ตัวนี่เอง.
ภรรยาผมอาการทรุดลง เจ้ากรรมนายเวรบอกให้ผมวางมืออย่าขวางเขา
ทำพิธีไหว้ราหู ตามที่หลวงพ่อวัดเตาอิฐแนะนำ
29 ธ.ค. 2557 คุณอุ๋มกับเพื่อนขอมาเยี่ยมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไปที่ศาลก่อน เพราะคุณอุ๋มบอกว่าคุณบุญสมไม่อยู่ที่ห้องเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แปลกมาก (ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะ พระคาถาชินบัญชรส่งผล) เธอบอกว่าคราวนี้ พ่อแก่มาและปู่หลักเมืองก็มาด้วย ตกลงเราสี่คน (คุณอุ๋มกับเพื่อน นายสาและผม) ไปที่ศาลด้วยกัน หลังจากพ่อแก่และปู่หลักเมืองคุยกับคุณบุญสมแล้วก็หันมาคุยกับผมว่า คุณบุญสมไม่พอใจที่ผมไปขัดขวางเขา (..ยังไง?..) ตอนนี้ญาติทุกคนต่างก็วางมือไม่ขวางเขาแล้ว (...อ้าว ไหงงั้นล่ะ..?) มีแต่ผมเท่านั้นที่ยังไปยื้อชีวิตภรรยาไว้และขัดขวางเขาอยู่ (..ผมว่าผมทำถูกนะ..เรื่องอะไรจะปล่อยให้เธอโดนทำร้าย.....)
หลังจากนั้นกลับกลายเป็นว่า เทพทั้งสองท่านช่วยกันปลอบให้ผมวางมือ อย่าไปขวางการทวงหนี้กรรมครั้งนี้ โดยที่ท่านเล่าอดีตชาติที่ผมและเธอเคยอยู่และผูกพันกันมาหลายชาติภพ ท่านย้ำหลายหนว่า
-หนี้กรรมต้องใช้
-ไม่มีใครแก้กรรมให้ใครได้
-ทุกคนต้องตายเป็นธรรมดา
-ใช้กรรมจนหมดกรรมไม่ใช่ว่าต้องตาย ถ้ามีบุญมากพอก็อยู่ต่อได้ด้วยบุญ
และอื่นๆ อีกหลายประเด็น ท่านย้ำเพื่อให้ผมเข้าใจและยอมรับด้วยเจตนาดีและลึกซึ้งแต่ท่านบอกตรงๆไม่ได้ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวทำให้ผมไม่เห็นเจตนาดีของท่าน ผมดื้อดึงไม่คล้อยตามคำแนะนำ จนท้ายสุดท่านบอกว่า การที่ผมไปยื้อและขัดขวางเช่นนี้ คนที่ทรมานคือภรรยาผม เธอเจ็บปวดและทรมานมากนะ ถ้าผมยอมวางมือเธอก็จะไม่ทรมานอีกต่อไป ถ้าเธอมีบุญมากพอ ก็อยู่ต่อด้วยแรงบุญได้ สองคำสุดท้ายคือ *ทรมานกับบุญมากพอ* ทำให้ผมได้สติคิดขึ้นมาได้ในแง่มุมหนึ่ง
....หลวงพ่อไก่เคยบอกว่า เธออยู่ในระดับสมาธิวิปัสสนาที่สูง มีครูบาอาจารย์คอยดูแล ผมไม่ควรขัดขวาง ที่ถูกคือต้องส่งเสริมเธอให้ถึงที่ที่ดี โอกาสเช่นนี้น้อยคนนักที่จะได้ สุคติภูมิของเธออยู่ในภพที่สูงกว่าเดี๋ยวนี้มาก
....พี่ป้า..อาจารย์เภสัชรุ่นพี่ที่เรานับถือ รักและเคารพมาก ท่านคอยบอกบุญและชักชวนให้เราทำบุญมาเป็นสิบๆปี ถ้าท่านบอกอะไรมา เราจะทำบุญร่วมทันทีโดยไม่ถามอะไรมากความ เมื่อรู้ว่าภรรยาผมป่วยก็บอกว่า ภรรยาผมทำบุญมาเยอะมาก ผลบุญต้องช่วยแน่นอน.
จากคำบอกใบ้ 2 ประเด็นนี้ ทำให้ผมได้คิดว่า เลยตัดสินใจกล่าวกับคุณบุญสมว่า ต่อแต่นี้ผมจะไม่ขัดขวางการทวงหนี้กรรมอีกต่อไป โดยกล่าวให้คำสัตย์ดังนี้ "ให้เธอได้ใช้หนี้กรรมต่างๆด้วยผลบุญและกรรมของเธอ แต่มีข้อแม้ว่าในฐานะสามีภรรยาที่เป็นคู่กัน และผมเป็นหมอ ผมขอใช้วิถีทางการแพทย์ทุกชนิดที่จะดูแลร่างกายและรักษาโรคภัยของเธอ เมื่อเธอหมดกรรมแล้วจะอยู่ได้ด้วยแรงบุญนานเท่าไรก็สุดแต่บุญของเธอแล้วกัน และผมขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินคุณบุญสมด้วย"
พ่อแก่และปู่หลักเมืองได้กล่าวอนุโมทนาการตัดสินใจของผมและกล่าวกับคุณบุญสมว่า ได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ขอให้ทำในสิ่งที่ควร จังหวะนั้นมี รปภ.หญิงเข้ามาขอให้ดูดวงให้ พ่อแก่เลยเทศนาสั่งสอนไปว่า
“ ไม่ทำบุญ ไม่ใส่บาตร ไม่สวดมนต์ แล้วจะเอาอะไรมาช่วยให้ดี แล้วเคยไปทำอะไรกับเด็กไว้ล่ะ เขาตามอยู่ตลอด ต้องใส่บาตร ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาซะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรช่วยได้” แล้วพวกเราก็กลับไปห้องผู้ป่วย.
นายสาเข้าไปในห้องคนไข้ก่อน ส่วนผมยังถามปรึกษาปัญหาบางอย่างกับคุณอุ๋มและเพื่อน เรายืนห่างจากประตูห้องที่ปิดไว้ไกลพอควร มองไม่เห็นอะไรในห้อง หลังจากตอบปัญหาของผมแล้ว คุณอุ๋มก็บอกว่า ผมตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว ภรรยาผมทรมานมามากและเคยคิดขนาดจะจบชีวิตตัวเองด้วย (ภรรยาผมเคยบอกว่า ถ้ามีปืนคงยิงตัวตายไปแล้ว และตอนไปที่วัดระฆัง ก็เคยคิดว่า ถ้ากระโดดจากที่จอดรถ ชั้น 3 ได้ตายในวัดระฆังก็คงดีไม่น้อย แต่ก็กลับได้คิดว่า สมเด็จโตคงไม่ปลื้มแน่ๆ ถ้าทำให้วัดของท่านเปรอะเปื้อน)
คุณอุ๋มบอกว่า เธอเห็นสมเด็จโตอยู่ที่หัวเตียงภรรยาผม อยู่ในพระที่แขวนตรงหัวเตียง (ตอนนั้นผมแขวนพระไว้ที่หัวเตียงจริงๆ แต่มองจากนอกห้องไม่เห็นแน่ๆ ขนาดนั่งในห้อง ถ้าไม่รู้ก็มองเห็นได้ยาก) เมื่อผมวางมือแล้ว สมเด็จโต หลวงปู่ทวด และอีกท่านหนึ่ง (ชาวพุทธรู้จักกันดี)ก็จะเข้ามาช่วยดูแลต่อไป
วันนี้ภรรยาผมหอบเหนื่อยมาก เพราะน้ำในปอดเพิ่มมากขึ้นอีก มีกำหนดเจาะปอดตอนบ่ายๆ ทั้งสองท่านสั่งสอนธรรมะกับเธอและเน้นให้สติอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา ปู่หลักเมืองเอาน้ำมนต์จากศาลหลักเมืองมาให้ใช้เพื่อบรรเทาปวดและรักษาโรค เมื่อรู้ว่าน้ำท่วมปอดจึงบอกให้ใช้น้ำมนต์แต้มตรงบริเวณนั้น ผมเลยนิมนต์ให้ท่านช่วยแต้มน้ำมนต์เพื่อเป็นศิริมงคล ปู่หลักเมืองบอกให้ผมทำเองเลย พอผมจะแต้มน้ำมนต์ พ่อแก่ก็เข้าร่างขอน้ำมนต์จากผมแล้วพูดกึ่งหัวเราะว่า "ไหนๆ..ขอลองทำหน่อย ดูซิว่าน้ำมนต์หยดเดียวนี่จะทำให้น้ำในปอดลดมั้ย" แล้วท่านก็แต้มให้เธอ
คุยกันสักพัก เราก็เล่าให้ฟังว่าต้องให้ยาวันที่ 4 ม.ค. 2558 แต่หาเส้นยากมาก ครั้งก่อนต้องให้ที่ขา ถ้าครั้งนี้มีปัญหาก็ต้องผ่าตัด ใส่port ซึ่งเราไม่ต้องการเลย. คุณอุ๋มหลับตาพักหนึ่งแล้วบอกเห็นเส้นเลือดขึ้นที่แขนซ้ายน่าจะให้ได้ พ่อแก่เลยเข้ามาให้พรว่า ในวันที่ 4 ขอให้มีเส้นและให้ยาได้แบบไม่มีปัญหา ทีเดียวใช้ได้เลยและไม่เจ็บปวดใดๆ เราก็สาธุกราบขอบคุณ (แต่ผมนึกในใจและคุยกันทีหลังบอกว่า เส้นของเธอตีบหายาก เปราะแตกง่าย ไม่เคยได้ง่ายๆโดยไม่เจ็บ พรนี้จะส่งผลได้แค่ไหนหนอ ....ปรากฎว่า วันนั้นเป็นจริงตามพรของท่าน ขนาดคนแทงเส้นเองลังเล ไม่มั่นใจ ส่ายหน้าแล้ว แต่ทีเดียวได้ ไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว) ท่านแนะนำให้ไปไหว้พระที่วัดอินทร์ บางขุนพรหม และเอาน้ำมนต์สมเด็จโตที่วัดนี้กลับไปด้วย พร้อมกับให้พรว่า ขอให้เดินเข้าไหว้พระได้ด้วยลมหายใจของตัวเอง (ผมแปลเองว่า เดินได้ ไม่ต้องใช้ออกซิเจน ) จากนั้นนายสาก็พาแขกไปกินอาหารกลางวัน กลับมานายสาเล่าให้ฟังว่า ตอนกินข้าวถามอุ๋มถึง รปภ.กับเด็ก (มองไม่เห็น.. น่าจะเป็นวิญญาณ) หมายถึงอะไร คุณอุ๋มบอกว่า ยายคนนั้นเคยไปทำแท้งมา วิญญาณเด็กถึงตามตลอด ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น กลังจากส่งแขกกลับทาง
Taxi นายสาเดินไปถามรปภ.ตรงๆว่า ไปทำแท้งมาเหรอ หล่อนตอบว่าใช่ หลายปีแล้ว พอโดนทักแบบนี้ เธอสะดุ้ง และตัวชาวูบเลย นายสาบอกผมว่า นึกไม่ถึงว่าของจริงอยู่ใกล้ตัวนี่เอง.