พระธาตุเสด็จฯ

คืนนั้นยามหน้าแล้ง
ลมพัดใบไม้แห้งร่วงดังกรอบๆแกรบๆ
ยังไม่ดึกมาก สองตายายเอาหลานออกตากลมเล่นอยู่นอกชานเรือน
ตานั่งชันเข่า เอาผ้าขาวม้าพัดตัวเองผึบผับ
ส่วนยายเอาพัดส่วนตัวมาสะบัดเผื่อหลานที่นอนเล่นอยู่ข้างๆ
นิทานปรัมปราเรื่องดาวลูกไก่ พรั่งพรูออกมาให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ
ถึงตอนลูกไก่กระโดดเข้ากองไฟพร้อมกัน มันสะเทือนอารมณ์เสียจริง
ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆฝ้า ยายชี้ให้ดูดาวเล็กดาวน้อยที่กระพริบวิบวับอยู่เต็มฟ้า
ว่าด้วยความกตัญญู ลูกไก่ทั้งเจ็ดไปเกิดอยู่บนนั้นนั่นไง
หลานตัวน้อยนอนฟังก็เชื่อสนิทใจ ว่าใครทำดีจะได้ไปเกิดเป็นดาว
เรื่องดาววีไก่หน้อยจบไปแล้ว
ลมพัดมาวูบๆพอให้คลายร้อนไปได้บ้าง
พลันก็ได้เห็นแสงๆหนึ่ง ลอยมาจากทางทิศใต้
สองตายายเห็นก็ลากหลานที่กำลังจะหลับยืนขึ้นดู

"เร็วๆ มาดูเร็วๆ ธาตุเสด็จๆ"

แสงนั้นลอยใกล้เข้ามา สูงราวยอดมะพร้าว
เป็นแสงดวงเท่ากำปั้น สีส้มเหมือนหลอดไฟร้อยแรงเทียน
ท่านเสด็จไม่สูง แสงจึงกระทบลงกลางชานเป็นสีเหลืองนวล
มีเข้ม มีอ่อน สลับกัน ลอยผ่านหลังคาไม่ช้าไม่เร็ว

"เอ้ายกมือไหว้ๆ สาธุๆๆ"

ยายจับมือหลานพนมแล้วให้ว่าสาธุ
มันทั้งตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจ ยายว่าพระธาตุ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าพระธาตุคืออะไร
รู้ไปตามประสีประสา ว่าเกิดจากผู้มีบุญมากๆเท่านั้นเอง
ตาว่าเป็นธาตุพระอรหันต์ ท่านเสด็จออกเที่ยวหากัน
จะเห็นกันได้ไม่บ่อยนัก แต่หนนี้ท่านมาใกล้ขนาดนี้ถือเป็นบุญแท้ๆ
หลานพนมมือค้าง มองพระธาตุเสด็จข้ามหัวแล้วขึ้นเหนือไปไกลลิบ
เป็นแรกและครั้งเดียวที่ได้เห็น หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีกเลย

คืนไหนฟ้าโปร่ง ลองละสายตาจากสมาร์ทโฟน แล้วกวาดสายตามองท้องฟ้าดูนะ
เผื่อว่าจะได้เห็นท่านเสด็จฯเป็นดวงกลมใส ลอยอ้อยอิ่งอยู่บนนั้นก็เป็นได้
หากมองหาแล้วไม่มี ก็รำลึกถึงความดีของลูกไก่ทั้งเจ็ด
ที่ไปเกิดเป็นดาวอยู่บนนั้นไปพลางก็แล้วกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่