ก่อนเริ่มเรื่องของเราว่า มุมมองของผมที่มีต่อสนามบินดอนเมือง ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติของประเทศไทย นั้น ผมมองว่า เป็นสนามบินที่มีความปลอดภัยสูง เลยเอะใจไม่ได้ตระหนักหรือระวังตัวอะไรเป็นพิเศษ จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มจาก
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ผมได้เดินทางไปรอรับภรรยาที่กลับจากการทำงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเครื่องบินจะมาถึงดอนเมือง เวลา 23.00 นาฬิกา ผมจึงได้ขับรถไปจอดในอาคารจอดรถ ดอนเมือง ซึ่งพอจอดรถเสร็จ ก็เห็นว่า ไม่คอยมีคนอยู่ระแวกนั้น เพราะจอดค่อนข้างไกลจากจุดที่จะไปรอ จึงถอดทอง ที่ใส่อยู่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วจึงออกไปรอภรรยาที่ อาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ หลังจากนั้นผมจึงได้ขึ้นไปนั่งรอในจุดที่ 1 ตามรูป (ตั้งแต่เวลา 22.20 - 22.30) หลังจากนั้นเนื่องจากเห็นคนอยู่เยอะเลยรู้สึกอึดอัด
เลยย้ายไปนั่งในจุดที่ 2 ตามรูป (ตั้งแต่เวลา 22.30 - 22.50) หลังจากนั้นมีป้าแม้บ้านของสนามบินมาเก็บขยะบริเวณที่ผมนั่งอยู่ ผมก็ดูเวลาก็ไกล้เวลาเครื่องบินลงจึงไปยืนรอในตำแหน่งจุดที่ 3 (ตั้งแต่เวลา 22.50 - 23.15) เมื่อเวลา 23.15 ภรรยาก็มาถึงเราก็เดินกลับไปที่รถกัน ในตอนนี้แหล่ะผมหากระเป๋าสตางค์ผมไม่เจอ ผมตกใจมากเพราะในนั้น มีเงิน 8,000 บาท กับ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท อยู่ข้างใน จึงรีบวิ่งไปถามประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ซึ่งประชาสัมพันธ์แจ้งมาว่า ยังไม่มีใครมาแจ้งพบกระเป๋าสตางค์ตก จึงขอเบอร์ผมไว้หากมีคนพบกระเป๋า สตางค์ หลังจากนั้นผมก็เดินกัลบไปหาที่รถอีกรอบ สักพักก็มีโทรศัพท์โทรมาแจ้งว่าพบกระเป๋าสตางค์ใบสีดำ ผมจึงรีบไปที่ประชาสัมพันธ์ อีกรอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า ในกระเป๋าคุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ผมก็บอกไปว่า ทอง 1 บาทกับ เงิน 8,000 ทางสนามบินจึงแจ้งว่า ตอนนี้ในกระเป๋าไม่มีทรัพย์สินอยู่เลยค่ะ เสียใจด้วยน่ะค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่ามีแม่บ้านพบกระเป๋าสตางค์อยู่ในถังขยะ ตามรูป จึงส่งกระเป๋าสตางค์มาให้ตำรวจ ซึ่งแม่บ้านประจำบริเวณประตู 3 ซึ่งเป็นคนละคนกับแม่บ้านประตู 1 แม่บ้ายบอกว่า พบกระเป๋าอยู่ในถังขยะลักษณะมีการเปิดแบกระเป๋า และซิบเปิดอยู่
ซึ่งตำรวจที่ประจำเวรอยู่แถวนั้น ก็พาผมไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ซึ่งอยู่ในสนามบินชั้นที่ 1 ก็ลงบันทึกประจำวัน และเก็บกระเป๋าสตางค์เพื่อไปตรวจสอบรายนิ้วมือ และ ร้อยเวรได้บอกว่า เดียวเราจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากการท่าให้ และ จะนำกระเป๋าสตางค์ไปตรวจสอบรอยนิ้วมือ ซึ่งหากคนที่เอาไปมีประวัติอาญชญากร ก็พอจะสืบได้ว่าเป็นใคร และ ตามจับ ซึ่งเสร็จจากนั้นผมก็ขอบคุณ คุณตำรวจร้อยเวร ประจำสถานีดอนเมืองที่ให้ความช่วยเหลือ
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ security ประจำการท่าดอนเมืองพาไปจุดเกิดเหตุที่ผมนั่ง และ จุดที่เจอกระเป๋าแต่ละจุด เริ่มจากจุดที่ 1 เจ้าหน้าที่ก็วอไปยังห้องกล้องวงจรปิดเพื่อจะดูเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ไปยังจุดที่ 2 เป็นจุดที่ผมนั่งนานที่สุด เป็นจุดที่กล้อง แพนไปไม่ถึง และ จุดที่ 3 ที่เป็นจุดยืนรอเพราะคิดว่าอาจจะโดนล้วงกระเป๋า หลงจากนั้นก็ไปยังจุดสุดท้ายเป็นจุด ถังขยะที่พบกระเป๋าสตางค์ ซึ่งกล้องก็แพนมาไม่เห็นเพราะ แพนไปหน้าธนาคารทั้ง 2 ตัว สรุปเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ security แจ้งว่า จากกล้องทั้งหมดไม่พบความผิดปกติ เดียวต้องรอทางตำรวจดันเรื่องมาเพื่อให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที
ซึ่งผมก็ทำใจในระดับหนึ่ง เพราะ สร้อยคอ เป็นสร้อยงานแต่งงานของผมกับภรรยา เราก็กลับบ้านไปและค่อนข้างเครียดมาก นอนไม่หลับ และคิดว่า สนามบินนานาชาติ ของประเทศ แต่ทำไมกล้องวงจรปิด ไม่สามารถ ตรวจสอบได้ทั่วถึง ผมคิดว่า เคสของผมอาจจะไม่เสียหายมากเท่าไหร่ แต่คิดว่า หากมีอาชญากร อาจจะเอาระเบิดไปวางจุดอับที่กล้องวงจรปิด แพนไปไม่ถึงอาจจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องขอขอบคุณแม่บ้านที่เจอกระเป๋า, เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ security และอยากให้ระบบความปลอดภัยประจำสนามบินนานาชาติดอนเมือง ควรมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ โดยคิดว่านี้เป็นเสียงของลูกค้าสนามบินดอนเมืองคนหนึ่ง เพื่อการนำไปปรับปรุงให้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินที่ไว้วางใจของลูกค้าทุกคนได้ครับ
ตามหาผู้รายขโมยกระเป๋าสตางค์
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2558 ผมได้เดินทางไปรอรับภรรยาที่กลับจากการทำงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเครื่องบินจะมาถึงดอนเมือง เวลา 23.00 นาฬิกา ผมจึงได้ขับรถไปจอดในอาคารจอดรถ ดอนเมือง ซึ่งพอจอดรถเสร็จ ก็เห็นว่า ไม่คอยมีคนอยู่ระแวกนั้น เพราะจอดค่อนข้างไกลจากจุดที่จะไปรอ จึงถอดทอง ที่ใส่อยู่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วจึงออกไปรอภรรยาที่ อาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ หลังจากนั้นผมจึงได้ขึ้นไปนั่งรอในจุดที่ 1 ตามรูป (ตั้งแต่เวลา 22.20 - 22.30) หลังจากนั้นเนื่องจากเห็นคนอยู่เยอะเลยรู้สึกอึดอัด
เลยย้ายไปนั่งในจุดที่ 2 ตามรูป (ตั้งแต่เวลา 22.30 - 22.50) หลังจากนั้นมีป้าแม้บ้านของสนามบินมาเก็บขยะบริเวณที่ผมนั่งอยู่ ผมก็ดูเวลาก็ไกล้เวลาเครื่องบินลงจึงไปยืนรอในตำแหน่งจุดที่ 3 (ตั้งแต่เวลา 22.50 - 23.15) เมื่อเวลา 23.15 ภรรยาก็มาถึงเราก็เดินกลับไปที่รถกัน ในตอนนี้แหล่ะผมหากระเป๋าสตางค์ผมไม่เจอ ผมตกใจมากเพราะในนั้น มีเงิน 8,000 บาท กับ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท อยู่ข้างใน จึงรีบวิ่งไปถามประชาสัมพันธ์ ชั้น 1 ซึ่งประชาสัมพันธ์แจ้งมาว่า ยังไม่มีใครมาแจ้งพบกระเป๋าสตางค์ตก จึงขอเบอร์ผมไว้หากมีคนพบกระเป๋า สตางค์ หลังจากนั้นผมก็เดินกัลบไปหาที่รถอีกรอบ สักพักก็มีโทรศัพท์โทรมาแจ้งว่าพบกระเป๋าสตางค์ใบสีดำ ผมจึงรีบไปที่ประชาสัมพันธ์ อีกรอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า ในกระเป๋าคุณมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ผมก็บอกไปว่า ทอง 1 บาทกับ เงิน 8,000 ทางสนามบินจึงแจ้งว่า ตอนนี้ในกระเป๋าไม่มีทรัพย์สินอยู่เลยค่ะ เสียใจด้วยน่ะค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บอกว่ามีแม่บ้านพบกระเป๋าสตางค์อยู่ในถังขยะ ตามรูป จึงส่งกระเป๋าสตางค์มาให้ตำรวจ ซึ่งแม่บ้านประจำบริเวณประตู 3 ซึ่งเป็นคนละคนกับแม่บ้านประตู 1 แม่บ้ายบอกว่า พบกระเป๋าอยู่ในถังขยะลักษณะมีการเปิดแบกระเป๋า และซิบเปิดอยู่
ซึ่งตำรวจที่ประจำเวรอยู่แถวนั้น ก็พาผมไปแจ้งความที่ สน.ดอนเมือง ซึ่งอยู่ในสนามบินชั้นที่ 1 ก็ลงบันทึกประจำวัน และเก็บกระเป๋าสตางค์เพื่อไปตรวจสอบรายนิ้วมือ และ ร้อยเวรได้บอกว่า เดียวเราจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากการท่าให้ และ จะนำกระเป๋าสตางค์ไปตรวจสอบรอยนิ้วมือ ซึ่งหากคนที่เอาไปมีประวัติอาญชญากร ก็พอจะสืบได้ว่าเป็นใคร และ ตามจับ ซึ่งเสร็จจากนั้นผมก็ขอบคุณ คุณตำรวจร้อยเวร ประจำสถานีดอนเมืองที่ให้ความช่วยเหลือ
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ security ประจำการท่าดอนเมืองพาไปจุดเกิดเหตุที่ผมนั่ง และ จุดที่เจอกระเป๋าแต่ละจุด เริ่มจากจุดที่ 1 เจ้าหน้าที่ก็วอไปยังห้องกล้องวงจรปิดเพื่อจะดูเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ไปยังจุดที่ 2 เป็นจุดที่ผมนั่งนานที่สุด เป็นจุดที่กล้อง แพนไปไม่ถึง และ จุดที่ 3 ที่เป็นจุดยืนรอเพราะคิดว่าอาจจะโดนล้วงกระเป๋า หลงจากนั้นก็ไปยังจุดสุดท้ายเป็นจุด ถังขยะที่พบกระเป๋าสตางค์ ซึ่งกล้องก็แพนมาไม่เห็นเพราะ แพนไปหน้าธนาคารทั้ง 2 ตัว สรุปเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ security แจ้งว่า จากกล้องทั้งหมดไม่พบความผิดปกติ เดียวต้องรอทางตำรวจดันเรื่องมาเพื่อให้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที
ซึ่งผมก็ทำใจในระดับหนึ่ง เพราะ สร้อยคอ เป็นสร้อยงานแต่งงานของผมกับภรรยา เราก็กลับบ้านไปและค่อนข้างเครียดมาก นอนไม่หลับ และคิดว่า สนามบินนานาชาติ ของประเทศ แต่ทำไมกล้องวงจรปิด ไม่สามารถ ตรวจสอบได้ทั่วถึง ผมคิดว่า เคสของผมอาจจะไม่เสียหายมากเท่าไหร่ แต่คิดว่า หากมีอาชญากร อาจจะเอาระเบิดไปวางจุดอับที่กล้องวงจรปิด แพนไปไม่ถึงอาจจะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ อย่างไรก็แล้วแต่ ต้องขอขอบคุณแม่บ้านที่เจอกระเป๋า, เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่ security และอยากให้ระบบความปลอดภัยประจำสนามบินนานาชาติดอนเมือง ควรมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ โดยคิดว่านี้เป็นเสียงของลูกค้าสนามบินดอนเมืองคนหนึ่ง เพื่อการนำไปปรับปรุงให้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินที่ไว้วางใจของลูกค้าทุกคนได้ครับ