กระผมมีข้อปรึกษาครับ เพราะหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอม

กระผมมีข้อปรึกษาครับ  เพราะหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอม
        กระผมได้จดทะเบียนหย่ากันด้วยความยินยอมโดยมีข้อตกลงในบันทึกท้ายทะเบียนหย่าให้ผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของคู่หย่าฝ่ายชาย, กระผมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าอดีตภรรยายังสามารถไปพบหรือไปหาผู้เยาว์  ที่ผู้เยาว์เรียนอยู่ได้ตลอดเวลา เพียงแต่ไม่อาจไปหาผู้เยาว์ที่บ้านกระผม เนื่องจากกระผมไม่อนุญาต และไม่อาจรับผู้เยาว์ไปอยู่ด้วยได้เท่านั้น เมื่อข้อตกลงตามสัญญาหย่าไม่ได้ระบุให้ อดีตภรรยาสามารถรับผู้เยาว์ไปอยู่ด้วย ซึ่งเป็นความจริงที่ปรากฏ ต่อมา อดีตภรรยา มาฟ้องเพิกถอนสิทธิการปกครองกระผม ทั้งที่กระผมได้ทราบความประพฤติของ อดีตภรรยาที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง บุตรผู้เยาว์ และมีอาการป่วยทางจิตร โดยมีอาการ ซึมเศร้า ท้อแท้ วิตกกังวลมาก ตึงเครียด กระสับกระสาย หูแวว เห็นภาพหลอน กระวนกระวาย พูดเพ้อ ประสาทหลอน เหมอลอยเดินไปเรื่อยเปื่อย รายละเอียดปรากฏตามแบบบันทึกการตรวจรักษา – การพยาบาล โดยได้ยื่นให้กับศาลก่อนทำสัญญายอม  เหตุที่เกิดขึ้นกระผมได้ให้โอกาสแก่อดีตภรรยาหวังว่าอดีตภรรยาได้มีสิทธิและหน้าที่ของมารดาที่มีต่อบุตรผู้เยาว์  และประพฤติตัวเสียใหม่ โดยได้หย่ากันตั้งแต่ ผู้เยาว์ อายุได้ 2 ปี 4 เดือนและกระผมได้เลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ ด้วยดีมาโดยตลอด  ก่อนที่กระผมจะได้ทำหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ  เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และคำพิพากษาตามยอม เมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 โดยทนายได้แนะนำกับกระผมว่าหากมีบัญหาก็ค่อยมาร้องกับศาลให้แก้ไขได้ใหม่ได้
        ต่อมาเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2557 อดีตภรรยานำความอันเป็นเท็จไปแจ้งความกระผมต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญากับกระผม  กล่าวหากระผม ว่าได้ล่วงละเมิดทางเพศบุตรผู้เยาว์  พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากระผม ว่าเป็นผู้ต้องหาซึ่งต้องหาว่า กระทำความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ ของอดีตภรรยาและกระผม ด้วยการใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของ บุตรผู้เยาว์ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวกระผมเข้าฝากขังต่อศาล  ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย ไม่มีมูลความจริงและเป็นการแจ้งความเท็จ  ปรักปรำกระผม โดยการใช้บุตรผู้เยาว์ ผู้เยาว์เป็นเครื่องมือปรักปรำกระผม  ร้องเรียนกับมูลนิธิปวี... ให้กระผมได้รับความเสื่อมเสีย  ใช้ บุตรผู้เยาว์   เป็นเครื่องมืออดีตภรรยากระทำการให้ปรากฏเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะกลั่นแกล้งปรักปรำกระผม และกระผมได้ถูกแจ้งให้รับข้อกล่าวหาโดยดำเนินคดีในทันที โดยมิได้มีผลการตรวจร่างกายบุตรผู้เยาว์ หรือสอบสวนให้ได้ความก่อน  
        ต่อมาพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง  พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอถอนการฝากขังผู้ต้องหา  ต่อศาล ในคดี.. “ เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้รวบรวมได้รวบรวมพยานหลักฐานตลอดมา และการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่า ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เยาว์  ผู้เสียหาย จากแพทย์โรงพยาบาล.... ตรวจไม่พบหลักฐานการร่วมประเวณีและไม่พบบาดแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ และจากการสอบสวนเด็กผู้เยาว์  ผู้กล่าวหาที่ 2 ได้ยืนยันว่า กระผม บิดาไม่เคยจับต้องอวัยวะเพศของผู้กล่าวหาที่ 2 แต่อย่างใด พนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้ ” รายละเอียดปรากฏตาม คำร้องขอถอนการฝากขังผู้ต้องหาในคดี และอัยการก็สั่งไม่ฟ้อง คดีกับกระผมด้วย  ระหว่างนั้น  อดีตภรรยา ได้ยื่นคำร้องขอให้ ศาลเยาวชนและครอบครัว...  บังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม ความว่า “ อดีตภรรยา ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่จะบังคับให้กระผมปฏิบัติตามสัญญาประณีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมได้ อดีตภรรยาขอศาลได้โปรดมีคำสั่งจับกุมและกักขังกระผมให้ปฏิบัติตามสัญญายอมด้วย ”  ในคำร้องขอให้บังคับคดีที่อดีตภรรยาได้ยื่นกับศาลเยาวชนและครอบครัว... ไม่ได้กล่าวถึงคดีความที่อดีตภรรยาได้เข้าแจ้งความกับกระผมไว้เลย
        กระผมจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร... ในข้อหาแจ้งความเท็จ กลับมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องจากทางตำรวจ โดยบอกเพียงว่า อดีตภรรยากระทำการ โดยสุจริต พาไปตรวจที่คลินิกจริง มีใบรับรองเพทย์ที่คลินิกจริง  “ ใบรับรองเพทย์ระบุว่า อวัยวะเพศอักเสบ ” จึงสั่งไม่ฟ้องคดี ในข้อหาแจ้งความเท็จ ทั้งที่ การสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ บุตรผู้เยาว์ พนักงานสอบสวนยังได้ถามต่อไปอีกว่า “ ท่านเคยบอกมารดาเรื่องที่ท่านเจ็บเป็ด ( อวัยวะเพศ ) ให้มารดาท่านฟังบ้างหรือไม่ ” ผู้เยาว์  ได้ตอบคำถามนี้ว่า  “ ไม่เคย ”  โดย กระผมต้องประกันตัวถึง 350,000.-บาท และกระผมต้องปฏิบัติตามสัญญายอมต่อไป เพราะคำพิพากษาตามยอม เมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 ไม่สามารถเพิกถอนได้ กระผมควรทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับกระผมและลูกอีก กระผมจะสามารถสามารถเพิกถอนหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความ  เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และคำพิพากษาตามยอม เมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 ได้หรือไม่ ซึ่งกระผมมีอาชีพรับราชการ และบ้านที่เขาแจ้งว่ากระทำการข่มขืนเป็นบ้านที่อยู่พร้อมกันมีพ่อปู่ย่าหลาน ซึ่งแก่แล้วที่ต้องมาทนกับการกระทำของ อดีตภรรยา ให้เจ็บช้ำใจน้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่า
        ท่านทั้งหลายครับกระผมควรจะทำอย่างไรดี กระผมตั้งใจไว้ว่าหากเขามีวุฒิภาวะพอ หรืออายุ 15 ปี กระผมยินดีให้ไปอยู่กับแม่เขาหรือให้เขาเลือกว่าอยากอยู่กับใคร  ความเป็นแม่นั้นกระผมเข้าใจและไม่เคยปิดกั้น แต่ที่กระผมสอบถามลูกได้ความว่าแม่เขากระทำกับเขาและสอนให้เขากล่าวปรักปรำ บันทึกเป็นคลิบ เข้าแจ้งความ และนำไปเปิดให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และครูประจำชั้นดู และ มีใบรับรองเพทย์จากคลินิก ภายหลังกระผมสอบถามพนักงานสอบสวนกลับบอกกระผมว่าไม่มีคลิบดังกล่าว และบุตรผู้เยาว์เองก็ไม่เล่าให้สหวิชาชีพฟัง กระผมเหนื่อยมากกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น กระผมต้องสู้ต้องทนใช้ไม่ครับ กฎหมายจะมีไม่ครับที่จะให้ความเป็นธรรมกับกระผมที่จะแก้ปัญหาให้กับกระผมได้ กระผมจะทำอย่างไร ปัจจุบัน บุตรผู้เยาว์ มีอายุได้ 4 ปี 9 เดือน ผมต้องทนจนกว่าผมต้องไปติดคุก หรือ ลูก ต้องจากผมไป ต้องให้เกิดเหตุร้ายก่อนใช้ไม่ครับ  ถึงจะยุติเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างนั้น ใช่ไม่ครับท่านฯ

จากพ่อที่ไม่อยากต้องมาทุกข์ใจว่าวันนี้ทำไม่เราถึงปกป้องลูกไม่ได้และไม่อยากเป็นคนแก่ที่ต้องนึกเสียใจเรื่องในอดีต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่