เราเจอคนรักในคราบมิจฉาชีพ หมดเงินครึ่งล้าน

นี่เป็นกระทู้แรกของเรา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง

             เมื่อประมาณช่วงต้นปีที่แล้วเราได้รู้จักผู้ชายคนนึงชื่อว่า โอม (นามสมมติ) ซึ่งเค้าอายุมากกว่าเรา 10 กว่าปี เราได้คบหากันเป็นแฟน ในตอนนั้นก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน โอมเป็นคนชอบรถ(เก่า)โบราณ โอมมักจะเล่าให้เราฟังบ่อยๆเกี่ยวกับเรื่องรถพวกนี้ โอมเล่าให้เราฟังว่าเคยนำรถเก่ามาเปิดเป็นร้านขายเหล้า ร้านขายน้ำอัดลมโบราณตามตลาดนัดรถไฟ แต่ได้เลิกทำไปแล้วเพราะเหตุผลส่วนตัว และโอมก็อยากที่จะทำธุรกิจแบบเดิมอีก   โอมจึงมาขอยืมเงินเรา   โดยบอกว่าถ้าเปิดร้านแล้วจะคืนเดือนละ 20,000 บาท   ด้วยความที่เราเป็นคนเชื่อคนง่ายไว้ใจคนง่าย บวกกับเค้าเป็นคนพูดจาดีตลอดน่าเชื่อถือ  และเห็นว่าคบกันเป็นแฟนจะสร้างอนาคตด้วยกัน    เราก็อยากจะมีธุรกิจส่วนตัวเพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เราจึงให้เงินโอมไปซื้อรถ(กระบะ)โบราณคันแรก ด้วยเงิน 200,000 บาท     เมื่อผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์   เค้าบอกว่ามีรถเต่า(โบราณ)ขาย สวยดี เค้าอยากจะซื้อไว้  เพราะว่ารถแบบนี้สามารถนำมาขายต่อได้ราคา ไม่ขาดทุนหรืออาจเท่าทุน    เพราะมีคนอยากได้รถคันนี้อยู่เยอะ เราก็ได้ให้เงินโอมไปซื้อรถเต่าอีก 230,000 บาท รถเต่ากับรถกระบะโบราณเค้าก็เอาไปมิตติ้งกับพี่ๆที่ถนนสวยๆที่นครปฐมอยู่บ่อยๆ พี่ๆทุกคนในชมรมรถเก่านี้    ก็คิดว่าเป็นเงินของโอมแต่จริงๆคือเงินของเราทั้งนั้น     และค่าใช้จ่ายต่างๆที่ใช้ในการทำ(ตกแต่ง)รถบาร์(ขายเหล้า) เราเป็นคนออกไปเยอะพอสมควรประมาน 157,000 บาท     ยังไม่รวมค่าอื่นๆที่เค้ายืมไปอีกหลายๆครั้ง ซึ่งเงินทั้งหมดที่เราให้ไปไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้กันเลย     ให้เป็นเงินสดทั้งหมด   (รถบาร์ที่ทำคือทำจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของญาติโอมอยู่ถนน 345 ค่ะ)  จนกระทั่งช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีผู้หญิงทักไลน์มาหาเราบอกว่าเค้าเป็นเมียโอมนะ   ใจเรานี่หายไปอยู่ตาตุ่มและเวลานั้น     เราเลยบอกว่าขอคุยกะโอมก่อนเพราะโอมเอาเงินเราไป    พอเราไปคุยกะโอม   โอมบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนเก่าเลิกไปนานแล้วแต่ผู้หญิงคนนี้ยังมาวุ่นวาย        โอมขอให้เราบล๊อกไลน์ผู้หญิงคนนี้    เราก็บล็อกเพราะไม่อยากวุ่นวายอะไร     แต่ก็ไม่วายผู้หญิงคนนี้ทัก whatapp มาด่าเราอีกมากมาย     เราก็ไม่โต้ตอบเพราะเราเหนื่อยกับเรื่องแบบนี้ เราเลยตกลงเลิกกับโอมต้นเดือนสิงหาคม    โดยที่เมียของโอมก็ยังพยายามหาเรื่องเรามาอีก ตามมาด่าเราสารพัด     จนถึงขั้นโทรมาหามหาวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่    ว่าเราไประรานเค้า ซึ่งเราเลิกกะโอมไปแล้ว    เหลือแค่เงินที่เราต้องทวง    จนเราทนไม่ได้ให้เพื่อนพาไปแจ้งความเพราะผู้หญิงคนนี้เอารูป ข้อมูลคนไข้ของเราจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งแถวเดอะมอล์งามวงศ์วานออกมาให้คนอื่นดู เหมือนประจานเราว่าเราหน้าตาไม่ดี ไม่สวย ทำให้เราเสื่อมเสีย      โดยที่ข้อมูลที่ผู้หญิงคนนี้เอาออกมาเป็นข้อมูลส่วนตัวที่เราไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมีทั้งเบอร์โทร ชื่อที่อยู่ ประวัติการรักษา    ซึ่งมันไม่สามารถเปิดเผยได้หากไม่ได้รับอนุญาต ที่ผู้หญิงคนนี้ทำได้เพราะนางเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้   และเราก็เอาใบแจ้งความไปยืนคำร้องที่โรงพยาบาลสุดท้ายทางโรงพยาบาล    บอกว่าผู้หญิงคนนี้ยอมรับว่าทำจริง  และทางโรงพยาบาลได้ทำการตักเตือนไปแล้ว   

              มาเรื่องของเรากะโอมต่อ ตอนเราตัดสินใจเลิกกะโอม    เราก็คุยเรื่องเงินว่าจะคืนยังไงเมื่อไร โอมบอกว่าสินเดือน(สิงหาคม)จะทยอยคืนให้     เราก็ตามเรื่อยๆรอจนสิ้นเดือนก็ไม่คืนโอมอ้างว่ารอเพื่อนที่ติดเงินคืนเงินอยู่      เราก็รออีกเป็นอาทิตย์ก็ไม่คืน พอเราทวงไปโอมบอกว่าเราพูดมากเดี๋ยวไม่คืนสะหรอก และเมียของโอมก็ยังส่งข้อความมาหาเราทำนองว่าสมน้ำหน้า น่าจะให้หมดตัวก่อนและพูดทำนองว่ารายเรานี้แย่หน่อยนะ เหมือนว่าผู้ชายคนนี้เคยทำแบบนี้กับคนอื่นมาก่อน     ทำให้เราแน่ใจว่าเราไม่มีทางได้เงินคืนแน่ๆมั่นใจว่าโดนโกงแล้วเราจึงให้พี่(คนรู้จัก)พาเราไปแจ้งความแต่ตำรวจไม่รับแจ้ง   เพราะเราไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าเค้าได้เอาเงินเราไปจำนวนเท่านี้(มีแค่บทสนทนาในLineเท่านั้น)   กลางเดือนนั้นเราก็ได้ทวงถามอีก โอมก็ยืนยันที่จะไม่คืนพร้อมท้าให้เราไปแจ้งตำรวจมาเลยไม่กลัว  เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด และยังบอกอีกว่าพ่อเป็นทหาร     พี่เลยให้เราไปหาโอมที่บ้านไปคุยกับแม่โอมเลย   เพราะผู้ใหญ่น่าจะตกลงกันได้      เราก็ไป     พอไปถึงมีผู้หญิงออกมาแต่เมื่อเราถามหาโอมเค้าบอกว่าไม่อยู่     และพอเราพูดให้ฟังว่าเค้าเอาเงินเราไปซื้อรถ    เค้าบอกแค่ว่าไม่รู้เรื่องเป็นแค่ป้าห่างๆ นายโอมแค่มาฝากจอดรถไว้แค่นั้น      พี่เราจึงชวนเรากลับเพราะคุยไปก็เท่านั้นดูแล้วเหมือนคนพูดโกหกไม่สบสายตาเวลาตอบ      ในวันนั้นโอมก็ได้ไลน์มาหาเราบอกว่าไปข่มขู่แม่เค้าทำให้เรารู้ว่านี่เป็นแม่ไม่ใช่ป้า      เมื่อเราทวงไม่ได้    คุยกันไม่รู้เรื่องเราจึงให้พี่สาวเราช่วยตาม     พี่สาวเราก็พูดดีตลอดแค่จะคุยเรื่องเงินแต่โอมก็ไม่คุยบ่ายเบี่ยงตลอด       ล่าสุดเราโทรหาเค้าวันที่ 21 เมษา 58  ไม่รับสายและไม่โทรกลับ วันที่ 22 เมษา 58 เราโทรไปใหม่  ซึ่งเค้ารับแต่บอกแค่ว่าไม่มีเงินคืน กำลังติดธุระอยู่และตัดส่ายเราไป  ตอนนี้เรารู้มาว่าเค้าได้เปิดร้านขายเหล้าอยู่ที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา

             เรื่องก็ผ่านมานานพอสมควรเราก็ยังทวงเงินไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ถ้าเพื่อนๆมีทางช่วย หรือถ้ารู้ว่าต้องจัดการยังไงกับเรื่องนี้ก็ช่วยเราด้วยนะคะ เราจนปัญญาแล้วพยายามทุกวิธีก็ยังไม่ได้เงินคืนเลย ถ้าใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็ทักหลังไมค์มาได้คะ เรามีรูป มีแชท มีหลักฐานหมด(แต่เอาผิดทางกฎหมายไม่ได้) ไม่อยากลงกลัวโดนหมิ่นประมาทคะ รายละเอียดในการตามทวงเงินมีอีกเยอะแต่เราเรียบเรียงคราวๆเท่านี้นะคะ

             ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นในกระทู้ของเรา เราเชื่อว่า  “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”


เพิ่มเติมบทสนทนาบางส่วนในlineนะคะ เป็นตอนที่เราเลิกแล้วตามทวงเงิน




















******เพิ่มเติมบทสนทนาของนางพยาบาลที่ส่งมาหาเรานะคะ ที่ความคิดเห็นที่ 107*******

ชี้แจ้งนะคะ จากที่เราลงบทสนทนาเรากะพยาบาล ที่นางบอกว่านางเตือนเราแล้ว คือตอนที่นางทักมาครั้งแรกว่าเป็นเมียโอมแล้วเราบอกว่าขอคุยกะโอมก่อนเพราะโอมเอาเงินเราไปเยอะ นั้นละคะ เราก็รู้ละว่าเค้ามีเมียเราไม่ได้อยากได้ผู้ชายคนนี้เลย แต่เราต้องพูดดีทำเป็นเชื่อที่เค้าพูด เราแค่อยากจะได้เงินเราคืน เราจึงคบต่อก่อน ให้โอมคืนเงินเราก่อนแล้วก็เลิกยุ่งกันไป  เพราะถ้าเราเลือกที่จะเลิกและไปมีปัญหาก็ยากที่จะตามเจอหรือทวงเงินได้ เมียพยาบาลเค้าก็ยังคงส่งข้อความมา จนเราทนไม่ได้เลยพูดกะโอมทำให้มีปัญหากันอย่างที่เล่าข้างต้นคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่