ปฏิทินแม่บ้านปัจฉิมวัย....ในฝรั่งเศส!! ตอนสิบสี่ ตะลุยเที่ยว Saint Petersburg, Russia

Riga en Lettonie la beauté cachée ...........

Je reviens tout juste du voyage de rêve de ma vie; Saint-Pétersbourg en Russie.
Mais, je voudrais vous parler de notre escale entre Roissy CDG et Saint-Pétersbourg avec Air Baltic.

Nous avons eu près de quatre heures à passer, et nous avons pris le bus de la ville
pour une excursion. Nous étions très impressionnées Khun Toi et moi par tout ce que nous avons vu.
La ville est très propre, les anciennes constructions sont bien entretenues.
Les gens étaient tellement agréables et beaucoup ont une bonne maîtrise de l'anglais.

Je souhaite revenir et passer plus de temps avec vous ... Riga !!

Riga, Latvia ช่างงดงามเกินคาด.......

กลับมาแล้วค่ะ ทัวร์ของสองสาววัยระเริง...ขอท้าวความก่อนถึงเรื่องการเดินทางในทริปนี้ เป้าหมายคือ กรุงเซ็นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ที่ดิฉันได้หมายมุ่งตั้งใจเอาไว้มานานแสนนาน
ถึงขนาดตั้งปณิธานไว้ว่า ยังไงก็ต้องไปให้ได้ในชีวิตนี้ รอมาได้จังหวะก็ตอนนี้ละค่ะ เพราะค่าของเงินรูเบิ้ลกำลังตกต่ำ และ นโยบายการท่องเที่ยวของรัสเซียได้พัฒนาขึ้นมาก
แล้วบินไปจากฝรั่งเศสก็ทุ่นค่าเครื่องบินไปได้เยอะ (ไม่ได้เยอะอย่างที่เห็น เพราะแอบมีค่ากระเป๋าสุดโหดแถมมาด้วย)
พอตัดสินใจปุ๊บ..ก็นำไปเล่าให้คุณต๋อยเพื่อนเลิฟฟังแบบสนุกๆ ว่าอยากไปมาก ถึงขนาดจัดโปรแกรมเดินทางเดี่ยวแบบลุยโลดเลยนะเนี่ยย...
เพื่อนต๋อยรีบตอบมาว่า...ช้าก่อน...ใครว่าหล่อนจะไปเดี่ยวละยะ...ช้านจะไปด้วย...เอาไงเอากัน
อ้าวววว.....งั้นก็ดีเลยเพื่อน....ดิฉันรีบเล่าโปรแกรมให้ฟังเป็นฉากๆ...ว่า...เราจะเดินทางในช่วง 5-12 พฤษภานี้นะ เพราะ ค่าโรงแรมยังอยู่ในระหว่างโลว์ซีซั่น เกินกว่านั้นไปอาทิตย์เดียว
ก็จะปรับขึ้นรอรับช่วงฤดูร้อนแล้ว...อีกทั้งเราจะได้ไปดูการสวนสนามเนื่องในวันครบรอบ 70 ปี แห่งชัยชนะ ของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ชาวเลนินกราด (หรือ เซ็นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่เปลี่ยนชื่อกลับไปในทีหลัง)****
อีกทั้ง น้ำพุมหัศจรรย์ของโลก ที่ พระราชวังฤดูร้อน Peterhof ได้เปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 1 หลังจากที่ปิดไประหว่างฤดูหนาวที่น้ำเป็นน้ำแข็ง
ทุกอย่างลงตังในช่วงนี้หมด จึงถือว่าเป็นฤกษ์ดี

ทีนี้มาเรื่องตั๋วเครื่องบินที่น่าปวดหัว....ว่าจะบินไปสายไหนดีที่เหมาะกับเราที่สุด เพราะการเดินทางไปสนามบินของเราต้องไปด้วยรถไฟด่วน ที่เที่ยวแรกจะไปถึงสนามบินก็เป็นเวลา หลังแปดโมงเช้า
แต่เที่ยวบินจากปารีสถึงเซ็นต์ ล้วนแล้วแต่ออกเวลาหกโมงเช้าส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเที่ยวบินตรง ที่ใช้เวลาแต่สามชั่วโมงเศษๆ หรือเที่ยวที่ออกช่วงสายๆ ส่วนใหญ๋ก็จะใช้เวลาหนึ่งคืนกว่าจะถึงที่หมาย
ไม่ว่าจะเป็นสายของออสเตรีย หรือ ลุฟฮันซ่า หรือ สวิส...หมายถึงต้องไปนอนหนึ่งคืนตามเมืองของสายนั้นๆ
ก็เหลือตัวเลือกแต่สองตัวที่ออกสายตามเวลาที่เราต้องการ และ ไม่เวิ่นเว้อใช้เวลามากนัก คือ แอร์บอลติก กับ ยูเครน...
ระหว่างสองอันนี้...แน่นอน คือ แอร์บอลติก ที่ไม่บินตรงเช่นกัน แต่จะมีการพักเครื่องนานพอสมควรที่ เมืองหลวงริก้า ประเทศ ลัทเวีย แล้วแต่ว่าเราจะเลือกเอาว่าจะพักตอนขาไปหรือขากลับ
ดิฉันเลยเลือกตอนขาไป ที่เราต่างกำลังมีแรงดีเหมือนไก่จะบิน...คือ ออกจากฝรั่งเศสสิบโมงเช้า ไปถึงริก้า บ่ายสองโมง (เพราะการปรับเวลาไปตาโซน) ได้เที่ยวเมืองริก้าสักสามสี่ชั่วโมง เพราะบินออกไปเซ็นต์อีกทีก็ตอนทุ่มนึง..
ว่าแล้วก็ตกลงซื้อตัซตามนั้น ตั๋วราคา คนละเกือบ 250 เหรียญ(สหรัฐ เนื่องจากดิฉันซื้อทางออนไลน์ ใช้เรทดอลล่าร์) ทางเอเย่นต์ มีตัวอักษรกำกับมาว่าให้เช๊คกับทางสายการบินเรื่องกระเป๋าเดินทาง
ที่อาจจะมีการชาร์ทราคาเพิ่ม...
อันนี้ดิฉันสับเพร่าเอง...ที่ไม่ได้เข้าไปอ่านให้ละเอียด เพราะกำลังดีใจที่จะได้ไปเที่ยว...

วันเดินทาง...ก็ให้มีเรื่องได้ตื่นเต้นกันตั้งแต่เช้า...เนื่องจากดิฉันจะต้องนั่งรถไฟไปที่ท่าสถานีใหญ่ เพื่อนไปเจอกับคุณต๋อย และจะได้เดินทางเข้าไปที่สนามบินที่ปารีสด้วยก้น
ที่สถานีเล็กนี้แหละ...ดิฉันรอดูป้าย เห็นไฟขึ้นมาแว๊บๆว่า รถไฟขบวนของดิฉันมาถึงแล้ว...(ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่า ช่องรางไหน) เพราะมีรถไฟเคลื่อนมาจอดตรงรางข้างหน้าพอดี
ก็คิดว่าเป็นขบวนนี้แน่นอน เนื่องจากมาเทียบท่าพร้อมกับไฟที่ขึ้นบอกสัญญานบนป้าย...จึงก้าวขึ้นไปนั่งได้ประมาณสามสี่วินาที
พลัน...ตาเหลือบไปเห็นสาวนางหนึ่ง ที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบของแอร์โฮสเตส ลากกระเป๋า เดินผ่านไปยังอีกขบวนหนึ่ง
จึงฉุกใจ...รีบหันไปดูตัววิ่งบอกเป้าหมายที่ไปบนขบวนรถ...อ้าววว....นี่มันไปคนละเมืองนี่หว่า...
ดิฉันจึงรีบฉวยกระเป๋ากระโดดลงจากขบวนรถอย่างว่อง กลับไปดูป้ายอีกทีนึง...เวรรร...มันละรางเว้ยเฮ้ย
เลยต้องวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นให้ถูกขบวน...
โชคดีที่เผื่อเวลาให้ตัวเองเอาไว้พอสมควร ผนวกกับไหวพริบอีกนิดหน่อย เลยไม่เกิดโศกนาฏกรรมของการตกเครื่องเกิดขึ้น...(ที่จะไม่อภัยให้ตัวเองไปจนตลอดชีวิต)

เราสองคนได้ต่อรถไฟเข้าสนามบิน ที่ตอนเช๊คอิน...เราโดนค่ากระเป๋าไปคนละ 40 ยูโร (และจะโดนตอนขากลับในอัตราเดียวกัน) แถมเจ้าหน้าที่สายการบิน
จับต้องพาสปอร์ตไทยของเราอยู่นาน ถามหาว่า วีซ่ารัสเซียไปไหน ต้องมาอธิบายกันว่า...ประเทศไทยมีเอกสิทธิกับทางรัสเซีย (เว้ยเฮ้ย) เข้าไปได้ 30 วัน ไม่ต้องมีวีซ่า
หมอนั่นก็กดดูในคอมพิวเตอร์...เพื่อความแน่ใจ แล้วก็ออกตั๋วให้แถมบอกว่า ยกระดับที่นั่งของเราให้เป็นบิซิเนสคลาสซะด้วย
แหม...ใจดีจัง

ที่นี้เรื่องเฉิ่มๆปนขำขันเกิดขึ้นอีกจนได้...คือ เรื่องช่องผ่านการตรวจสอบ เช่น ข้าวของติดตัวต้องถอดออกเป็นชิ้นๆเอาวางใส่กะบะ
ส่งเข้าช่องเอ๊กเรย์ ดิฉันมีทั้งกระเป๋าคาดเอวที่ใส่เอกสารสำคัญพร้อมเงินสด การ์ดเอาไว้หมด และกระเป๋าสะพาย ที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้สารพัดรวมทั้งกล้องถ่ายรูปสองตัว
ดิฉันผ่านสะดวกหมด...ระหว่างที่กำลังพันตูเก็บของเข้าที่อยู่นั้น
คุณต๋อยถูกสต๊อป...ทั้งร่างกายที่ต้องมีการจับตรงนั้นตรงนี้ หาดูสิ่งต้องสงสัย รวมทั้งกระเป๋าเป้สะพายหลังใบน้อยของเธอที่จะต้องมีการเปิดตรวจข้างของข้างในทุกชิ้น...
ตอนนี้คือ เวลาแห่งการฮา....เพราะ...ข่างในมีตลับเล็กตลับน้อย...ที่ใส่น้ำตาล กาแฟ น้ำพริก พริกป่น กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ขวดที่มีเครื่องกรองติดอยู่ (สำหรับใส่น้ำ)
แน่นอน...ว่าถ้าดูวัสดุพวกนี้จากจอภาพเอ๊กซเรย์ เขาต้องคิดว่า นี่คือเครื่องมือสำหรับมาทำ โมโลตอฟ ค๊อกเทล (ระเบิดขวด) แน่ๆ....
คนตรวจของก็นั่งอมยิ้มไป ดูข้าวของแต่ละชิ้นไป...ดิฉันและคุณต๋อยก็คอยอธิบายว่า ไอ้นั่นคืออะไร ไอ้นี่คืออะไร
พอเสร็จสรรพ...ก็ต้องมาเก็บสมบัติยัดกลับคืนที่...
ดิฉันจับดูที่เอว....ใจหายแว๊บบบบบ....เพราะเข็มขัดคาดเอวหายไป....อาการลนลานจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ รีบเดินหน้าตาตื่นกลับไปที่ช่องตรวจ
เพื่อถามหากระเป๋า อาจจะยังอยู่ในกะบะ และลืมหยิบเอามา แต่...อีกใจหนึ่งก็ยังจำได้ว่าเก็บมาหมดทุกอย่างแล้ว อาจจะเผลอวางทิ้งไว้เพราะกำลังชุลมุน
ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ หล่นไปที่ตาตุ่ม....ถ้าหายจริงๆก็ไม่ได้ไปกันแล้ว กลับบ้านสถานเดียว...
ขณะที่กำลังเลิ่กลั่ก เพราะมองหาไม่เห็นกระเป๋าที่ไหนเลยนั้น....จึงก้มตัวลงดูใต้ราง อาจจะหล่นอยู่...
รู้สึกตัวว่า อะไรมันตุงๆอยู่ที่ด้านหลัง...จึงจับดู...
อ๋อ..กระเป๋าคาดเอวที่กำลังหาอยู่นั่นไง....เอามาคาดแล้ว แต่ลืมหมุนมาด้านหน้า...(สาบานได้ว่าเดินทางก็จะรอบโลกอยู่แล้วเนี่ยยย...นังเบ๊อะเอ๊ยยย...)

เอาเป็นว่า...ได้ฮากันเล็กๆก่อนเดินขึ้นเครื่อง....

ได้ฮากันน้ำตาเล็ดอีก...คือ บิซิเนสคลาสที่ว่านี่แหละ....มันคือ สามแถวหน้าของเครื่องบินเล็กๆที่จะพาเราไปริก้า....ซีกละสามที่นั่ง ที่กดพนักของที่นั่งตัวกลางลงมา
ก็จะเหลือสองที่นั่ง และ โต๊ะกลางสำหรับวางแขน นั่นแหละ บิซิเนสคลาส....
อ้อ...แถมอาหารกล่องคนละกล่อง พร้อมน้ำชากาแฟด้วย....ไม่ต้องเสียเงิน...

ถึงริก้า..ตามเวลาเป๊ะ...คือ บ่ายโมงห้าสิบห้านาที...เราสองคนแวะถามพนักงานนิดหน่อยว่า ป้ายรถเมล์ที่สายการบินบริการเข้าเมืองอยู่ทางไหน...เธอชี้ให้ และบอกว่าค่ารถเมล์คนละ 5 ยูโร
เราก็เดินกันไป ดิฉันเห็นรถเมล์แบบมินิบัสจอดอยู่ สาย 241 ซึ่งจำได้แว๊บๆจากการดูในอินเตอร์เน็ตว่า เป็นรถเมล์สารธารณะที่วิ่งจากสนามบินเข้าเมือง
เลยเดินเข้าไปถาม...คนขับบอกว่า ใช่...เข้าเมือง...ราคาคนละ 2 ยูโร...
จ่ายเงินแล้วรีบเข้าไปนั่ง ออดอ้อนชวนคุยกับคนขับว่า ถึงแล้วบอกด้วยนะ...อ้อ...บอกเที่ยวรถตอนขากลับด้วยนะว่าจะขึ้นตรงไหน...พวกชั้นมีเวลาแต่สามสี่ชั่วโมงเอง...
เธอก็บริการดีสุดใจ...พอถึงที่หมาย รีบลงมาบอกทิศทางและบอกด้วยว่า ขากลับของเรามันเป็นเวลารถติด เผื่อเอาไว้หน่อยนะ





ดิฉันและคุณต๋อย...ก็เริ่มบริหารขากันทันที...เดินไล่เดี๋ยะไปตามเส้นทาง พร้อมกดชัตเตอร์กันแบบแทบลืมหายใจ...

จากนี้ไปจะเป็นการเล่าด้วยภาพพร้อมคำอธิบายใต้ภาพนะคะ...คุณต๋อยคงจะมาช่วยเล่าขยายให้ฟังด้วย เผื่อดิฉันจะตกหล่นอะไรไป...เพราะใช้หลายกล้องเหลือเกิน...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่